{J-Drama Analysis 13} : Ando Lloyd A.I. knows love ? เมื่อรักและศรัทธาได้พลิกโลก (สปอยด์)

กระทู้สนทนา
ปี 2013 ชายคนหนึ่งสามารถถอดรหัสความลับอันยิ่งใหญ่ของมิติแห่งเวลา ยิ่งใหญ่เสียจนนำพาอันตรายเข้ามาถึงตัว ถ้ามันมีผลกระทบเพียงแค่ตัวเอง มัตสึชิมะ เรย์จิ คงไม่อนาทรร้อนใจ นอกจากเรื่องของความเก่งกล้าสามารถในด้านวิชาการ เอาเข้าจริงแล้วชีวิตของผู้ที่มีเลเบล “อัจฉริยะ” แปะหัวอยู่ก็ไม่ได้สงบสุขนัก ยากนักที่จะมีคนที่เข้าใจทั้งตัวตนของเขา และ สิ่งที่เขาได้ค้นพบ “กาลิเลโอพบว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แล้วดูสิเขาเจออะไร …. ” กว่าจะพิสูจน์ทราบและได้รับการยอมรับในเวลาต่อมา กาลิเลโอก็ตายอย่างทรมานด้วยน้ำมือศาสจักรไปเรียบร้อยโรงเรียนยุคกลาง

อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้มัตสึชิมะ เรย์จิ จึงให้ความสำคัญกับบุคคลที่แวดล้อมตัวในชีวิต บุคคลที่เป็นมิตร ให้การยอมรับ เข้าใจในตัวตนของเขา และ เข้าใจในงานของเขา (แน่นอนว่าวิธีการให้ความสำคัญในแบบของเรย์จิจะดูแหวกแปลกประหลาดไปเสียหน่อยตามประสาหนุ่มเนิร์ด) ดังนั้นเมื่อรู้เสียแล้วว่าสิ่งที่ได้ค้นพบนั้นก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงขนาดไหน เรย์จิจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะปกป้องสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่เฉพาะคนรัก ไม่เพียงแต่เฉพาะน้องสาวอัจฉริยะ(ที่แสนอาภัพ) แต่รวมถึงยุคสมัยที่ควรพัฒนาไปตามเจตจำนงและครรลองแห่งกาลเวลา เพราะเขายึดถือเสมอมาว่า “อย่าได้ประเมินสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ต่ำเกินไป ”

หากเมื่อภัยคุกคาม คือ โลกในศตวรรษหน้า ต่อให้อัจฉริยะขนาดไหน ขีดจำกัดของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างยุคก็เป็นรอยรั่วอันใหญ่หลวง ใหญ่เกินกว่าน้ำมือของเขาจะหยุดเอาไว้ได้ ความลับที่เรียกว่า “ช่องทางการเชื่อมมิติแห่งเวลา” ตามทฤษฎีรูหนอนที่เขาค้นพบนั้น ยิ่งเผยแพร่ออกไปเท่าใด รายชื่อใน Homicide List ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และ สิ่งนี้เองเป็นตัวยืนยันว่าทฤษฎีที่เขาได้ค้นพบนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มัตสึชิมะ เรย์จิ ค้นพบเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แต่ทว่าสิ่งนั้นจำต้องแลกด้วยชีวิตของเขา ชีวิตของอันโด อาซาฮี หญิงผู้เป็นที่รัก และ โลกใบนี้ในปี 2013 ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ซึ่งเป็นสิ่งที่เรย์จิ … ยอมไม่ได้ ทั้งในฐานะที่เป็นคนรัก ในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ และ ในฐานะที่เป็นมนุษย์

ในวันธรรมดาวันหนึ่งเรย์จิเข้าบรรยายในชั้นเรียนตามปกติ และก็ยิ่งกว่าปกติที่ชั้นเรียนค่อนข้างจะง่วงเหงาหาวนอน จะมีแต่ศาสตราจารย์มัตสึชิมะเท่านั้นที่กระตือรือร้น … ก็เหมือนที่เคยเป็นมา หากเรย์จิก็รู้ รู้ว่าวันนั้นคือวันที่ถูกกำหนดมาแล้ว ให้ชีวิตของเขาต้องดับสิ้นลงไป พร้อมกับยุคสมัย 2013 ด้วยขีดจำกัดวิทยาการที่มีในมือ เรย์จิพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้สถานการณ์แม้จะคำนวณไว้แล้วว่าตนเองน่าจะแพ้พ่าย แม้กระทังลาปาซแอนดรอยด์ในหน่วย cloud police ยังหัวเราะเยาะในความพยายามอันไร้ค่า

ถึงปิแอร์ ซิมง ลาปาซ นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสผู้เลื่องชื่อจะเคยกล่าวไว้ว่า “อนาคตนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” แต่คำพูดนั้นกำลังถูกท้าทายด้วยจิตตั้งมั่นของเรย์จิ “อย่าประเมินสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ต่ำไป” แม้แต่ cloud police ที่มาจากอนาคตก็ไม่อาจคาดหมายได้ว่า จากความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะปกป้องอันโด อาซาฮี ยุคสมัยปัจจุบัน และ โลกใบนี้ มัตสึชิมะ เรย์จิ มนุษย์ตัวจ้อยไร้พิษสงในสายตาแอนดรอยด์ผู้มีประสิทธิภาพและแข็งเกร่งสามารถ “ผลักตัวเองไปได้ไกลเกินกว่าที่โลกในปี 2113 จะจินตนาการไปถึงเสียอีก”  

เรย์จิเดินเข้าสู่กับดักแห่งความตายอย่างสงบ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ความไม่อนาทรร้อนใจนั้นมีความหมายใดแฝงอยู่ ? Key สำคัญคือ แม้ครั้งนี้จะแพ้ … แต่เขาจะสู้จนกว่าจะชนะ เรย์จิว่าไว้ทำนองนั้น ต้องมีวันนึงล่ะน่า ถ้าพยายามไปเรื่อย ๆ มันต้องชนะอย่างแน่นอน เหมือนจะมีแผน ? แต่แผนนั้นคืออะไร และ คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมเรย์จิถึงมั่นใจว่าแผนการที่วางไว้จะสำเร็จ ? สำหรับเรามันคือ คำสองคำ “รัก” และ “ศรัทธา”
อันโด อาซาฮี เป็นหญิงสาวแกร่งงาน PR ประจำบริษัท IT ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง หมากรุกญี่ปุ่นพาเธอมาพบรักกับนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดเป็นเบอร์ต้น ๆ ของญี่ปุ่น แม้ฝีมือการเล่นหมากรุกอันโดจะเทียบอะไรกับเรย์จิไม่ได้ แม้เธอจะไม่มีความรู้ในจักรวาลวิชาการของเรย์จิซักกระผีก

แต่เธอกลับ “รู้จัก” ความเป็นมัตสึชิมะ เรย์จิมากกว่าใคร เมื่ออยู่กับอันโด อาซาฮี เรย์จิไม่ใช่เพียงศาสตราจารย์ ไม่ใช่เพียงนักฟิสิกส์ชั้นยอดของโลกนี้ แต่เรย์จิก็คือเรย์จิ คนที่เล่นหมากรุกชนะเธอเสมอ คนที่เป็นลมบนเรือไวกิ้ง คนที่แม้จะวุ่นวายกับงานซักแค่ไหนก็ยินดีจะนั่งลงกินข้าวเย็นที่เธอทำ คนที่ไม่พกโทรศัพท์มือถือ คนที่ใครก็ทดแทนไม่ได้ คนที่ทำให้เรย์จิรู้ว่า “โลกสองใบที่แตกต่างกันสามารถบรรจบกันได้” เพราะ ยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกัน และ เป็นคนที่เรย์จิสัญญาว่าจะปกป้องแม้สิ้นลมหายใจสุดท้าย อันโด อาซาฮี “รัก” ในทุกอย่างที่เรย์จิเป็น และ ศรัทธาในสิ่งที่เรย์จิทำ

ความตายของเรย์จิทำให้โลกครึ่งใบของอันโด อาซาฮี ดับสลายไปอย่างกะทันหัน เธอตกอยู่ในอาการมึนงงเลื่อนลอย และ ยังมารู้อีกว่าชื่อของเธอนั้นก็อยู่ใน homicide list ต่อจากเรย์จิ อีกด้วย ในขณะที่ตกอยู่ในห้วงอันตราย ก็มนุษย์ ? ลึกลับออกมาช่วยเธอไว้ ตกใจเสียยิ่งกว่าตกใจ … มนุษย์ผู้นั้นหน้าตาเหมือนกับเรย์จิอย่างไม่ผิดเพี้ยน ก็มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเรย์จิน่าจะตายไปแล้ว หลังจากนั้นในเวลาไม่กี่นาที โลกนอกจะดับสลายแล้วยังตีลังกากลับหลังซัมเมอซอลท์อีกด้วย เมื่อเธอพบว่าผู้ชายที่หน้าตาเหมือนเรย์จิ … ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นแอนดรอยด์จากโลกอนาคตซึ่งได้รับคำสั่งจาก cloud zero ให้ปกป้องเธอจากอันตรายทั้งปวง ปี 2113 cloud police แอนดรอยด์นักฆ่า bloody Christmas Eve ข้อมูลเหล่านั้นพุ่งชนอันโด อาซาฮี จนเธอสับสนไปหมดว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริงสิ่งไหนคือเรื่องเท็จ

ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นอาจสติแตกไปแล้ว แต่สำหรับอันโด อาซาฮี ถึงแม้อยู่ในความสับสน เธอใช้เวลาไม่นานให้ตั้งตัวติด เปิดใจกว้าง แล้วปรับตัวให้เข้ากับกับสถานการณ์ได้อย่างเหลือเชื่อ มิช้าไม่นานเธอก็ตั้งชื่อให้กับแอนดรอยด์หนุ่ม ARX II-13 ว่า อันโด ลอยด์ ทั้งยังปฏิบัติตัวกับลอยด์ไม่ต่างกับมนุษย์ซึ่งสิ่งนี้ ARX II-13 ไม่เคยได้รับจากมนุษย์คนใด ในอนาคตที่เขาได้จากมา ARX II-13 เป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ ไม่มีหัวใจ และ จิตวิญญาณ หัวใจที่เปิดกว้างยอมรับผู้อื่นรวมทั้งอ่อนโยนอย่างยิ่งของอาซาฮีนี้ประทับใจมัตสึชิมะ เรย์จิอย่างไร ก็ประทับใจลอยด์คุงไม่ต่างกัน

ด้านหนึ่งลอยด์ได้เห็นหัวจิตหัวใจของมนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีความรักและเอื้ออาทรแม้แต่สิ่งที่รู้อยู่ว่าไม่มีชีวิตจิตใจ ด้านหนึ่งก็เห็นความรักที่อ่อนหวานกับศรัทธาที่มั่นคงของเธอที่มีให้ต่อผู้จากไป พร้อมกันกับการทุ่มเทกำลังเต็มที่เพื่อจัดการกับปัญหาแอนดรอยด์ 2113 บุกโลกทั้ง ๆ ที่แลดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นธุรกิจอะไรของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนึงเสียทีเดียว เป็นอีกครั้งที่หุ่นยนต์เริ่มสงสัยว่าเขาจะวางศรัทธาลงในมือมนุษย์ตัวเล็กได้ซักครั้งหรือไม่

ขณะเดียวกันลอยด์ก็ได้รู้ว่า client ของเขา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น brain data ของเรย์จิที่ถูกส่งไปเก็บไว้ที่อนาคตปี 2113 นั่นเอง อีกข้อเท็จจริงที่ทำให้ลอยด์แลดูเจ็บปวดใจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย คือ แม้เขาเองจะทุ่มทุนสร้างปกป้องอันโด อาซาฮี ที่หลัง ๆ เริ่มจะออกจากใจ(ของหุ่นยนต์) แต่ดูเหมือนว่ามันแทบจะเทียบไม่ได้กับเรย์จิที่บิดมิติพลิกเวลาและ go far ด้วยชีวิตของตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของแผน

เรื่องเริ่มด้วยที่การที่เรย์จิค้นพบว่าพลังงานที่เปิดปิดการสื่อสารระหว่างอนาคตและยุคสมัยนี้ คือ อนุภาคเล็ก ๆ นับล้านที่ร้อยเรียงเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาล ซึ่งค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อครั้งแผ่นดินไหวปี 2011 นักวิทยาศาสตร์หลายคนคิดว่าอนุภาคเหล่านี้เป็นคลื่นรบกวนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเท่านั้น แต่เรย์จิค้นพบว่า อนุภาคเล็ก ๆ มากมายนั้น คือ ความรู้สึกแรงกล้า ความรัก ความห่วงใย ความฝัน ความหวัง ความปรารถนาที่เกิดขึ้นเมื่อมีพิบัติภัย คือ มวลมหาความรู้สึกแห่งน้ำจิตน้ำใจดีงามที่ส่งผ่านไปเพื่อคนอื่นมิใช่เพื่อตนเอง

เมื่อเล็งเห็นอันตรายที่เกิดขึ้นเรย์จิก็ปิดมันซะ แต่เรื่องมันไม่ง่ายเมื่อมีใครหลาย ๆ คนต้องการให้มันเปิดเพื่อตักตวงพลังอำนาจจากโลกอนาคตทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันยังไม่มีอะไรที่พร้อมรับมือ แม้เป็นอัจฉริยะแต่เรย์จิก็ไม่อาจทำนายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายภาคหน้าแต่ไม่สู้ก็ไม่รู้ ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง อันโด อาซาฮี ก็ไม่มีชีวิตอยู่ และ ยุคสมัยที่อันโด อาซาฮีดำรงอยู่ก็จะหายไป ด้วยต้องการปกปักรักษาสิ่งเหล่านี้เรย์จิแลกมันด้วยชีวิตของตัวเองเป็นขั้นต้น

คนจากโลกอนาคตจึงคิดว่า “จิตตั้งมั่น” และ อนุภาคความรักของเรย์จินั่นเองที่ผนึกประตูแห่งกาลเวลานั้นไว้ สมมติฐานจึงมีอยู่ว่าจะต้องสลายจิตตั้งมั่นของเรย์จิให้ได้ เมื่อจิตตั้งมั่นของเรย์จิจับอยู่ที่อาซาฮี หากอาซาฮีตายลงไป จิตตั้งมั่นนั้นก็ควรสลายตาม แล้วประตูมิติก็จะเปิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นปฏิบัติการตามล่าฆ่าอาซาฮีจึงเกิดขึ้น

จริงอยู่ว่า “ความรัก” อาจจะเป็นแรงที่ผลักดันทำให้เรย์จิสละชีวิต แต่ “ศรัทธา” ต่อบุคคลรอบข้างทำให้เขามั่นใจว่าการสละชีพของเขาไม่สูญเปล่า และ  เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปภายภาคหน้าก็น่าจะ as plan ตามที่เรย์จิต้องการ ด้วยสติปัญญาเรย์จิรู้ว่า หลังจากที่เขาตายไปข้อมูลจากสมองอันชาญฉลาดของเขาจะต้องถูกเก็บไว้ที่ใดซักที่ในคลังข้อมูล ข้อมูลและความทรงจำในสมองก็ควรจะรวมจิตตั้งมั่นของเขาที่มีต่อยุคสมัย 2013 และ อันโด อาซาฮีด้วย ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในภายหน้ามันจะต้องมีหนทางที่ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้ในลักษณะช่วยเหลือผู้เป็นที่รักได้อย่างแน่นอน

แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าการช่วยเหลือจะกลับมาเป็นในรูปแบบใด งานอีกเปลาะนึงจึงตกอยู่กับอันโด อาซาฮี และ ผู้คนรอบตัวของเรย์จิในปี 2013 ว่าจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างไร ? จากเหตุการณ์ที่ดำเนินไปก็รู้เลยว่าเรย์จิเชื่อใจคนไม่ผิด ไม่ว่ามนุษย์ในโลกอนาคต 2113 จะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ อาจจะเห็นแก่ตัว หลอกลวง สับปลับ และ ชั่วช้าเลวทราม จนแอนดรอยด์ผู้มีอารยะทั้งหลายตั้งตนจะครองโลก หากมนุษย์ที่อยู่รอบตัวเรย์จิมีหัวใจที่โอ่โถง และ สู้ยิบตาทุกวิถีทางเพื่อรักษายุคสมัยของตนมิใช่เพียงเพื่อตนเอง แต่เพื่อผู้อื่นด้วยเช่นเดียวกัน

ความช่วยเหลือจากอนาคตที่มาในรูปของแอนดรอยด์อย่าง ARX II-13  Sapuli และ คาโดชิโระ (อดีตศัตรู) ที่เป็น Police Cloud Chief ที่เผชิญกับมนุษย์ในโลกอนาคตที่ร้ายกาจ ก็กลับพบความหมายของคำว่า “รัก” และ “ศรัทธา” ในกลุ่มมนุษย์เล็ก ๆ ไร้พิษสงกลุ่มหนึ่ง ชีวิตของแอนดรอยด์จึงไม่ใช่เพียงเครื่องจักรกลทำตามสั่ง แต่มีหน้าที่ มีจิตวิญญาณความรับผิดชอบ มีคุณค่าและความหมายต่อการรังสรรค์อนาคตเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่าสามารถวางรัก และ ศรัทธาได้ในตัวของมนุษย์จึงไม่แปลกใจที่แอนดรอยด์หลายตนพร้อมสละชีวิตเพื่อปกป้องยุคสมัยที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นตระหนักถึงคุณค่าของอดีตที่จะสร้างปัจจุบันและทอดยาวสู่อนาคตภายหน้า

ละครเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงละครโรแมนติค แต่ยังหยั่งรากลึกลงไปในความหมายของ “รัก” และ “ศรัทธา” ไม่ใช่เพียงรักในแบบคนรักแต่เป็นความรักในเพื่อนมนุษย์และโลกใบนี้ ไม่ใช่เพียงศรัทธาเพียงตนเองแต่เป็นศรัทธาในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์”

ปิแอร์ ซิมง ลาปาซ กล่าวว่า “อนาคตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” แต่กระนั้นก็ “อย่าได้ประเมินสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ต่ำจนเกินไป” เส้นทางแห่งอนาคตอาจถูกกำหนดไว้ แต่มีใครบอกหรือว่า “เส้นทางแห่งอนาคตมีสายเดียว”

อานุภาพของอนุภาคเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “ความรัก” กับพลัง “ศรัทธา” ของมนุษย์ พลิกโลกมาหลายครั้งแล้ว หรือไม่จริง ?


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่