พอดูลูกหนี้ที่รักแล้วคิดถึงตัวเองเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การเป็นหนี้
เรารวบรวมประสบการณ์ การเป็นหนี้ ยาวนานนนนนนนนของเรา สำหรับเด็กวัยรุ่น ที่ไม่รู้ค่าของเงิน อยากให้เด็ก มัธยม มหาลัย ได้เข้ามาอ่านก่อนเป็นพนักงานเงินเดือน
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้เป็นหนี้เพราะ บ้านจน ไม่มีเงินเรียนหนังสือ พ่อแม่ทอดทิ้ง ไม่ใช่ทุกอย่างที่พูดมา เป็นหนี้เพราะกิเลส ส่วนตัวล้วนๆ
เริ่มตั้งแต่ ม.ปลาย แม่ให้เงินเป็นอาทิตย์ เพื่อฝึกการใช้เงิน เราก็เริ่มฝึกเหมือนกัน แต่ฝึกการยืมเงินเพื่อนจนเป็นนิสัย คือ อยากได้นาฬิกา เรือนนี้ แต่ถ้าซื้อแล้ว จะไม่มีเงินกินขนมจนครบอาทิตย์ รู้ทั้งรู้ก็ยังซื้อ (ยังไงเพื่อนก็มีให้ยืม อยู่แล้ว) เราไม่รู้หรอกว่ามันจะทำให้เรารู้สึกชินกับคำว่า หนี้
จากม.ปลายเคยยืมเงินเพื่อนเต็มที่ ไม่เกิน 500 พอเริ่มเข้า มหาลัย ก็ต้องมีเสื้อผ้าสวยๆ เครื่องสำอาง เที่ยวกลางคืน เงินที่แม่ให้ก็ไม่พอแน่ๆ ถ้าเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป ก็น่าจะพอ แต่เด็กที่รู้จักการใช้เงินจนเกินรายรับอย่างเรา ไม่พอแน่นอน แถมเป็นหนี้ หลักพัน หลักหมื่น อีกต่างหาก
คิดดู ไปเที่ยวแต่ละครั้ง ใส่เสื้อผ้าไม่เคยซ้ำ ไปติดกัน 7 วัน ก็ไม่ซ้ำ เครื่องสำอาง ครีม กระเป๋า รองเท้า เต็มห้อง(อยุ่หอพัก) เราเคยคิดแปลกใจนะ ว่าเพื่อนเราใส่เสื้อผ้าซ้ำไปเที่ยวกันได้ยังไง แถมบางทีมันยังมายืมชุดเราอีก (เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนนนมันฉลาดนั่นเอง)
เรียนจบ ก็เริ่มมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง แทนที่จะรู้ค่าของเงิน เปล่าเลย ใช้จ่ายอย่างสนุกสนานกว่าเดิม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สำหรับงานต่างจังหวัดเงินเดือนสองหมื่น ถึง สี่หมื่น เราว่าเยอะนะ (รวมค่าคอมด้วย) แต่เราไม่พอแถมเป็นหนี้หนักอีกตั้งหาก ระหว่างเราทำงานไม่เคยส่งเงินให้แม่ แถมบางเดือนเราขอแม่อีกต่างหาก(ตอนนี้รู้สึกเสียใจกับการกระทำมาก) เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานก็เคยเตือน ว่าให้เก็บเงินไว้บ้าง แต่เราฟังแล้วก็เฉยๆ เพราะว่าชีวิตเราไม่เคยลำบากจริงๆไง


ที่บอกว่าช่วงชีวิตพนักงานเงินเดือนนี่น่ากลัวเพราะจะมีสิ่งที่มายั่วเราเยอะ เรามีงาน และเราจะมีบัตรต่างๆ งอกมาเยอะแยะมากมาย บัตรเครดิต บัตรผ่อนต่างๆ เยอะจนไม่รู้จะใช้อันไหนรูดก่อนดี 55 (ถ้าคนฉลาดจะรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์)
มีงานก็ต้องมีรถ เพื่อนเราเงินเดือน 9000 แต่มีรถยนต์ ตอนนั้นเราคิดมันกล้าออกรถได้ไง เราเงินเดือนหลักหมื่นยังไม่กล้าเลย แต่พอมานั่งคิดนอนคิด เราเงินเยอะกว่ามันทำไมเราจะผ่อนไม่ได้ เอาก็เอาว่ะ (เป็นความคิดสติแตกแบบโง่ๆ) เลยขอเงินแม่มาดาวน์รถ(เงินที่แม่เตรียมจะให้เราไปเที่ยวหาท่านที่ต่างประเทศ) แต่เราไม่ได้สำเหนียกดูตัวเองเลย เพื่อนเราเงินเดือน 9000 จริง แต่ห่อข้าวมากินที่ทำงาน บ้านก็ไม่ต้องเช่า กิ๊กเลี้ยงข้าวอีกเพียบบบ
ชีวิตหลังจากออกรถมาดราม่ามาก เพราะ-มาม่า ตลอด 55(ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก) แม่เห็นท่าจะไม่ไหวเลยเอาเรามาเรียนรู้งานของลุงที่บ้าน เพื่อที่จะเป็นแนวทางชีวิต ชีวิตเปลี่ยนตอนนี้แหละ
พอเรามีแฟนและแต่งงาน เราได้มาเปิดธุรกิจของตัวเองจากเงินทุนจากแม่ของเราและของแม่แฟน เราย้ายมาอยู่บ้านของแฟนที่ค่อนข้างชนบท
ชีวิตของคนแถวนี้เรียบง่ายและมีอาชีพทำนาทำสวนกันเป็นส่วนใหญ่ เรากลับรู้สึกชอบชีวิตแบบนี้ เรากับแฟนปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ปลูกผลไม้
ทุกวันนี้เรามีความสุข และรู้จักใช้เงินมากขึ้น และต้นปีนี้เรากับแฟนจะลองทำนากันด้วย เพื่อนๆเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
กว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดที่คิดได้ ก็ใช้เวลาหลายปี เราโชคดีที่มีเพื่อนและพี่ๆ ที่ดี และครอบครัวที่ให้กำลังใจเราตลอด
ประสบการณ์ การเป็นหนี้ เพื่อนๆหละมีประสบการณ์แบบไหนบ้าง
เรารวบรวมประสบการณ์ การเป็นหนี้ ยาวนานนนนนนนนของเรา สำหรับเด็กวัยรุ่น ที่ไม่รู้ค่าของเงิน อยากให้เด็ก มัธยม มหาลัย ได้เข้ามาอ่านก่อนเป็นพนักงานเงินเดือน
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้เป็นหนี้เพราะ บ้านจน ไม่มีเงินเรียนหนังสือ พ่อแม่ทอดทิ้ง ไม่ใช่ทุกอย่างที่พูดมา เป็นหนี้เพราะกิเลส ส่วนตัวล้วนๆ
เริ่มตั้งแต่ ม.ปลาย แม่ให้เงินเป็นอาทิตย์ เพื่อฝึกการใช้เงิน เราก็เริ่มฝึกเหมือนกัน แต่ฝึกการยืมเงินเพื่อนจนเป็นนิสัย คือ อยากได้นาฬิกา เรือนนี้ แต่ถ้าซื้อแล้ว จะไม่มีเงินกินขนมจนครบอาทิตย์ รู้ทั้งรู้ก็ยังซื้อ (ยังไงเพื่อนก็มีให้ยืม อยู่แล้ว) เราไม่รู้หรอกว่ามันจะทำให้เรารู้สึกชินกับคำว่า หนี้
จากม.ปลายเคยยืมเงินเพื่อนเต็มที่ ไม่เกิน 500 พอเริ่มเข้า มหาลัย ก็ต้องมีเสื้อผ้าสวยๆ เครื่องสำอาง เที่ยวกลางคืน เงินที่แม่ให้ก็ไม่พอแน่ๆ ถ้าเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป ก็น่าจะพอ แต่เด็กที่รู้จักการใช้เงินจนเกินรายรับอย่างเรา ไม่พอแน่นอน แถมเป็นหนี้ หลักพัน หลักหมื่น อีกต่างหาก
คิดดู ไปเที่ยวแต่ละครั้ง ใส่เสื้อผ้าไม่เคยซ้ำ ไปติดกัน 7 วัน ก็ไม่ซ้ำ เครื่องสำอาง ครีม กระเป๋า รองเท้า เต็มห้อง(อยุ่หอพัก) เราเคยคิดแปลกใจนะ ว่าเพื่อนเราใส่เสื้อผ้าซ้ำไปเที่ยวกันได้ยังไง แถมบางทีมันยังมายืมชุดเราอีก (เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนนนมันฉลาดนั่นเอง)
เรียนจบ ก็เริ่มมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง แทนที่จะรู้ค่าของเงิน เปล่าเลย ใช้จ่ายอย่างสนุกสนานกว่าเดิม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สำหรับงานต่างจังหวัดเงินเดือนสองหมื่น ถึง สี่หมื่น เราว่าเยอะนะ (รวมค่าคอมด้วย) แต่เราไม่พอแถมเป็นหนี้หนักอีกตั้งหาก ระหว่างเราทำงานไม่เคยส่งเงินให้แม่ แถมบางเดือนเราขอแม่อีกต่างหาก(ตอนนี้รู้สึกเสียใจกับการกระทำมาก) เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานก็เคยเตือน ว่าให้เก็บเงินไว้บ้าง แต่เราฟังแล้วก็เฉยๆ เพราะว่าชีวิตเราไม่เคยลำบากจริงๆไง
ที่บอกว่าช่วงชีวิตพนักงานเงินเดือนนี่น่ากลัวเพราะจะมีสิ่งที่มายั่วเราเยอะ เรามีงาน และเราจะมีบัตรต่างๆ งอกมาเยอะแยะมากมาย บัตรเครดิต บัตรผ่อนต่างๆ เยอะจนไม่รู้จะใช้อันไหนรูดก่อนดี 55 (ถ้าคนฉลาดจะรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์)
มีงานก็ต้องมีรถ เพื่อนเราเงินเดือน 9000 แต่มีรถยนต์ ตอนนั้นเราคิดมันกล้าออกรถได้ไง เราเงินเดือนหลักหมื่นยังไม่กล้าเลย แต่พอมานั่งคิดนอนคิด เราเงินเยอะกว่ามันทำไมเราจะผ่อนไม่ได้ เอาก็เอาว่ะ (เป็นความคิดสติแตกแบบโง่ๆ) เลยขอเงินแม่มาดาวน์รถ(เงินที่แม่เตรียมจะให้เราไปเที่ยวหาท่านที่ต่างประเทศ) แต่เราไม่ได้สำเหนียกดูตัวเองเลย เพื่อนเราเงินเดือน 9000 จริง แต่ห่อข้าวมากินที่ทำงาน บ้านก็ไม่ต้องเช่า กิ๊กเลี้ยงข้าวอีกเพียบบบ
ชีวิตหลังจากออกรถมาดราม่ามาก เพราะ-มาม่า ตลอด 55(ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก) แม่เห็นท่าจะไม่ไหวเลยเอาเรามาเรียนรู้งานของลุงที่บ้าน เพื่อที่จะเป็นแนวทางชีวิต ชีวิตเปลี่ยนตอนนี้แหละ
พอเรามีแฟนและแต่งงาน เราได้มาเปิดธุรกิจของตัวเองจากเงินทุนจากแม่ของเราและของแม่แฟน เราย้ายมาอยู่บ้านของแฟนที่ค่อนข้างชนบท
ชีวิตของคนแถวนี้เรียบง่ายและมีอาชีพทำนาทำสวนกันเป็นส่วนใหญ่ เรากลับรู้สึกชอบชีวิตแบบนี้ เรากับแฟนปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ปลูกผลไม้
ทุกวันนี้เรามีความสุข และรู้จักใช้เงินมากขึ้น และต้นปีนี้เรากับแฟนจะลองทำนากันด้วย เพื่อนๆเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
กว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดที่คิดได้ ก็ใช้เวลาหลายปี เราโชคดีที่มีเพื่อนและพี่ๆ ที่ดี และครอบครัวที่ให้กำลังใจเราตลอด