ถ้ายิ่งลัก. โดน ปปชชี้มูลความผิด คุณคิดว่า ชนกลุ่มน้อยที่รู้จักกันในนามเสื้อแดงจะทำเช่นไร

ช่วยตอบแบบวิชาการนะครับ.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อ.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล เป็นอดีต ปปช.ที่รัฐประหาร 49 แต่งตั้ง แต่ท่านคงเหลืออดกับความเลอะเทอะเหลวไหล ของพวกนักวิชาการใต้ถุนม็อบ ที่หวังพึ่ง ปปช.ให้ถอดถอนนายกฯ และ 383 ส.ส. ส.ว.เพื่อขอ ม.7 เลยจัดเต็มอีกดอก (หลังจากวิพากษ์ศาล รธน.มาแล้ว)

ตรงไปตรงมาแบบนี้ เดี๋ยวโดนเป่านกหวีดยัดข้อหา เป็นเสื้อแดง หรือไม่ก็ถูกทักษิณซื้อไปแล้ว หรือไม่ก็แก่จนเลอะเลือนเป็นอัลไซเมอร์ ฯลฯ

ข้อเขียน อ.สมลักษณ์จับประเด็นสำคัญได้ดังนี้

1.แม้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการแก้ไข รธน.ผิด ม.68 แต่ ปปช.ต้องชี้มูลตาม ม.157 และ รธน.ม.270 พรบ.ปปช.ม.58 องค์ประกอบความผิดต่างกัน

ต่อให้ ปปช.เห็นตามศาล รธน.ว่ามีความผิดเกิดขึ้น ก็ต้องฟังข้อเท็จจริงให้ไ้ด้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจทำผิด ซึ่ง 383 ส.ส. ส.ว.สามารถต่อสู้ว่าได้ทำตามมาตรา 291 และมีเอกสิทธิ์ในการออกเสียงลงคะแนนตามมาตรา 130

2.ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยการแก้ไข รธน.จริงหรือ

"ยิ่งกว่านั้นการที่ศาลวินิจฉัยคดีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภานี้จะอยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็ควรนำมาพิจารณาด้วย(ดูบทความของผู้เขียนเรื่อง รัฐธรรมนูญมาตรา 68, 291 กับศาลรัฐธรรมนูญ ในหนังสือพิมพิมพ์มติชน วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2556 หน้า 7) หากฟังได้ว่าข้อกล่าวหานี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาเป็นแนวบรรทัดฐานใช้ในการอ้างเป็นหลักได้ กรรมการ ป.ป.ช.จึงต้องไต่สวนคดีใหม่เริ่มแต่ต้น"

3.แม้ถูกชี้มูลความผิด นายกฯ ก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

"ที่สังคมไม่ว่านักการเมืองหรือนักวิชาการวาดความหวังไว้ว่าหากกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเรื่องนี้แล้วจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องหยุดการปฎิบัติหน้าที่หรือปฎิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติหรือจนกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษานั้นอาจจะเข้าใจผิด....

....ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นตำแหน่งที่ถูกกล่าวหา หากแต่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล คือตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ"

4. มาตรา 7 นายกฯ คนกลาง คนนอก นายกฯพระราชทาน ไม่มี

"  (มาตรา 7) หมายความว่าจะต้องเกิดกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญบังคับไว้เกิดขึ้นเสียก่อน ไม่ใช่เป็นการไปทำให้เกิดมีกรณีขึ้น เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 7 มาใช้ เช่น แนะนำให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะเพื่อขอตั้งคณะรัฐมนตรีเฉพาะกาลให้ปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา181 นั้น ตามกฎหมายแล้วไม่อาจทำได้ เพราะ

1.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 181 นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่กระทำการดังกล่าวจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ)

2.นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอ้างว่าต้องกระทำตามที่คณะ กปปส. ยื่นคำขาดไม่ได้ เพราะ กปปส.ไม่ใช้เจ้าพนักงานที่มีอำนาจออกคำสั่งนี้ และนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็ทราบว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายอันจะเป็นข้ออ้างให้คณะรัฐมนตรีไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา70

3.ผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรีเฉพาะกาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามมาตรา 172 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 171 วรรคสอง

4.รัฐธรรมนูญมาตรา 171 วรรคห้าบัญญัติว่า "ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี" ขณะนี้มีการประกาศยุบสภาแล้ว ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาก็จะมีการประชุมทำหน้าที่รัฐสภาได้เฉพาะหน้าที่ตามบัญญัติไว้ รัฐธรรมนูญมาตรา 132 (1) เท่านั้น ไม่มีอำนาจลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในกรณีนี้

ความจริงก่อนที่จะมีการแนะนำให้กระทำการตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 จะต้องแนะนำให้ฉีกรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และประมวลกฎหมายอาญาทิ้งเสียก่อนก็คงทำได้ มาตรา 7 จึงไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ที่มีสรรพคุณกินก็ได้ ทาก็ได้ และต้องระวังผลของการใช้ยาขนานนี้ก็คือนอกจากกินก็ได้ ทาก็ได้แล้ว ยังอาจตาย ติดคุกก็ได้ด้วย ดังนั้น ผลแห่งการใช้มาตรา 7 อย่างไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์นั้น ไม่ใช่ผู้เสนอใช้กฎหมายมาตรานี้จะตายคนเดียวหรือกลุ่มเดียว แต่อาจจะพากันตายทั้งประเทศก็เป็นได้...."
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1388808889&grpid=01&catid&subcatid
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่