ออกตัวก่อนว่า จขกท เป็นพวกที่ไม่เคยปลูกฝังให้ยึดกับความคิดหรืออะไรรูปแบบเดิมๆแบบไร้เหตุผล ผมถูกสอนให้ยึดสิ่งที่ดีที่สุด, ข้อบกพร่องน้อยและมีความเหมาะสมที่สุดเท่านั้น ตอนนี้งานที่ทำก็เลยอยู่สาย"พัฒนา" โดยการวิเคราะห์และทำการปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่งใหม่ที่ดีกว่ามาทดแทนสิ่งเก่าๆที่มีจุดบกพร่องหรือข้อเสียนั่นเอง โดยปกติแล้วจะมีการ Brainstrom ของคนหลายๆคนเพื่อหาข้อดีหรือข้อเสียของวิธีการต่างๆก่อนที่จะนำไปพัฒนาจริง ซึ่งผมก็จะถือว่ากระทู้นี้ที่ผมสร้างขึ้นมานั้นใช้เพื่อ Brainstrom แบบนั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นใครที่โผล่ออกมาแสดงความเห็นไม่เกี่ยวกับกระทู้ เช่น ด่าอย่างเดียวไม่คุยด้วยเหตุผล, โผล่มาบอกผมชอบพรรคนู้น ผมเกลียดพรรคนี้ พวกนี้ผมขออนุญาติลบคอมเมนท์โดยไม่บอกล่วงหน้านะครับ เพราะผมถือว่าไม่เป็นความคิดเห็นที่สร้างสรรค์
------------------------------------------------------
เรื่องรูปแบบการเลือกตั้งแบบ 1 คนกาให้ 1 พรรคการเมืองอย่างในปัจจุบันผมมองว่ามีข้อเสีย ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันใน 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมาได้ดังนี้
สมมุติคนมีสิทธิ์เลือกตั้ง 5 คน มี 2 คนชอบพรรค A และ 3 คนเกลียดพรรค A เมื่อถึงการเลือกตั้งปรากฏว่า 2 คนแรกลงคะแนนให้พรรค A แต่ 3 คนหลังลงคะแนนให้พรรค B,C และ D อย่างละ 1 ทำให้ผลออกมาคือพรรค A = 2, B = 1, C = 1 และ D = 1
ถามว่ามัน make sense ไหมที่สุดท้ายพรรคที่มีเสียงส่วนใหญ่เกลียดกลับได้ถูกเลือกขึ้นมา? สำหรับผมมัน nonsense สุดๆ ซึ่งก็ไม่ต้องห่วงว่าผมหมายถึงพรรคไหนพิเศษหรือเปล่า ผมมองว่าพรรคใหญ่ทั้งสองพรรคคือ A และ B มีสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน คือคนชอบเท่ากำมือ คนเกลียดเท่าภูเขา (หรือง่ายๆว่าคนเกลียดมากกว่าคนชอบนั่นแหละ) ม๊อบมันถึงออกมาได้ทุกรัฐบาลไม่ว่า A หรือ B จะได้เป็น เพราะจุดบกพร่องแบบนี้
หรือยกอีกหนึ่งตัวอย่างง่ายๆของการเลือกตั้งผู้ว่าที่ผ่านมา จากการที่ผมได้คุยกับหลายๆคนรอบตัว ทุกคนล้วนสนใจผู้สมัครใหม่ๆทั้งสิ้น เหตุผลเพราะว่ามีนโยบาย,อุดมการณ์หรือแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายพอถึงการเลือกตั้ง ถามว่าทำไมพวกเขาถึงไปเลือกคนของพรรค XXX ? เหตุผลก็เพราะไม่ต้องการให้อีกพรรคได้ ซึ่งมันทำให้ผู้สมัครหน้าใหม่ที่ดูแววแล้วว่าดีกลับไม่ถูกเลือกตั้งอย่างที่ผ่านๆมา นี่ก็เป็นอีกข้อเสียหนึ่งที่เห็นได้ด้วยการเลือกตั้งแบบเดิมๆที่จำกัดกรอบและมีจุดที่ผมถือว่าเป็นข้อบกพร่อง
-----------------------------------------------------------
แต่ถ้าเราปรับปรุงวิธีการเลือกตั้งจากแบบเดิมที่ให้กาพรรคเดียวมาเป็นแบบนี้ละ?
ให้คนเลือกตั้งสามารถกา O หรือ X อย่างใดอย่างหนึ่งให้กับพรรคทุกพรรคในการเลือกตั้งโดยที่ไม่ต้องมีข้อจำกัดว่าจะ O หรือ X กี่อัน โดยให้ยึดถือว่า
O = ยอมรับพรรคนั้น ให้คะแนนเท่ากับ +1
X = ไม่ยอมรับพรรคนั้น ให้คะแนนเท่ากับ -1
---------------------------------
ตัวอย่างถ้าเกิดการเลือกตั้ง
ใบลงคะแนนใบที่ 1 A=O, B= X, C=O D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 2 A=O, B= X, C=X D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 3 A=X, B= O, C=O D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 4 A=X, B= X, C=O D=O
ใบลงคะแนนใบที่ 5 A=X, B= X, C=O D=X
ผลออกมาได้ว่า A = -1, B = -3 , C=3, D=-3
----------------------------------
ผลลัพท์ของการเลือกตั้งแบบนี้คือจะได้ "พรรคที่มีคนให้การยอมรับมากที่สุด" หรือก็เป็น "พรรคที่มีคนเกลียดน้อยที่สุด" ได้ถูกรับเลือกขึ้นมานั่นเอง ถามว่ามันมีข้อดียังไง และมีข้อเสียยังไง เท่าที่ผมนึกออกก็มีดังนี้
ข้อดี
1. ป้องกันจุดบกพร่องที่พรรคที่มีเสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่ชอบได้ถูกรับเลือกขึ้นมา
2. กำจัดนโยบายที่ไม่ฉลาดหรือไม่สร้างสรรค์ เช่น นโยบายที่เอื้อเฟื้อต่อกลุ่มคนแค่ในบางภูมิภาคหรือในบางชนชั้น เพราะถ้าพรรคไหนที่ออกนโยบายเพื่อเอื้อแก่คนบางกลุ่มเพื่อต้องการเป็นฐานเสียงและทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเสียผลประโยชน์ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาพรรคที่ออกนโยบายแบบนี้จะมีคะแนน X มากกว่าคะแนน O ถือเป็นการปฎิรูปพรรคการเมืองในการออกนโยบายให้คำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศมากกว่าคนแค่บางส่วน
3. ทำให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เพราะการเลือกตั้งแต่ละพรรคนั้นจะเป็นการลงคะแนนเสียงให้ทั้งสิ้น ทำให้คนเลือกตั้งต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละพรรคมากกว่าเดิมก่อนเลือก O หรือ X
4. เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองหรือตัวเลือกใหม่ๆมีสิทธิ์สูงขึ้นในการรับเลือก ป้องกันปัญหาอย่างที่ผ่านๆมา
5. ทำให้พรรคที่จะถูกรับเลือกจะต้องปรับปรุงให้มีเสียงชอบมากขึ้นและเสียงเกลียดน้อยลง
เป็นการกำจัดความเกลียดชังต่อพรรคตนเองให้น้อยลงไป
ข้อเสีย
1. การเลือกตั้งมีความซับซ้อนมากขึ้น
2. ???? นึกไม่ออก
มีคนเคยถามผมเหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วถ้ามีพวกที่ลง O ให้พรรคเดียวและ X ให้พรรคอื่นๆทั้งหมดจะเป็นไปได้หรือไม่? คำตอบคือเป็นไปได้ แต่อย่าลืมว่าพวกที่จะลงคะแนนเสียงแบบนี้ได้ แสดงว่าพวกนั้นเป็นพวกสุดโต่งในพรรคการเมืองหรือพวกชอบแบบไร้เหตุผล ซึ่งผมว่าพวกนี้มีเป็นส่วนน้อยของประเทศเท่านั้นที่จะลงคะแนนเสียงแบบนี้ เพราะว่าถ้าเกิดมีสองพรรคที่มีนโยบายดีมาก แค่ว่าคนนั้นกลับเลือกให้พรรคเดียวได้ O และอีกพรรคเดียวได้ X แสดงว่าคนนั้นฝักใฝ่พรรคใดพรรคหนึ่งแบบไร้เหตุผลแน่นอน -> ถามต่อว่าสุดท้ายแล้วโอกาสที่คนทุกคนในประเทศมันจะเลือกแบบนี้มีไหม? คำตอบก็มี แต่นั่นมันเป็น Worst case ที่คนในประเทศทั้งหมดไร้เหตุผลหรือเป็นพวกสุดโต่งกันหมดแล้ว ซึ่งความน่าจะเป็นของมันน้อยมากๆสำหรับกรณี Worst case แบบนี้(ถ้าเป็นแบบนั้นจริงประเทศก็บรรลัยละครับ) และอีกอย่างถ้ามี Worst case แบบนี้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งแบบใหม่มันก็จะให้ผลที่เป็นแบบการเลือกตั้งแบบเก่านั่นเอง ซึ่งไม่ถือว่าผลที่ได้จะแย่กว่าแบบการเลือกตั้งปัจจุบันเลย (เท่าทุน ไม่ขาดทุน)
----------------------------------------------
เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลข้างบนผมมองว่าจุดบกพร่องของการเลือกตั้งแบบเก่ามันมีอยู่มาก และการเลือกตั้งแบบใหม่ที่ผมลองๆคิดดูมันมีข้อดีมากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิมๆ เพราะงั้นอยากเชิญทุกคนมา Brainstrom ถึงข้อดีข้อเสียของวิธีแบบปัจจุบันที่เป็นอยู่และวิธีที่จะเป็นไปได้ในอนาคต ขอยึดกฏแบบที่ได้กล่าวไปก่อนแล้ว พวกโผล่มาด่าๆไม่คุยด้วยเหตุผล หรือพวกออกมาโผล่ออกบอกชอบหรือเกลียดพรรคไหนผมจะขอทำการลบคอมเมนท์ทิ้งเพราะมันไม่เกี่ยวกับกระทู้ที่ผมตั้งใจอยากให้ Discuss เรื่องของวิธีการเลือกตั้งเพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการปฎิรูปเท่านั้น
การปฎิรูปประเทศไทย โดยการปรับปรุงรูปแบบการเลือกตั้ง เป็นไปได้หรือไม่
------------------------------------------------------
เรื่องรูปแบบการเลือกตั้งแบบ 1 คนกาให้ 1 พรรคการเมืองอย่างในปัจจุบันผมมองว่ามีข้อเสีย ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันใน 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมาได้ดังนี้
สมมุติคนมีสิทธิ์เลือกตั้ง 5 คน มี 2 คนชอบพรรค A และ 3 คนเกลียดพรรค A เมื่อถึงการเลือกตั้งปรากฏว่า 2 คนแรกลงคะแนนให้พรรค A แต่ 3 คนหลังลงคะแนนให้พรรค B,C และ D อย่างละ 1 ทำให้ผลออกมาคือพรรค A = 2, B = 1, C = 1 และ D = 1
ถามว่ามัน make sense ไหมที่สุดท้ายพรรคที่มีเสียงส่วนใหญ่เกลียดกลับได้ถูกเลือกขึ้นมา? สำหรับผมมัน nonsense สุดๆ ซึ่งก็ไม่ต้องห่วงว่าผมหมายถึงพรรคไหนพิเศษหรือเปล่า ผมมองว่าพรรคใหญ่ทั้งสองพรรคคือ A และ B มีสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน คือคนชอบเท่ากำมือ คนเกลียดเท่าภูเขา (หรือง่ายๆว่าคนเกลียดมากกว่าคนชอบนั่นแหละ) ม๊อบมันถึงออกมาได้ทุกรัฐบาลไม่ว่า A หรือ B จะได้เป็น เพราะจุดบกพร่องแบบนี้
หรือยกอีกหนึ่งตัวอย่างง่ายๆของการเลือกตั้งผู้ว่าที่ผ่านมา จากการที่ผมได้คุยกับหลายๆคนรอบตัว ทุกคนล้วนสนใจผู้สมัครใหม่ๆทั้งสิ้น เหตุผลเพราะว่ามีนโยบาย,อุดมการณ์หรือแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายพอถึงการเลือกตั้ง ถามว่าทำไมพวกเขาถึงไปเลือกคนของพรรค XXX ? เหตุผลก็เพราะไม่ต้องการให้อีกพรรคได้ ซึ่งมันทำให้ผู้สมัครหน้าใหม่ที่ดูแววแล้วว่าดีกลับไม่ถูกเลือกตั้งอย่างที่ผ่านๆมา นี่ก็เป็นอีกข้อเสียหนึ่งที่เห็นได้ด้วยการเลือกตั้งแบบเดิมๆที่จำกัดกรอบและมีจุดที่ผมถือว่าเป็นข้อบกพร่อง
-----------------------------------------------------------
แต่ถ้าเราปรับปรุงวิธีการเลือกตั้งจากแบบเดิมที่ให้กาพรรคเดียวมาเป็นแบบนี้ละ?
ให้คนเลือกตั้งสามารถกา O หรือ X อย่างใดอย่างหนึ่งให้กับพรรคทุกพรรคในการเลือกตั้งโดยที่ไม่ต้องมีข้อจำกัดว่าจะ O หรือ X กี่อัน โดยให้ยึดถือว่า
O = ยอมรับพรรคนั้น ให้คะแนนเท่ากับ +1
X = ไม่ยอมรับพรรคนั้น ให้คะแนนเท่ากับ -1
---------------------------------
ตัวอย่างถ้าเกิดการเลือกตั้ง
ใบลงคะแนนใบที่ 1 A=O, B= X, C=O D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 2 A=O, B= X, C=X D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 3 A=X, B= O, C=O D=X
ใบลงคะแนนใบที่ 4 A=X, B= X, C=O D=O
ใบลงคะแนนใบที่ 5 A=X, B= X, C=O D=X
ผลออกมาได้ว่า A = -1, B = -3 , C=3, D=-3
----------------------------------
ผลลัพท์ของการเลือกตั้งแบบนี้คือจะได้ "พรรคที่มีคนให้การยอมรับมากที่สุด" หรือก็เป็น "พรรคที่มีคนเกลียดน้อยที่สุด" ได้ถูกรับเลือกขึ้นมานั่นเอง ถามว่ามันมีข้อดียังไง และมีข้อเสียยังไง เท่าที่ผมนึกออกก็มีดังนี้
ข้อดี
1. ป้องกันจุดบกพร่องที่พรรคที่มีเสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่ชอบได้ถูกรับเลือกขึ้นมา
2. กำจัดนโยบายที่ไม่ฉลาดหรือไม่สร้างสรรค์ เช่น นโยบายที่เอื้อเฟื้อต่อกลุ่มคนแค่ในบางภูมิภาคหรือในบางชนชั้น เพราะถ้าพรรคไหนที่ออกนโยบายเพื่อเอื้อแก่คนบางกลุ่มเพื่อต้องการเป็นฐานเสียงและทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเสียผลประโยชน์ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาพรรคที่ออกนโยบายแบบนี้จะมีคะแนน X มากกว่าคะแนน O ถือเป็นการปฎิรูปพรรคการเมืองในการออกนโยบายให้คำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศมากกว่าคนแค่บางส่วน
3. ทำให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เพราะการเลือกตั้งแต่ละพรรคนั้นจะเป็นการลงคะแนนเสียงให้ทั้งสิ้น ทำให้คนเลือกตั้งต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละพรรคมากกว่าเดิมก่อนเลือก O หรือ X
4. เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองหรือตัวเลือกใหม่ๆมีสิทธิ์สูงขึ้นในการรับเลือก ป้องกันปัญหาอย่างที่ผ่านๆมา
5. ทำให้พรรคที่จะถูกรับเลือกจะต้องปรับปรุงให้มีเสียงชอบมากขึ้นและเสียงเกลียดน้อยลง เป็นการกำจัดความเกลียดชังต่อพรรคตนเองให้น้อยลงไป
ข้อเสีย
1. การเลือกตั้งมีความซับซ้อนมากขึ้น
2. ???? นึกไม่ออก
มีคนเคยถามผมเหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วถ้ามีพวกที่ลง O ให้พรรคเดียวและ X ให้พรรคอื่นๆทั้งหมดจะเป็นไปได้หรือไม่? คำตอบคือเป็นไปได้ แต่อย่าลืมว่าพวกที่จะลงคะแนนเสียงแบบนี้ได้ แสดงว่าพวกนั้นเป็นพวกสุดโต่งในพรรคการเมืองหรือพวกชอบแบบไร้เหตุผล ซึ่งผมว่าพวกนี้มีเป็นส่วนน้อยของประเทศเท่านั้นที่จะลงคะแนนเสียงแบบนี้ เพราะว่าถ้าเกิดมีสองพรรคที่มีนโยบายดีมาก แค่ว่าคนนั้นกลับเลือกให้พรรคเดียวได้ O และอีกพรรคเดียวได้ X แสดงว่าคนนั้นฝักใฝ่พรรคใดพรรคหนึ่งแบบไร้เหตุผลแน่นอน -> ถามต่อว่าสุดท้ายแล้วโอกาสที่คนทุกคนในประเทศมันจะเลือกแบบนี้มีไหม? คำตอบก็มี แต่นั่นมันเป็น Worst case ที่คนในประเทศทั้งหมดไร้เหตุผลหรือเป็นพวกสุดโต่งกันหมดแล้ว ซึ่งความน่าจะเป็นของมันน้อยมากๆสำหรับกรณี Worst case แบบนี้(ถ้าเป็นแบบนั้นจริงประเทศก็บรรลัยละครับ) และอีกอย่างถ้ามี Worst case แบบนี้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งแบบใหม่มันก็จะให้ผลที่เป็นแบบการเลือกตั้งแบบเก่านั่นเอง ซึ่งไม่ถือว่าผลที่ได้จะแย่กว่าแบบการเลือกตั้งปัจจุบันเลย (เท่าทุน ไม่ขาดทุน)
----------------------------------------------
เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลข้างบนผมมองว่าจุดบกพร่องของการเลือกตั้งแบบเก่ามันมีอยู่มาก และการเลือกตั้งแบบใหม่ที่ผมลองๆคิดดูมันมีข้อดีมากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิมๆ เพราะงั้นอยากเชิญทุกคนมา Brainstrom ถึงข้อดีข้อเสียของวิธีแบบปัจจุบันที่เป็นอยู่และวิธีที่จะเป็นไปได้ในอนาคต ขอยึดกฏแบบที่ได้กล่าวไปก่อนแล้ว พวกโผล่มาด่าๆไม่คุยด้วยเหตุผล หรือพวกออกมาโผล่ออกบอกชอบหรือเกลียดพรรคไหนผมจะขอทำการลบคอมเมนท์ทิ้งเพราะมันไม่เกี่ยวกับกระทู้ที่ผมตั้งใจอยากให้ Discuss เรื่องของวิธีการเลือกตั้งเพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการปฎิรูปเท่านั้น