บทนำ สำหรับผู้ที่คิดจะลดน้ำหนัก หรือผู้ที่คิดจะดูแลสุขภาพ ผมได้ทดสอบด้วยตัวเอง โดยการ ปั่นเป็นประจำ แต่กินตามใจปาก ได้ผลการทดสอบดังต่อไปนี้ครับ
ผมเป็นคนสุขภาพค่อนข้างดี (แต่ก็ไม่ได้ดีมากมายนะครับ) ผมสูง 177 น้ำหนักอยู่ที่ 78 ปกติจะตีแบดอาทิตย์ละ 3 วัน และวิ่งจากที่ทำงานกลับบ้านทุกวัน เพราะเบื่อรถติด (ประตูน้ำ - พาต้าปิ่นเกล้า)
จนเมื่อปี 2555 ผมได้ย้ายบ้านไปอยู่ท่าพระ และไม่ได้วิ่งกลับเหมือนแต่เคยและแบดก็ไม่ค่อยได้ตีเหมือนเดิม แต่ผมก็วิ่งรอบบ้าน วันละ 1 ชั่วโมง แต่วิ่งไม่เร็วนะครับ และกินตามใจปาก ไม่เคยควบคุมอาหาร ร่างกายผมก็ดูจะแข็งแรงเป็นปกติ แต่เริ่มมีอาการปวดเข้านิด ๆ แต่แล้วภัยร้าย ที่แสนจะเงียบกริบ ก็ปรากฏขึ้นเมื่อผลการตรวจร่ายกายปี 2555 ออกมา
- น้ำหนักผมขึ้นไปถึง 95 กิโล ( 5 โลร้อยไหมพี่.... 5 โลร้อย , เล่นซูโม่ท่าจะง่ายกว่านะ อันนี้เป็นคำที่ถูกล้อมาครับ แอบเจ็บใจ) รอบเอวจาก 34 เป็น 38 ซื้อกางเกงใหม่เสื้อใหม่ มีอาการปวดเข่าไม่สามารถตีแบดได้ตามปกติ มีอาการความดันโลหิตสูง
- ค่าไขมันดี (HDL) ลดลงเหลือ 45.8 ค่านี้ยิ่งมากยิ่งดี แต่ลดลง
- ค่าไขมันเลว (LDL) สูงขึ้น 143 อันนี้ชื่อตรงตัวมีมากไม่ดี (ปกติก็เกินปกติทุกปีครับ แต่ปีนี้สูงเว่อร์)
- ค่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) 205 สูงทะลุเพดาน เกินคำว่าปกติไปมาก ถึงขั้นผิดปกติ
- ค่า โคเลสเตอรอล (Cholesterol) 218 สูงทะลุเพดานเช่นกัน เกินคำว่าปกติ ถึงขึ้นผิดปกติ
สรุปผลตรวจร่ายการ หมอถามแค่ว่า จะให้จ่ายยาเลยไหม หรือจะไปออกกำลังกายก่อนดี (อันนี้คือแรงบันดาลใจ กีฬา ๆ คือยาวิเศษจริง ๆ )
ผมเริ่มศึกษากีฬาที่คนปวดเข่าสามารถเล่นได้ หนึ่งในนั้นคือ จักรยาน ผมได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการที่จะปั่นจักรยานไปทำงานของผม ออฟฟิตผมไม่มีห้องอาบน้ำ ไม่มีที่จอดจักรยาน BTS สามารถเอาจักรยานขึ้นได้ ผมไม่รอช้าเอาเงินเก็บไปถอย จักรยานพับ 20 นิ้วทันที พร้อมอุปกรณ์ครบชุด (แฟนทักเรื่องความปลอดภัยใน กทม ในการปั่นบนถนน ถามว่ากลัวไหม กลัวครับ แต่ผมคิดว่าถ้าไม่ทำอะไรผมก็อาจตายได้เหมือนกัน ปั่นบนถนน เราระมัดระวังหน่อยก็คงจะ OK แต่ถ้าไม่ออกกำลัง อาจตายผ่อนส่งครับ อารมณ์ตอนนั้นกลัวตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บมากกว่า )
ผมเริ่มเอาจักรยานขึ้น BTS (ขึ้นขบวนแรกตอน 6.00) และไปลงราชดำริ ปั่นต่อช้า ๆ ไม่รีบ อากาศยังไม่ร้อย จนถึงออฟฟิต ไม่ให้เหงื่อออก เอาชุดไปเปลี่ยนด้วย และพับจักรยานขึ้นไปบนออฟฟิต และเอาไว้ใต้โต๊ะทำงาน
ตอนเย็น เปลี่ยนชุด ปั่นกลับท่าพระเลย วิ่งเข้า พระราม4 เยาวราช สะพานพุทธ ได้ระยะทาง 12 กิโล โดยประมาณ ถึงบ้าน ผมปั่นเช่นนี้ทุกวัน ไม่เว้นว้นไหนเลย จนถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต
ปั่นไปได้ประมาณ 5 เดือน ออฟฟิตย้ายไปอยู่ อโศก งานเข้าเลย ระยะทางไกลขึ้น (รถงอกทันที ถอย Hybrid มาเลยเพราะตอนนี้เสพติดจักรยานไปแล้ว) ไม่ขึ้น BTS แล้ว ปั่นเข้าสาทร พระราม4 อโศกเลย ระยะทางตอนเช้า 12 กิโลโดยประมาณ แล้วไปนั่งตากลมให้แห้งแล้วเช็ดตัวเอา
ตอนเย็น ปั่นอ้อมไปทางพระราม 3 ระยะทางได้ 20 กว่ากิโล โดยประมาณ สะใจเป็นบ้าไกลดี
ผมปั่นแบบนี้ทุกวันไปทำงาน ไม่เว้นแม้วันฝนตก
แต่ที่ผมปั่น ผมไม่อดอาหาร ไม่อดข้าว ไม่ควบคุมอาหารเลยนะครับ กิน 3 มือปกติ กินขนมตามปกติ อยากรู้ครับ กินตามใจแบบเดิม แต่ปั่นจักรยาน ผลตรวจจะเป็นอย่างไร
จนผลตรวจล่าสุดออกมา ปี 2556
- น้ำหนักผมเหลือ 84 เอวเหลือ 35 (แต่ใส่ 34 ได้นะ แต่แน่น ๆ นิดหน่อย) ความดันเป็นปกติ แต่ค่อนข้างสูง เข่าไม่ค่อยปวดแล้ว ตีแบดวิ่งได้สบาย ๆ วิ่ง 2 เซ็ตก็ไม่หมดแรง
- ค่าไขมันดี (HDL) เพิ่มขึ้น

- ค่าไขมันเลว (LDL) ลดลงแต่ยังไม่ดีพอ

- ค่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไม่น่าเชื่อสายตา กลับมาเป็นปกติเฉยเลย

- ค่า โคเลสเตอรอล (Cholesterol) ปกติด้วย เย้ ๆ
ผลการตรวจ หมอบอกว่า ทำได้ดีมาก แต่ไม่ดีพอ ให้ไปควบคุมอาหารด้วย อย่าคิดว่าออกกำลังกายแล้วจะกินอะไรก็ได้ตามใจปาก
ปีนี้เลยตั้งเป้าหมาย ปั่นเหมือนเดิม แต่คุมอาหารดู ปีหน้าจะมาบอกผลการตรวจอีกครั้ง
ปั่นจักรยานได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด สำหรับผม
- สุขภาพผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่ต้องกินยา
- มีเงินเก็บมากขึ้นไม่เสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเติมน้ำมันรถ
- เจอเพื่อนร่วมทาง (ทักทุกคนที่ปั่น 555)
- ได้ประสบการณ์ การปะยาง เปลี่ยนยาง เอง
- ได้มุมมอง กทม ใหม่ ๆ
- ประหยัดเวลา รถติดหรอ สบายเราสิ ยิ่งติด ยิ่งดี
สำหรับคนเริ่มปั่น และรักสุขภาพ รีวิว สุขภาพ หลังปั่นมา 1 ปี พอดิบ พอดี
ผมเป็นคนสุขภาพค่อนข้างดี (แต่ก็ไม่ได้ดีมากมายนะครับ) ผมสูง 177 น้ำหนักอยู่ที่ 78 ปกติจะตีแบดอาทิตย์ละ 3 วัน และวิ่งจากที่ทำงานกลับบ้านทุกวัน เพราะเบื่อรถติด (ประตูน้ำ - พาต้าปิ่นเกล้า)
จนเมื่อปี 2555 ผมได้ย้ายบ้านไปอยู่ท่าพระ และไม่ได้วิ่งกลับเหมือนแต่เคยและแบดก็ไม่ค่อยได้ตีเหมือนเดิม แต่ผมก็วิ่งรอบบ้าน วันละ 1 ชั่วโมง แต่วิ่งไม่เร็วนะครับ และกินตามใจปาก ไม่เคยควบคุมอาหาร ร่างกายผมก็ดูจะแข็งแรงเป็นปกติ แต่เริ่มมีอาการปวดเข้านิด ๆ แต่แล้วภัยร้าย ที่แสนจะเงียบกริบ ก็ปรากฏขึ้นเมื่อผลการตรวจร่ายกายปี 2555 ออกมา
- น้ำหนักผมขึ้นไปถึง 95 กิโล ( 5 โลร้อยไหมพี่.... 5 โลร้อย , เล่นซูโม่ท่าจะง่ายกว่านะ อันนี้เป็นคำที่ถูกล้อมาครับ แอบเจ็บใจ) รอบเอวจาก 34 เป็น 38 ซื้อกางเกงใหม่เสื้อใหม่ มีอาการปวดเข่าไม่สามารถตีแบดได้ตามปกติ มีอาการความดันโลหิตสูง
- ค่าไขมันดี (HDL) ลดลงเหลือ 45.8 ค่านี้ยิ่งมากยิ่งดี แต่ลดลง
- ค่าไขมันเลว (LDL) สูงขึ้น 143 อันนี้ชื่อตรงตัวมีมากไม่ดี (ปกติก็เกินปกติทุกปีครับ แต่ปีนี้สูงเว่อร์)
- ค่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) 205 สูงทะลุเพดาน เกินคำว่าปกติไปมาก ถึงขั้นผิดปกติ
- ค่า โคเลสเตอรอล (Cholesterol) 218 สูงทะลุเพดานเช่นกัน เกินคำว่าปกติ ถึงขึ้นผิดปกติ
สรุปผลตรวจร่ายการ หมอถามแค่ว่า จะให้จ่ายยาเลยไหม หรือจะไปออกกำลังกายก่อนดี (อันนี้คือแรงบันดาลใจ กีฬา ๆ คือยาวิเศษจริง ๆ )
ผมเริ่มศึกษากีฬาที่คนปวดเข่าสามารถเล่นได้ หนึ่งในนั้นคือ จักรยาน ผมได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการที่จะปั่นจักรยานไปทำงานของผม ออฟฟิตผมไม่มีห้องอาบน้ำ ไม่มีที่จอดจักรยาน BTS สามารถเอาจักรยานขึ้นได้ ผมไม่รอช้าเอาเงินเก็บไปถอย จักรยานพับ 20 นิ้วทันที พร้อมอุปกรณ์ครบชุด (แฟนทักเรื่องความปลอดภัยใน กทม ในการปั่นบนถนน ถามว่ากลัวไหม กลัวครับ แต่ผมคิดว่าถ้าไม่ทำอะไรผมก็อาจตายได้เหมือนกัน ปั่นบนถนน เราระมัดระวังหน่อยก็คงจะ OK แต่ถ้าไม่ออกกำลัง อาจตายผ่อนส่งครับ อารมณ์ตอนนั้นกลัวตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บมากกว่า )
ผมเริ่มเอาจักรยานขึ้น BTS (ขึ้นขบวนแรกตอน 6.00) และไปลงราชดำริ ปั่นต่อช้า ๆ ไม่รีบ อากาศยังไม่ร้อย จนถึงออฟฟิต ไม่ให้เหงื่อออก เอาชุดไปเปลี่ยนด้วย และพับจักรยานขึ้นไปบนออฟฟิต และเอาไว้ใต้โต๊ะทำงาน
ตอนเย็น เปลี่ยนชุด ปั่นกลับท่าพระเลย วิ่งเข้า พระราม4 เยาวราช สะพานพุทธ ได้ระยะทาง 12 กิโล โดยประมาณ ถึงบ้าน ผมปั่นเช่นนี้ทุกวัน ไม่เว้นว้นไหนเลย จนถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต
ปั่นไปได้ประมาณ 5 เดือน ออฟฟิตย้ายไปอยู่ อโศก งานเข้าเลย ระยะทางไกลขึ้น (รถงอกทันที ถอย Hybrid มาเลยเพราะตอนนี้เสพติดจักรยานไปแล้ว) ไม่ขึ้น BTS แล้ว ปั่นเข้าสาทร พระราม4 อโศกเลย ระยะทางตอนเช้า 12 กิโลโดยประมาณ แล้วไปนั่งตากลมให้แห้งแล้วเช็ดตัวเอา
ตอนเย็น ปั่นอ้อมไปทางพระราม 3 ระยะทางได้ 20 กว่ากิโล โดยประมาณ สะใจเป็นบ้าไกลดี
ผมปั่นแบบนี้ทุกวันไปทำงาน ไม่เว้นแม้วันฝนตก
แต่ที่ผมปั่น ผมไม่อดอาหาร ไม่อดข้าว ไม่ควบคุมอาหารเลยนะครับ กิน 3 มือปกติ กินขนมตามปกติ อยากรู้ครับ กินตามใจแบบเดิม แต่ปั่นจักรยาน ผลตรวจจะเป็นอย่างไร
จนผลตรวจล่าสุดออกมา ปี 2556
- น้ำหนักผมเหลือ 84 เอวเหลือ 35 (แต่ใส่ 34 ได้นะ แต่แน่น ๆ นิดหน่อย) ความดันเป็นปกติ แต่ค่อนข้างสูง เข่าไม่ค่อยปวดแล้ว ตีแบดวิ่งได้สบาย ๆ วิ่ง 2 เซ็ตก็ไม่หมดแรง
- ค่าไขมันดี (HDL) เพิ่มขึ้น
- ค่าไขมันเลว (LDL) ลดลงแต่ยังไม่ดีพอ
- ค่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไม่น่าเชื่อสายตา กลับมาเป็นปกติเฉยเลย
- ค่า โคเลสเตอรอล (Cholesterol) ปกติด้วย เย้ ๆ
ผลการตรวจ หมอบอกว่า ทำได้ดีมาก แต่ไม่ดีพอ ให้ไปควบคุมอาหารด้วย อย่าคิดว่าออกกำลังกายแล้วจะกินอะไรก็ได้ตามใจปาก
ปีนี้เลยตั้งเป้าหมาย ปั่นเหมือนเดิม แต่คุมอาหารดู ปีหน้าจะมาบอกผลการตรวจอีกครั้ง
ปั่นจักรยานได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด สำหรับผม
- สุขภาพผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่ต้องกินยา
- มีเงินเก็บมากขึ้นไม่เสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเติมน้ำมันรถ
- เจอเพื่อนร่วมทาง (ทักทุกคนที่ปั่น 555)
- ได้ประสบการณ์ การปะยาง เปลี่ยนยาง เอง
- ได้มุมมอง กทม ใหม่ ๆ
- ประหยัดเวลา รถติดหรอ สบายเราสิ ยิ่งติด ยิ่งดี