สวัสดีค่ะทุกท่านที่ติดตามชมและหลงเข้ามาอ่าน
ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ กะจะให้จบก่อนปีใหม่ซะเลย
ต้องออกตัวก่อนเลยว่า รีวิวอันนี้ ไม่ได้แนะนำว่าของถูกอยู่ที่ไหน หรือควรซื้ออะไรบ้างนะคะ
แต่เป็นบันทึกความทรงจำเสียมากกว่าว่าไปเจออะไรบ้าง ไปตรงไหนมาบ้าง
โปรดติดตามชมกันค่าาาาาา
http://pantip.com/topic/31407156 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/31411136 ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/31442298 ตอนที่ 3
วันที่ 5 ของทริป : 13 ธันวาคม 2556
วันนี้ ตั้งใจจะใช้เป็นวันช้อปปิ้งทั้งวันค่ะ และถ้ามีโอกาสก็จะเที่ยวที่ที่น่าไปด้วย เช่น Osaka Aquarium Kaiyukan แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะท่าทางจะเดินทางลำบาก (จริงๆ คือขี้เกียจอ่ะ พูดง่ายๆ)
เราเลยออกจากโรงแรมสายหน่อย 9 โมงกว่า เกือบ 10 โมง เพราะคิดว่าตามห้างหรือแหล่งช้อปปิ้งน่าจะยังไม่เปิด (เดาเอา)
subway สาย Midotsuji line สายสีแดง ค่อนข้างจะไปถึงแหล่งช้อปปิ้งได้หมดดังนั้น เราเลยตั้งใจจะไปแถวๆ Shinsaibashi และ Namba ค่ะ
ถ้าพูดจริงๆ แล้ว ไปที่สถานี Namba เลยก็จะได้เจอแหล่งช้อปปิ้งแม้จะยังไม่ออกจากใต้ดินเลยจ้าาาาาา
ตอนที่เดินทางนั้น เราไปถึง Namba ก็ฝนตกแล้วล่ะค่ะ ตกเปาะแปะจนถึงเที่ยงเลย
จากที่เคยอ่านข้อมูลในเว็บนึงมา เค้าบอกว่า "ให้ออกจากสถานีนัมบะ ทางออกที่ 10-11 จะเจอแหล่งช้อปปิ้งทันที"
เอาเข้าจริง ทางออก 10 กับ 11 อยู่ไกลกันมากกกกกกก เมื่อออกจาก 10 เจอแต่ตึกสูง ดูงงๆ ส่วน 11 อยู่หลังห้างห้างนึง (จำชื่อไม่ได้)
ต้องเดินไปตรงซอยหลังห้างค่ะ ถึงจะเจอ shopping arcade แต่ก็ยังไม่ใช่ส่วนที่เราต้องการอยู่ดี เราก็เดินมั่วๆ เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ เจอร้าน drug store ก็ช้อปเครื่องสำอางไปสิ หุหุ
จนไปเจอ Game Center แถวๆ นั้นเข้า...
เห็นน้องผู้หญิง 2 คนเล่นเจ้าเกมนี้อยู่ Dance Revolution ซึ่งเวลาเต้น จะไม่ใช้แค่ขาแล้วนะ ต้องวาดแขน ทำมืออะไรตามหน้าจอด้วย
คือเราว่าท่าเต้นมันแปลกๆ นะ แต่น้อง 2 คนนี้ก็เต้นเก่งทีเดียว แทบจะไม่หลุดจังหวะเลย เพื่อนผู้ชาย 2 คนที่ยืนข้างๆ เองก็เต้นเป็นด้วย (เห็นทำท่าตามเพลงอยู่)
ไม่รู้ว่ามีใครนำเข้าในไทยแล้วรึยัง แต่เราว่ามันน่าสนใจดี ต้องใช้ความกล้าในการเล่นพอสมควรเลย
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ เราก็ไปเจอร้านนี้เข้า...
ไม่ได้โฆษณานะคะ แต่เสื้อผ้าน้องหมาร้านนี้ โดนใจจริงๆ จนต้องซื้อมาฝากตัวแสบ 2 ตัวที่บ้านคนละตัว 5555
ตัวที่แขวนข้างหน้านี่ ตอนแรกอยากได้เหมือนกันค่ะ แต่ราคาพันกว่า สองพันเยน แถมหนาอีกต่างหาก ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวบ้านเราไม่หนาวค่ะ (แต่พอกลับมาสักพัก หนาวเลย - -)
ปล. เสื้อติดป้าย made in Thailand T T ขายตัวละ 1000 เยน กรี๊ดดดดดด ประเทศไทยมีขายที่ไหนชี้เป้าทีค่ะจะตามไปซื้อ
ไม่ยอมมองกล้องกันง่า -3-
เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้าน Daruma กับเจ้าปูตัวนี้ ร้านดังนี่นา!!! แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว เย้ๆๆๆ
เราเดินไปถึงก็เที่ยงพอดีอ่ะค่ะ ในร้านก็คนยังไม่เยอะ ไม่ถึงกับต้องต่อคิว
ในร้านมีเมนู 4 ภาษา : ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อังกฤษ ให้เลือกค่ะ
เราสั่ง Dotonburi Set ราคา 1400 เยน
https://lh4.googleusercontent.com/-EW9oZ8E3OI8/TwEgcunw-hI/AAAAAAAAEuk/xpPKJER_wZ0/s800/IMG_3184.JPG (ยืมรูปมานะคะ)
มีกาละมังใส่กะหล่ำปลีสด จาน ผ้าเช็ดมือ ชาอู่หลงสั่งต่างหาก แก้วละ 300 เยน ถาดเงินข้างหลังเป็นถาดใส่น้ำจิ้ม ซึ่งหลายท่านคงทราบแล้วว่าให้จิ้มแค่ครั้งเดียวนะจ้ะ กัดแล้วห้ามจิ้มซ้ำอีก
กระบอกไม้ไผ่เอาไว้ใส่ไม้เสียบที่กินหมดแล้วค่ะ
ของทานเล่น เลือกได้ 3 อย่าง เราสั่ง edamame หรือถั่วแระญี่ปุ่น (ตอนนั้นลืมว่ามันคืออะไร สั่งมั่วว่าชื่อคุ้นๆ ได้ถั่วแระญี่ปุ่น โชคดีไป 5555)
ทั้งเซต มี 9 ไม้ 9 อย่าง และมาเป็นเซตแบบ 5-4 ค่ะ โดยจะมีน้องพนักงานสุดน่ารักมาอธิบายว่าแต่ละไม้คืออะไร (น้องเค้าพยายามพูดอังกฤษด้วยนะ)
อันที่เรากัดไปแล้วคือเนื้อชุบแป้งทอด ในถาดจากซ้ายไปขวา : กุ้งชุบแป้งทอด (สุดยอด) หน่อไม้ฝรั่ง ไข่นกกะทา และโมจิทอด (อันนี้อร่อยมาก)
เซตถัดมามี ไส้กรอก (กินไปแล้ว) หมูทอด ลูกชิ้นไก่ และลูกชิ้นปลาชีส
แทะกะหล่ำปลีแกล้มไปด้วย ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีค่ะ ชาอู่หลงเองก็โอเค เราสั่งเบิ้ลชาอู่หลงไปอีกแก้วด้วย
ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 2000 เยนค่ะ ไม่อิ่มแต่กินให้พอเป็น check point 5555
[CR] All Alone in Kyoto-Osaka : เดินเล่นย่าน Namba กันจ้า [ตอนจบ]
ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ กะจะให้จบก่อนปีใหม่ซะเลย
ต้องออกตัวก่อนเลยว่า รีวิวอันนี้ ไม่ได้แนะนำว่าของถูกอยู่ที่ไหน หรือควรซื้ออะไรบ้างนะคะ
แต่เป็นบันทึกความทรงจำเสียมากกว่าว่าไปเจออะไรบ้าง ไปตรงไหนมาบ้าง
โปรดติดตามชมกันค่าาาาาา
http://pantip.com/topic/31407156 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/31411136 ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/31442298 ตอนที่ 3
วันที่ 5 ของทริป : 13 ธันวาคม 2556
วันนี้ ตั้งใจจะใช้เป็นวันช้อปปิ้งทั้งวันค่ะ และถ้ามีโอกาสก็จะเที่ยวที่ที่น่าไปด้วย เช่น Osaka Aquarium Kaiyukan แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะท่าทางจะเดินทางลำบาก (จริงๆ คือขี้เกียจอ่ะ พูดง่ายๆ)
เราเลยออกจากโรงแรมสายหน่อย 9 โมงกว่า เกือบ 10 โมง เพราะคิดว่าตามห้างหรือแหล่งช้อปปิ้งน่าจะยังไม่เปิด (เดาเอา)
subway สาย Midotsuji line สายสีแดง ค่อนข้างจะไปถึงแหล่งช้อปปิ้งได้หมดดังนั้น เราเลยตั้งใจจะไปแถวๆ Shinsaibashi และ Namba ค่ะ
ถ้าพูดจริงๆ แล้ว ไปที่สถานี Namba เลยก็จะได้เจอแหล่งช้อปปิ้งแม้จะยังไม่ออกจากใต้ดินเลยจ้าาาาาา
ตอนที่เดินทางนั้น เราไปถึง Namba ก็ฝนตกแล้วล่ะค่ะ ตกเปาะแปะจนถึงเที่ยงเลย
จากที่เคยอ่านข้อมูลในเว็บนึงมา เค้าบอกว่า "ให้ออกจากสถานีนัมบะ ทางออกที่ 10-11 จะเจอแหล่งช้อปปิ้งทันที"
เอาเข้าจริง ทางออก 10 กับ 11 อยู่ไกลกันมากกกกกกก เมื่อออกจาก 10 เจอแต่ตึกสูง ดูงงๆ ส่วน 11 อยู่หลังห้างห้างนึง (จำชื่อไม่ได้)
ต้องเดินไปตรงซอยหลังห้างค่ะ ถึงจะเจอ shopping arcade แต่ก็ยังไม่ใช่ส่วนที่เราต้องการอยู่ดี เราก็เดินมั่วๆ เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ เจอร้าน drug store ก็ช้อปเครื่องสำอางไปสิ หุหุ
จนไปเจอ Game Center แถวๆ นั้นเข้า...
เห็นน้องผู้หญิง 2 คนเล่นเจ้าเกมนี้อยู่ Dance Revolution ซึ่งเวลาเต้น จะไม่ใช้แค่ขาแล้วนะ ต้องวาดแขน ทำมืออะไรตามหน้าจอด้วย
คือเราว่าท่าเต้นมันแปลกๆ นะ แต่น้อง 2 คนนี้ก็เต้นเก่งทีเดียว แทบจะไม่หลุดจังหวะเลย เพื่อนผู้ชาย 2 คนที่ยืนข้างๆ เองก็เต้นเป็นด้วย (เห็นทำท่าตามเพลงอยู่)
ไม่รู้ว่ามีใครนำเข้าในไทยแล้วรึยัง แต่เราว่ามันน่าสนใจดี ต้องใช้ความกล้าในการเล่นพอสมควรเลย
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ เราก็ไปเจอร้านนี้เข้า...
ไม่ได้โฆษณานะคะ แต่เสื้อผ้าน้องหมาร้านนี้ โดนใจจริงๆ จนต้องซื้อมาฝากตัวแสบ 2 ตัวที่บ้านคนละตัว 5555
ตัวที่แขวนข้างหน้านี่ ตอนแรกอยากได้เหมือนกันค่ะ แต่ราคาพันกว่า สองพันเยน แถมหนาอีกต่างหาก ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวบ้านเราไม่หนาวค่ะ (แต่พอกลับมาสักพัก หนาวเลย - -)
ปล. เสื้อติดป้าย made in Thailand T T ขายตัวละ 1000 เยน กรี๊ดดดดดด ประเทศไทยมีขายที่ไหนชี้เป้าทีค่ะจะตามไปซื้อ
ไม่ยอมมองกล้องกันง่า -3-
เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้าน Daruma กับเจ้าปูตัวนี้ ร้านดังนี่นา!!! แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว เย้ๆๆๆ
เราเดินไปถึงก็เที่ยงพอดีอ่ะค่ะ ในร้านก็คนยังไม่เยอะ ไม่ถึงกับต้องต่อคิว
ในร้านมีเมนู 4 ภาษา : ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อังกฤษ ให้เลือกค่ะ
เราสั่ง Dotonburi Set ราคา 1400 เยน
https://lh4.googleusercontent.com/-EW9oZ8E3OI8/TwEgcunw-hI/AAAAAAAAEuk/xpPKJER_wZ0/s800/IMG_3184.JPG (ยืมรูปมานะคะ)
มีกาละมังใส่กะหล่ำปลีสด จาน ผ้าเช็ดมือ ชาอู่หลงสั่งต่างหาก แก้วละ 300 เยน ถาดเงินข้างหลังเป็นถาดใส่น้ำจิ้ม ซึ่งหลายท่านคงทราบแล้วว่าให้จิ้มแค่ครั้งเดียวนะจ้ะ กัดแล้วห้ามจิ้มซ้ำอีก
กระบอกไม้ไผ่เอาไว้ใส่ไม้เสียบที่กินหมดแล้วค่ะ
ของทานเล่น เลือกได้ 3 อย่าง เราสั่ง edamame หรือถั่วแระญี่ปุ่น (ตอนนั้นลืมว่ามันคืออะไร สั่งมั่วว่าชื่อคุ้นๆ ได้ถั่วแระญี่ปุ่น โชคดีไป 5555)
ทั้งเซต มี 9 ไม้ 9 อย่าง และมาเป็นเซตแบบ 5-4 ค่ะ โดยจะมีน้องพนักงานสุดน่ารักมาอธิบายว่าแต่ละไม้คืออะไร (น้องเค้าพยายามพูดอังกฤษด้วยนะ)
อันที่เรากัดไปแล้วคือเนื้อชุบแป้งทอด ในถาดจากซ้ายไปขวา : กุ้งชุบแป้งทอด (สุดยอด) หน่อไม้ฝรั่ง ไข่นกกะทา และโมจิทอด (อันนี้อร่อยมาก)
เซตถัดมามี ไส้กรอก (กินไปแล้ว) หมูทอด ลูกชิ้นไก่ และลูกชิ้นปลาชีส
แทะกะหล่ำปลีแกล้มไปด้วย ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีค่ะ ชาอู่หลงเองก็โอเค เราสั่งเบิ้ลชาอู่หลงไปอีกแก้วด้วย
ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 2000 เยนค่ะ ไม่อิ่มแต่กินให้พอเป็น check point 5555