ย้อนกลับไปประมาณ3ปีเศษ
ในเวลานั้นเราเป็นคนที่เรียนเก่งอันดับต้นของโรงเรียนเป็นใที่รักใครของครูบาอาจารย์และเพื่อนฝูง
มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาขายขนมจีบ แต่เราไม่สนใจจ้าเพราะเรียนหนักมาก
แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกล่อน ในที่สุด ก็มีผู้ชายคนหนึ่งทลายกำแพงที่เราสร้างไว้ลงได้
เขานิสัยดี..ดีมาก การที่ได้คบกับเขาทำให้เรามีความสุขมาก แต่เพื่อนกลับบอกว่าเราสนใจเขาคนนี้มากไป
ประกอบกับทางพ่อแม่ไม่เห็นด้วย พ่อสั่งเด็ดขาดว่าให้เลิกติดต่อกับผู้ชายคนนี้
เราเลยตัดสินใจโทรไปบอกเลิกเขาและเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย...
เรากลับมาใช้ชีวิตปกติเรียนๆๆๆๆแต่ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
อาการเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นกับเรา
เราเริ่มนอนไม่หลับในเวลากลางคืนทั้งที่ อ่านหนังสือดึกถึงตี2
เบื่ออาหาร น้ำหนักลดฮวบๆจากเดิมที่หนัก49เหลือ44 แอบดีใจหุ่นดีอ่ะ ปลื้ม55
แต่อาการนี้สิ ย้ำคิดย้ำทำ ตัดสินใจไม่ได้ในเรื่องง่ายๆ คิดโจทย์ยากๆไม่ค่อยได้ ทั้งๆที่ปกติทำได้ภายในไม่กี่วิ
มนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนเริ่มแย่ลง เพราะเรากลายเป็นคนเงียบเก็บกดต่างจากที่เคยสดใสร่าเริง
ในก็เหมือนเราสลบไปจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากนี้เป็นคำบอกเล่าจากคนในครอบครัวผู้ใกล้ชิด
หลังจากที่เกิดอาการชักเกร็งมือและเท้า พ่อแม่นำตัวส่งรพ ชื่อดังใกล้บ้าน หมอตรวจอาการ
และบอกพ่อแม่ว่าคนไข้เกิดอาการช็อคอาจจะเนื่องมาจากการเครียดสะสมในระยะเวลานาน
และทำเรื่องส่งตัวไปยังรพ. ส่งเสริมสุขภาพจิต เราสลบไป2วันพร้อมตื่นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้
อาละวาด หวาดระแวง กลัวเสียงดัง
พ่อแม่และคนในครอบครัวเริ่มร้องไห้ อาจารย์หมอผู้ดูแลเคสต์ บอกพ่อว่าเราป่วยเป็นโรคเคลียดซึมเศร้า
และอยากให้เราแิดมิดรักษาตัวอยู่ในรพ. แต่พ่อขอนำตัวเรากลับมารักษาที่บ้าน
ในช่วง3เดือนแรกอาการของเราดีขึ้นจนสามารถจำทุกคนในบ้านได้ครบ แน่นอนในตอนนี้ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
แต่ทางคณะอาจารย์ก็ให้โอกาสให้เวลาเรียนพร้อมมีชีสมาให้ทำที่บ้านทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
และเมื่อกลับมาเรียนทุกอย่างเหมือนเดิมแต่เพื่อนเปลี่ยนไป ทุกคนดูไม่อยากเข้าใกล้เรา
เราแอบไปได้ยินกับหูว่า ...มันกินยารพ. นี้นะและที่หายไปเพราะมันอาละวาดเสียสติ อย่าไปยุ่งกับมันนะ มันบ้า
และนั่นก็ทำให้รู้ว่าเพื่อนแอนตี้เรา เราก็ไปเรียนตามปกติวันไหนไม่สบายก็หยุด แต่ก็จบมาได้ด้วยความเมตตาจากคณะอาจารย์
ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว
อาการเราหายเป็นปกติ แต่ยังคงต้องไปพบอาจารย์หมอและรับยาที่รพนี้เป็นประจำ
แต่ก็ยังจำเรื่องราวช่วงที่ป่วยหนักไม่ได้เลย
สุดท้ายนี้ อย่าตีตราว่าคนป่วยโรคซึมเศร้าเป็นบ้าเลยนะคะ ให้กำลังใจพวกเขาเถอะค่ะ
ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้เป็นบ้านะคะ มันเป็นเพียงอาการเครียดสะสมจนเกิดเป็นความซึมเศร้า
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านมาจนจบนะคะ🙏🙏🙏
นี่คือบทความแรกหากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
โรคซึมเศร้าปัญหาในชีวิตวัยรุ่น
ในเวลานั้นเราเป็นคนที่เรียนเก่งอันดับต้นของโรงเรียนเป็นใที่รักใครของครูบาอาจารย์และเพื่อนฝูง
มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาขายขนมจีบ แต่เราไม่สนใจจ้าเพราะเรียนหนักมาก
แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกล่อน ในที่สุด ก็มีผู้ชายคนหนึ่งทลายกำแพงที่เราสร้างไว้ลงได้
เขานิสัยดี..ดีมาก การที่ได้คบกับเขาทำให้เรามีความสุขมาก แต่เพื่อนกลับบอกว่าเราสนใจเขาคนนี้มากไป
ประกอบกับทางพ่อแม่ไม่เห็นด้วย พ่อสั่งเด็ดขาดว่าให้เลิกติดต่อกับผู้ชายคนนี้
เราเลยตัดสินใจโทรไปบอกเลิกเขาและเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย...
เรากลับมาใช้ชีวิตปกติเรียนๆๆๆๆแต่ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
อาการเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นกับเรา
เราเริ่มนอนไม่หลับในเวลากลางคืนทั้งที่ อ่านหนังสือดึกถึงตี2
เบื่ออาหาร น้ำหนักลดฮวบๆจากเดิมที่หนัก49เหลือ44 แอบดีใจหุ่นดีอ่ะ ปลื้ม55
แต่อาการนี้สิ ย้ำคิดย้ำทำ ตัดสินใจไม่ได้ในเรื่องง่ายๆ คิดโจทย์ยากๆไม่ค่อยได้ ทั้งๆที่ปกติทำได้ภายในไม่กี่วิ
มนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนเริ่มแย่ลง เพราะเรากลายเป็นคนเงียบเก็บกดต่างจากที่เคยสดใสร่าเริง
ในก็เหมือนเราสลบไปจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากนี้เป็นคำบอกเล่าจากคนในครอบครัวผู้ใกล้ชิด
หลังจากที่เกิดอาการชักเกร็งมือและเท้า พ่อแม่นำตัวส่งรพ ชื่อดังใกล้บ้าน หมอตรวจอาการ
และบอกพ่อแม่ว่าคนไข้เกิดอาการช็อคอาจจะเนื่องมาจากการเครียดสะสมในระยะเวลานาน
และทำเรื่องส่งตัวไปยังรพ. ส่งเสริมสุขภาพจิต เราสลบไป2วันพร้อมตื่นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้
อาละวาด หวาดระแวง กลัวเสียงดัง
พ่อแม่และคนในครอบครัวเริ่มร้องไห้ อาจารย์หมอผู้ดูแลเคสต์ บอกพ่อว่าเราป่วยเป็นโรคเคลียดซึมเศร้า
และอยากให้เราแิดมิดรักษาตัวอยู่ในรพ. แต่พ่อขอนำตัวเรากลับมารักษาที่บ้าน
ในช่วง3เดือนแรกอาการของเราดีขึ้นจนสามารถจำทุกคนในบ้านได้ครบ แน่นอนในตอนนี้ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
แต่ทางคณะอาจารย์ก็ให้โอกาสให้เวลาเรียนพร้อมมีชีสมาให้ทำที่บ้านทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
และเมื่อกลับมาเรียนทุกอย่างเหมือนเดิมแต่เพื่อนเปลี่ยนไป ทุกคนดูไม่อยากเข้าใกล้เรา
เราแอบไปได้ยินกับหูว่า ...มันกินยารพ. นี้นะและที่หายไปเพราะมันอาละวาดเสียสติ อย่าไปยุ่งกับมันนะ มันบ้า
และนั่นก็ทำให้รู้ว่าเพื่อนแอนตี้เรา เราก็ไปเรียนตามปกติวันไหนไม่สบายก็หยุด แต่ก็จบมาได้ด้วยความเมตตาจากคณะอาจารย์
ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว
อาการเราหายเป็นปกติ แต่ยังคงต้องไปพบอาจารย์หมอและรับยาที่รพนี้เป็นประจำ
แต่ก็ยังจำเรื่องราวช่วงที่ป่วยหนักไม่ได้เลย
สุดท้ายนี้ อย่าตีตราว่าคนป่วยโรคซึมเศร้าเป็นบ้าเลยนะคะ ให้กำลังใจพวกเขาเถอะค่ะ
ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้เป็นบ้านะคะ มันเป็นเพียงอาการเครียดสะสมจนเกิดเป็นความซึมเศร้า
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านมาจนจบนะคะ🙏🙏🙏
นี่คือบทความแรกหากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ