ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 12 เปลือกอสรพิษ

กระทู้สนทนา
บทที่ 11 ความน่ากลัวของเวทศัสตรา
http://pantip.com/topic/31467843

บทที่ 12 เปลือกอสรพิษ

ระหว่างที่อาเซอร์บัสกำลังตำหนิราเชนอยู่นั้น บนสนามประลองเบอร์ทิน่ายืนประจันกับคู่ต่อสู้นามนากินีด้วยความรู้สึกพรั่นพรึง แม้กำลังใจจากราเชนและเกรย์รวมทั้งคำปลอบจากอาเซอร์บัสจะช่วยทำให้ฮึกเหิมขึ้นมาบ้าง แต่พอมาอยู่กลางสนาม ต่อหน้าจอมเวทที่นางต้องสู้ หัวใจของเด็กสาวเริ่มบังเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา ไม่ใช่กลัวความพ่ายแพ้ แต่เพราะรูปร่างหน้าตาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างหาก

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เบอร์ทิน่าเห็นจอมเวทเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีรูปร่างหน้าตาแบบคนปรกติทั่วไป จะแตกต่างก็ตรงเสื้อผ้าเครื่องมือเครื่องใช้ มีบางคนเท่านั้นที่ดูน่ากลัว แต่ก็มาจากลักษณะหน้าตา ไม่ว่าจะเป็นขนาดร่างกายใหญ่โตราวยักษ์ปักหลั่น หรือผอมแห้งแก้มตอบตาลึกโหลเหมือนภูตผี แต่ความน่าสะพรึงกลัวที่ผ่านมาทั้งหมดกลายเป็นแค่นิทานหลอกเด็กเมื่อเทียบกับจอมเวทหญิงที่ชื่อนากินี

รูปกายของนางสะโอดสะองงดงาม แต่ผิวพรรณทั่วร่างกลับเป็นสีฟ้าอมเขียว นางสวมชุดรัดรูปปักเลื่อมเหมือนเกล็ดงูสีเดียวกัน ทำให้แยกไม่ออกว่า ส่วนไหนคือผิวหนัง และส่วนไหนเป็นเสื้อผ้า สิ่งที่สร้างความน่าสะพรึงกลัว คือดวงหน้าของนาง มันปราศจากโหนกแก้ม คิ้ว คาง อย่างมนุษย์ทั่วไป หน้าผากลาดลงมาจนถึงจมูก ส่วนปากยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย เส้นผมสีเขียวหม่นยุ่งกระเซิงปรกหน้า ซึ่งพอดูให้ดีแล้วเบอร์ทิน่าถึงกับเย็นวาบไปจนถึงปลายเท้า เพราะนากินีไม่มีใบหู   

แต่โดยรวมทั้งหมด สิ่งชวนหวาดผวามากที่สุดคือดวงตากลมโตสีเหลืองซีด ที่แม้จะฝังลึกอยู่ในเบ้าก็ยังเห็นได้อย่างแจ่มชัดว่า มันเป็นดวงตาของอสรพิษ

เมื่อหวนนึกถึงคำเตือนของอาเซอร์บัส เบอร์ทิน่าจึงรีบร่ายคำอัญเชิญเรียกโล่ขึ้นมากำบัง แต่นากินีกลับแสยะยิ้มพร้อมกับตวัดกรงเล็บคมกริบมาข้างหน้าสร้างของเหลวสีเหลืองใสเข้าโจมตี พอกระทบกับเวทป้องกัน โล่ทั้งหมดก็แตกสลาย ทันทีที่มันหายวับไป จอมเวทสรพิษก็สร้างเวทวงแหวน เรียกของเหลวสีขาวขุ่นขึ้นมาจากพื้นซัดเข้าใส่เจ้าหญิงแห่งไมธีร่า นางเบิกตากว้างและรีบร่ายคำอัญเชิญแต่ช้าเกินไปเพราะพิษเหล่านั้นพุ่งถึงตัวแล้ว

เบอร์ทิน่าร้องลั่นด้วยความตระหนกยกมือขึ้นป้องหน้าและคิดว่าคราวนี้คงตายแน่ แต่แทนที่จะได้รับพิษ ความร้อนหรืออะไรทำนองนั้น นางกลับได้ยินแค่เสียง ฉ่า ดังรอบตัว พอลดแขนลงมองจึงเห็นว่าพิษที่นากินีส่งมากระทบถูกอะไรบางอย่าง แม้จะถูกกัดกร่อนไปบ้าง แต่ยังไม่ทะลุปล่อยให้ของเหลวเหล่านั้นเข้าไปถึงตัวนาง

“แคปปริโคนัส” เกรย์พูดพลางเหลือบตาไปทางอาเซอร์บัส “แม่แมวน้อยของเจ้าเก่งไม่ใช่เล่นที่อัญเชิญเกราะนี้ออกมาได้”

น้ำเสียงเหมือนรู้ว่าเป็นความช่วยเหลือของจอมเวทหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้ว

“แปลก” เขาพูดสั้นๆและยืนนิ่ง หนุ่มมังกรผงกศีรษะเชิงเห็นด้วย

“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

คำสนทนาของคนทั้งสองทำให้ราเชนซึ่งยืนฟังข้างๆอดถามไม่ได้

“มีอะไรงั้นเหรอ”

เกรย์นิ่วหน้าอย่างใช้ความคิดพลางหันกลับไปทางสนามประลองและนั่งนิ่งในท่านั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงยักไหล่

“ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าอย่าสนใจเลย”

    พูดแค่นั้นก็นั่งนิ่งเหมือนไม่อยากสาธยายอะไรต่อ ราเชนมองจอมเวททั้งสองอย่างนึกขัดใจก่อนเพ่งความสนใจกลับไปที่การประลอง ในตอนนี้เบอร์ทิน่าเริ่มร่ายคำอัญเชิญพลังดวงดาวของกลุ่มนายพราน เงาเลือนลางของชายฉกรรจ์ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร้อมธนูในมือ นางชี้นิ้วตรงไปยังนากินีพร้อมกับลั่นคำ

    “โอไรอ้อน แฟลช”

    ลูกไฟจำนวนมากวิ่งจากคันธนูพุ่งเข้าโจมตีนากินีราวฝูงผึ้งแตกรัง สร้างประกายแสงสว่างจ้าบาดตาจนคนรอบสนามต้องยกมือขึ้นป้อง เด็กสาวระดมยิงธนูเวทจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดทางสู้แล้วจึงคลายคำอัญเชิญ เมื่อแสงสุดท้ายดับวูบลง ทุกคนรวมถึงเบอร์ทิน่าจึงพบว่าในตำแหน่งที่นากินียืนเมื่อครู่ เหลือเพียงกองเถ้าถ่านสีดำ ผู้ชมรอบสนามต่างปรบมือแสดงความยินดี ราเชนถึงกับกระโดดจนตัวลอยพร้อมกับตะโกน

    “สุดยอดเลยลิงคซ !”

    เบอร์ทิน่าไม่ได้สนใจคำชมหรือเสียงปรบมือเลยสักนิด นางรีบร่ายคำอัญเชิญเรียกเกราะแคปปริโคนัสออกมาอีกครั้งพร้อมกวาดตามองรอบตัวอย่างระมัดระวัง เพราะแน่ใจว่านากินีไม่ได้พ่ายแพ้อย่างที่ทุกคนคิด สีหน้าท่าทางและการเดินอย่างหวาดระแวงของนางทำให้ราเชนต้ฮงนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้น นางชนะแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ยังหรอกราเชน” เกรย์ตอบพร้อมกับขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง การกระทำของเขายิ่งทำให้เด็กหนุ่มเพิ่มความสงสัยเพราะโดยปรกติแล้วไม่ว่าการต่อสู้จะดุเดือดเลือดพล่านยังไง หนุ่มมังกรผู้นี้มักนั่งดูอย่างสบายอารมณ์เสมอ แต่ครั้งนี้เขากลับนั่งตัวตรงในลักษณะเหมือนเตรียมรับมือกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว พอมองไปทางอาเซอร์บัส ก็พบว่าเขากำลังมีท่าทางแบบเดียวกัน ต่างตรงที่เป็นท่ายืน

“ช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่ามันเรื่องอะไร”

ราเชนโพล่งถามอย่างเหลืออดที่เหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องอยู่เพียงคนเดียว อาเซอร์บัสจึงตอบอย่างเคร่งขรึม

“นากินียังอยู่”

“เป็นไปได้ยังไงในเมื่อ...”

“พลังโอไรอ้อนที่ใช้เมื่อครู่ไม่รุนแรงถึงขั้นทำลาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นากินีจะเหลือเพียงเถ้าแบบนั้น”   

จอมเวทหนุ่มสวนคำขัดตั้งแต่ยังไม่ทันจบประโยคและไม่พูดอะไรต่ออีกเลย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองลอดฮู้ดตรงไปข้างหน้าพร้อมกับกดปลายไม้เท้าให้จมลงดิน อาการเช่นนั้นทำให้ราเชนสำนึกได้ว่า เขากำลังร่ายเวทส่งพลังผ่านธรณีไปให้เบอร์ทิน่าจึงไม่กล้าซักถามอะไรต่อ พอหันไปทางเกรย์ก็พบว่าเขาอยู่ในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่า หนุ่มมังกรผู้นี้คิดจะทำอะไร ช่วยเบอร์ทิน่า หรือแค่นั่งดู

เสียงอุทานด้วยความตระหนกของผู้ชมทำให้ราเชนหันกลับไปในสนามและเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นนากินีทะลุพรวดขึ้นมาจากดินและสร้างธารพิษนับร้อยสายโหมเข้าใส่เบอร์ทิน่าไม่ยั้ง โชคดีที่อำนาจของเกราะแคปปริโคนัสเป็นพลังของอาเซอร์บัส จึงมีความแข็งแกร่งพอจะต้านเอาไว้ได้ ปัญหาคือ มันจะรับการโจมตีได้นานแค่ไหน เพราะพิษที่นากินีใช้ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนสามารถละลายพื้นดินโดยรอบจนเดือดเป็นไอ แถมพิษบางส่วนที่กระเซ็นไปถูกอัฒจันทร์ยังกัดกร่อนทั้งเสาและหลังคาจนบางส่วนพังทลายลงมา กลุ่มหมอกสีดำอันเกิดจากพิษเริ่มปกคลุมไปทั่วสนามประลอง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อาเซอร์บัสและเกรย์ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ทั้งสองไม่มีเวลาคิดหาสาเหตุเพราะมัวกังวลกับความปลอดภัยของเจ้าหญิงที่กำลังถูกคู่ต่อสู้รุกไล่อย่างหนัก

พลังโจมตีอันรุนแรงของนากินีสร้างความหวาดหวั่นต่อเบอร์ทิน่าเป็นอย่างมาก นางพยายามร่ายเวทอัญเชิญดวงดาวมาต่อต้านแต่กลับถูกนากินีจัดการลงอย่างง่ายดาย แม้นางจะใช้พลังของกลุ่มโอไรอ้อนอีกครั้งก็ไม่ได้ผล กระทั่งเรียกกลุ่มดาวแมวป่าตามที่อาเซอร์บัสแนะนำก็โดนพิษของนากินีกำราบตั้งแต่ยังไม่สำแดงฤทธิ์ด้วยซ้ำ เด็กสาวพยายามนึกทบทวนว่ามีกลุ่มดาวใดบ้างที่สามารถกำจัดงูได้และคิดได้ว่ามีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่กำราบมันได้อย่างราบคาบ

กลุ่มดาวแอควิล่า นักล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องฟ้า พญาอินทรี

แม้รู้วิธี แต่เบอร์ทิน่าต้องเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะนางไม่มีเหรียญดวงดาวกลุ่มนี้ ดังนั้นจึงแทบจะหมดหนทางชนะ แต่เด็กสาวก็ยังไม่ยอมแพ้และพยายามเค้นสมองคิด ในเมื่อไม่มีเหรียญดาวอินทรี ก็น่าจะใช้เหรียญที่มีลักษณะคล้ายกัน กลุ่มนกที่นางมีอยู่ในตอนนี้คือซิกนัส ปัญหาก็คือ หงส์จะสยบอสรพิษได้หรือไม่

เสียงฉ่าของพิษที่กำลังเผาไหม้เกราะแคปปริโคนัสทำให้เบอร์ทิน่าจำต้องยุติความกังวลทั้งหมด ไม่ว่าผลจะออกมาในรูปไหนนางก็จำต้องเสี่ยง คิดดังนั้นแล้วเด็กสาวจึงล้วงซองเข็มขัดหยิบเหรียญซิกนัสออกมา แต่พอเห็นดวงตราสัญลักษณ์นางต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะแทนที่มันจะเป็นหงส์ กลับเป็นนกอินทรี

    ‘นากินีเชี่ยวชาญเวทของสัตว์เลื้อยคลาน พยายามอัญเชิญดวงดาวในกลุ่มนกอินทรี’

คำของอาเซอร์บัสที่พูดพร้อมกับวางมือลงบนไหล่หวนกลับเข้ามาในความทรงจำ หรือเขาแอบมอบเหรียญนี้ให้กับนางในตอนนั้น คิดพลางกำเหรียญแอควิล่าแน่น สิ่งที่เด็กสาวกังวลเรื่องต่อไปคือ นางยังไม่เคยอัญเชิญพลังดวงดาวในกลุ่มนี้ ถ้านางร่ายเวทผิดหรือมีอำนาจจิตไม่แกร่งพอละ

เสียงตูมกับแรงสะเทือนจากการโจมตีอันหนักหน่วงของนากินีทำให้เบอร์ทิน่าโยนความวิตกกังวลทั้งหมดทิ้ง ไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไป หากต้องการช่วยท่านพ่อท่านแม่ให้หลุดพ้นจากคำสาป นางต้องชนะ คิดดังนั้นแล้วเด็กสาวจึงประกบมือเข้ากับเหรียญและเริ่มร่ายเวทอัญเชิญ

เมื่อเห็นท่าทางของเบอร์ทิน่า อาเซอร์บัสจึงรู้ว่านางพบเหรียญที่เขามอบให้แล้ว และรู้ด้วยว่าพลังของเด็กสาวยังอ่อนเกินกว่าจะร่ายเวทอัญเชิญพญาอินทรี เขาจึงส่งพลังไปให้นาง แต่พอลงมือทั่วทั้งร่างก็เกิดอาการแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างฉับพลันเหมือนถูกอะไรบางอย่างพันธนาการตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไปจนถึงศีรษะ ตามด้วยความร้อนราวเพลิงกรด แผ่ซ่านไปทั่วสร้างความเจ็บปวดอย่างทารุณไปทั่วสารพางค์กาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การร่ายเวทของเขาต้องขาดตอน ยังผลให้เบอร์ทิน่าไม่สามารถอัญเชิญพลังของดวงดาวแห่งนกอินทรีได้ จึงถูกนากินีโหมกระหน่ำพิษเข้าใส่จนเกราะแคปปริโคนัสเริ่มสั่นคลอน

“เกิดอะไรขึ้น ทำไม” เกรย์ถามด้วยความฉงนเมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของอาเซอร์บัสหายไป พอหันไปมองจอมเวทหนุ่ม เขาจึงรู้ถึงสาเหตุต่างจากราเชนที่พอเห็นเบอร์ทิน่าตกอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ไปหันไล่เบี้ยกับอาเซอร์บัส

“มัวรออะไรอยู่” เขาโวยด้วยเสียงที่ไม่ดังนักเพราะกลัวคนอื่นรู้ว่ามีการส่งพลังช่วยเบอร์ทิน่า แต่พอเห็นจอมเวทหนุ่มยืนนิ่งตัวแข็งไม่ตอบ เขาก็ถลันเข้าไปหาพร้อมกับเรียก “อาเซอร์บัส”

เกรย์คว้าไหล่ราเชนเอาไว้ทันทีพร้อมกับร้องห้าม     

“อย่า ! ราเชน”

“ทำไม” เด็กหนุ่มหันมาถาม เกรย์พ่นลมออกจากจมูกอย่างขัดใจ

“ให้ตายเถอะ ข้าละเบื่อพวกจอมเวทอ่อนหัดจริงๆ” พูดพลางดีดประกายไฟใส่ดวงตาของราเชน อีกฝ่ายรีบใช้มือขยี้พร้อมกับร้องลั่น

“ทำบ้าอะไร...”

“หุบปาก แล้วดู” เกรย์ตัดบทพลางจับหัวเด็กหนุ่มให้หันไปที่อาเซอร์บัสอีกครั้ง คราวนี้ราเชนต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นอสรพิษดำมะเมื่อมขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากดินพันรัดรอบตัวเขา ตั้งแต่เท้าไล่ขึ้นไปจนถึงศีรษะ ลิ้นสีแดงแลบแผล่บออกมาจากปากที่อยู่ห่างจากหน้าจอมเวทหนุ่มไม่ถึงห้านิ้ว

“อะไรน่ะ” เด็กหนุ่มถามเมื่อตั้งสติได้ เกรย์เรียกไฟขึ้นมาในมือก่อนตอบ

“อสรพิษของนากินี” พูดพลางเตรียมเหวี่ยงเพลิงเข้าใส่แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว

“ช่วยเจ้าหญิง”

เกรย์ยิ้มในหน้าเพราะนั่นเป็นเสียงของอาเซอร์บัส เขาจึงเปลี่ยนไฟในมือให้มีรูปร่างเป็นมังกรและส่งเข้าไปในสนาม เผาทั้งนากินีและสายธารพิษทั้งหมด ราเชนมองสนามประลองที่แปรสภาพเป็นทะเลเพลิงด้วยความตระหนกและร้องลั่น

“เบอร์ทิน่า !” เขาหันไปคว้าคอเสื้อของหนุ่มมังกร “เจ้าทำอะไรลงไปน่ะ เกรย์”

“ใจเย็นน่า” เกรย์พูดพลางดีดนิ้วหนึ่งครั้ง เปลวเพลิงทั้งหมดจึงดับลง ทั้งนากินีและเวทอสรพิษทุกอย่างหายไปหมด เหลือแต่เบอร์ทิน่ายืนตามลำพังเพียงผู้เดียว ทั้งกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันรวมถึงผู้ชมต่างยืนตกตะลึงตาค้าง กระทั่งราเชนวิ่งเข้าไปในสนามเพื่อดูเบอร์ทิน่าด้วยความเป็นห่วง จอมเวทคนหนึ่งจึงตะโกนขึ้นมา

“พวกเจ้าเล่นโกง”

เบอร์ทิน่าผลักราเชนออกห่างตัวพร้อมกับกล่าวโต้    

“ข้าไม่ได้โกง”    

“จะบอกว่าไม่โกงได้ยังไง ก็เห็นกันอยู่ว่าเจ้าอาศัยพลังของเพื่อนจัดการคู่ต่อสู้”

จอมเวทคนเดิมกล่าว เด็กสาวจึงหันไปจ้องหน้าราเชนเขม็งและถามเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ

“เจ้ามายุ่งทำไม”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่