ผมชื่อ พีม ครับ เรื่องที่ผมจะเล่าเริ่มเกิดขึ้น ตอนที่ ผมอยู่ ม.4 ตอนนี้ผมกำลังจะจบ ม.6 ละ เรื่องมีอยู่ว่า ผมจบ ม.3 แล้วต้องมาต่อ ม.4 ที่โรงเรียนแห่งใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ คือถูกบังคับให้อยู่ประจำ ก็เป็นการเริ่มต้นได้รู้จักเพื่อนใหม่ เริ่มอะไรทุกอย่างใหม่หมด ผมเป็นคนคุยไม่ค่อยเก่งครับ สนิทกับคนยาก ดูเหมือนเรียบร้อย แต่ที่จริงผมว่าผมเป็นคนกวนนะ เพื่อนเก่าที่สนิทผมจะรู้ แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เลยไม่กล้าแสดงออกในพฤติกรรมด้านลบ คือในใจคิดอ่ะครับ แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา เลยทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนเลยนะครับ มันเหมือนผมเป็นคนที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยากด้วยรึป่าว ผมใช้คำแทนตัวเองว่าเรากับคนที่ไม่สนิท น้อยคนครับที่ใช้คำว่ากู คนที่ผมกล้าใช้คำว่ากูด้วย ต้องเป็นคนที่ผมค่อนข้างที่จะสนิท เพื่อนที่คุยกับผมส่วนใหญ่ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย ส่วนใหญ่เวลาที่คุยกับผมเค้าก็จะใช้คำแทนตัวเค้าเองว่าเราเช่นกัน พูดถึงมันก็ดีนะครับ เหมือนว่าเค้าให้เกียรติเรา แต่ผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอดอ่ะครับ มันเหมือนว่าเราไม่สนิทกันเลยเวลาคุยกัน มันทำให้เราสนิทกันยาก สำหรับผู้หญิงอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมว่า ผู้ชาย มันก็ต้องแบบกู หยาบๆหน่อยอ่ะครับ มันถึงจะดูเหมือนสนิท ซึ่งผมก็อยากเป็นแบบนั้นมากกว่า มันดูจริงใจดี (แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสรรพนาม แค่คำว่า เรา อะไรนักหนาเนี่ย ?) เกี่ยวสิครับผมคิดว่ามันต้องเป็นอีกประเด็นนึงที่เชื่อมโยงเรื่องนี้
ตัวละครอีกตัวนึง ก็คือ ทอย ครับ เพื่อนร่วมห้องของผม อย่างที่บอกว่า ผมย้ายโรงเรียนมาต่อ ม.4 โรงเรียนแห่งใหม่ซึ่งเป็นเป็นโรงเรียนประจำ และเพื่อนที่ผมพอจะสนิทในช่วงแรกๆ ก็คือทอยนั่นแหล่ะครับ ทอยเป็นคนหน้าตาดีครับ ค่อนข้างฮอตในโรงเรียน มีผู้หญิงชอบเยอะ ทอยมีเพื่อนสนิทต่างห้องเยอะ เพราะทอยเป็นเด็กเก่าของโรงเรียนนี้ ที่บอกว่าผมเหมือนจะสนิทกับทอย ก็เพราะว่าช่วงแรก ผมจะไปไหนมาไหนกับทอยเยอะกว่าเพื่อนคนอื่น อย่างกินข้าวก็ไปด้วยกัน ทอยก็จะชวนครับ กินเสร็จก็จะขึ้นเรียนพร้อมกัน เวลาเรียนก็จะนั่งโต๊ะใกล้กัน ที่หอตอนกลางคืนหลังเลิกเรียนอ่านหนังสือ ก็อ่านด้วยกันครับ เลยทำให้อาจารย์ที่หอเค้าแซวครับ บางทีก็แซวต่อหน้าเพื่อน อย่างเช่น อาทิตย์ไหนที่กลับบ้าน เค้าก็จะแซวต่อหน้าเพื่อน และคนอื่นประมาณว่า ทอยไม่อยู่ แล้วพีมจะอยู่ยังไง อะไรอย่างงี้อ่ะครับ แต่ ช่วงแรกๆผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรครับ และตอนนั้นทอยก็ชอบเพื่อนผู้หญิงในห้องคนหนึ่งนะครับ เรื่องมันมาเริ่มแรงขึ้นตอนใกล้ปีใหม่ครับ ในห้องก็เล่นจับบัดดี้กัน แล้วทอยก็จับได้ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ครับ เพราะผมคิดว่าทอยจับได้เพื่อนผู้หญิง ผมก็เคยถามทอยครับเผื่อว่าจะได้เอาไปแซวอะไรแบบนี้อ่ะครับ เพราะไม่คิดว่าเป็นตัวเอง ทอยไม่บอกครับ แต่หลังๆก็ถึงได้รู้ครับเพราะเพื่อนผู้ชายที่อยู่หอด้วยกันบอก ตอนนั้นผมก็ตลกตัวเองครับ เพราะตอนแรกกะจะแซวเค้าแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นตัวเอง เรื่องการจับบัดดี้ที่ทอยต้องเทคผมก็น่าจะเป็นอีกประเด็นนึงครับ และกับการที่อาจารย์ที่หอเค้าชอบแซว ก็เลยทำให้มีเพื่อนผู้หญิงในห้องบางคนเกิดอาการที่เรียกว่าจิ้น แล้วก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องผมกับทอย แล้วมีมาคุยกับผมถามอะไรประมาณว่าจับผิดอ่ะครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แล้ววันนึงผู้หญิงคนที่ทอยชอบก็มาถามมาแซวผม ว่าพีมชอบเด็ก ไฮสคูล (คือตอนนั้นทอยกำลังจะไปเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศอ่ะครับ) ตอนแรกที่ผู้หญิงที่ทอยชอบพูดกับผมแบบนั้น ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าหมายถึงอะไร แต่ไม่นานผมก็พอจะเดาๆเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แล้วสิ่งที่ผมเริ่มกังวล และคิดมากก็คือผมเห็นทอยคุยกับผู้หญิงคนนั้น หยอกล้อกัน แล้วเหมือนว่าทอยเองก็คิดว่าผมชอบเค้าด้วยเหมือนกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมทุกข์และลำบากใจมากสุด ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเครียดมากกว่าเรื่องเรียนด้วยซ้ำ ผมไม่รู้จะทำยังไง ความคิดผมในตอนนั้นผมคิดว่าไม่ว่าจะเพื่อนคนอื่นหรือทอยในเมื่อเค้าคิดแบบนั้นไปแล้ว การที่ผมจะอธิบายมันก็เหมือนกับการแก้ตัว แล้วอีกอย่างเพื่อนที่เค้ากล่าวหาผม จากที่ผมเล่าเค้าก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ถ้าผมโพร่งออกไปผมกลัวว่าเค้าจะคิดว่าผมร้อนตัว ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตอนนั้นผมเลยเลือกถอยห่างจากทอย เพราะผมกลัวว่าเพื่อนจะจับผิด แล้วกล่าวหาผมไม่จบไม่สิ้น การที่ผมเลือกถอยห่างจากทอย เหมือนกับว่าผมห่างจากเพื่อนทุกคน เพราะผมพยายามหลบทุกอย่าง ทุกที่ถ้าทอยอยู่ผมจะพยายามไม่อยู่ตรงนั้น จนบางทีผมก็ต้องกินข้าวคนเดียว ผมคุยกับทอยน้อยลง การพูดคุยไม่สนิทใจเหมือนเดิมจนถึงวันที่ทอยต้องไปต่างประเทศ ช่วงที่ทอยไปเรียนต่างประเทศ คือช่วงที่ผมรู้สึกโล่งที่สุด สบายใจที่สุด ผมไม่ต้องกลัวอะไร เริ่มคุยกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้น เพื่อนบางคนก็เริ่มเข้าใจแต่ก็ยังไม่ทุกคน จนทอยกลับมาถึงตอนนี้แม้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่มีใครพูดถึงเรื่องของผมกับทอยอีก แต่ผมก็ยังไม่เชื่อผมคิดว่ายังมีบางคนที่ยังคิดเรื่องนี้อยู่ วันนี้ความรู้สึก การพูดคุย ระหว่างผมกับทอย ก็ยังไม่สนิทใจ ผมยังกลัวการที่จะพูดคุยกับทอย กลัวที่จะอยู่ใกล้ทอย กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก แต่ผมก็เสียดายที่เรื่องแบบนี้มาทำให้ผมต้องเสียเพื่อนที่ก่อนเกิดเรื่องเค้าก็ดีกับผมมาก ผมก็อยากอธิบายอยากพูดให้ทอยเข้าใจ แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะเริ่มยังไง จะทำยังไงให้ผมกับทอยเป็นเพื่อนกันได้สนิทใจโดยไม่มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ผมไม่โทษใครเพราะอาจจะด้วยนิสัย บุคลิกของผมเอง เลยทำให้ผมถูกมองแบบนั้น ผมก็สงสัยผมเป็นเกย์รึป่าว ? เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณหรือเปล่า ? ทำไมผมถึงได้คิดอะไรมากมาย
ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าเป็นเกย์รึป่าว ?
ตัวละครอีกตัวนึง ก็คือ ทอย ครับ เพื่อนร่วมห้องของผม อย่างที่บอกว่า ผมย้ายโรงเรียนมาต่อ ม.4 โรงเรียนแห่งใหม่ซึ่งเป็นเป็นโรงเรียนประจำ และเพื่อนที่ผมพอจะสนิทในช่วงแรกๆ ก็คือทอยนั่นแหล่ะครับ ทอยเป็นคนหน้าตาดีครับ ค่อนข้างฮอตในโรงเรียน มีผู้หญิงชอบเยอะ ทอยมีเพื่อนสนิทต่างห้องเยอะ เพราะทอยเป็นเด็กเก่าของโรงเรียนนี้ ที่บอกว่าผมเหมือนจะสนิทกับทอย ก็เพราะว่าช่วงแรก ผมจะไปไหนมาไหนกับทอยเยอะกว่าเพื่อนคนอื่น อย่างกินข้าวก็ไปด้วยกัน ทอยก็จะชวนครับ กินเสร็จก็จะขึ้นเรียนพร้อมกัน เวลาเรียนก็จะนั่งโต๊ะใกล้กัน ที่หอตอนกลางคืนหลังเลิกเรียนอ่านหนังสือ ก็อ่านด้วยกันครับ เลยทำให้อาจารย์ที่หอเค้าแซวครับ บางทีก็แซวต่อหน้าเพื่อน อย่างเช่น อาทิตย์ไหนที่กลับบ้าน เค้าก็จะแซวต่อหน้าเพื่อน และคนอื่นประมาณว่า ทอยไม่อยู่ แล้วพีมจะอยู่ยังไง อะไรอย่างงี้อ่ะครับ แต่ ช่วงแรกๆผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรครับ และตอนนั้นทอยก็ชอบเพื่อนผู้หญิงในห้องคนหนึ่งนะครับ เรื่องมันมาเริ่มแรงขึ้นตอนใกล้ปีใหม่ครับ ในห้องก็เล่นจับบัดดี้กัน แล้วทอยก็จับได้ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ครับ เพราะผมคิดว่าทอยจับได้เพื่อนผู้หญิง ผมก็เคยถามทอยครับเผื่อว่าจะได้เอาไปแซวอะไรแบบนี้อ่ะครับ เพราะไม่คิดว่าเป็นตัวเอง ทอยไม่บอกครับ แต่หลังๆก็ถึงได้รู้ครับเพราะเพื่อนผู้ชายที่อยู่หอด้วยกันบอก ตอนนั้นผมก็ตลกตัวเองครับ เพราะตอนแรกกะจะแซวเค้าแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นตัวเอง เรื่องการจับบัดดี้ที่ทอยต้องเทคผมก็น่าจะเป็นอีกประเด็นนึงครับ และกับการที่อาจารย์ที่หอเค้าชอบแซว ก็เลยทำให้มีเพื่อนผู้หญิงในห้องบางคนเกิดอาการที่เรียกว่าจิ้น แล้วก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องผมกับทอย แล้วมีมาคุยกับผมถามอะไรประมาณว่าจับผิดอ่ะครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แล้ววันนึงผู้หญิงคนที่ทอยชอบก็มาถามมาแซวผม ว่าพีมชอบเด็ก ไฮสคูล (คือตอนนั้นทอยกำลังจะไปเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศอ่ะครับ) ตอนแรกที่ผู้หญิงที่ทอยชอบพูดกับผมแบบนั้น ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าหมายถึงอะไร แต่ไม่นานผมก็พอจะเดาๆเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แล้วสิ่งที่ผมเริ่มกังวล และคิดมากก็คือผมเห็นทอยคุยกับผู้หญิงคนนั้น หยอกล้อกัน แล้วเหมือนว่าทอยเองก็คิดว่าผมชอบเค้าด้วยเหมือนกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมทุกข์และลำบากใจมากสุด ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเครียดมากกว่าเรื่องเรียนด้วยซ้ำ ผมไม่รู้จะทำยังไง ความคิดผมในตอนนั้นผมคิดว่าไม่ว่าจะเพื่อนคนอื่นหรือทอยในเมื่อเค้าคิดแบบนั้นไปแล้ว การที่ผมจะอธิบายมันก็เหมือนกับการแก้ตัว แล้วอีกอย่างเพื่อนที่เค้ากล่าวหาผม จากที่ผมเล่าเค้าก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ถ้าผมโพร่งออกไปผมกลัวว่าเค้าจะคิดว่าผมร้อนตัว ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตอนนั้นผมเลยเลือกถอยห่างจากทอย เพราะผมกลัวว่าเพื่อนจะจับผิด แล้วกล่าวหาผมไม่จบไม่สิ้น การที่ผมเลือกถอยห่างจากทอย เหมือนกับว่าผมห่างจากเพื่อนทุกคน เพราะผมพยายามหลบทุกอย่าง ทุกที่ถ้าทอยอยู่ผมจะพยายามไม่อยู่ตรงนั้น จนบางทีผมก็ต้องกินข้าวคนเดียว ผมคุยกับทอยน้อยลง การพูดคุยไม่สนิทใจเหมือนเดิมจนถึงวันที่ทอยต้องไปต่างประเทศ ช่วงที่ทอยไปเรียนต่างประเทศ คือช่วงที่ผมรู้สึกโล่งที่สุด สบายใจที่สุด ผมไม่ต้องกลัวอะไร เริ่มคุยกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้น เพื่อนบางคนก็เริ่มเข้าใจแต่ก็ยังไม่ทุกคน จนทอยกลับมาถึงตอนนี้แม้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่มีใครพูดถึงเรื่องของผมกับทอยอีก แต่ผมก็ยังไม่เชื่อผมคิดว่ายังมีบางคนที่ยังคิดเรื่องนี้อยู่ วันนี้ความรู้สึก การพูดคุย ระหว่างผมกับทอย ก็ยังไม่สนิทใจ ผมยังกลัวการที่จะพูดคุยกับทอย กลัวที่จะอยู่ใกล้ทอย กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก แต่ผมก็เสียดายที่เรื่องแบบนี้มาทำให้ผมต้องเสียเพื่อนที่ก่อนเกิดเรื่องเค้าก็ดีกับผมมาก ผมก็อยากอธิบายอยากพูดให้ทอยเข้าใจ แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะเริ่มยังไง จะทำยังไงให้ผมกับทอยเป็นเพื่อนกันได้สนิทใจโดยไม่มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ผมไม่โทษใครเพราะอาจจะด้วยนิสัย บุคลิกของผมเอง เลยทำให้ผมถูกมองแบบนั้น ผมก็สงสัยผมเป็นเกย์รึป่าว ? เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณหรือเปล่า ? ทำไมผมถึงได้คิดอะไรมากมาย