การปรับปรุงพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ทาริฟ) คืบเมื่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมนำผลศึกษาของบริษัท ทัทชาม (ประเทศไทย) ที่แบ่งกลุ่มรถยนต์ ที่ขายในประเทศไทยออกเป็น 20 กลุ่มตามความเสี่ยงโดยทดสอบในเชิงวิศวกรรมมาพิจารณาปรับใช้กับอัตราเบี้ยในปัจจุบันตามที่สมาคมประกัน วินาศภัยไทยชงขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลต่อเบี้ยรถยนต์ในปีหน้าจะเปลี่ยนแปลงอีก ครั้งมีทั้งปรับเพิ่มขึ้นและถูกลง
+ ปีหน้าได้ฤกษ์รื้ออ้างอิง 20 กลุ่ม
+ ประกันชี้เบี้ยรถไม่พอคุ้มครองนอกปท.
แหล่งข่าวจากสำนักงานคปภ.กล่าวกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ในปี 2557 ทางคปภ. และ สมาคมฯมีแผนจะพูดคุยเรื่องการปรับปรุง พิกัดอัตราเบี้ยประกันรถยนต์ภาคสมัคร ใจอยู่แล้วเพราะอัตราปัจจุบันใช้มา 7 ปีแล้วนอกเหนือจากนำผลศึกษาของทัทชามมาพิจารณา เพราะมีหลายเรื่องที่ภาคเอกชนสะท้อนปัญหาขึ้นมา อาทิ การขยายความ คุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไป ยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งคปภ.อนุมัติให้ขยายได้ บริษัท ประกันภัยหลายแห่งที่เริ่มขายมีปัญหาค่าใช้จ่าย ในการบริการสูงโดยเฉพาะการทำเคลม เช่น ต้อง ส่งคนเข้าไปทำเคลมในประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหา ในการซ่อมประเทศนั้นๆ มีอู่รองรับหรือไม่ เป็นต้น
ขณะที่พิกัดอัตราเบี้ยประกันในปัจจุบันไม่จูงใจให้บริษัทประกันขายแบบขยายความคุ้มครอง โดยปัจจุบันพิกัดอัตราเบี้ยประกันกำหนดเวลาขยายความคุ้มครองไปนอกประเทศให้คิดเบี้ยเพิ่ม จากเดิมอีก 5% ต่อเดือนหากขายทั้งปีคิดเบี้ยเพิ่มไม่เกิน 20% ขณะที่ต้นทุนบริการสูงกว่านี้
"บริษัทประกันไม่อยากขาย ประชาชนก็เดือดร้อนซื้อประกันลำบากจะไปซื้อกับบริษัทของ ประเทศเพื่อนบ้านเงื่อนไขและความคุ้มครองไม่เหมือนกันอยากทำกับบริษัทไทยก็มีค่าใช้จ่ายสูง และอัตราเบี้ยไม่จูงใจให้ขาย"
+ ยอมรับ 20 กลุ่มสะท้อนเบี้ยดีกว่า
+ รัฐต้องรอบคอบหวั่นกระทบผู้บริโภค
ส่วนประเด็นกลุ่มรถซึ่งทางทัทชามแบ่งไว้ถึง 20 กลุ่ม แหล่งข่าวกล่าวว่า ละเอียดมากกว่าของเดิมที่คปภ.แบ่งไว้ 5 กลุ่ม ซึ่งนิยาม ในการกำหนดเบี้ย 1.ต้องสะท้อนต้นทุนรถ แต่ละคันแต่ละประเภทให้มากที่สุดการจัดกลุ่มกว้างเกินไปการสะท้อนค่าความเสีย หายไม่ละเอียดเท่ากับการซอยออกเป็นกลุ่มย่อย แต่กลุ่มรถที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความสับสนกับผู้บริโภคหรือไม่ เป็นเรื่อง ที่ต้องมาดูอีกทั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลด้วยถ้า รถบางประเภทมีจำนวนน้อยมากเกินไป ปีไหน เกิดเหตุค่าความเสียหายจะสูง ปีไหนไม่เกิด เหตุจะต่ำ ลอสส์แกว่งมาก เทียบกับรถที่มี วอลุ่มมากค่าความเสียหาย จะแกว่งน้อยกว่า
"ถามว่าถ้านำ 20 กลุ่มมาใช้จะทำ ให้เบี้ยขึ้นลงแค่ไหนไม่รู้ การปรับปรุงในปี หน้าจะเป็นการรื้อใหญ่ในรอบ 7 ปีที่เริ่ม ใช้พิกัดนี้มา ตัว 5 กลุ่มรถเราจัดเมื่อปี 2548 และทบทวนไปตอนปี 2553 สำหรับรถใหม่ๆ ที่ออกมาตอนนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่เหมือนตอนนั้น เช่นรถบางรุ่นเคยอยู่กลุ่มเสี่ยงสูงแต่วันนี้ อาจจะไม่อยู่เพราะทำระบบความปลอดภัย ดีขึ้นจะสะท้อนเบี้ยได้ดีขึ้นเป็นประโยชน์ กับผู้บริโภค"
+ รถเล็กแจ็กพอต! อาจจ่ายเบี้ยแพง
+ "ทัทชาม" ย้ำ 20 กลุ่มรับเออีซีได้
ด้าน "วาสิต ล่ำซำ" ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า คปภ. จะมีการทบทวนพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจรอบใหม่ในปี 2557 นี้ทางสมาคมฯคาดหวังว่าจะมีการนำกลุ่ม รถยนต์ทั้ง 20 กลุ่มที่ทัทชามจัดกลุ่มไว้ไปพิจารณาปรับใช้กับพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย รถยนต์ในปัจจุบันที่อิงอยู่กับ 5 กลุ่มรถ อย่าง ไรก็ดี คปภ.ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคการใช้ 20 กลุ่มอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกับอัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉพาะรถตลาดหากราคาเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นต้องดูให้สมดุลกัน
"ถ้าใช้ 20 กลุ่มรถ รถเล็กอาจจะมีประเด็นอัตราเบี้ยขยับบ้างอย่างรถบางรุ่นที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันพอจัดใหม่ อยู่คนละกลุ่มกันเพราะบางรุ่นมีค่าอะ ไหล่สูงกว่า การคิดเบี้ยต้องปรับใหม่ตาม ความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ทุกกลุ่ม ในอนาคต บริษัทประกันภัยสามารถคิดเบี้ยประกันได้สอดคล้องกับความเสี่ยงมากขึ้น ข้อมูลของทัทชามเป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับการผลิตรถยนต์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นได้"
ด้าน "อิทธิพล พุฒิโภคิน" Project Manager บริษัท ทัทชาม (ประเทศไทย) กล่าวว่า 20 กลุ่มรถยนต์ที่บริษัทแบ่ง ออกมาประเมินความเสี่ยงจากปัจจัยถึง 8 ตัวที่มีผลต่อการคำนวณเบี้ยโดยอ้างอิงจากสถิติ 20 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นปัจจัยที่แตก ต่างจาก 5 กลุ่มเดิมที่คปภ.จัดไว้ อาทิ ความ ยากง่ายและระยะเวลาการซ่อมจากการชน, ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ที่เสียหาย, อัตราเร่งของรถถ้าอัตราเร่งสูงโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่า, ความเร็วสูงสุด, สถานที่ผลิต ถ้าผลิตในประเทศเสี่ยงน้อยกว่าตรงราคา อะไหล่ถูกกว่า ซึ่งสามารถสะท้อนความเสี่ยงที่ผลต่อเบี้ยได้ดีกว่า
"เป้าหมายสูงสุดของเราต้องการให้ ผู้ผลิตรถยนต์ปรับปรุงการผลิตยานยนต์ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคมากขึ้น โดยการจัด 20 กลุ่ม เป็นสเต็ปแรก ถ้าหากมีผลต่อเบี้ยประกันเมื่อไหร่เราสามารถนำไปกดดันผู้ผลิตได้น่าจะเริ่มเห็น ในปีหน้า ตอนนี้มีบริษัทประกัน 3-4 บริษัท นำข้อมูลเราไปใช้ในการคำนวณเบี้ย ซึ่งเมื่อมีการเปิดเสรีเบี้ยประกันรถยนต์ จะต้องยกเลิกพิกัดอัตราเบี้ยรถยนต์ข้อมูล ตรงนี้จะจำเป็นมากบริษัทประกันสามารถนำไปใช้เป็นฐานในการคำนวณ เบี้ยได้ดีกว่า 5 กลุ่มเดิมเพราะเมื่อไม่มีพิกัดไม่รู้จะคิดเบี้ยเท่าไหร่"
"อิทธิพล" กล่าวว่า แม้จะแบ่งรถยนต์ออกเป็น 20 กลุ่ม แต่ยังไม่สามารถ สะท้อนความเสี่ยงรถได้ครอบคลุมทั้ง หมดโดยเฉพาะรถราคาถูกหากแบ่งเป็น 50 กลุ่ม เหมือนที่อังกฤษจะสะท้อนความ เสี่ยงได้ละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างรถอีโคคาร์ทั้งหมดถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 1 ความ เสี่ยงต่ำสุด หากจัด 50 กลุ่ม อาจจะคน ละกลุ่มกันขณะที่รถยนต์ในโครงการรถ คันแรกตามหลักการผ่านการทดสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากการชนของยุโรป
เครดิต
http://money.sanook.com/170663/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87/
จับตา! รื้อเบี้ยปีหน้ารถเล็กส่อเค้าจ่ายแพง
+ ปีหน้าได้ฤกษ์รื้ออ้างอิง 20 กลุ่ม
+ ประกันชี้เบี้ยรถไม่พอคุ้มครองนอกปท.
แหล่งข่าวจากสำนักงานคปภ.กล่าวกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ในปี 2557 ทางคปภ. และ สมาคมฯมีแผนจะพูดคุยเรื่องการปรับปรุง พิกัดอัตราเบี้ยประกันรถยนต์ภาคสมัคร ใจอยู่แล้วเพราะอัตราปัจจุบันใช้มา 7 ปีแล้วนอกเหนือจากนำผลศึกษาของทัทชามมาพิจารณา เพราะมีหลายเรื่องที่ภาคเอกชนสะท้อนปัญหาขึ้นมา อาทิ การขยายความ คุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไป ยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งคปภ.อนุมัติให้ขยายได้ บริษัท ประกันภัยหลายแห่งที่เริ่มขายมีปัญหาค่าใช้จ่าย ในการบริการสูงโดยเฉพาะการทำเคลม เช่น ต้อง ส่งคนเข้าไปทำเคลมในประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหา ในการซ่อมประเทศนั้นๆ มีอู่รองรับหรือไม่ เป็นต้น
ขณะที่พิกัดอัตราเบี้ยประกันในปัจจุบันไม่จูงใจให้บริษัทประกันขายแบบขยายความคุ้มครอง โดยปัจจุบันพิกัดอัตราเบี้ยประกันกำหนดเวลาขยายความคุ้มครองไปนอกประเทศให้คิดเบี้ยเพิ่ม จากเดิมอีก 5% ต่อเดือนหากขายทั้งปีคิดเบี้ยเพิ่มไม่เกิน 20% ขณะที่ต้นทุนบริการสูงกว่านี้
"บริษัทประกันไม่อยากขาย ประชาชนก็เดือดร้อนซื้อประกันลำบากจะไปซื้อกับบริษัทของ ประเทศเพื่อนบ้านเงื่อนไขและความคุ้มครองไม่เหมือนกันอยากทำกับบริษัทไทยก็มีค่าใช้จ่ายสูง และอัตราเบี้ยไม่จูงใจให้ขาย"
+ ยอมรับ 20 กลุ่มสะท้อนเบี้ยดีกว่า
+ รัฐต้องรอบคอบหวั่นกระทบผู้บริโภค
ส่วนประเด็นกลุ่มรถซึ่งทางทัทชามแบ่งไว้ถึง 20 กลุ่ม แหล่งข่าวกล่าวว่า ละเอียดมากกว่าของเดิมที่คปภ.แบ่งไว้ 5 กลุ่ม ซึ่งนิยาม ในการกำหนดเบี้ย 1.ต้องสะท้อนต้นทุนรถ แต่ละคันแต่ละประเภทให้มากที่สุดการจัดกลุ่มกว้างเกินไปการสะท้อนค่าความเสีย หายไม่ละเอียดเท่ากับการซอยออกเป็นกลุ่มย่อย แต่กลุ่มรถที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความสับสนกับผู้บริโภคหรือไม่ เป็นเรื่อง ที่ต้องมาดูอีกทั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลด้วยถ้า รถบางประเภทมีจำนวนน้อยมากเกินไป ปีไหน เกิดเหตุค่าความเสียหายจะสูง ปีไหนไม่เกิด เหตุจะต่ำ ลอสส์แกว่งมาก เทียบกับรถที่มี วอลุ่มมากค่าความเสียหาย จะแกว่งน้อยกว่า
"ถามว่าถ้านำ 20 กลุ่มมาใช้จะทำ ให้เบี้ยขึ้นลงแค่ไหนไม่รู้ การปรับปรุงในปี หน้าจะเป็นการรื้อใหญ่ในรอบ 7 ปีที่เริ่ม ใช้พิกัดนี้มา ตัว 5 กลุ่มรถเราจัดเมื่อปี 2548 และทบทวนไปตอนปี 2553 สำหรับรถใหม่ๆ ที่ออกมาตอนนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่เหมือนตอนนั้น เช่นรถบางรุ่นเคยอยู่กลุ่มเสี่ยงสูงแต่วันนี้ อาจจะไม่อยู่เพราะทำระบบความปลอดภัย ดีขึ้นจะสะท้อนเบี้ยได้ดีขึ้นเป็นประโยชน์ กับผู้บริโภค"
+ รถเล็กแจ็กพอต! อาจจ่ายเบี้ยแพง
+ "ทัทชาม" ย้ำ 20 กลุ่มรับเออีซีได้
ด้าน "วาสิต ล่ำซำ" ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า คปภ. จะมีการทบทวนพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจรอบใหม่ในปี 2557 นี้ทางสมาคมฯคาดหวังว่าจะมีการนำกลุ่ม รถยนต์ทั้ง 20 กลุ่มที่ทัทชามจัดกลุ่มไว้ไปพิจารณาปรับใช้กับพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย รถยนต์ในปัจจุบันที่อิงอยู่กับ 5 กลุ่มรถ อย่าง ไรก็ดี คปภ.ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคการใช้ 20 กลุ่มอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกับอัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉพาะรถตลาดหากราคาเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นต้องดูให้สมดุลกัน
"ถ้าใช้ 20 กลุ่มรถ รถเล็กอาจจะมีประเด็นอัตราเบี้ยขยับบ้างอย่างรถบางรุ่นที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันพอจัดใหม่ อยู่คนละกลุ่มกันเพราะบางรุ่นมีค่าอะ ไหล่สูงกว่า การคิดเบี้ยต้องปรับใหม่ตาม ความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ทุกกลุ่ม ในอนาคต บริษัทประกันภัยสามารถคิดเบี้ยประกันได้สอดคล้องกับความเสี่ยงมากขึ้น ข้อมูลของทัทชามเป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับการผลิตรถยนต์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นได้"
ด้าน "อิทธิพล พุฒิโภคิน" Project Manager บริษัท ทัทชาม (ประเทศไทย) กล่าวว่า 20 กลุ่มรถยนต์ที่บริษัทแบ่ง ออกมาประเมินความเสี่ยงจากปัจจัยถึง 8 ตัวที่มีผลต่อการคำนวณเบี้ยโดยอ้างอิงจากสถิติ 20 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นปัจจัยที่แตก ต่างจาก 5 กลุ่มเดิมที่คปภ.จัดไว้ อาทิ ความ ยากง่ายและระยะเวลาการซ่อมจากการชน, ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ที่เสียหาย, อัตราเร่งของรถถ้าอัตราเร่งสูงโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่า, ความเร็วสูงสุด, สถานที่ผลิต ถ้าผลิตในประเทศเสี่ยงน้อยกว่าตรงราคา อะไหล่ถูกกว่า ซึ่งสามารถสะท้อนความเสี่ยงที่ผลต่อเบี้ยได้ดีกว่า
"เป้าหมายสูงสุดของเราต้องการให้ ผู้ผลิตรถยนต์ปรับปรุงการผลิตยานยนต์ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคมากขึ้น โดยการจัด 20 กลุ่ม เป็นสเต็ปแรก ถ้าหากมีผลต่อเบี้ยประกันเมื่อไหร่เราสามารถนำไปกดดันผู้ผลิตได้น่าจะเริ่มเห็น ในปีหน้า ตอนนี้มีบริษัทประกัน 3-4 บริษัท นำข้อมูลเราไปใช้ในการคำนวณเบี้ย ซึ่งเมื่อมีการเปิดเสรีเบี้ยประกันรถยนต์ จะต้องยกเลิกพิกัดอัตราเบี้ยรถยนต์ข้อมูล ตรงนี้จะจำเป็นมากบริษัทประกันสามารถนำไปใช้เป็นฐานในการคำนวณ เบี้ยได้ดีกว่า 5 กลุ่มเดิมเพราะเมื่อไม่มีพิกัดไม่รู้จะคิดเบี้ยเท่าไหร่"
"อิทธิพล" กล่าวว่า แม้จะแบ่งรถยนต์ออกเป็น 20 กลุ่ม แต่ยังไม่สามารถ สะท้อนความเสี่ยงรถได้ครอบคลุมทั้ง หมดโดยเฉพาะรถราคาถูกหากแบ่งเป็น 50 กลุ่ม เหมือนที่อังกฤษจะสะท้อนความ เสี่ยงได้ละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างรถอีโคคาร์ทั้งหมดถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 1 ความ เสี่ยงต่ำสุด หากจัด 50 กลุ่ม อาจจะคน ละกลุ่มกันขณะที่รถยนต์ในโครงการรถ คันแรกตามหลักการผ่านการทดสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากการชนของยุโรป
เครดิต http://money.sanook.com/170663/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87/