[CR] All Alone in Kyoto-Osaka : เที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกในชีวิต [Part 1]

สวัสดีค่ะ นานทีปีหนเราจะได้เจอกันสักทีนะคะ หัวเราะ

ใครที่จำไม่ได้ ให้นึกถึง pae_ya เข้าไว้ค่ะ คนเดียวกันเปลี่ยนชื่อ login เท่านั้นค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ทริปคราวนี้มาแบบปัจจุบันทันด่วน มีเวลาวางแผนเที่ยวแค่ 10 วันแล้วบินเลย อะไรจะรีบขนาดนั้น!



เราเพิ่งกลับมาจากทริปเกียวโต-โอซาก้าระหว่างวันที่ 9-14 ธันวาคมนี้เอง

ที่พิเศษคือ เราได้ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก และเป็นการเที่ยวด้วยตัวเองค่ะ

เป็นครั้งแรกของอะไรหลายๆ อย่าง เช่น พักห้องรวมในโฮสเทลครั้งแรก แบ็คแพ็คครั้งแรก อีกต่างหาก

เราเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะกล้าทำและทำได้ถึงขนาดนี้ ลองอ่านกันดูนะคะ




เรื่องมันเริ่มที่ว่า เราเปิดไปเจอโปรโมชั่นตั๋วการบินไทยลดราคาช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมเข้าพอดี (บางเส้นทาง)

ตอนแรกเปิดไป โห 12xxx บาทเอง (มารู้ทีหลังว่ายังไม่รวมภาษี พอรวมแล้วเป็น 20xxx บาท)

ประกอบกับไปเจอกระทู้ของติวเตอร์ตู่เข้า http://pantip.com/topic/31285728

เราถึงกับตบะแตก เห้ยยยยยยยยยยย โอซาก้าอ่ะ กรี๊ดดดดดดดด จะไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เที่ยวไปถามเพื่อน พี่ น้อง คนรู้จักทุกคนหาแนวร่วม อยากไปๆๆๆๆๆ

แน่นอนว่า มีแต่ที่ให้ความหวังแล้วจากไป (คือมาถามๆๆๆ แล้วสุดท้ายก็ ไม่ไปนะ เงิบเบาๆ)

สุดท้าย ขอพ่อจะไปเที่ยวคนเดียวนะ ถามเพื่อนแล้วไม่มีใครไปด้วย พ่อก็ยอมให้ไปเองซะอย่างนั้น!!! ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่ให้ไป มันลำบาก

เราเลยจัดการจองตั๋วเครื่องบินเลยค่ะ ไปวันที่ 9-14 ธันวาคม เวลากลับกำลังดี บินเช้า กลับถึงบ่ายไรงี้ (ไม่อยากบินกลางคืน ถึงเช้า เช็คอินกระเป๋าไม่ได้)

ตอนแรกเรามึนมาก ไม่รู้จะเที่ยวที่ไหน วางแผนยังไง เดินทางยังไง พักที่ไหน

ทำไมทุกอย่างมันมึนไปหมด มีเวลาเตรียมตัวแค่ 10 วันเอง (จองวันที่ 29 พ.ย. บิน 9 ธ.ค. รีบมาก)

น้องชล ผู้ผลักดันและเชียร์ให้เราเที่ยวคนเดียวมาตลอด ให้คำปรึกษาเรื่องนี้แทบจะตลอดทั้งวัน

คอยอธิบายว่า รถไฟมีอะไรบ้าง บัตรรถไฟที่ใช้ได้มีอะไรบ้าง เที่ยวที่ไหน พักที่ไหนดี เดินทางยังไง ฯลฯ

จนทำให้ทริปลงตัวมาได้ จากตอนแรกจะเที่ยวแค่โอซาก้า กลายเป็น เกียวโต-โอซาก้า(พ่วงนารา) ขึ้นมาได้

ขอบคุณน้องชลอีกครั้งมากๆ

การเตรียมตัวนั้น เราต้องพึ่งพา Uniqlo เป็นหลักค่ะ ของเดิมที่ใช้คือลองจอน หมวก ผ้าพันคอ เสื้อ fleece(ของ uniqlo) รองเท้าบู้ทคู่ชีพ

แต่ด้วยสภาวะทางด้านการเมือง ทำให้เราเข้ากรุงเทพไปซื้อ uniqlo ด้วยตัวเองไม่ได้ เลยอาศัยให้เพื่อนซื้อให้แทนค่ะ

สิ่งที่ซื้อเพิ่มคือ ลองจอนแบบ heattech อีกตัว/เสื้อขนเป็ด ultra light down jacket/ถุงมือ

เก็บกระเป๋าให้เบาที่สุด อะไรใส่ซ้ำได้ก็ใส่ เสื้อผ้าของ uniqlo ก็เบาอยู่แล้ว จึงไม่ใช่ปัญหาค่ะ




มาถึงวันเดินทางกันบ้าง อย่างที่บอกว่า วันที่ 9 คือวันที่มวลมหาประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาล

ทำให้เราหวั่นๆ ว่า เราจะไปสนามบินทันเวลามั้ย การบินไทยจะบินรึเปล่า สารพัดจะกังวลค่ะ

เราเองก็ถึงสนามบินก่อนเวลาบินราวๆ 2 ชม. กว่าๆ แถวเช็คอินแอบยาวพอสมควร แต่ก็เดินแถวได้เร็วค่ะ

มีโอกาสได้ลองเข้าไปใช้บริการ Louis Tavern ด้วยสิทธิ์ของบัตรเครดิตธนชาต Visa Platinum Max ด้วย



คนเยอะเต็มห้องเลย ตอนแรกว่าจะรีวิว แต่คงทำไม่ได้ เลยถ่ายมาแค่นี้ค่ะ orz

กว่าจะได้เข้าเล้าจ์ก็ 7 โมงกว่า ต้องรีบกินๆๆๆ แล้วรีบเดินไปที่เกท คราวนี้เป็น E9



สุดสายสุดซอยเช่นเคย (ตอนไปนิวยอร์ค E10)

คนไม่เยอะมากเท่าไหร่ ซึ่งนั่นแปลว่า ไฟลทไม่เต็มค่ะ เราได้เลือกที่นั่งริมหน้าต่างด้วย ยิ้ม




เครื่อง take off แล้ว หน้าต่างมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะด้วย หัวเราะ



ระหว่างการนั่งเครื่องบินนั้น เราจะได้ยินข่าวจากแอร์ทั้งหลายเรื่องม๊อบ "ยุบสภาแล้วนะ" แต่ไม่รู้รายละเอียดค่ะ

จริงๆ คือเค้าประกาศยุบสภาตอนที่เครื่องกำลังจะ take off พอดี ลูกเรือคงได้ข่าวกันตอนนั้นน่ะเอง




ช่วงก่อนที่เราจะได้ landing กันนั่นเอง จู่ๆ เครื่องบินก็เชิดหัวขึ้นอีกครั้ง

กัปตันประกาศว่า เราต้องบินวนก่อน 10 นาทีเนื่องจากมีเครื่องบินลำนึงไม่สามารถนำเครื่อง take off จากสนามบินได้

เราเลยได้บินวนรอบทะเล 1 รอบ แล้วค่อย landing ที่สนามบินคันไซค่ะ = =

บอกตรงๆ ว่าตอนเข้าด่าน ตม. เราเองก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ เหมือนกันนะ เพราะไม่ได้เตรียมเอกสารแสดงตัวอะไรไปเลยว่าฉันมีงานทำและกลับบ้านแน่นอน ไปแต่ใจกับเอกสารการจองทั้งหลาย

คุณพี่ตม.เองก็ตรวจอยู่นานมาก เคาะๆ อะไรนานเหลือเกิน กลัวจะมีปัญหาอดเข้าประเทศเค้าจริงๆ

แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ เย้!!!



พอออกมา เราก็เดินหาห้องขายบัตรรถไฟทั้งหลาย เป้าหมายคือบัตร ICOCA+Haruka

ตอนแรกมุ่งหมายว่าจะเอาลาย Pikachu ค่ะ แต่มันไม่มี!!! มีแต่ลายยักษ์กับคิตตี้ เลยเอาคิตตี้มา




เราซื้อแบบพ่วงบัตรรถไฟ Haruka ขาเดียว ราคาทั้งหมด 3000 เยนมาค่ะ

เพราะวันนี้เราต้องนั่งรถไฟไปที่เกียวโตเพื่อเริ่มเที่ยววันแรก

แต่ไฟลทลงก็ 15.45 น. (เวลาท้องถิ่น) แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือ ไปเช็คอินโรงแรม หาอะไรกินแล้วนอนค่ะ

บัตร ICOCA อ่านว่า อิโคกะ เป็นบัตรโดยสารแบบเติมเงิน คล้ายๆ บัตรแรบบิทบ้านเรา

เติมเงินแล้วไม่มีส่วนลดใดๆ แค่อาศัยความสะดวกรวดเร็ว ย่นเวลาการซื้อตั๋วเท่านั้นเอง และสามารถเติมเงินได้จากตู้ขายตั๋วทั่วไปได้ด้วยค่ะ

มีวิธีการเติมเงินและวิธีการใช้งานต่างๆ รวมไปถึงแผนที่รถไฟที่สามารถใช้บัตรใบนี้ได้ในสมุดคู่มือที่ได้มาพร้อมบัตรได้เลย

บัตรใบนี้ ราคา 2000 เยน ค่ามัดจำ 500 เยน เท่ากับว่ามีเงินในบัตร 1500 เยน

ใช้ได้ในเขตเกียวโต โอซาก้า และโกเบ นะคะ เวลาจะใช้ให้ลองสังเกตสัญลักษณ์ ICOCA ดู หรือคำว่า IC card ค่ะ



ในช่วงที่เรานั่งรถไฟ Haruka ไปลงสถานีเกียวโตนั้น เราแอบกังวลค่ะ แม้จะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องก็ตาม แต่บนรถไฟมีการประกาศนั่นนี่ตลอดทาง ทำให้เราสับสนเอาจริงๆ ทั้งๆ ที่มั่นใจว่านั่งรถถูกขบวนแล้วนะ

เราก็ยังไม่วายถามพี่คนไทยสองสามีภรรยาที่นั่งรถไฟคันเดียวกัน พี่สองคนลงที่ Shin-Osaka เราต้องนั่งรถไฟไปต่อเพื่อลงที่สถานีเกียวโต

สถานีเกียวโต ใหญ่โตและสับสนวุ่นวายค่ะ เราเดินหลงทางอยู่พักใหญ่เลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปลง subway ที่ตรงไหนได้ ตรงนี้ก็ subway ตรงนั้นก็ subway

ถามยามที่ประตูทางออก เค้าก็ให้ลงไป subway ในสถานี (ซึ่งคาดว่าเป็น JR ในนารา) พอเดินลงไป ถามพนักงานอีกที เค้าก็ไล่ให้ขึ้นไปทางเดิม เราเลยเดินออกจากสถานีไปเลย

ปรากฏว่าเราคิดถูกที่เดินออกมาค่ะ เราเจอทางลง subway แล้วก็เจอจุดจอดแท็กซี่ด้วย

ครั้งนี้เราหงุดหงิดตรงที่ว่า เราไม่รู้จะถามใครค่ะ เราเลยกะว่าขึ้นแท็กซี่ดีกว่า เรามีแผนที่ด้วยนะ

ความเงิบก็มาเยือนเมื่อเราขนของขึ้นรถและขึ้นรถไปแล้ว ปรากฏว่า คนขับแท็กซี่อ่านแผนที่ไม่เป็น!!

He บอกให้เราโทรหาทางโรงแรม แต่โทรศัพท์เราโทรไม่ได้ แกเลยไล่เราลงจากรถ บอกให้ไปหาตำรวจแทน

เราได้แต่แบกความเจ็บช้ำครั้งนี้แล้วเดินลง subway เอง แล้วไปงมโข่งกับตู้ขายตั๋วเอา ถามป้าพนักงานไป นางก็แค่บอกว่า เราอยู่ตรงนี้เลขสถานีนี้ เราต้องหยอดเงิน 230 เยนนะ เอ้าไปซื้อเอง (กำ)

ตู้คุณพี่ก็เข้าใจยากบรม มี guideline ภาษาอังกฤษแค่ตอนแรก อธิบายว่าซื้อยังไง หลังจากนั้นเป็นญี่ปุ่นหมดค่ะ!!!

งมไปงมมา ต้องเลือก ticket (kippu) นะ แล้วก็หยอดเงินลงไป จำนวนเงินที่เราจะซื้อก็จะโผล่ขึ้นมาบนปุ่ม กดเลือก 230 เยน ตั๋วก็จะออกมา

พูดง่ายๆ คือ เหมือนตั๋ว BTS บ้านเราอ่ะค่ะ ดูที่ราคาแล้วก็หยอดเงินเอา จบ...//โง่ตั้งนาน ดวก!

เนื่องจากความงก เราลงที่สถานี Shijo แล้วเลือกที่จะเดินไปที่ Exit 10 ตามที่โรงแรมให้แผนที่เอาไว้ เดินๆๆๆๆ คาดว่าเป็นกิโล กระเป๋าหนัก หนาว เหนื่อย เพลีย หิว นรกมาก ณ ตอนนั้น

จำได้ว่าตอนไปถึงโรงแรม เราดีใจนะ แต่พนักงานหน้าตาไม่รับแขกเอาซะเลย พวกนางนิ่งมาก เราลากกระเป๋ามา แทนที่นางจะกล่าวต้อนรับอะไรหน่อย นางบอก "ปิดประตูด้วยค่ะ"

อิหอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (เสียงกรีดร้องในใจ)

โรงแรมที่เราเลือกมาพักในเกียวโต 2 คืนคือ Khaosan Kyoto Guesthouse ตามคำแนะนำของน้องชล ผู้มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน

เราเลือกนอนแบบ Female dorm single bed ค่ะ นอนห้องหญิงล้วนสบายใจกว่าเยอะ

คืนนั้นเราหิวข้าวตาลาย ปวดท้อง สารพัดค่ะ อาศัยข้าวห่อไข่แถวๆ โรงแรมให้รอดตายคืนนั้นไป

มาดูสภาพห้องกัน ห้องหญิงล้วนเป็น bunk bed แบบ 6 เตียง มีม่านกั้นเป็นสัดส่วน เราได้เตียงหมายเลข 6

บนเตียงมีผ้าลินินให้คนละ 2 ผืนสำหรับปูเตียง ตอนเช็คเอ้าท์ เราต้องถอดผ้าปูกับปลอกหมอนไปใส่ตะกร้าหน้าระเบียงด้วยนะ แกจะได้เอาไปซัก

ที่นี่ต้องเช่าผ้าเช็ดตัว 500 เยนนะ หรือจะเอาไปเองก็ได้

ในห้องน้ำมีแชมพู สบู่ ครีมนวดผมให้ มีไดร์เป่าผมให้เรียบร้อย

สิ่งที่ชอบที่สุดคือ แกเปิดฮีตเตอร์เกือบทุกส่วนของตึกค่ะ ในห้องนอนเองก็มีเครื่องปรับอากาศเช่นกัน อุ่นสบายสุดๆ




มีล็อกเกอร์เก็บของให้ของแต่ละคน แต่ก็เฉพาะของมีค่าเล็กน้อยเท่านั้น



คืนแรก มีแค่เรากับแม่สาวอีกคนที่เตียง 2 เท่านั้นเอง สบายยยยยยยยยยยยย ห้องเป็นของเรา

ข้อเสียของที่นี่มีแค่ไม่กี่อย่างค่ะ

1. ปลั๊กไฟมีน้อย มีเฉพาะไฟที่เตียงแค่ 1 ช่องเท่านั้น เราก็ผลัดๆ กันเสียบชาร์จแบตนั่นแหล่ะค่ะ - -"



ส่วนอื่นในห้องก็มีแค่ 2 จุดเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมา

2. ห้องน้ำในโซน Female dorm มีห้องอาบน้ำ/ห้องสุขาแค่อย่างละ 1 ห้องเท่านั้น
ทางโรงแรมแจ้งว่า ถ้าห้องน้ำเต็มหรือไม่ว่าง ไปใช้ได้ที่ชั้นอื่นก็ได้นะจ้ะ ไม่ว่ากัน

3. wifi ค่อนข้างเต่ามากถึงมากที่สุด เราคิดว่าญี่ปุ่นเน็ตไม่ค่อยดีเท่าเกาหลีค่ะ ไม่รู้เกี่ยวกับที่ว่าคนใช้เยอะรึเปล่านะ แต่เวลามันล่ม มันก็ล่มพร้อมกันหมด รวมถึง pocket wifi ของเราด้วยค่ะ


คืนนั้น เราหิวจนเกือบหน้ามืด แถมกว่าจะได้ลงมาก็สองทุ่มกว่าละ ร้านรวงเริ่มทยอยปิด เราเลยพุ่งตัวไปที่คาเฟ่เล็กๆ ไม่ไกลจากโรงแรม สั่งเซตข้าวห่อไข่มากินอย่างหน้ามืด

เราว่าข้าวห่อไข่ที่ญี่ปุ่นก็คล้ายๆ กับร้าน Omu บ้านเราอ่ะค่ะ 55555 ใกล้เคียงสุดละ
ชื่อสินค้า:   เกียวโต โอซาก้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่