วิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน (2548-2557) ตอนที่ 4 ผู้ริเริ่มใช้ความรุนแรง และการถอดหน้ากากเสือ

กระทู้สนทนา
ทีแรกตอนที่  4  ว่าจะนำเรื่องศาลมานำเสนอ  แต่ขอลำดับไปตามเหตุการณ์ความขัดแย้งจะดีกว่า  ครับให้เห็นถึงผู้ที่นำความรุนแรงมาใช้ในความขัดแย้งในรอบนี้  คือใครกันแน่ที่เป็นผู้ริเริ่มก่อให้มี  และเปิดเปิดหน้ากากคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง  ผมคงบอกตรงๆ  ไม่ได้อ่านเองนะครับ

เหตุการณ์ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เพื่อกดดันไม่ให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยอ้างว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ[1]จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในวันที่ 7 ตุลาคม
ในวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่ผู้ชุมนุมจากจังหวัดต่าง ๆ ได้ทยอยสู่ที่ชุมนุมแล้ว เวลาประมาณ 20.30 น. แกนนำพันธมิตรทั้งรุ่นแรกและรุ่นที่สองได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน และประกาศขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อทำการปิดล้อมไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายได้ในวันรุ่งขึ้น (7 ตุลาคม) โดยในส่วนหน้ารัฐสภานี้อยู่ภายใต้การดูแลของแกนนำพันธมิตรรุ่นสอง
เวลาประมาณ 06.20 น. ของเช้าวันอังคารที่ 7 ตุลาคม ตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาร่วม 100 กว่านัดเข้าใส่ผู้ชุมนุม เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเข้าไปประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา[2] โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากตั้งแต่แต่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงขั้นขาขาด พันธมิตรฯ ได้เข้าทำการตัดน้ำตัดไฟในอาคารรัฐสภา ทางรัฐสภาจึงต้องใช้ไฟฟ้าสำรอง ต่อมาในเวลาประมาณ 09.30 น. การแถลงนโยบายร่วมได้เริ่มขึ้น แต่ ส.ส. และ ส.ว. หลายคนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาได้ให้นับองค์ประชุมปรากฏว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงได้ให้พักการประชุม และเมื่อเปิดประชุมใหม่ปรากฏว่ามีเพียง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น รวมจำนวน 320 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านได้คว่ำบาตรการแถลงนโยบายครั้งนี้
เมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายเสร็จเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ก็ไม่สามารถจะเดินทางออกมาได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นประตูทางออกแทบทุกทาง จึงต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจแทน พร้อมด้วยนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อหารือกับผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ถึงสถานการณ์[3]
ต่อมาเวลา 16.00 น. เกิดเหตุการณ์รถจิ๊ปเชโรกีระเบิดที่หน้าที่ทำการพรรคชาติไทย มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.บุรีรัมย์ เป็น นรต.46 อดีตตำรวจ สวป.บุรีรัมย์ เป็นน้องเขยของนายการุณ ใสงาม ผู้ประสานงานพันธมิตร
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ยังคงติดอยู่ภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวออก โดยให้ผู้จะออกแสดงบัตร และอนุญาตให้ออกเฉพาะที่ไม่ใช่ ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น เช่น พนักงานสภาและสื่อมวลชน ต่อมาตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตายิงอีกหลายนัด เพื่อเปิดทางให้ส.ส.และส.ว.ออกไปได้ และระดมยิงแก๊สน้ำตาต่อเนื่องไปจนถึงหัวค่ำ ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลและลานพระบรมรูปทรงม้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจนถึงขาขาดเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย และมีผู้หญิงสาวเสียชีวิตด้วย รวมยอดผู้บาดเจ็บทุกฝ่ายทั้งสิ้นในขณะนั้น 381 ราย เสียชีวิต 2 ราย และตำรวจได้รับบาดเจ็บ 11 นาย[4]
หลังจากนั้นไม่นาน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สังคมหลายภาคส่วนได้ประณามการกระทำของตำรวจครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์การปะทะกัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระราชทานหน่วยพยาบาลเพื่อให้ทำการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนสามแสนบาทแก่โรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อเป็นการค่าใช้จ่ายในการรักษา[5]
o    
ลำดับเหตุการณ์ตามวันและวันเวลา
วันที่ 6 ตุลาคม
พันธมิตรกำลังฝ่าวงล้อมของตำรวจที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อมุ่งไปยังหน้าอาคารรัฐสภา
•    18.20 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มประกาศเชิญชวนประชาชนในทำเนียบรัฐบาลขยายพื้นที่ชุมนุม ไปหน้ารัฐสภา ขณะนั้นผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบประมาณ 44,000 คน
•    19.00 น. กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจำนวน 2 กองร้อย เตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้ารัฐสภา รวมกับกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลที่มีอยู่โดยรอบทำเนียบ รวมทั้งสิ้น 7 กองร้อย จำนวน 1,050 นาย
•    19.30 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. (มก.), รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. (มก.1), ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล, รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล/รอง ผบ.เหตุการณ์ ประชุมติดตามสถานการณ์กรณีดังกล่าว ณ ศปก.น.
•    19.45 น. ผู้ชุมนุมตั้งขบวนบริเวณลานพระราชวังดุสิต ประมาณ 4,000 คน โดยมีนายศิริชัย ไม้งาม นายสำราญ รอดเพชร นายสาวิทย์ แก้วหวาน เป็นแกนนำ รถเครื่องเสียง 8 คัน
•    19.55 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 4,000 คน เดินทางถึงหน้ารัฐสภา ปิดล้อมทั้งด้านถนนอู่ทองใน และถนนราชวิถี
•    22.30 น. ผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 6,000 คน ส่วนหน้ารัฐสภา 3,500 คน กำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลที่ปฏิบัติอยู่ ณ ขณะนี้มีรวม 12 กองร้อย จำนวน 1,800 นาย ฝ่ายสืบสวนปะปนกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งที่ทำเนียบและรัฐสภา เกาะติดด้านการข่าว บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
วันที่ 7 ตุลาคม   ตำรวจกำลังยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม
•    00.30 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (มก.) สั่ง ตำรวจภูธรภาค 1 , 2 , 7 และ ตำรวจตระเวนชายแดน จัดกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเพิ่มอีกหน่วยละ 3 กองร้อย รวม 12 กองร้อย ปฏิบัติภารกิจวันที่ 7 ตุลาคม เวลา 03.00 น. เป็นต้นไป
•    01.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะไม่ให้มีการประชุมรัฐสภา ผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบ 4,500 คน, รัฐสภา 1,700 คน
•    01.40 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนพร พร้อมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. (มก) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. (มก.2) ประชุมติดตามสถานการณ์ ณ ศปก.น.
•    02.20 น. ผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบ 4,500 คน , รัฐสภา 2,500 คน
•    02.53 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เข้าพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาลยืนยัน "นักรบพระเจ้าตาก" พร้อมเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน จัดกำลัง 100 นาย ตั้งแถวท้องสนามหลวง โดยระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
•    04.30 น. พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล /รอง ผบ.เหตุการณ์ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมซักซ้อมการปฏิบัติร่วมกับ รอง ผบก./ผบ.ร้อย ผู้ควบคุมกำลัง
•    05.50 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังคงถกเครียดประเมินสถานการณ์พันธมิตรปิดรัฐสภา หลังพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางมาหารือด่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะตำรวจตระเวนชายแดนเริ่มตั้งแถวเตรียมพร้อมรับคำสั่งทันที

ตำรวจกำลังขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม
•    06.15 น. กำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 12 กองร้อย เข้าปฏิบัติการตามแผน โดยนำกำลังเข้าทางด้านถนนราชวิถี แยกการเรือน, ถนนพิชัย แยกขัตติยานี เพื่อนำกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยภายในรัฐสภา
•    08.25 น. นาย สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องให้แรงงานรัฐวิสาหกิจหยุดงานในวันนี้ เพื่อออกมาร่วมชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภาให้มากที่สุด เพราะวันนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริง ๆ แล้ว ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุมรวมตัวกันเดินทางไปยังแยกพิชัยให้มากที่สุด เพื่อปิดกั้นเส้นทางของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเข้าบริเวณประตูปราสาทเทวฤทธิ์ ด้านข้างรัฐสภา ถนนราชวิถี
•    08.30 น. เกิดเหตุไฟดับภายในอาคารรัฐสภา โดยมีกระแสข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ตัดสายไฟบริเวณด้านนอกรัฐสภา ทำให้บริเวณภายในรัฐสภาไฟดับบางส่วน อย่างไรก็ตาม ภายในอาคารรัฐสภาได้ใช้ไฟสำรองจากเครื่องปั่นไฟแทน ซึ่งไฟฟ้าสำรองดังกล่าวจะสามารถใช้ได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
•    09.00 น. ที่โรงแรมใกล้ ๆ รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา กล่าวว่า ได้พยายามติดต่อประธานวุฒิสภาว่ามีวิกฤตขอให้ทบทวนการประชุมและเลื่อนไปอีก 1-2 วัน ดีกว่าพยายามอ้างทำหน้าที่แล้วขู่สลายการชุมนุม
•    09.27 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกจากบ้านพัก คาดว่าจะเดินทางมาที่รัฐสภา

ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดี
•    09.43 น. วชิระ แถลงแก๊สน้ำตา ทำขาขาดไม่ได้ ยันเหยื่อโดนระเบิด - สภาเลื่อนประชุมไปอีก 1 ชั่วโมง
•    09.47 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาถึงสภาแต่ไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น มีแต่ยิ้มอย่างเดียว
•    10.10 น. มติพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ร่วมประชุมสภา ซึ่งเปิดเผยว่ารับไม่ได้ที่รัฐบาลใช้ตำรวจสลายผู้ชุมนุม - ระงับถก 4 ฝ่าย
•    10.40 น. การประชุมรัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้ให้สมาชิกรัฐบาลกดบัตรแสดงตน เพื่อนับองค์ประชุมก่อนที่จะแถลงนโยบายรัฐบาล ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมจำนวน 320 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุมแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อให้มีการลงคะแนนเพื่อดำเนินการแถลงนโยบายของรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาจำนวน 307 คนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย 2 คน และไม่ลงคะแนน 5 คน
•    10.54 น. กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมหนีกระเจิง อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ได้ล้อมสภาทุกจุดแล้ว
•    10.58 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้ประกาศนับองค์ประชุมอีกครั้ง พบว่ามีสมาชิกรัฐสภาร่วมประชุมจำนวน 320 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุมแล้ว จากนั้นได้มีการลงคะแนนให้เริ่มการแถลงนโยบายของรัฐ ปรากฏว่า มีสมาชิกรัฐสภาเห็นด้วยจำนวน 320 คน จึงสามารถเปิดประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลได้ ขณะนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เริ่มแถลงนโนบายรัฐบาล
•    11.00 น. ตำรวจได้เสริมกำลังควบคุมสถานการณ์บริเวณรอบนอกรัฐสภา โดยเฉพาะถนนพิชัย ที่เป็นทางเดียวที่เปิดให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรีเข้าไปแถลงนโยบายในรัฐสภา แต่ทางด้านพันธมิตรฯ ฮึดสู้โดนแก๊สน้ำตาเพิ่มอีก 2 จึงเรียกร้องแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ให้มาช่วยตรวจสอบอาวุธที่ใช้ในการสลายการชุมนุม
•    11.25 น. ผู้บัญชาการทหารบก เรียกประชุม 5 เสือ ทบ. ติดตามและประเมินสถานการณ์ความวุ่นวาย ขณะ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์
•    11.59 น. พันธมิตรฯ กลับมายึดพื้นที่ถนนอู่ทองในตัดกับถนนราชวิถีได้แล้ว หลังถูกสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อเช้าวันที่ 7 ตุลาคมโดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ผลักดันกำลังตำรวจได้สำเร็จ เนื่องจากกำลังตำรวจเพียง 2 พันนายไม่สามารถต้านการบุกของกำลังพันธมิตรได้
•    12.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ระดมปาขวดน้ำบรรจุน้ำปัสสาวะเต็มขวดข้ามเข้ามาในรั้วสภา และอีกส่วนหนึ่งกำลังช่วยกันพลิกรถกรงขังของตำรวจจนคว่ำลงไป
•    12.05 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เข้าปิดล้อมอาคารรัฐสภาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกสลายการชุมนุมเมื่อเช้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูฝั่ง ถ.ราชวิถี จากนั้นพันธมิตรได้ใช้แผงเหล็กกั้นแล้วนำโซ่มาล่ามประตูและล็อกกุญแจหลาย ชั้นเพื่อไม่ให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ภายในอาคารออกมาได้
•    12.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวโจมตีนายกรัฐมนตรีว่าเป็นคนที่ไร้เกียรติ ไม่จริงใจ ไม่ทำตามที่ตกลงไว้ สภาทนายความออกแถลงการณ์ให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่