แค่ตัวอย่าง..เล็กน้อย !
7 กย.52 ปปช.ตัดสิน
ส่วน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้น กรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 8 ต่อ 1 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79 (3) (5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
28 ก.พ. 57 ศาลปกครองกลางตัดสิน
ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 99/2554 ลงวันที่ 28 ก.พ. 2557 ให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับแจ้งมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในการประชุมครั้งที่ 17/2552 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2552 และครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2553 ที่ให้สั่งยกโทษปลดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกจากราชการตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 228/2552 ลงวันที่ 19 ต.ค. 2552 ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คําพิพากษาถึงที่สุด
คดีนี้ สืบเนื่องจากพันธมิตรรวมพลกันไปล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หวังไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาภายในกำหนด 15 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ในที่สุด จึงได้มีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นด้วยแก๊สน้ำตา ปรากฏว่ามีวีรสตรีนางหนึ่งของพันธมิตรเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ระบุว่า ..เสียชีวิตเพราะแก๊สน้ำตา !
เมื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ส่งเรื่องให้ ปปช.ชี้มูล ปปช.ก็ตอบสนองมาอย่างรวดเร็วให้ลงโทษปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หลายคนสงสัยว่าอาจมีรับลูกจากพรรคการเมืองพรรคหนึ่งซึ่งมีวาระซ่อนเร้น ที่ต้องการจะกำจัดพล.ต.อ.พัชรวาท ออกไป เพื่อจะได้แต่งตั้งคนของตนเองขึ้นมา จึงใช้กระแสในช่วงนั้นหาเรื่องปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ออกไปให้พ้นทาง..ว่ากันอย่างนั้น
ในตอนนั้น จำได้ว่าได้เกิดเรื่องตลกระดับประเทศ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผบ.ตร ไปตรวจราชการภาคใต้ แต่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น(จำชื่อไม่ได้) กลับแต่งตั้ง พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ ขึ้นมารักษาราชการแทน ผบ.ตร. ประเทศไทยจึงมี ผบ.ตร.ถึง 2 คน ทำให้สงสัยว่าภาคใต้คงไม่ใช่ประเทศไทยซินะ ..ขำกันใหญ่ !
เรื่องนี้เดือดร้อนถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้นำเรื่องมาพิจารณา แล้วสรุปว่า พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ผิด จึงมีหนังสือไปถึงนายกฯในสมัยนั้น ให้คืนตำแหน่ง ผบ.ตร.มาให้พล.ต.อ.พัชรวาท เสียโดยดี แต่ท่านนายกฯในสมัยนั้น ก็เงียบ..ทำไม่สน !
พล.ต.อ.พัชรวาท ได้นำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง แสดงหลักฐานต่างๆ โดยที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงหลักฐานต่อ ปปช.แล้วว่าตนเองไม่ได้เป็นคนสั่งการ แต่ ปปช.ก็ออกแนวว่า “ถึงไม่ใช่เป็นคนสั่งการ แต่ก็ไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหายขึ้น” ..จะเอาผิดให้ได้
แต่ศาลปกครองไม่เห็นด้วยกับ ปปช. เพราะสิ่งที่ ปปช.ชี้มูล ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของคดี จึงสั่งให้นายกฯในสมัยนี้(น.ส.ยิ่งลักษณ์) คืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท จนผ่านมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจคืนตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..ยกเลิกการปลด
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จึงน่าสงสัยกับองค์กร ปปช. มีบรรทัดฐานอย่างไร หรือไม่ ? “ตรงไปตรงมา”หรือไม่ หรือทำเพื่อใคร เพื่อพรรคการเมืองใด เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมกระทำของ ปปช.เป็นที่เคลือบแคลงของสังคมมาตลอด ว่าอาจเป็นองค์กรเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง คอยทำร้ายฝ่ายตรงข้าม แม้ในปัจจุบันก็เห็นได้ชัดว่าอุดมการณ์ของ ปปช. ก็ยังคงเหมือนตอบสนองพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงข้างเดียว ..ไม่เคยเปลี่ยนแปลง !!!
...มาตรฐานของเธออยู่หนใด ปปช. ?...
7 กย.52 ปปช.ตัดสิน
ส่วน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้น กรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 8 ต่อ 1 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79 (3) (5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
28 ก.พ. 57 ศาลปกครองกลางตัดสิน
ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 99/2554 ลงวันที่ 28 ก.พ. 2557 ให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับแจ้งมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในการประชุมครั้งที่ 17/2552 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2552 และครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2553 ที่ให้สั่งยกโทษปลดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกจากราชการตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 228/2552 ลงวันที่ 19 ต.ค. 2552 ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คําพิพากษาถึงที่สุด
คดีนี้ สืบเนื่องจากพันธมิตรรวมพลกันไปล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หวังไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาภายในกำหนด 15 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ในที่สุด จึงได้มีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นด้วยแก๊สน้ำตา ปรากฏว่ามีวีรสตรีนางหนึ่งของพันธมิตรเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ระบุว่า ..เสียชีวิตเพราะแก๊สน้ำตา !
เมื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ส่งเรื่องให้ ปปช.ชี้มูล ปปช.ก็ตอบสนองมาอย่างรวดเร็วให้ลงโทษปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หลายคนสงสัยว่าอาจมีรับลูกจากพรรคการเมืองพรรคหนึ่งซึ่งมีวาระซ่อนเร้น ที่ต้องการจะกำจัดพล.ต.อ.พัชรวาท ออกไป เพื่อจะได้แต่งตั้งคนของตนเองขึ้นมา จึงใช้กระแสในช่วงนั้นหาเรื่องปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ออกไปให้พ้นทาง..ว่ากันอย่างนั้น
ในตอนนั้น จำได้ว่าได้เกิดเรื่องตลกระดับประเทศ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผบ.ตร ไปตรวจราชการภาคใต้ แต่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น(จำชื่อไม่ได้) กลับแต่งตั้ง พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ ขึ้นมารักษาราชการแทน ผบ.ตร. ประเทศไทยจึงมี ผบ.ตร.ถึง 2 คน ทำให้สงสัยว่าภาคใต้คงไม่ใช่ประเทศไทยซินะ ..ขำกันใหญ่ !
เรื่องนี้เดือดร้อนถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้นำเรื่องมาพิจารณา แล้วสรุปว่า พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ผิด จึงมีหนังสือไปถึงนายกฯในสมัยนั้น ให้คืนตำแหน่ง ผบ.ตร.มาให้พล.ต.อ.พัชรวาท เสียโดยดี แต่ท่านนายกฯในสมัยนั้น ก็เงียบ..ทำไม่สน !
พล.ต.อ.พัชรวาท ได้นำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง แสดงหลักฐานต่างๆ โดยที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงหลักฐานต่อ ปปช.แล้วว่าตนเองไม่ได้เป็นคนสั่งการ แต่ ปปช.ก็ออกแนวว่า “ถึงไม่ใช่เป็นคนสั่งการ แต่ก็ไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหายขึ้น” ..จะเอาผิดให้ได้
แต่ศาลปกครองไม่เห็นด้วยกับ ปปช. เพราะสิ่งที่ ปปช.ชี้มูล ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของคดี จึงสั่งให้นายกฯในสมัยนี้(น.ส.ยิ่งลักษณ์) คืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท จนผ่านมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจคืนตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..ยกเลิกการปลด
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จึงน่าสงสัยกับองค์กร ปปช. มีบรรทัดฐานอย่างไร หรือไม่ ? “ตรงไปตรงมา”หรือไม่ หรือทำเพื่อใคร เพื่อพรรคการเมืองใด เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมกระทำของ ปปช.เป็นที่เคลือบแคลงของสังคมมาตลอด ว่าอาจเป็นองค์กรเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง คอยทำร้ายฝ่ายตรงข้าม แม้ในปัจจุบันก็เห็นได้ชัดว่าอุดมการณ์ของ ปปช. ก็ยังคงเหมือนตอบสนองพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงข้างเดียว ..ไม่เคยเปลี่ยนแปลง !!!