ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ห้องนี้ ...แต่ก็อยากลองสนทนาดู
ออกตัวว่าไม่สนว่าจะเป็นแดง เหลือง มะเฟือง มะไฟ ...สนแต่ความสมเหตุสมผลและหลักการเบื้องต้น เป็นไทยอดกลั้น ...
วันนี้คงเป็นวันที่ทางฝั่งเพื่อไทยเข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้วมั้ง "ของการทดสอบอำนาจ" ...จากที่ว่าจะมีการเข้าคาราวะปีใหม่ป๋าเปรมพร้อม ผบ. เหล่าทัพ ... ตั้งแต่เรื่อง พรบ. นิรโทษฯ เป็นต้นมา ดูคล้ายเหมือนถอย เหมือนเพลี้ยงพล้ำ เหมือนหลงทาง ...แต่ถ้าลองๆ มองๆ ดู
ลองมองในอีกมุมมองหนึ่ง ...หลายๆ ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า มันมีการเปิดเผยตัวตนออกมาทีละเปราะของฝั่งตรงข้ามเพื่อไทย ...
-
ปชป. และบรรดา
สว.สรรหากลุ่มหนึ่งยื่นเรื่องให้...
-
ตลก. วินิจฉัยค่อนไปทางลบ (แต่ไม่มีผลต่อการทำหน้าที่ในสภาในหัวข้อที่มา สว.)
- ส่ง
กปปส. ออกมา
- ในขณะเดียวกันก็มีข่าวการรับลูกพิจารณาเรื่องจำนำข้าวแบบลัดคิวจาก
ปปช.
เหล่านี้คือตัวละครหลักๆ ที่เปิดเผยตัวออกมา ...ตามด้วยตัวละครรับลูกอย่าง
- คปท.
- ทปอ.
- ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะชั้นร่ำรวยนายทุน ชนชั้นกลาง หรือชาวบ้าน ...ก็ได้ประมาณนึงเหมือนกัน
และตบท้ายด้วยกลุ่มที่ยังไม่ยอมเลือกออกนอกหน้าอย่างกองทัพ ...เหมือนฉลามที่วนรอดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ รอให้มีคาวเลือดมากพอให้สัมผัสได้ค่อยจู่โจม... ส่วนตำรวจ ...อืม ...เค้าลอยได้ทุกเมื่อ
...ถ้ามองจากมุมม็อบ ...
โอ้โห !! คนต้าน คนไม่เอารัฐบาล มวลหมา ...เอ๊ย! มหาประชาชนเยอะแยะอย่างนี้ องค์กรหลายภาคส่วน เอกชนใหญ่ๆ ไฮโซ ดาราเพียบ ...นี่คือ "เสียงที่มีน้ำหนัก" ...ทำไม!!! ทำไมไม่ออกไปซะทีวะตระกูล "ชินวัตร" ...
... แต่ในมุมตรงข้าม ..
แต่ละเรื่องที่เกิด ถ้าลองไล่ๆ ติดตามกันมา ส่วนตัวข้าเจ้ากลับมองเห็นลักษณะของ "เย่อล่อปลา"
- เหยื่อล่ออันแรกคือการหย่อน พรบ.นิรโทษฯ เหยื่อตัวเดียวได้ปลาที่ซ่อนออกมาเพียบ แล้วก็จัดการ "ถอนออกไป" โดยที่ปลาติดเบ็ดเหล่านั้นถอยไปซ่อนไม่ได้แล้วเพราะออกหน้ากันมาหมด (กองทัพกับตำรวจยังไม่ออกมา)
- เหยื่อต่อมาคือ มติแก้ไข พรบ. ที่มา สว. ...อันนี้มันก็แปร่งๆ บ้างในเรื่องตอนพิจารณาวาะมีกดบัตรแทนบ้าง ไรบ้าง ..แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของการพิจารณาในสภา ก็ยิ่งเน้นได้ใหญ่ว่าปลาที่ล่อออกมา "ไม่ผิดตัว"
- เมื่อปลาตัวหลักๆ ออกมากันเกือบหมด ไม่เว้นแม้แต่อีแอบปลาซิวปลาสร้อยนักวิชาการ หรือกลุ่มย่อยของเก่าจากเสื้อเหลือง ก็จัดการลากเบ็ดราวแล้วเหวี่ยงแหรวบด้วยการ "ยุบสภา" เพื่อใช้ไม้ตาย "เลือกตั้ง" ตีให้คอหักกันเป็นแถว ...
....นั่นจึงได้เห็นอาการ "ตรรกะเพี้ยน" ที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนปลาไม่ได้น้ำ ดื้นแปลกๆ ...จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งบ้างหละ ...บ้างก็ไม่เอาเลยจะโค่นมันท่าเดียว ...บ้างก็เล่นบอยคอตปฏิเสธการเลือกตั้ง ...บ้างก็เสนอคำว่า "สภาประชาชน" แบบหน้าตาเกลี้ยงๆ แต่สีดำมาแต่ไกล
มันเป็นอะไรที่หาไม่ได้ง่ายๆ แล้วในยุคนี้ ชนิดที่สร้างความงุนงงให้แก่ "คนนอก" อย่างชาวต่างชาติ หรือประเทศฝ่ายเสรีนิยม (ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ของประชาคมโลก) ...แต่นั่นแหละ ที่ทำให้ "อะไรๆ มันชัดเจนขึ้น" ..
ข้าเจ้ามองว่านี่มันกลายเป็นการ "ประจาน" ให้ชาวโลกเห็นว่ามันมีกลุ่มพวกนี้จริงๆ นะที่ไม่เอาประชาธิปไตย และทำให้หลายประเทศหันมาสนใจรากเหง้าของปัญหาในประเทศเล็กๆ ได้อย่างแยบยล ...
"กูมาไล่ชินวัตร กูมาไล่นักการเมืองโกง ไม่ใช่ไม่เอาเลือกตั้ง" ..."อย่าๆๆๆ กูไม่เอานักการเมืองโกง" ..."เลือกตั้งไม่ใช่ทางออกของปัญหา" ...
หลายวาทะกรรมที่ออกมา นับวันจะกลายเป็นข้ออ้าง ขาดน้ำหนักแห่งความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรนอกเสียจาก "มันขัดแย้งกับพฤติกรรมที่แสดงออกของม็อบ"
(พูดถึงตรงนี้บางท่านที่เข้ามาใหม่อาจจะลืมไปว่า Mob มันสะกดเป็นภาษาอังกฤษอย่างนี้ แต่ช่วงแรกฝรั่งเค้าใช้ Protester เพื่อเป็นการให้เกียรติมากกว่าเพราะมันยังมีจุดมุ่งหมาย ยังพอจับประเด็นได้ชัดเจน ...แต่ก็กลายเป็น Mob หลังจากที่จุดหมายมันเล่นเปลี่ยนไปเรื่อย พฤติการก็เพี้ยนจากสันติ อหิสา จนสุดท้ายมีความรุนแรงแบบไร้ขอบเขต)
ส่วนตัวมองว่า ถ้ามันจะเป็นการลงทุนขนาดนี้จริงๆ เพื่อ "กระชากหน้ากากมันทั้งยวง" หรือที่คลิปฝั่งนึงใน Youtube เสนอว่า "ต้นไม้พิษ" มันก็ถือว่าเสี่ยงและแทบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะของ "การต่อสู้ทางการเมือง" ที่มโหฬารใช่เล่น เป็นการเดิมพันที่หนักเอาการ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่ง "การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย" ...และตัวแปรสุดท้าย (หรือยังวะ) ในสมการก็กำลังจะได้รับการทดสอบในวันนี้แล้ว ...
การปฏิรูปอะไรก็ตาม ด้วยหลัการพื้นฐานง่ายๆ "1 เสียงประชาชนมีค่าเท่ากัน" "ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของปักเจกชน" หลักง่ายๆ ของประชาธิปไตย ถ้ามีอะไรที่แม้แต่นิดเดียวที่จะนำไปสู่การขัดแย้งกับหลักง่ายๆ ข้างต้น มันก็ไม่ควรจะได้รับการพิจารณามิใช่หรือ ...หลายกระทู้ความเห็นข้าเจ้ามักจะแชร์ความเห็นด้วยหลักง่ายๆ แบบนี้ ..แน่นอน คนโกงมันมี แต่ในระบอบประชาธิปไตยก็มีหลักให้เกิดการตรวจสอบได้ ...แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราต้องลองถามใจตัวเองกันดูว่ามันคือ "การตรวจสอบที่เป็นธรรม" หรือไม่ ...
ทุกวันนี้ หลายๆ กลุ่มที่บางคนมองว่าเห็นไปทางเดียวกันที่จะจัดการฝั่งเพื่อไทย (ไม่ขอใช้คำว่ารัฐบาลนะ เพราะนั่นหมายถึงไม่ใช่แค่เพื่อไทย ..แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมา ส่อให้เห็นแล้วว่า เป้าหมายมีแค่โค้นล้มพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว) ทำให้ประชาชนบางกลุ่มบางคน มองเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ...แต่ ...มันคือการ "เอียง" หรือไม่ ...ทุกการกระทำที่เกิดกับพรรคเพื่อไทยในกระบวนการตรวจสอบได้เกิดอย่างเท่าเทียมกันกับฝั่งตรงข้ามหรือไม่ ...แน่นอน ข้ออ้างเรื่องพอไม่ทำให้เท่ากันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝั่งที่โดนกล่าวหาแต่แรกจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง ...แต่ไม่ว่าการตรวจสอบใดๆ ที่เกิดขึ้น ..
มันอยู่บนพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือเปล่า ...
ไม่ว่าจะเป็นทั้งข้อกฎหมาย กลุ่มบุคลากรองค์กรตรวจสอบ พฤติกรรมการทำหน้าที่ ...นี่เรากำลังอยู่ในยุค "ล่าแม่มด" หรือ "ภัยความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์" แบบในอเมริกาอยู่เหรอ (ที่นั่นเหตุการณ์พวกนี้มันเกินครึ่งศตวรรษไปแล้วนะ) ที่สำคัญ หลักการพื้นฐานง่ายๆ ในระบอบประชาธิปไตย 1 เสียงเท่าเทียมกัน นั่นหมายถึงการเข้าถึงอย่างเท่าๆ กัน และการแสดงความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน ...กลุ่มคนๆ เล็กๆ ไฉนมีอำนาจมากพอที่จะตัดสินผิดถูกได้โดยคนอื่นๆ ในสังคมไม่สามารถมีส่วนร่วมได้เลยหรือ ...
หรือเพราะพื้นฐานที่มาของกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในหลักการ 1 เสียงเท่าเทียมกัน ...
ข้าเจ้ามีหลักง่ายๆ ในการมองกลุ่มองค์กรเหล่านี้ที่ใช้คิดเล่นๆ เวลามองว่ามันผิดเพี้ยนหรือไม่ตั้งแต่ตั้งไข่ คือ ถ้ามันไม่ได้มาจากหลัก 1 เสียงเท่าเทียมกัน ก็ให้สงสัยไว้ก่อนได้ว่ามันอาจจะมีแนวโน้มไม่เป็นธรรม หรือใช้ไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย ...และเนื้อแท้ของกลุ่มเหล่านี้ กำลังมีสภาพเหมือนปลาติดเหยื่อที่โดนลากมาอยู่บนบก แล้วดิ้นรนด้วยท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนตอนอยู่ในน้ำอย่างที่เราๆ ท่านๆ กำลังเห็น ... แม้แต่เสียงวิจารณ์จากคนนอกอย่างสื่อต่างประเทศก็ยังบอกได้เป็นนัยๆ แม้แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากรัฐบาลหลายประเทศก็แสดงจุดยืนเรื่องการเลือกตั้ง ...นั่นคือสิ่งที่ใช้คัดง้างได้ดีกับพฤติกรรมของกลุ่มปลาติดเหยื่อเหล่านี้ ...
ให้ทุกอย่างมันเริ่มจาก "การเลือกตั้ง" ได้คนดี หรือไม่ดี สุดท้าย กระบวนการตรวจสอบที่เกิดจาก "ประชาชน" คัดเลือกเป็นพื้นฐานจะสร้างความชอบธรรมในการคัดกรองคนเอง ...ถ้า สส. มันมีปลาเน่า นอกจากความนิยมในตัวพรรคและท้องถิ่นของ สส. นั้นๆ จะบ่งบอก ... สว. ที่จะสามารถตั้งองค์กรตรวจสอบ ถ้ามันมีพื้นฐานมาจาก 1 เสียงเท่าเทียมกัน ก็จะสามารถสร้างกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยอมรับได้มาทำการตรวจสอบและคัดกรองลงโทษนักการเมืองเอง โดยไม่ตะขิดตะขวงใจได้เลยว่ามาจากการแต่งตั้ง ...เพราะมันแต่งตั้งมาจากคนที่ "ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกเข้ามา" ...
แล้วทำไม ...ต้องปฏิเสธการเลือกตั้งกัน ...การเลือกตั้งที่ผิด ...หรือผิดที่ "คนเลือกตั้งไม่ใส่ใจ" ...
บางที อาจจะเป็นเพราะคนไทยบางกลุ่ม (ที่ต้องบางกลุ่มเพราะคิดว่าคนไทยน่าจะพัฒนาบ้างแล้วจนไม่ใช่เป็นนิสัยคนไทยทั่วไป) ชอบอะไรที่มันง่าย ...ง่ายซะจนอยากได้อะไรที่มันง่ายๆ อะไรก็ได้ขอให้ตัวเองไม่ลำบากชีวิต ...หรือว่าอยากได้อะไรก็ว่ามาอยากให้ฉันลำบาก เลยเกิดการชอบอะไรลัดๆ ไม่มีหลักการ ข้ามขั้นตอน ไร้กระบวนการ กลัวความซับซ้อน ...
- ชอบติดสินบนเพื่อความสะดวก
- ชอบละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่นเพื่อความสะดวกของตัวเอง
- ไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน ปกครองมาเลยก็ได้ขี้เกียจมีส่วนร่วม
- และสุดท้าย ..อย่าให้ตัวเองต้องไปถกเถียงอะไรมากเลยเพราะขี้เกียจ วุ่นวาย เอาเป็นว่าฉันถูกหมด
....วิธีการเลือกตั้งก็ไปเอาเข้ามา กฎหมายก็ไปล้อเค้ามา (แถมผสมผสานมันจากหลายต้นแบบ) มันก็ไม่น่าจะเพี้ยนไปจากต้นทางได้ขนาดนี้เลยนะ ... สุดท้าย ข้าเจ้าก็ยังคิดว่าพระราชดำรัสขององค์ ร.7 ตอนโดนคณะราษฎร์ ทำการปฏิวัติทูลขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกนั้น ทรงตรัสไว้ชัดเจนมากถึงการที่ทรงมีพระประสงค์ต้องการให้อำนาจนี้แก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล ไม่ใช่กลุ่มหรือคณะบุคคลใดบุคลหนึ่ง ....
ปล. ต้องขออภัยจริงๆ ที่ยาว ...ถกได้นะ ละๆ เรื่องประชดกระแนะกระแหนแบบไร้เหตุผลไว้บ้าง (ถ้าจะมีก็ขอแบบขำๆ หยิกแกมหยอก หลีกเลี่ยงการตะแบงไปเรื่อยละกัน) ถ้าเหนื่อยจะอ่านก็ถือซะว่าข้าเจ้าพิมพ์เล่นๆ ละกัน เพราะไงกระทู้มันก็ไหลเป็นน้ำตกอยู่แล้ว อ่านเสร็จเผลอๆ refresh ปั๊บหายไป 2 หน้าจอทันที ...
Happy New Year 2557 กันนะฮะ
วันนี้คงจะได้เห็นกันไปว่าเบื้องหลัง "มีจริงหรือไม่"
ออกตัวว่าไม่สนว่าจะเป็นแดง เหลือง มะเฟือง มะไฟ ...สนแต่ความสมเหตุสมผลและหลักการเบื้องต้น เป็นไทยอดกลั้น ...
วันนี้คงเป็นวันที่ทางฝั่งเพื่อไทยเข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้วมั้ง "ของการทดสอบอำนาจ" ...จากที่ว่าจะมีการเข้าคาราวะปีใหม่ป๋าเปรมพร้อม ผบ. เหล่าทัพ ... ตั้งแต่เรื่อง พรบ. นิรโทษฯ เป็นต้นมา ดูคล้ายเหมือนถอย เหมือนเพลี้ยงพล้ำ เหมือนหลงทาง ...แต่ถ้าลองๆ มองๆ ดู
ลองมองในอีกมุมมองหนึ่ง ...หลายๆ ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า มันมีการเปิดเผยตัวตนออกมาทีละเปราะของฝั่งตรงข้ามเพื่อไทย ...
- ปชป. และบรรดา สว.สรรหากลุ่มหนึ่งยื่นเรื่องให้...
- ตลก. วินิจฉัยค่อนไปทางลบ (แต่ไม่มีผลต่อการทำหน้าที่ในสภาในหัวข้อที่มา สว.)
- ส่ง กปปส. ออกมา
- ในขณะเดียวกันก็มีข่าวการรับลูกพิจารณาเรื่องจำนำข้าวแบบลัดคิวจาก ปปช.
เหล่านี้คือตัวละครหลักๆ ที่เปิดเผยตัวออกมา ...ตามด้วยตัวละครรับลูกอย่าง
- คปท.
- ทปอ.
- ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะชั้นร่ำรวยนายทุน ชนชั้นกลาง หรือชาวบ้าน ...ก็ได้ประมาณนึงเหมือนกัน
และตบท้ายด้วยกลุ่มที่ยังไม่ยอมเลือกออกนอกหน้าอย่างกองทัพ ...เหมือนฉลามที่วนรอดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ รอให้มีคาวเลือดมากพอให้สัมผัสได้ค่อยจู่โจม... ส่วนตำรวจ ...อืม ...เค้าลอยได้ทุกเมื่อ
...ถ้ามองจากมุมม็อบ ...
โอ้โห !! คนต้าน คนไม่เอารัฐบาล มวลหมา ...เอ๊ย! มหาประชาชนเยอะแยะอย่างนี้ องค์กรหลายภาคส่วน เอกชนใหญ่ๆ ไฮโซ ดาราเพียบ ...นี่คือ "เสียงที่มีน้ำหนัก" ...ทำไม!!! ทำไมไม่ออกไปซะทีวะตระกูล "ชินวัตร" ...
... แต่ในมุมตรงข้าม ..
แต่ละเรื่องที่เกิด ถ้าลองไล่ๆ ติดตามกันมา ส่วนตัวข้าเจ้ากลับมองเห็นลักษณะของ "เย่อล่อปลา"
- เหยื่อล่ออันแรกคือการหย่อน พรบ.นิรโทษฯ เหยื่อตัวเดียวได้ปลาที่ซ่อนออกมาเพียบ แล้วก็จัดการ "ถอนออกไป" โดยที่ปลาติดเบ็ดเหล่านั้นถอยไปซ่อนไม่ได้แล้วเพราะออกหน้ากันมาหมด (กองทัพกับตำรวจยังไม่ออกมา)
- เหยื่อต่อมาคือ มติแก้ไข พรบ. ที่มา สว. ...อันนี้มันก็แปร่งๆ บ้างในเรื่องตอนพิจารณาวาะมีกดบัตรแทนบ้าง ไรบ้าง ..แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของการพิจารณาในสภา ก็ยิ่งเน้นได้ใหญ่ว่าปลาที่ล่อออกมา "ไม่ผิดตัว"
- เมื่อปลาตัวหลักๆ ออกมากันเกือบหมด ไม่เว้นแม้แต่อีแอบปลาซิวปลาสร้อยนักวิชาการ หรือกลุ่มย่อยของเก่าจากเสื้อเหลือง ก็จัดการลากเบ็ดราวแล้วเหวี่ยงแหรวบด้วยการ "ยุบสภา" เพื่อใช้ไม้ตาย "เลือกตั้ง" ตีให้คอหักกันเป็นแถว ...
....นั่นจึงได้เห็นอาการ "ตรรกะเพี้ยน" ที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนปลาไม่ได้น้ำ ดื้นแปลกๆ ...จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งบ้างหละ ...บ้างก็ไม่เอาเลยจะโค่นมันท่าเดียว ...บ้างก็เล่นบอยคอตปฏิเสธการเลือกตั้ง ...บ้างก็เสนอคำว่า "สภาประชาชน" แบบหน้าตาเกลี้ยงๆ แต่สีดำมาแต่ไกล
มันเป็นอะไรที่หาไม่ได้ง่ายๆ แล้วในยุคนี้ ชนิดที่สร้างความงุนงงให้แก่ "คนนอก" อย่างชาวต่างชาติ หรือประเทศฝ่ายเสรีนิยม (ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ของประชาคมโลก) ...แต่นั่นแหละ ที่ทำให้ "อะไรๆ มันชัดเจนขึ้น" ..
ข้าเจ้ามองว่านี่มันกลายเป็นการ "ประจาน" ให้ชาวโลกเห็นว่ามันมีกลุ่มพวกนี้จริงๆ นะที่ไม่เอาประชาธิปไตย และทำให้หลายประเทศหันมาสนใจรากเหง้าของปัญหาในประเทศเล็กๆ ได้อย่างแยบยล ...
"กูมาไล่ชินวัตร กูมาไล่นักการเมืองโกง ไม่ใช่ไม่เอาเลือกตั้ง" ..."อย่าๆๆๆ กูไม่เอานักการเมืองโกง" ..."เลือกตั้งไม่ใช่ทางออกของปัญหา" ...
หลายวาทะกรรมที่ออกมา นับวันจะกลายเป็นข้ออ้าง ขาดน้ำหนักแห่งความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรนอกเสียจาก "มันขัดแย้งกับพฤติกรรมที่แสดงออกของม็อบ"
(พูดถึงตรงนี้บางท่านที่เข้ามาใหม่อาจจะลืมไปว่า Mob มันสะกดเป็นภาษาอังกฤษอย่างนี้ แต่ช่วงแรกฝรั่งเค้าใช้ Protester เพื่อเป็นการให้เกียรติมากกว่าเพราะมันยังมีจุดมุ่งหมาย ยังพอจับประเด็นได้ชัดเจน ...แต่ก็กลายเป็น Mob หลังจากที่จุดหมายมันเล่นเปลี่ยนไปเรื่อย พฤติการก็เพี้ยนจากสันติ อหิสา จนสุดท้ายมีความรุนแรงแบบไร้ขอบเขต)
ส่วนตัวมองว่า ถ้ามันจะเป็นการลงทุนขนาดนี้จริงๆ เพื่อ "กระชากหน้ากากมันทั้งยวง" หรือที่คลิปฝั่งนึงใน Youtube เสนอว่า "ต้นไม้พิษ" มันก็ถือว่าเสี่ยงและแทบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะของ "การต่อสู้ทางการเมือง" ที่มโหฬารใช่เล่น เป็นการเดิมพันที่หนักเอาการ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่ง "การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย" ...และตัวแปรสุดท้าย (หรือยังวะ) ในสมการก็กำลังจะได้รับการทดสอบในวันนี้แล้ว ...
การปฏิรูปอะไรก็ตาม ด้วยหลัการพื้นฐานง่ายๆ "1 เสียงประชาชนมีค่าเท่ากัน" "ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของปักเจกชน" หลักง่ายๆ ของประชาธิปไตย ถ้ามีอะไรที่แม้แต่นิดเดียวที่จะนำไปสู่การขัดแย้งกับหลักง่ายๆ ข้างต้น มันก็ไม่ควรจะได้รับการพิจารณามิใช่หรือ ...หลายกระทู้ความเห็นข้าเจ้ามักจะแชร์ความเห็นด้วยหลักง่ายๆ แบบนี้ ..แน่นอน คนโกงมันมี แต่ในระบอบประชาธิปไตยก็มีหลักให้เกิดการตรวจสอบได้ ...แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราต้องลองถามใจตัวเองกันดูว่ามันคือ "การตรวจสอบที่เป็นธรรม" หรือไม่ ...
ทุกวันนี้ หลายๆ กลุ่มที่บางคนมองว่าเห็นไปทางเดียวกันที่จะจัดการฝั่งเพื่อไทย (ไม่ขอใช้คำว่ารัฐบาลนะ เพราะนั่นหมายถึงไม่ใช่แค่เพื่อไทย ..แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมา ส่อให้เห็นแล้วว่า เป้าหมายมีแค่โค้นล้มพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว) ทำให้ประชาชนบางกลุ่มบางคน มองเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ...แต่ ...มันคือการ "เอียง" หรือไม่ ...ทุกการกระทำที่เกิดกับพรรคเพื่อไทยในกระบวนการตรวจสอบได้เกิดอย่างเท่าเทียมกันกับฝั่งตรงข้ามหรือไม่ ...แน่นอน ข้ออ้างเรื่องพอไม่ทำให้เท่ากันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝั่งที่โดนกล่าวหาแต่แรกจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง ...แต่ไม่ว่าการตรวจสอบใดๆ ที่เกิดขึ้น ..
มันอยู่บนพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือเปล่า ...
ไม่ว่าจะเป็นทั้งข้อกฎหมาย กลุ่มบุคลากรองค์กรตรวจสอบ พฤติกรรมการทำหน้าที่ ...นี่เรากำลังอยู่ในยุค "ล่าแม่มด" หรือ "ภัยความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์" แบบในอเมริกาอยู่เหรอ (ที่นั่นเหตุการณ์พวกนี้มันเกินครึ่งศตวรรษไปแล้วนะ) ที่สำคัญ หลักการพื้นฐานง่ายๆ ในระบอบประชาธิปไตย 1 เสียงเท่าเทียมกัน นั่นหมายถึงการเข้าถึงอย่างเท่าๆ กัน และการแสดงความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน ...กลุ่มคนๆ เล็กๆ ไฉนมีอำนาจมากพอที่จะตัดสินผิดถูกได้โดยคนอื่นๆ ในสังคมไม่สามารถมีส่วนร่วมได้เลยหรือ ...
หรือเพราะพื้นฐานที่มาของกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในหลักการ 1 เสียงเท่าเทียมกัน ...
ข้าเจ้ามีหลักง่ายๆ ในการมองกลุ่มองค์กรเหล่านี้ที่ใช้คิดเล่นๆ เวลามองว่ามันผิดเพี้ยนหรือไม่ตั้งแต่ตั้งไข่ คือ ถ้ามันไม่ได้มาจากหลัก 1 เสียงเท่าเทียมกัน ก็ให้สงสัยไว้ก่อนได้ว่ามันอาจจะมีแนวโน้มไม่เป็นธรรม หรือใช้ไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย ...และเนื้อแท้ของกลุ่มเหล่านี้ กำลังมีสภาพเหมือนปลาติดเหยื่อที่โดนลากมาอยู่บนบก แล้วดิ้นรนด้วยท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนตอนอยู่ในน้ำอย่างที่เราๆ ท่านๆ กำลังเห็น ... แม้แต่เสียงวิจารณ์จากคนนอกอย่างสื่อต่างประเทศก็ยังบอกได้เป็นนัยๆ แม้แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากรัฐบาลหลายประเทศก็แสดงจุดยืนเรื่องการเลือกตั้ง ...นั่นคือสิ่งที่ใช้คัดง้างได้ดีกับพฤติกรรมของกลุ่มปลาติดเหยื่อเหล่านี้ ...
ให้ทุกอย่างมันเริ่มจาก "การเลือกตั้ง" ได้คนดี หรือไม่ดี สุดท้าย กระบวนการตรวจสอบที่เกิดจาก "ประชาชน" คัดเลือกเป็นพื้นฐานจะสร้างความชอบธรรมในการคัดกรองคนเอง ...ถ้า สส. มันมีปลาเน่า นอกจากความนิยมในตัวพรรคและท้องถิ่นของ สส. นั้นๆ จะบ่งบอก ... สว. ที่จะสามารถตั้งองค์กรตรวจสอบ ถ้ามันมีพื้นฐานมาจาก 1 เสียงเท่าเทียมกัน ก็จะสามารถสร้างกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยอมรับได้มาทำการตรวจสอบและคัดกรองลงโทษนักการเมืองเอง โดยไม่ตะขิดตะขวงใจได้เลยว่ามาจากการแต่งตั้ง ...เพราะมันแต่งตั้งมาจากคนที่ "ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกเข้ามา" ...
แล้วทำไม ...ต้องปฏิเสธการเลือกตั้งกัน ...การเลือกตั้งที่ผิด ...หรือผิดที่ "คนเลือกตั้งไม่ใส่ใจ" ...
บางที อาจจะเป็นเพราะคนไทยบางกลุ่ม (ที่ต้องบางกลุ่มเพราะคิดว่าคนไทยน่าจะพัฒนาบ้างแล้วจนไม่ใช่เป็นนิสัยคนไทยทั่วไป) ชอบอะไรที่มันง่าย ...ง่ายซะจนอยากได้อะไรที่มันง่ายๆ อะไรก็ได้ขอให้ตัวเองไม่ลำบากชีวิต ...หรือว่าอยากได้อะไรก็ว่ามาอยากให้ฉันลำบาก เลยเกิดการชอบอะไรลัดๆ ไม่มีหลักการ ข้ามขั้นตอน ไร้กระบวนการ กลัวความซับซ้อน ...
- ชอบติดสินบนเพื่อความสะดวก
- ชอบละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่นเพื่อความสะดวกของตัวเอง
- ไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน ปกครองมาเลยก็ได้ขี้เกียจมีส่วนร่วม
- และสุดท้าย ..อย่าให้ตัวเองต้องไปถกเถียงอะไรมากเลยเพราะขี้เกียจ วุ่นวาย เอาเป็นว่าฉันถูกหมด
....วิธีการเลือกตั้งก็ไปเอาเข้ามา กฎหมายก็ไปล้อเค้ามา (แถมผสมผสานมันจากหลายต้นแบบ) มันก็ไม่น่าจะเพี้ยนไปจากต้นทางได้ขนาดนี้เลยนะ ... สุดท้าย ข้าเจ้าก็ยังคิดว่าพระราชดำรัสขององค์ ร.7 ตอนโดนคณะราษฎร์ ทำการปฏิวัติทูลขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกนั้น ทรงตรัสไว้ชัดเจนมากถึงการที่ทรงมีพระประสงค์ต้องการให้อำนาจนี้แก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล ไม่ใช่กลุ่มหรือคณะบุคคลใดบุคลหนึ่ง ....
ปล. ต้องขออภัยจริงๆ ที่ยาว ...ถกได้นะ ละๆ เรื่องประชดกระแนะกระแหนแบบไร้เหตุผลไว้บ้าง (ถ้าจะมีก็ขอแบบขำๆ หยิกแกมหยอก หลีกเลี่ยงการตะแบงไปเรื่อยละกัน) ถ้าเหนื่อยจะอ่านก็ถือซะว่าข้าเจ้าพิมพ์เล่นๆ ละกัน เพราะไงกระทู้มันก็ไหลเป็นน้ำตกอยู่แล้ว อ่านเสร็จเผลอๆ refresh ปั๊บหายไป 2 หน้าจอทันที ...
Happy New Year 2557 กันนะฮะ