คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ขอโทษนะคะ ที่จะบอกว่าบอกว่าปัญหาของคุณมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย (เพราะดิฉันเคยประสพปัญหาที่คล้ายคุณจขกท.มาเเล้วหนักมาก ยังรอด..มาถึงทุกวันนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่บ้าก็ดีเเล้ว) จะบอกคุณว่า เวลาช่วยได้จริงๆค่ะ ปัญหาของมันกำลังตั้งอยู่ ไม่นานมันก็จะดับไปตามคำพระท่านว่า เเล้วมันก็จะกลายเป็นอตีต หากมานั่งย้อนคิดอีกที คุณอาจจะดีใจ(ที่เลิกกับเขา)หรือเสียน้ำตา(ที่ไม่น่าเลิกกับเขาเลย) ก็เป็นได้
โรคใหม่ที่ดิฉันเพิ่งเคยได้ยิน(คือว่าบ้านอยู่หลังเขาหน่ะค่ะ อิอิ เเละยังไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือด้วย) ขออณุญาตินำโรคนี้มาลงใว้เป็นความรู้ เเบ่งปันกันอ่านนะคะ คุณ จขกท. บอกว่า สามีคุณเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (อดีตสามีดิฉันเป็นโรคอารมณ์หลายขั้วกว่าสามีคุณอีกหน่ะค่ะ ของคุณยังดีมีเเค่2ขั้ว ของดิฉันนี่ 4ขั้ว 5ขั้วเลยเเหละค่ะ)
อารมณ์สองขั้ว หรือไบโพล่าร์ (Bipolar disorder) คือ โรคที่มีความผิดปกติของอารมณ์เป็น 2 ขั้ว มีทั้งช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (mania) และบางช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ (depressed) แต่บางคนมีอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติอย่างเดียว โดยไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าก็ได้ โรคนี้พบได้ในประชากรทั่วไปประมาณร้อยละ 3 ซึ่งนับว่าบ่อยทีเดียว พบได้อัตราเท่ากันทั้งหญิงและชาย โดยมักเริ่มมีอาการในช่วงวัยผู้ใหญ่วัยต้น
ไบโพลาร์เกิดได้อย่างไร?
โรคนี้เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง โดยมีสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุล และมีปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้หรือโรคทางจิตเวชอื่น จะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูในวัยเด็ก หรือความเครียดมักเป็นเพียงปัจจัยเสริม
และถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาการต่างๆ อาจจะดีขึ้นเองได้ในบางคน แต่ต้องใช้เวลานาน และกว่าอาการจะดีขึ้น ก็ส่งผลกระทบมากมายทั้งต่อตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง บางคนก่อหนี้สินมากมาย บางคนใช้สารเสพติด บางคนต้องออกจากงานหรือโรงเรียน บางคนทำผิดกฎหมาย และที่รุนแรงที่สุด คือฆ่าตัวตายหรือทำร้ายผู้อื่น และถ้าเป็นหลายๆ ครั้ง อาการครั้งหลังจะเป็นนานและถี่ขึ้น
อาการของโรคมี 2 ช่วง คือ
1.ช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้า - มีอาการเบื่อหน่ายท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร- มองทุกอย่างในแง่ลบ- เรี่ยวแรงลดลง- มีความคิดอยากตาย ซึ่งมีไม่น้อยที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย
2.ช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าว- เชื่อมั่นในตนเองมาก รู้สึกว่าตนมีความสำคัญหรือมีความสามารถมาก- เรี่ยวแรงเพิ่ม นอนน้อยกว่าปกติ โดยไม่มีอาการเพลีย- พูดเร็ว พูดมาก หรือพูดไม่ยอมหยุด- ความคิดแล่นเร็ว มีหลายความคิดเข้ามาในสมอง- สมาธิลดลง เปลี่ยนเรื่องพูดหรือทำอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าง่าย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ- มีกิจกรรมมากผิดปกติ อาจเป็นแผนการหรือลงมือกระทำลงจริงๆ แต่มักทำได้ไม่ดี- การตัดสินใจไม่เหมาะสม เช่น ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายหรือผิดกฎหมาย บางคนจะหงุดหงิดก้าวร้าวจนถึงทะเลาะหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการของโรคจิตร่วมด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า ในคนปกติก็ต้องมีการขึ้นลงของอารมณ์มากบ้างน้อยบ้างตามนิสัย แล้วเมื่อไหร่จึงเรียกว่าผิดปกติหรือเป็นโรค
การจะบอกว่าป่วยแน่นอนต้องใช้เกณฑ์การวินิจฉัยจากแพทย์ แต่ทั่วไปเราควรนึกถึงโรคนี้และไปปรึกษาแพทย์เมื่อ
- การขึ้นลงของอารมณ์มากกว่าคนทั่วไป หรือมากกว่าปกติของคนนั้น เป็นเวลาติดต่อกันนาน 4-7 วัน
- มีความผิดปกติของการกินการนอนร่วมด้วย
- กระทบต่อการทำงานหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
การรักษาโดยทั่วไป แพทย์จะให้ยาและคำแนะนำเกี่ยวกับโรคและยา รวมถึงการดูแลตนเองในด้านต่างๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากอาการใน 2-8 สัปดาห์ และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนก่อนป่วย แต่ในบางรายอาจต้องให้ทำจิตบำบัดร่วมด้วยเพื่อขจัดความเครียด และลดความขัดแย้งกับคนรอบข้างที่เป็นสาเหตุของความเครียด
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุล จึงต้องใช้ยาที่จะปรับสารสื่อประสาท ปัจจุบันมียาควบคุมอารมณ์หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพ ยาในกลุ่มนี้ไม่ใช่ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ ไม่ทำให้ติดยาเมื่อใช้ในระยะยาว แต่มักต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
นอกจากยาควบคุมอารมณ์ แพทย์อาจใช้ยากลุ่มอื่นร่วมด้วยเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีขึ้น ยาทางจิตเวชก็เหมือนกับยาอื่นที่ทุกตัวจะมีผลข้างเคียง แต่อาการและความรุนแรงจะต่างกัน ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายมาก ผู้ป่วยควรได้พูดคุยกับแพทย์เพื่อเลือกยาที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการข้างเคียง สำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรคุยกับแพทย์ถึงประเด็นเหล่านี้ด้วย
โรคนี้มีอัตราการเป็นซ้ำสูงมากถึง 90% ฉะนั้นโดยทั่วไปหลังจากหายแล้ว แพทย์มักแนะนำให้กินยาต่ออย่างน้อย 1 ปี เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ หรืออาจนานกว่านี้ ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนครั้งที่เคยเป็นและความรุนแรงในครั้งก่อนๆ ยาไม่ได้ทำให้สมองเสื่อมลงแต่การป่วยซ้ำหลายๆครั้งทำให้สมองแย่ลงได้
การปฏิบัติตัว
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น ออกกำลังกาย มีกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียด หลีกเลี่ยงสุรา สารเสพติด
3. กินยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามีปัญหาผลข้างเคียงจากยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่ควรหยุดยาเอง
4. หมั่นสังเกตอารมณ์ของตน เรียนรู้อาการแรกเริ่มของโรค และรีบไปพบแพทย์ก่อนจะมีอาการมาก
5. บอกคนใกล้ชิดถึงอาการเริ่มแรกของโรค ให้ช่วยสังเกตและพาไปพบแพทย์
การช่วยเหลือผู้ป่วย
1. เข้าใจว่าอารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติเป็นการเจ็บป่วย ไม่ใช่นิสัยของผู้ป่วย
2. ช่วยดูแลให้ผู้ป่วยกินยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
3. สังเกตอารมณ์ของผู้ป่วย เรียนรู้อาการเริ่มแรกของโรค และรีบพาไปพบแพทย์ก่อนที่จะมีอาการมาก
4. ช่วยควบคุมการใช้จ่ายและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออันตราย ถ้าเห็นว่าผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอีก
5. เมื่อผู้ป่วยหายจากอาการ ให้กำลังใจในการกลับไปเรียนหรือทำงาน และไม่หยุดยาก่อนปรึกษาแพทย์

อันดับเเรกก็ตั้งหลักก่อนค่ะ พูดกับเขาตอนที่เขาอารมณ์ดี ไปหาหมอรับยาค่ะ อันดับต่อมาคือ มองๆช่องทำมาหากินค่ะ อายุมาก การหางานที่อเมริกาไม่เป็นอุปสรรค ภาษาไม่เก่งก็ไปเรียนค่ะ เรียนฟรีก็มีเยอะ หรือตัวเลือกอีกทางนึงก็คือไปปรึกษาสำนักงานปรึกษาปัญหาครอบครัว หาที่ปรึกษาโดยพิมพ์คำว่า marriage counseling ....(ต่อด้วยรัฐหรือเมืองที่คุณอยู่)
ตัวอย่างเช่นดิฉันอยู่ชิคาโก้ ก็พิมพ์คำว่า marriage counseling chicago ลงไปในกูเกิ้ล เเล้วกดเสริจ คอมพิวเตอร์มันก็จะหาให้เราเอง ก็เลือกเอาทีชอบค่ะ

ชีวิตคนเลือกเกิดไม่ได้ เเต่เลือกทางเดินของชิวิตได้ ขอให้คุณตัดสินใจให้รอบครอบ ทุกอย่างในโลกนี้ มีได้อย่างก็ต้องเสียบางอย่างไป ใน1ตัวคน มีทั้งดีเเละชั่ว จงชั่งน้ำหนักเอาค่ะ เขามีดีมากว่าชั่วก็หลับหูหลับตามองข้ามความชั่วความไม่ดีของเขาไป เเต่ถ้าเขามีชั่วมากกว่าดี ก็อย่าทนอยู่ร่วมกันอีกเลย เสียสุขภาพจิต เกิดความเครียด ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นสาเหตุที่มาของโรคความดันโลหิตสูงเเละโรคซึม เศร้า เหงา หงอยค่ะ
เวลามีคนตาย เขาจะพูดว่า ขอให้ไปที่ชอบๆ ขนาดคนตายไปเเล้วยังเขาบอกให้ไปที่ชอบๆ เเต่สำหรับดิฉัน ขอไปที่ชอบๆตอนเป็นๆดีกว่าค่ะ ...
เดี๋ยวนี้เวลาไปติดต่อหน่วยงาน หากคุณบอกว่าคุณไม่เก่งภาษา เขาจะมีล่ามคนไทยให้นะคะ อย่าคิดมากค่ะ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ตัดสินใจให้ดี สมัยก่อนดิฉันชอบว่าตัวว่า เเหม่...รู้ยังงี้เเล้ว ไม่เเต่งกับมันหรอก พาเรามาอยู่อเมริกาเเล้วก็ทิ้งเราไป.... เเต่ตอนนี้คิดใหม่ทำใหม่ค่ะ ในเมื่อวันนี้เรามาอยู่ที่นี่เเล้ว เราก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ไปรำพึงรำพันกับอดีตที่ผ่านมา มันก็ผ่านไปเเล้ว เเก้ไขอะไรไม่ใด้ ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ตั้งใจใว้ว่า เราจะเป็นคนใช้ชีวิต อย่าปล่อยให้ชีวิตใช้เราค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ
There is nothing new under the sun! ไม่มีใหม่สำหรับโลกใบนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา ย่อมเกิดขึ้นมาเเล้วกับคนอื่น เป็นกำลัง เอาใจช่วยให้วันนี้ วันทุกข์ที่สุดของคุณ จงผ่านไปได้นะคะ เเล้ววันพรุ่งนี้จะเป็นของคุณ ...

ในโลกเเห่งกรรม ไม่มีคำว่าบังเอิญ
ทุกสิ่งที่เราเผชิญ คือทุกอย่างที่เราสร้างมา
ลองฟังธรรมะดูนะคะ ได้ข้อคิดจากการฟังมาค่ะ ชอบฟังท่านจันทร์ เเห่งสันติอโศก คำคมมักจะได้ยินท่านเทศน์เสมอๆว่า stop the past-start the new- คือสิ่งที่ล่วงเเล้วเเล้วไปอย่าไฝ่หา ที่ไม่มาก็อย่าพึงคะนึงหวัง อันวันวานผ่านพ้นไม่วนวัง วันข้างหน้ารึก็ยังไม่มาเลย...
คลิปเทศน์ท่านจันทร์ http://www.youtube.com/watch?v=3O9lcSF40QY
ที่มา ไบโพล่าร์ http://onknow.blogspot.com/2009/01/2_22.html
โรคใหม่ที่ดิฉันเพิ่งเคยได้ยิน(คือว่าบ้านอยู่หลังเขาหน่ะค่ะ อิอิ เเละยังไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือด้วย) ขออณุญาตินำโรคนี้มาลงใว้เป็นความรู้ เเบ่งปันกันอ่านนะคะ คุณ จขกท. บอกว่า สามีคุณเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (อดีตสามีดิฉันเป็นโรคอารมณ์หลายขั้วกว่าสามีคุณอีกหน่ะค่ะ ของคุณยังดีมีเเค่2ขั้ว ของดิฉันนี่ 4ขั้ว 5ขั้วเลยเเหละค่ะ)
อารมณ์สองขั้ว หรือไบโพล่าร์ (Bipolar disorder) คือ โรคที่มีความผิดปกติของอารมณ์เป็น 2 ขั้ว มีทั้งช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (mania) และบางช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ (depressed) แต่บางคนมีอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติอย่างเดียว โดยไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าก็ได้ โรคนี้พบได้ในประชากรทั่วไปประมาณร้อยละ 3 ซึ่งนับว่าบ่อยทีเดียว พบได้อัตราเท่ากันทั้งหญิงและชาย โดยมักเริ่มมีอาการในช่วงวัยผู้ใหญ่วัยต้น
ไบโพลาร์เกิดได้อย่างไร?
โรคนี้เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง โดยมีสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุล และมีปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้หรือโรคทางจิตเวชอื่น จะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูในวัยเด็ก หรือความเครียดมักเป็นเพียงปัจจัยเสริม
และถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาการต่างๆ อาจจะดีขึ้นเองได้ในบางคน แต่ต้องใช้เวลานาน และกว่าอาการจะดีขึ้น ก็ส่งผลกระทบมากมายทั้งต่อตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง บางคนก่อหนี้สินมากมาย บางคนใช้สารเสพติด บางคนต้องออกจากงานหรือโรงเรียน บางคนทำผิดกฎหมาย และที่รุนแรงที่สุด คือฆ่าตัวตายหรือทำร้ายผู้อื่น และถ้าเป็นหลายๆ ครั้ง อาการครั้งหลังจะเป็นนานและถี่ขึ้น
อาการของโรคมี 2 ช่วง คือ
1.ช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้า - มีอาการเบื่อหน่ายท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร- มองทุกอย่างในแง่ลบ- เรี่ยวแรงลดลง- มีความคิดอยากตาย ซึ่งมีไม่น้อยที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย
2.ช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าว- เชื่อมั่นในตนเองมาก รู้สึกว่าตนมีความสำคัญหรือมีความสามารถมาก- เรี่ยวแรงเพิ่ม นอนน้อยกว่าปกติ โดยไม่มีอาการเพลีย- พูดเร็ว พูดมาก หรือพูดไม่ยอมหยุด- ความคิดแล่นเร็ว มีหลายความคิดเข้ามาในสมอง- สมาธิลดลง เปลี่ยนเรื่องพูดหรือทำอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าง่าย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ- มีกิจกรรมมากผิดปกติ อาจเป็นแผนการหรือลงมือกระทำลงจริงๆ แต่มักทำได้ไม่ดี- การตัดสินใจไม่เหมาะสม เช่น ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายหรือผิดกฎหมาย บางคนจะหงุดหงิดก้าวร้าวจนถึงทะเลาะหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการของโรคจิตร่วมด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า ในคนปกติก็ต้องมีการขึ้นลงของอารมณ์มากบ้างน้อยบ้างตามนิสัย แล้วเมื่อไหร่จึงเรียกว่าผิดปกติหรือเป็นโรค
การจะบอกว่าป่วยแน่นอนต้องใช้เกณฑ์การวินิจฉัยจากแพทย์ แต่ทั่วไปเราควรนึกถึงโรคนี้และไปปรึกษาแพทย์เมื่อ
- การขึ้นลงของอารมณ์มากกว่าคนทั่วไป หรือมากกว่าปกติของคนนั้น เป็นเวลาติดต่อกันนาน 4-7 วัน
- มีความผิดปกติของการกินการนอนร่วมด้วย
- กระทบต่อการทำงานหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
การรักษาโดยทั่วไป แพทย์จะให้ยาและคำแนะนำเกี่ยวกับโรคและยา รวมถึงการดูแลตนเองในด้านต่างๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากอาการใน 2-8 สัปดาห์ และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนก่อนป่วย แต่ในบางรายอาจต้องให้ทำจิตบำบัดร่วมด้วยเพื่อขจัดความเครียด และลดความขัดแย้งกับคนรอบข้างที่เป็นสาเหตุของความเครียด
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุล จึงต้องใช้ยาที่จะปรับสารสื่อประสาท ปัจจุบันมียาควบคุมอารมณ์หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพ ยาในกลุ่มนี้ไม่ใช่ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ ไม่ทำให้ติดยาเมื่อใช้ในระยะยาว แต่มักต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
นอกจากยาควบคุมอารมณ์ แพทย์อาจใช้ยากลุ่มอื่นร่วมด้วยเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีขึ้น ยาทางจิตเวชก็เหมือนกับยาอื่นที่ทุกตัวจะมีผลข้างเคียง แต่อาการและความรุนแรงจะต่างกัน ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายมาก ผู้ป่วยควรได้พูดคุยกับแพทย์เพื่อเลือกยาที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการข้างเคียง สำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรคุยกับแพทย์ถึงประเด็นเหล่านี้ด้วย
โรคนี้มีอัตราการเป็นซ้ำสูงมากถึง 90% ฉะนั้นโดยทั่วไปหลังจากหายแล้ว แพทย์มักแนะนำให้กินยาต่ออย่างน้อย 1 ปี เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ หรืออาจนานกว่านี้ ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนครั้งที่เคยเป็นและความรุนแรงในครั้งก่อนๆ ยาไม่ได้ทำให้สมองเสื่อมลงแต่การป่วยซ้ำหลายๆครั้งทำให้สมองแย่ลงได้
การปฏิบัติตัว
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น ออกกำลังกาย มีกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียด หลีกเลี่ยงสุรา สารเสพติด
3. กินยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามีปัญหาผลข้างเคียงจากยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่ควรหยุดยาเอง
4. หมั่นสังเกตอารมณ์ของตน เรียนรู้อาการแรกเริ่มของโรค และรีบไปพบแพทย์ก่อนจะมีอาการมาก
5. บอกคนใกล้ชิดถึงอาการเริ่มแรกของโรค ให้ช่วยสังเกตและพาไปพบแพทย์
การช่วยเหลือผู้ป่วย
1. เข้าใจว่าอารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติเป็นการเจ็บป่วย ไม่ใช่นิสัยของผู้ป่วย
2. ช่วยดูแลให้ผู้ป่วยกินยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
3. สังเกตอารมณ์ของผู้ป่วย เรียนรู้อาการเริ่มแรกของโรค และรีบพาไปพบแพทย์ก่อนที่จะมีอาการมาก
4. ช่วยควบคุมการใช้จ่ายและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออันตราย ถ้าเห็นว่าผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอีก
5. เมื่อผู้ป่วยหายจากอาการ ให้กำลังใจในการกลับไปเรียนหรือทำงาน และไม่หยุดยาก่อนปรึกษาแพทย์

อันดับเเรกก็ตั้งหลักก่อนค่ะ พูดกับเขาตอนที่เขาอารมณ์ดี ไปหาหมอรับยาค่ะ อันดับต่อมาคือ มองๆช่องทำมาหากินค่ะ อายุมาก การหางานที่อเมริกาไม่เป็นอุปสรรค ภาษาไม่เก่งก็ไปเรียนค่ะ เรียนฟรีก็มีเยอะ หรือตัวเลือกอีกทางนึงก็คือไปปรึกษาสำนักงานปรึกษาปัญหาครอบครัว หาที่ปรึกษาโดยพิมพ์คำว่า marriage counseling ....(ต่อด้วยรัฐหรือเมืองที่คุณอยู่)
ตัวอย่างเช่นดิฉันอยู่ชิคาโก้ ก็พิมพ์คำว่า marriage counseling chicago ลงไปในกูเกิ้ล เเล้วกดเสริจ คอมพิวเตอร์มันก็จะหาให้เราเอง ก็เลือกเอาทีชอบค่ะ

ชีวิตคนเลือกเกิดไม่ได้ เเต่เลือกทางเดินของชิวิตได้ ขอให้คุณตัดสินใจให้รอบครอบ ทุกอย่างในโลกนี้ มีได้อย่างก็ต้องเสียบางอย่างไป ใน1ตัวคน มีทั้งดีเเละชั่ว จงชั่งน้ำหนักเอาค่ะ เขามีดีมากว่าชั่วก็หลับหูหลับตามองข้ามความชั่วความไม่ดีของเขาไป เเต่ถ้าเขามีชั่วมากกว่าดี ก็อย่าทนอยู่ร่วมกันอีกเลย เสียสุขภาพจิต เกิดความเครียด ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นสาเหตุที่มาของโรคความดันโลหิตสูงเเละโรคซึม เศร้า เหงา หงอยค่ะ
เวลามีคนตาย เขาจะพูดว่า ขอให้ไปที่ชอบๆ ขนาดคนตายไปเเล้วยังเขาบอกให้ไปที่ชอบๆ เเต่สำหรับดิฉัน ขอไปที่ชอบๆตอนเป็นๆดีกว่าค่ะ ...
เดี๋ยวนี้เวลาไปติดต่อหน่วยงาน หากคุณบอกว่าคุณไม่เก่งภาษา เขาจะมีล่ามคนไทยให้นะคะ อย่าคิดมากค่ะ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ตัดสินใจให้ดี สมัยก่อนดิฉันชอบว่าตัวว่า เเหม่...รู้ยังงี้เเล้ว ไม่เเต่งกับมันหรอก พาเรามาอยู่อเมริกาเเล้วก็ทิ้งเราไป.... เเต่ตอนนี้คิดใหม่ทำใหม่ค่ะ ในเมื่อวันนี้เรามาอยู่ที่นี่เเล้ว เราก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ไปรำพึงรำพันกับอดีตที่ผ่านมา มันก็ผ่านไปเเล้ว เเก้ไขอะไรไม่ใด้ ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ตั้งใจใว้ว่า เราจะเป็นคนใช้ชีวิต อย่าปล่อยให้ชีวิตใช้เราค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ
There is nothing new under the sun! ไม่มีใหม่สำหรับโลกใบนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา ย่อมเกิดขึ้นมาเเล้วกับคนอื่น เป็นกำลัง เอาใจช่วยให้วันนี้ วันทุกข์ที่สุดของคุณ จงผ่านไปได้นะคะ เเล้ววันพรุ่งนี้จะเป็นของคุณ ...

ในโลกเเห่งกรรม ไม่มีคำว่าบังเอิญ
ทุกสิ่งที่เราเผชิญ คือทุกอย่างที่เราสร้างมา
ลองฟังธรรมะดูนะคะ ได้ข้อคิดจากการฟังมาค่ะ ชอบฟังท่านจันทร์ เเห่งสันติอโศก คำคมมักจะได้ยินท่านเทศน์เสมอๆว่า stop the past-start the new- คือสิ่งที่ล่วงเเล้วเเล้วไปอย่าไฝ่หา ที่ไม่มาก็อย่าพึงคะนึงหวัง อันวันวานผ่านพ้นไม่วนวัง วันข้างหน้ารึก็ยังไม่มาเลย...
คลิปเทศน์ท่านจันทร์ http://www.youtube.com/watch?v=3O9lcSF40QY
ที่มา ไบโพล่าร์ http://onknow.blogspot.com/2009/01/2_22.html
แสดงความคิดเห็น
ผู้หญิงอายุสี่สิบกลางๆ ขอคำปรึกษาคะ
แต่ เพ่ิงแต่งไม่ถึงสามปีเลยคะ นิสัยออกคะ เขาอารมณ์สองขั้วเวลาโกรธน่ากลัวมาก ผิดถูกไม่เคยง้อ เรากว่าจะง้อได้ใช้เวลานานมาก บางทีเป็นเดือน เหนื่อยคะ ท้อมาก อยาก
ได้กำลังใจในนี้ เพราะทุกวันนี้เราตาบอดเพราะรักเขามาก เพื่อนน้อยมาก พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยต้องขอความช่วยเหลือผู้มีจิตเมตตาช่วยหาทางสว่างกับคนด้อยปัญญา.
ตอนนี้ เจอมรสุมชีวิตทั้งจากเป็นและจากตาย
เรารักกันมาก กว่าจะได้แต่งงานลำบากมาก เพราะต้องขอวีซ่า รอกันเป็นปี แต่ดูเขาไม่แคร์เราเลย ทำกับข้าวเตรียมให้กินก้อไม่กินซื้อกินเองและก้อนอน สองอาทิตย์แล้วและไม่มีท่าทีว่าเขาจะเหมือนเดิม
แน่ใจไม่มีคนใหม่เพราะกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน เขาโลกส่วนตัวสูงมาก เราให้เขาฟรีส่วนตัวสองวันสองคืนต่ออาทิตย์
คงไม่พอมั้ง อายุมากแล้วหางานคงยาก ตัดสินใจบินกลับไทย กลับบ้านเกิดตายบ้านเกิดดีไม้งานที่ไทยก้อหายาก ที่นี่หนาวมืด มัวหม่นมาก ทรมานคะ ใครมีไอเดียดีๆหรือเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน แนะนำหน่อยคะ ตอนนี้มึนมาก