สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 41
ตายครับ ตาย คุณเอาเงินที่ขายที่ได้มาซื้อรถเนี่ยนะ? มันไม่เกิดประโยชน์เลยครับ คุณควรจะเก็บที่แล้วหาเงิน "สด" มาซื้อรถเองมากกว่า
ผมก็เป็นแบบคุณ แต่ผมเรียนไม่เก่ง จบ 5 ปี มีรถสองคัน คันนึงซื้อมือสองด้วย อีกคันเป็นรถแต่ง สนอง need ส่วนตัว ผมกำลังเก็บเงินซื้อ Super Car
อยู่ ผมเข้าใจนะ ไอ้เรื่องที่เพื่อน มีบ้าน มีรถ ใช้เสื้อตัวละหลายพัน น้ำหอม Channel number 5 บลาๆๆๆ
แต่ผมถามคุณหน่อยเถอะ ของพวกนี้ เค้าซื้อ "สด" หรือ "ผ่อน" เอาครับ? เค้ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่? ผมบอกให้ ผมไปเจอเพื่อนในคณะทีไร แต่ละคนมา
จัดเต็ม นาฬิกา Rolex, ปาเต๊ะฟิลลิปส์ รถ Benze CLA, BMW serie 5 บลาๆๆ แต่ผมรู้มาว่า พวกเนี้ย มีเงินในบัญชีไม่เยอะเท่าผมซักคน ผมมีเงินในบัญชี
สดๆ ถอนมาใช้เล่นๆได้สบายๆ 2 ล้าน มีบ้านหลังละ 20 ล้าน แต่ผมใส่เสื้อไม่เคยเกิน 500 กางเกงไม่เคยเกิน 1000 (จะของแท้ตลาดนัดผมไม่เกี่ยง)
ยิ่งถ้าวัดกันด้วยสมบัติ เพื่อนผมยิ่งไม่มีใครเห็นฝุ่นผม ถึงเห็นก็มีน้อยมาก ทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ผมเหลือไว้ให้ทำให้ผมสามารถซื้อรถคันละ 50 ล้านได้
10 คัน มิหนำซ้ำ ทรัพย์สมบัติที่ว่า ยังราคาขึ้นตลอดด้วย มันคือ "ที่ดิน" ครับ แต่คุณกลับขายที่ดินแล้วเอาเงินมาซื้อรถ? ผมถามหน่อย ตอนนี้ Cayman
คุณขายได้เท่าไหร่? พนันว่าราคาลงไปไม่น้อยกว่า 10% แล้ว
บ้านผมสอนว่า "ไม่ต้องสน คนอื่นมองเราอย่างไร ดูถูกเราไม๊? เพราะเรารู้อยู่แล้ว ว่าเรามีเงินหรือไม่มีเงิน คนเราจะแต่งตัวของถุก ใช้รถเล็กๆ รถเก่า แต่
ถ้าในกระเป๋ามีตังค์ เราจะทำอะไรก็ได้ ซื้ออะไรก็ได้ อยู่ยังไงก็ได้ ดีกว่าคนที่หน้าใหญ่ ใช้ของดี อยู่บ้านหรู แต่กระเป๋าว่างเปล่า ต้องมานั่งเครียดเรื่อง
หมุนเงิน"
จำไว้ครับ "มีเงินสดๆในกระเป๋า สบายใจกว่ามีหนี้ตั้งเยอะ"
ผมก็เป็นแบบคุณ แต่ผมเรียนไม่เก่ง จบ 5 ปี มีรถสองคัน คันนึงซื้อมือสองด้วย อีกคันเป็นรถแต่ง สนอง need ส่วนตัว ผมกำลังเก็บเงินซื้อ Super Car
อยู่ ผมเข้าใจนะ ไอ้เรื่องที่เพื่อน มีบ้าน มีรถ ใช้เสื้อตัวละหลายพัน น้ำหอม Channel number 5 บลาๆๆๆ
แต่ผมถามคุณหน่อยเถอะ ของพวกนี้ เค้าซื้อ "สด" หรือ "ผ่อน" เอาครับ? เค้ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่? ผมบอกให้ ผมไปเจอเพื่อนในคณะทีไร แต่ละคนมา
จัดเต็ม นาฬิกา Rolex, ปาเต๊ะฟิลลิปส์ รถ Benze CLA, BMW serie 5 บลาๆๆ แต่ผมรู้มาว่า พวกเนี้ย มีเงินในบัญชีไม่เยอะเท่าผมซักคน ผมมีเงินในบัญชี
สดๆ ถอนมาใช้เล่นๆได้สบายๆ 2 ล้าน มีบ้านหลังละ 20 ล้าน แต่ผมใส่เสื้อไม่เคยเกิน 500 กางเกงไม่เคยเกิน 1000 (จะของแท้ตลาดนัดผมไม่เกี่ยง)
ยิ่งถ้าวัดกันด้วยสมบัติ เพื่อนผมยิ่งไม่มีใครเห็นฝุ่นผม ถึงเห็นก็มีน้อยมาก ทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ผมเหลือไว้ให้ทำให้ผมสามารถซื้อรถคันละ 50 ล้านได้
10 คัน มิหนำซ้ำ ทรัพย์สมบัติที่ว่า ยังราคาขึ้นตลอดด้วย มันคือ "ที่ดิน" ครับ แต่คุณกลับขายที่ดินแล้วเอาเงินมาซื้อรถ? ผมถามหน่อย ตอนนี้ Cayman
คุณขายได้เท่าไหร่? พนันว่าราคาลงไปไม่น้อยกว่า 10% แล้ว
บ้านผมสอนว่า "ไม่ต้องสน คนอื่นมองเราอย่างไร ดูถูกเราไม๊? เพราะเรารู้อยู่แล้ว ว่าเรามีเงินหรือไม่มีเงิน คนเราจะแต่งตัวของถุก ใช้รถเล็กๆ รถเก่า แต่
ถ้าในกระเป๋ามีตังค์ เราจะทำอะไรก็ได้ ซื้ออะไรก็ได้ อยู่ยังไงก็ได้ ดีกว่าคนที่หน้าใหญ่ ใช้ของดี อยู่บ้านหรู แต่กระเป๋าว่างเปล่า ต้องมานั่งเครียดเรื่อง
หมุนเงิน"
จำไว้ครับ "มีเงินสดๆในกระเป๋า สบายใจกว่ามีหนี้ตั้งเยอะ"
ความคิดเห็นที่ 5
เมื่อ 3 4 เดือนก่อนก็เป็นแบบนั้น ความรู้สึกคล้ายๆนะ เพราะไม่มีเงินถอย ป๊อด คเย่น
สิ่งที่ถีบเราออกมาจากสังคมวัตถุนิยมได้นั้น ไม่ใช่อะไร
โรคร้ายครับ โรคที่เอยไปใครๆก็กลัว โรคที่คนมองว่าตายมากกว่ารอด
พออยู่ในชีวิตกึ่งตาย คุณจะเข้าใจคำว่า พอเพีบง
เข้าใจคำว่า พอ เข้าใจความจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่
บางอย่างเราดิ้นรนเพราะอะไร มันจำเป็นไหม ขาดไปเราตายไหม
ตอบได้เลยนะ 4 เดือนก่อน ไม่ถอย note3 ไม่ได้นะ จำเป็นมากเลย ต้องเช็คเมล์ ต้องติดต่องาน บลาๆ ข้ออ้างทั้งนั้น
สุดท้าย ใครคงดึงคุณออกมาไม่ได้หรอกครับ งานนี้ต้องเข้าใจเอง ไม่ใช่โดนชักจูง
สิ่งที่ถีบเราออกมาจากสังคมวัตถุนิยมได้นั้น ไม่ใช่อะไร
โรคร้ายครับ โรคที่เอยไปใครๆก็กลัว โรคที่คนมองว่าตายมากกว่ารอด
พออยู่ในชีวิตกึ่งตาย คุณจะเข้าใจคำว่า พอเพีบง
เข้าใจคำว่า พอ เข้าใจความจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่
บางอย่างเราดิ้นรนเพราะอะไร มันจำเป็นไหม ขาดไปเราตายไหม
ตอบได้เลยนะ 4 เดือนก่อน ไม่ถอย note3 ไม่ได้นะ จำเป็นมากเลย ต้องเช็คเมล์ ต้องติดต่องาน บลาๆ ข้ออ้างทั้งนั้น
สุดท้าย ใครคงดึงคุณออกมาไม่ได้หรอกครับ งานนี้ต้องเข้าใจเอง ไม่ใช่โดนชักจูง
ความคิดเห็นที่ 26
โทษนะ ขอพูดตรงๆ
คุณยอมให้กระแสพัดพาตัวคุณไปเอง จะมาบ่นทำแป๊ะอะไรล่ะ ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก
วันนี้ ยังมีเงิน มีงาน ก็ยังแสวงหามาได้ พวกของแพงๆ เหล่านั้นอ่ะ วันใด เงินหมด งานไม่มี ถึงจะรู้ซึ้งเอง
ทุกวันนี้ อิชั้น ก็ไม่มีของแพงๆ ใช้หรอก ใครถามก็บอกเค้าไปว่า "เออ ตรูจน ไม่มีปัญญาซื้อ จบป่ะ" อิชั้นคิดว่า คำตอบแบบนี้ คัดกรอง เพื่อน ได้ดีทีเดียว เพื่อนที่รังเกียจเรา เพราะจน ยังจะน่าคบต่อไหมล่ะ
คุณยอมให้กระแสพัดพาตัวคุณไปเอง จะมาบ่นทำแป๊ะอะไรล่ะ ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก
วันนี้ ยังมีเงิน มีงาน ก็ยังแสวงหามาได้ พวกของแพงๆ เหล่านั้นอ่ะ วันใด เงินหมด งานไม่มี ถึงจะรู้ซึ้งเอง
ทุกวันนี้ อิชั้น ก็ไม่มีของแพงๆ ใช้หรอก ใครถามก็บอกเค้าไปว่า "เออ ตรูจน ไม่มีปัญญาซื้อ จบป่ะ" อิชั้นคิดว่า คำตอบแบบนี้ คัดกรอง เพื่อน ได้ดีทีเดียว เพื่อนที่รังเกียจเรา เพราะจน ยังจะน่าคบต่อไหมล่ะ
แสดงความคิดเห็น
ใครก็ได้ช่วยกระชากหัวโขนของเราออกที
เราทำงานมา 5 ปีแล้ว เป็นงานบิรการด้านสาธารณสุข สมัยเรียนเราเรียนอยู่ในระดับดีพอใช้ สอบได้ที่1 ของห้องตลอด ม.ปลาย ตอนแอดมิชชั่นก็สามารถ Entrance ด้วยคะแนนสูงสุดในโรงเรียน ( แต่เกรดเราไม่ได้สูงสุดนะคะ 3.6 นิดๆ มีเพื่อนได้ 3.9+ อีก ) ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เราก็เด็กธรรมดาๆ ตั้งใจเรียนให้ดี เพราะพ่อแม่คาดหวังกับเรามาก นิสัยเราตอนเรียนชอบเทคโนโลยี มือถือฉันต้องเริศต้องชิคและนำสมัย พ่อแม่ถึงบ่นก็ซื้อให้ เพื่อนๆก็ชอบยืมเล่นและเราก็ไม่หวงของด้วย มือถือเราเพลงต้องใหม่อยู่เสมอ เพื่อนๆต้องขอบลูต่อตลอด อีกเรื่องคือชอบของแบรนด์เนม ชอบอ่านนิตรสารแฟชั่น เสื้อผ้าสวยๆ เราชอบมาก แต่ก็มีเราสนใจอยู่คนเดียว เพื่อนๆรุ่นเดียวกันไม่ได้สนใจ เราเลยเลิกสนใจไป เพราะซื้อมาใส่อวดใครก็ไม่ได้(ดูนิสัยสิ!!)
เมื่อเราเรียนจบ ได้กลับมางานคืนสู่เหย้าที่โรงเรียน ได้เจอเพื่อนๆสมัยเรียน บางคนสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแม่ บางคนลูกวิ่งได้แล้ว มีเป็นแอร์ สจ๊วต ทำMLM เป็นนายทหาร เป็นครู ซึ่งข้อนี่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะงานที่เราทำก็ไม่น้อยหน้าใคร แต่ที่ทุกคนมีเหมือนๆกันคืรถใหม่ บางคนรายได้ดี ออกรถยุโรปหรูๆ บางคนก็ออกรถญี่ปุ่นชั้นนำ พวกออกธรรมดาๆก็มี เราเองเริ่มเกิดกิเลส รู้สึกว่าฉันจะน้อยหน้าไม่ได้ ฉันเอนท์เข้ามหาลัยด้วยคะแนนสูงสุดของรุ่น ตอนเรียนฉันนำเทรนด์ตลอด แต่ทำไมฉันยังไม่มี ตอนนั้นคิดแล้วจะต้องออกรถให้ได้และต้องเหนือกว่า นั่งกินนั่งเล่นสักพัก เพื่อนสาวก็เอากระเป๋าแบรนด์เนมมาประชันกัน บางคนใช้กระเป๋าใส่เหรียญของ Alexander McQueen อวดแหวนคาเทียร์ อวดน้ำหอมชาเนล เราฟังก็หูตาตื่น อยากได้อยากมีบ้าง เพราะวันนั้นเราใส่ชุดธรรมดาๆมาก เราเฟลสุดๆ ไม่มีอะไรอวดเพื่อน มือถือกะโหลกๆตกรุ่นของเราก็ไม่กล้าเอาขึ้นมา หลังจากวันนั้น เรากลับมาสนใจแฟชั่นอย่างบ้าคลั่ง เสื้อผ้ากระเป๋าต้องแบรนด์ เรามีเสื้อผ้า Burberry เป็นตู้ๆ รองเท้า กระเป๋าของ Louis Vuitton น้ำหอม Dior ใช้แทบไม่ซ้ำกลิ่น ตอนไปเที่ยวทะเลเรานี่ต้องถอยกระเป๋าเดินใหม่มาอีก 2 ใบ พร้อมเสื้อผ้าสำหรับเที่ยว 3 วัน 2 คืน สิริรวมแล้วอีกเป็นหมื่นๆ ยิ่งมาทำงานใกล้บ้านได้เจอเพื่อนๆบ่อย เรายิ่งต้องอัพเลเวลเพื่อให้นำพวกนาง แต่เราไม่พูดไม่คุยอวดนะคะ ไม่พรรณาว่าราคาเท่านั้นเท่านี้ พยายามซ้ำให้น้อยครั้งที่สุดและเว้นระยะนานๆ
ตอนนี้เงินเก็บเรามีน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆที่จบมหาลัยแล้วทำงานมาพร้อมๆกัน เงินที่ขายที่ดินต่างจังหวัดได้ เราก็เอาไปถอย Porsche Cayenne ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนไกล เพราะงานก็ยุ่งมากๆแล้ว ขนาดมอเตอร์ไซด์เรายังออก Honda PCX ทั้งหมดนี้แค่อยากยกระดับตัวเองเฉยๆ อยากมีเหมือนคนอื่นมีและต้องมีเหนือกว่า ยิ่งเพื่อนบางคนได้สามีรวยๆเรายิ่งพยายาม เหมือนหัวโขนของตัวเราเอง เราอยากเลิกอยากหยุด แต่ไม่รู้จะทำยังไง เราไม่กล้าปรึกษาพ่อแม่ เพราะพ่อแม่เราก็ไม่รู้หรอกว่ากระเป๋าเสื้อผ้าที่เราซื้อมันแพงและไร้สาระมากๆ แต่เรื่องรถพ่อเราก็ไม่ว่า เพราะพ่อเองก็ชอบ
เราอยากกลับมาเป็นตัวของตัวเอง แต่เราไม่กล้า อยากกลับไปแต่งตัวธรรมดาๆที่ไม่ต้องสนใจแบรนด์ เรารู้ตัวว่าเราเป็นพวกวัตถุนิยมไปซะแล้ว เเต่เราไม่เคยตัดสินใครด้วยเสื้อผ้าที่เขาใส่ รองเท้าที่เขาสวม หรือรถที่เขาขับขี่เลยนะคะ กล้ายืนยันว่าไม่เคย และตอนนี้เราก็อยากให้คนอื่นมองเราแบบนั้นบ้าง เพื่อนๆเราไม่เคยกดดันให้เราตามเทรนด์ บ้าแบรนด์บ้าแฟชั่นนะคะ เรามั่นใจว่าเพื่อนเราดีทุกคน เพื่อนเราทำมาหากินสุจริต แต่ก็ทุกคนทำงานอย่างหนักและทุ่มเทเพื่อนซื้อความสุขเหล่านี้ เราเองต่างหากที่คิดไปเองว่าฉันต้องมีรอย่างงั้นอย่างงี้ บอกตรงๆว่าอยากเลิกนิสัยนี้มากๆ ไม่อยากทำตัวให้เหนือใครจริงๆ
แก้คำผิดนะคะ