สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าประสบการณ์ทีไ่ด้ประสบพบเจอในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ !! หรือเอแบคนั้นเอง
หลังจากใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาเอแบค (ขอเรียกเอแบคแล้วกัน พิมพ์ง่ายกว่า ม.อัสสัมชัญ) มาจนสุดทาง
ตอนนี้ก็ได้เป็นว่าที่บัณฑิต (เย้ !) อย่างเกือบเป็นทางการ (แปลว่าไม่เป็นทางการ เอะ จะพิมพ์เพื่อ !!)
สรุปคือ อยากแชร์ประสบการณ์ ว่าอยู่ที่เอแบคนี้มันเป็นยังไง นักศึกษาคนอื่นเขารวย หยิ่ง จริงไหม
คนธรรมดาเข้าไปจะขาดใจตายรึเปล่า ฯลฯ ให้น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง
ประกอบในการตัดสินใจว่าจะเข้ามหา'ลัยไหนดี ~
เกริ่นอีกนิด ...จขกท.เอง ตัดสินใจเข้าเอแบคเลย ไม่ได้ยื่นคะแนน GAT PAT ONET แต่ประการใด
เนื่องจาก 1. ได้ทุนเอแบค 2. ขี้เกียจยื่นเรื่อง วุ่นวายบานตระไทในการสอบแอดมินชั่น
ไม่ได้บอกว่ามหา'ลัยอื่นไม่ดีเลยไม่เข้า นี้เพราะความขี้เกียจตัวเองล้วน ๆ
##คำเตือน
-กระทู้ค่อนไปทางเรียงลำดับเวลาบ้าง ไม่เรียงบ้าง อาจทำให้สับสนเล็กน้อย
ข้ามเจ้าเรียงตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ถ้ามันเกี่ยวเลย ก็อาจจะพูดเลย ไม่ได้เรียงตาม Sequence เท่าไหร่
อะ เริ่มกันเลยนะจ๊ะ ~ (กว่าจะเริ่ม เหนื่อยไหมคะทั่น)
เริ่มด้วยเรื่อง "
ทุนการศึกษา"
ทุนเอแบคความจริง เยอะมาก เด็กทุนเดินแทบจะเหยียบกันตายในมหา'ลัย !
ทุนที่ "ใครก็สมัครได้" ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน รัฐบาล หรืออะไร เพียงแค่ท่าน ม.6 และอยากเรียนที่นี้
นั้นก็คืออออออ ทุนนนนนน (โปรดอ่านให้ยาวและยิ่งใหญ่ 55) '
E-Listening' (เสิร์ชได้ตาม google.com นะจ๊ะ)
เป็นทุนสำรวจโลกที่ผู้สมัครต้องเข้าทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษ เพื่อชิงทุน (รายละเอียด ตาม google)
ทุนต่อมา จะให้ "บางโรงเรียน" เท่านั้น ตามแต่ปี (เช่นปีนี้รู้สึกจะเป็นทุนบราเดอร์ประทีป) รู้สึกผู้สมัครต้อง เกรด 3.5+
ส่วนมากจะให้โรงเรียนในเครือ และโรงเรียนประจำจังหวัด (ตามปี ตามทุน ตามเงื่อนไข google ดูนะคะ)
ทุนสุดท้ายคือ ทุนการแข่งขัน สำหรับคนเข้าแข่งขันบางกิจกรรม บางโครงการกับมหา'ลัย
เด็กทุนทำอะไรบ้างอ่า?
-เด็กทุนต้องรักษาเกรดให้เกิน 2.5
-ต้องทำงานทุน 60 hrs/semester
งานทุนคืองานจากทางมหา'ลัย มีหลากหลาย เช่นบางคนถนัดแสดงก็อาจจะมีโอกาสเป็นนักแสดง/ตัวแทนมหา'ลัย
ชอบสอนอาจจะได้สอนติวตามวิชาที่ถนัดให้น้องๆ
ก่อนจะเป็นนักศึกษาได้ ก็ต้องสมัครก่อนสินะฮะ
เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน (เซนต์ฟรังฯ) ที่เอแบค มักมาแนะแนวอยู่เป็นประจำ
เลยได้สมัครไปเลยตอนเอแบคมา Road Show ที่โรงเรียน
แต่สำหรับบุคคล/นักเรียนที่สนใจสมัคร แต่เอแบคไม่มา RoadShow สามารถไปสมัครเองได้เลย
(เอกสารที่จำเป็นคือ Transcrip, ใบรับรองความเป็นนักเรียน, ทะเบียนบ้าน, บัตรประชาชน)
ใบสมัครซื้อที่ Bookstore ทั้งหัวหมากและบางนา (ขอไม่พูดถึงหัวหมาก เพราะข้าพเจ้าไม่รู้/ไม่ชัวร์เป็นอย่างยิ่ง)
ที่บางนา ซื้อเสร็จ กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย ณ SM115 เมื่อเสร็จ เขาจะให้เราทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษ
จะรู้ผล เร็วมาก และพี่จนท. จะปรินท์ ID CARD ชั่วคราวให้ พร้อมกับค่าเทอม Intensive ที่ต้องจ่าย ปะ ไปเรียนกัน !
สำหรับคนที่คิดจะอยู่หอ
จะมีตั้งแต่
-หอในมหาวิทยาลัย ! (หอใน) ก็อยู่ในจริงๆ ในเอแบคเลย
จะแยกเป็น หอกลาง (A) หอหญิง (B) หอชาย (C) มี 13 ชั้น (2-13)
ห้องมีตั้งแต่เป็นห้องรวม (ชั้น 13) ห้อง 3 คน ห้อง 2 คน ราคาก็แตกต่างกันไป
ภายในมี ตู้เย็น โต๊ะหนังสือ ตู้เสื้อผ้า โทรทัศน์(และ Cartoon Network !!) ห้องน้ำมีน้ำอุ่นจ๊ะ
-หรือหอนอก เช่นหออื่นโดยรอบ ราคาก็แตกต่างกันไปตามความเป็นอยู่ ลองมาเซอร์เวย์กันนะจ๊ะ
ไม่มีรถอยู่รอดไหม? (เฉพาะมาเรียนนะ ไม่เกี่ยวกะออกไปเที่ยว 55)
หอใน... โอ๊ย คุณพระ ตื่น 8.30 เรียน 9.00 ยังทันเลย เดินไปแค่ไม่ถึง 10 นาทีจากหอ (ยกเว้นช่วงพีค ลิฟท์นี้ไม่ขยับ)
หรือถ้าโชคดีเจอรถราง*ว่าง 3 นาทีกว่าก็ถึงแล่ววววว
**รถราง หรือ Tram คือรถประจำทาง (แต่ไม่ประจำราง เพราะมันไม่มีราง) ที่วิ่งในเอแบค จะเป็นสีแดง มี 2 คัน
จอด 3 ที่คือ !! 1. ข้างตึก MSM 2. AU MALL 3. หอหญิง
ถ้าอยู่หอนอกก็ต้องฟิตหน่อย แล้วแต่หอ Offer ด้วย อย่างบางหออาจจะมี Coach/รถตู้ให้
แต่ถ้าไม่มี เรายังมีทางให้ท่านค่ะ 1. รถส่วนตัว ! (ขับมาสิ มาถึงน่ะทัน แต่จอดรถนี้อีกเรื่องนะ)
2. AU Loop เป็นรถตู้ วิ่งประจำซอยค่ะ วิ่งอยู่ในเอแบค จอดตามหอ
3. Taxi ...
ไหนๆ พูดถึงรถแล้ว... ขอแถมเรื่องที่จอดรถ
เอแบคมีที่จอดรถคือ
1. ตึกจอดรถ" วันละ 30 บาท (ขึ้นจอดล่าสุดนานมากแล้ว ไม่รู้ขึ้นรึยัง) นะคะ (ใกล้ตึกเรียนมาก)
2. ใต้หอในด้าน AU MALL (เลย Mall แล้วเลี้ยวเข้าทางเข้า) -30 บาท (ไกลนิดนึง เดินไปขึ้นรถรางที่ AU Mall ได้
3. Sahara ทะเลทรายซาฮารา จอดฟรี อยู่ตรงข้ามโรงยิม (John Paul Sport Center) ไกลโพ้นทะเล ไปเรียนที ช่วงหน้าร้อนอาจจะมีเสื้อเปียก
**ตอนนี้มี Service พิเศษ จาก มหา'ลัย นะจ๊ะ มีรถตู้วิ่งวนรับ-ส่ง Sahara ตามช่วงเวลา**
Intensive Course คืออัลไล !? = คอร์สเรียนปรับพื้นฐานนั้นเอง บังคับเรียนสำหรับนักเรียนไทย
สำหรับ BBA นะคะ Intensive Course ที่ต้องเรียนมี 2 วิชาคือ English, Math
ENG มีแบบ 120 ชั่วโมง 60 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมง (คะแนนจากที่ท่านเพิ่งสอบนั้นแล)
MATH 60 ชั่วโมง และ 15 ชั่วโมง (คะแนนจาก Transcrip ของท่านจากโรงเรียน)
สำหรับคนที่แบบ เห้ย ENG เรียนเพื่ออะไรอะเพ่ ! (คือมีปัญหานี้มาเหมือนกัน 55)
เอแบคเนี่ย จะเอาผลที่น้องเรียนตรงเนี๊ยะ ไปจัดว่าน้องพร้อมแค่ไหน (พูดยาก บางทีอาจารย์ก็โหดเกิ๊น อันนี้ดวงล้วน)
เลเวลคะแนนจะอยู่ในหนังสือ Intensive (ผ่านมาหลายปีแล้ว จำไม่ได้)
ที่ได้ก็จะมีกันตั้งกะ Basic ENG I, II (ไม่เก็บเกรดให้) หรือ ENG I,II (มีเกรด)
เอแบคมีทั้งหมด 4 ENG (มีเกรด บังคับเรียนทุกคณะ) ส่วนมากคนจะไม่ผ่านไอ้ตัวนี้ละ เลยไม่จบกัน
เมื่อสมัครกันเสร็จแล้ว มาต่อกันที่
เรื่องควรรู้สำหรับเด็ก Intensive
-การแต่งกาย >> ชุดนักเรียนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาใส่ชุดนักศึกษากันนะจ๊ะ
(น้องจะได้เรียนร่วมกับรุ่นพี่ปีแก่ ที่แต่งตัวยังกะ Fashion Week อย่าตกใจไป)
-ถ้าไม่อยากเรียนละคะ !!? >> เรียนเหอะ ! พูดจริง มันมีประโยชน์มาก
สำหรับนักเรียนตาดำๆ จากโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาไทยมาตลอด 14 ปี (โวะ)
ที่คลาส Intensive ให้ความกล้า (เนื่องจากคลาสเป็นคลาสเล็กมา ไม่เกิน 20 คน)
ให้ทักษะชีวิต เหมือนเปิดโลกว่าคุยภาษาอังกฤษมันไม่ได้ยากนะ มันแค่ต้องอาศัยแรงกระตุ้น กับความเคยชินนิดหน่อย
แนะนำเลยสำหรับคนไม่รู้จะทำอะไรช่วงปิดระหว่างรอเรียนมหา'ลัย จะเข้าม. อื่นก็ได้ แต่มาเรียนดู
คุณได้ 1. ละ เพื่อนเอแบค 2. ทักษะชีวิตในการสื่อสารภาษาอังกฤษ กับชาวต่างชาติ (ความเขินเหนียมอายจะหายไปช่วงนี้ละ)
-เรียนยังไงอะพี่ >> ไปตาม Section อะน้อง ระวังอย่าสับสน Section กับ Room คือมัน เลข 3 ตัวเหมือนกัน
ENG กับ MATH จะแบ่งกันเป็นเอกเทศ (ครึ่งเช้าหรือบ่าย) สำหรับคนที่เรียน ดูดีดีด้วยว่าเริ่มวันไหน
-ENG เรียนกับใคร >> อาจารย์จะมีทุกเชื้อชาติ (ไทย พม่า ฝรั่งจ้า มาเล ฯลฯ) น้องไม่มีสิทธิ์เลือก หรือ เปลี่ยน นะคะ (ดวงล้วน)
จะมีอาจารย์ 2 ท่าน ครึ่งแรกกับครึ่งหลัง เพื่อเป็นการไม่ผูกขาดคะแนน หลังช่วงเบรกยาว (ของพี่เป็นสงกรานต์)
อาจารย์จะถูกสับเปลี่ยนอีก เป็น 2 ท่านใหม่ แปลว่าน้องใช้อาจารย์เปลืองมาก 4 คนแน่ะ *[]* !!
-ENG เรียนอะไร >> เรียนเรื่องควรรู้ เช่นเกรดเท่าไหร่จะได้เกียรตินิยมไหม วิธีอ่านหนังสือ
เพราะส่วนมากเป็นโรงเรียนไทย แบบเรียนเป็นภาษาไทย พอมาเจอ ENG เพียว จะเกิด Culture Shock ได้ (เว่อร์ไหมละ)
เรียนทั่วไปด้วย เช่นอ่านกลอน Presentงาน เล่าเรื่อง เล่านิทาน เล่นละคร
-ENG มีการบ้านด้วยนะ >> เป็น Jounal อาจารย์จะบังคับให้น้องเขียนวันละเรื่อง (ส่งรายวัน)
ตามแต่หัวข้อที่อาจารย์จะคิด แต่ละห้องอาจจะไม่เหมือนกัน นะจ๊ะ
-Dictation ก็มานะ >> สำหรับคนที่คิดจะเข้าห้องสาย น้องเอ๊ย เตรียมเรียน เบอิ้ง (Basic Eng) เลยลูก
อันนี้ให้ความสำคัญระดับ 3 ดาว มันเป็นคะแนนเพียวๆ ที่น้องควรคาดหวัง 555
-สอบละคะพี่ !! >> ก็ 4 ครั้งค่ะ 2 quizes 1 midterm 1 final
-พี่ หนูอยากขึ้น ENGI >> พยายามทำ perfomance ตัวเองให้ได้เกิน 75% ขึ้นไป หมายถึงใส่ใจในการเรียน ไม่มาสาย
ไม่คุยมุ้งมิ้งกับเพื่อนไม่สนใจบทเรียน เขียน Journal มาส่งตลอด
MATH ละคะ >> เรียนเหมือน ป.ปลาย พวก equation y=a+bx อะไรเงี๊ยะ ง่ายยยยย
ที่ยากคือ...มันเป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ !! พระเจ้า มันแปลว่าอัลไล !! (น้องต้องแปลโจทย์ดีดีนะลูก)
MATH >> ถ้าผ่าน จะมี 2 เลเวลคือ MATH FOR BUSINESS (เรียนอาทิตย์ละ 2 hrs) กับ INTEGRATE MATH (3 hrs)
ถ้าไม่ผ่าน ก็เหมือน ENG จ่ะ เบแมท (Basic Mathematic)
กิจกรรมหลังจบ Intensive
AU CAMP !!
เอแบคไม่ได้ไม่มีรับน้องนะเอออ !! มีค่ะ แต่เราไม่ได้รับน้องแบบไปทะเล หรือมีพี่ว้าก
(ขอไม่พูดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติม.อื่น เพราะเรามีวิถี มีกฏ มีข้อบังคับต่างกันเนาะ)
เราจัดที่เอแบคบางนานี้ละคะ จัดโดย AUSO ร่วมกับหน่วยกิจกรรมต่างๆ
ระหว่างที่น้องๆ กำลังเรียนหนักตรากตรำ พวกพี่ Staff AU Camp ก็ซ้อมกันบ้าเลือด ทำงานหนักเช่นเดียวกัน
AU CAMP คืออัลไล ? ไม่มาได้ปะ ?
มันคือ... !! รับน้องเอแบคสไตล์ ~ น้องที่มาจะถูกแบ่งเป็น Unit เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ (ขออุบไว้นะฮะ)
เอาเป็นว่าอาจจะไม่เร้าใจเท่าสถาบันอื่น แต่ความจริงใจ ความตั้งใจ ของรุ่นพี่ที่ทำให้น้องๆ ไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน
ฉะนั้น มากันเถอะนะคะ !! ##น้องที่ติดกิจจริงๆ ต้องส่งหลักฐานที่ห้องทะเบียนนะคะ ไม่งั้นหนูจะไม่ผ่าน Ethic Seminar
ข้อขอร้องแกมบังคับคืออออออ
1. รองเท้าขอมีสายรัดด้านหลัง อย่ารองเท้าแตะมา หนูจะขยับไม่สะดวกนะลูก
2. ใส่เสื้อที่พี่พี่แจกให้ (รับที่ AU Plaza ตามวันนะคะ ใน ID CARD ชั่วคราวจะเขียนบอกหมดเลย กิจกรรมที่น้องต้องเข้า+วัน)
3. กางเกง ใส่วอร์ม ยีนส์ อะไรก็ได้ที่หนูจะขยับสะดวกตามกาละเทศะ ปีที่ผ่านมาเทรนดิสโก้ใช่ไหม...นั้นละ เป้าแตกไปสาม = = ~~
4. ยาประจำตัว ใครป่วยหรืออาการไม่ค่อยดี ร่วมกิจกรรมบางอย่างไม่ไหว บอกพี่เขาได้ พี่เขาไม่โหดหรอกลูก
ทุกคนอยากให้น้องสนุก เฉยๆ ไม่ได้อยากโหดจนน้องป่วยเป็นลมไป
สิ่งที่น้องจะได้จาก AU CAMP คือ...มิตรภาพและสายใยเอแบคมีอยู่จริงนะคะ (อยากรู้ต้องมาพิสูจน์เอง)
อะ เปิดเทอมละ !! ตารางเรียนที่อยู่ในมือคือสิ่งที่น้องต้องทนไปอีก 1 เทอม ใครโดน ENG I, II ก็โชคดีไป
ใครตก เบอิ้ง ก็เรียนกันใหม่นะ สู้ ๆ !! (เรียนคล้าย Intensive แหละ ไม่เคยเรียนเหมือนกัน ฟังเขามา)
>>รีวิวแต่ละวิชา ไว้ก่อนเนาะ มัน ย๊าววว ยาว<<
เอแบคบังคับให้เข้าเรียนอย่างน้อย 80% จากเวลาเรียนทั้งหมด มิเช่นนั้นไม่ให้สอบนะเออ !!
มารู้จัก
Ethic Seminar (เอติก) คืออะไร ทำไมชอบขู่จัง
วิชาเอติกเป็นวิชาจริยธรรม ซึ่งบังคับน้องเข้า ! ไม่เข้า ไม่จบ !
ในหนึ่งเทอม จะเรียน 2 ครั้ง คือก่อน Midterm และหลัง Midterm (ตารางดูได้ที่ Center นะจ๊ะ)
เป็นวิชาบังคับว่าในชีวิตเด็กเอแบคเนี่ย ต้องเรียนทั้งหมด 16 ครั้ง ไม่ครบ ไม่ให้จบ ต้องไปลงจนกว่าจะครบ
เนื้อหาการเรียนจะเปลี่ยนไปตามปีของน้อง
การแต่งกายคือ Full Uniform
ผู้หญิง >> ติดเข็ม ติดกระดุม เข็มขัด และรองเท้าดพ
ผู้ขาย >> รองเท้าดำ เข็มขัด เน็คไท
พูดเรื่องการแต่งกายทั่วไปในเอแบค (วันเรียนธรรมดาสามัญชน)
ผู้หญิง >> เสื้อเชิ้ตขาว (แขนยาวแขนสั้น ตามใจเถอะ) ไม่ติดกระดุมก็ได้ (แต่ติดจะดูสวยกว่า)
ส่วนกระโปรง...อย่าสั้นเกินงาม เท่าที่สังเกตคือ เอามือทาบเหนือเข่า อย่าเกินฝ่ามือนึง ไม่งั้นโดนใบสั่งแน่นอนนะจ๊ะ
กระโปรงพลีทได้นะ...แต่เตือนอย่างนึงคือ...ลมบางบ่อ ยังกะพายุ พัดทีนี้เงิบเหมือนกัน
ผู้ชาย >> เชิ้ตขาว สั้นยาวตามใจ กับกางเกงขาห้ามเดฟ (เอามือยัดเข้าไปได้) มิเช่นนั้น ใบสั่งเหมือนกันค่ะ !
ใบสั่ง ? >> ใบที่ พี่รปภ. อาจจะฝากรักให้พวกเรานศ. ได้หากทำผิดกฏระเบียบ ID Card จะถูกยึด และโดนลงโทษบางประการ
(อันนี้ไม่รู้จริง ไม่ได้สนใจ/ไม่เคยโดน)
**ยังมีต่อนะ แต่ที่หมด 555
[CR] ##คู่มือการใช้ชีวิตอยู่ในเอแบค ประสบการณ์ตรง โปรดใช้วิจารณญาณ
หลังจากใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาเอแบค (ขอเรียกเอแบคแล้วกัน พิมพ์ง่ายกว่า ม.อัสสัมชัญ) มาจนสุดทาง
ตอนนี้ก็ได้เป็นว่าที่บัณฑิต (เย้ !) อย่างเกือบเป็นทางการ (แปลว่าไม่เป็นทางการ เอะ จะพิมพ์เพื่อ !!)
สรุปคือ อยากแชร์ประสบการณ์ ว่าอยู่ที่เอแบคนี้มันเป็นยังไง นักศึกษาคนอื่นเขารวย หยิ่ง จริงไหม
คนธรรมดาเข้าไปจะขาดใจตายรึเปล่า ฯลฯ ให้น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง
ประกอบในการตัดสินใจว่าจะเข้ามหา'ลัยไหนดี ~
เกริ่นอีกนิด ...จขกท.เอง ตัดสินใจเข้าเอแบคเลย ไม่ได้ยื่นคะแนน GAT PAT ONET แต่ประการใด
เนื่องจาก 1. ได้ทุนเอแบค 2. ขี้เกียจยื่นเรื่อง วุ่นวายบานตระไทในการสอบแอดมินชั่น
ไม่ได้บอกว่ามหา'ลัยอื่นไม่ดีเลยไม่เข้า นี้เพราะความขี้เกียจตัวเองล้วน ๆ
##คำเตือน
-กระทู้ค่อนไปทางเรียงลำดับเวลาบ้าง ไม่เรียงบ้าง อาจทำให้สับสนเล็กน้อย
ข้ามเจ้าเรียงตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ถ้ามันเกี่ยวเลย ก็อาจจะพูดเลย ไม่ได้เรียงตาม Sequence เท่าไหร่
อะ เริ่มกันเลยนะจ๊ะ ~ (กว่าจะเริ่ม เหนื่อยไหมคะทั่น)
เริ่มด้วยเรื่อง "ทุนการศึกษา"
ทุนเอแบคความจริง เยอะมาก เด็กทุนเดินแทบจะเหยียบกันตายในมหา'ลัย !
ทุนที่ "ใครก็สมัครได้" ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน รัฐบาล หรืออะไร เพียงแค่ท่าน ม.6 และอยากเรียนที่นี้
นั้นก็คืออออออ ทุนนนนนน (โปรดอ่านให้ยาวและยิ่งใหญ่ 55) 'E-Listening' (เสิร์ชได้ตาม google.com นะจ๊ะ)
เป็นทุนสำรวจโลกที่ผู้สมัครต้องเข้าทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษ เพื่อชิงทุน (รายละเอียด ตาม google)
ทุนต่อมา จะให้ "บางโรงเรียน" เท่านั้น ตามแต่ปี (เช่นปีนี้รู้สึกจะเป็นทุนบราเดอร์ประทีป) รู้สึกผู้สมัครต้อง เกรด 3.5+
ส่วนมากจะให้โรงเรียนในเครือ และโรงเรียนประจำจังหวัด (ตามปี ตามทุน ตามเงื่อนไข google ดูนะคะ)
ทุนสุดท้ายคือ ทุนการแข่งขัน สำหรับคนเข้าแข่งขันบางกิจกรรม บางโครงการกับมหา'ลัย
เด็กทุนทำอะไรบ้างอ่า?
-เด็กทุนต้องรักษาเกรดให้เกิน 2.5
-ต้องทำงานทุน 60 hrs/semester
งานทุนคืองานจากทางมหา'ลัย มีหลากหลาย เช่นบางคนถนัดแสดงก็อาจจะมีโอกาสเป็นนักแสดง/ตัวแทนมหา'ลัย
ชอบสอนอาจจะได้สอนติวตามวิชาที่ถนัดให้น้องๆ
ก่อนจะเป็นนักศึกษาได้ ก็ต้องสมัครก่อนสินะฮะ
เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน (เซนต์ฟรังฯ) ที่เอแบค มักมาแนะแนวอยู่เป็นประจำ
เลยได้สมัครไปเลยตอนเอแบคมา Road Show ที่โรงเรียน
แต่สำหรับบุคคล/นักเรียนที่สนใจสมัคร แต่เอแบคไม่มา RoadShow สามารถไปสมัครเองได้เลย
(เอกสารที่จำเป็นคือ Transcrip, ใบรับรองความเป็นนักเรียน, ทะเบียนบ้าน, บัตรประชาชน)
ใบสมัครซื้อที่ Bookstore ทั้งหัวหมากและบางนา (ขอไม่พูดถึงหัวหมาก เพราะข้าพเจ้าไม่รู้/ไม่ชัวร์เป็นอย่างยิ่ง)
ที่บางนา ซื้อเสร็จ กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย ณ SM115 เมื่อเสร็จ เขาจะให้เราทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษ
จะรู้ผล เร็วมาก และพี่จนท. จะปรินท์ ID CARD ชั่วคราวให้ พร้อมกับค่าเทอม Intensive ที่ต้องจ่าย ปะ ไปเรียนกัน !
สำหรับคนที่คิดจะอยู่หอ
จะมีตั้งแต่
-หอในมหาวิทยาลัย ! (หอใน) ก็อยู่ในจริงๆ ในเอแบคเลย
จะแยกเป็น หอกลาง (A) หอหญิง (B) หอชาย (C) มี 13 ชั้น (2-13)
ห้องมีตั้งแต่เป็นห้องรวม (ชั้น 13) ห้อง 3 คน ห้อง 2 คน ราคาก็แตกต่างกันไป
ภายในมี ตู้เย็น โต๊ะหนังสือ ตู้เสื้อผ้า โทรทัศน์(และ Cartoon Network !!) ห้องน้ำมีน้ำอุ่นจ๊ะ
-หรือหอนอก เช่นหออื่นโดยรอบ ราคาก็แตกต่างกันไปตามความเป็นอยู่ ลองมาเซอร์เวย์กันนะจ๊ะ
ไม่มีรถอยู่รอดไหม? (เฉพาะมาเรียนนะ ไม่เกี่ยวกะออกไปเที่ยว 55)
หอใน... โอ๊ย คุณพระ ตื่น 8.30 เรียน 9.00 ยังทันเลย เดินไปแค่ไม่ถึง 10 นาทีจากหอ (ยกเว้นช่วงพีค ลิฟท์นี้ไม่ขยับ)
หรือถ้าโชคดีเจอรถราง*ว่าง 3 นาทีกว่าก็ถึงแล่ววววว
**รถราง หรือ Tram คือรถประจำทาง (แต่ไม่ประจำราง เพราะมันไม่มีราง) ที่วิ่งในเอแบค จะเป็นสีแดง มี 2 คัน
จอด 3 ที่คือ !! 1. ข้างตึก MSM 2. AU MALL 3. หอหญิง
ถ้าอยู่หอนอกก็ต้องฟิตหน่อย แล้วแต่หอ Offer ด้วย อย่างบางหออาจจะมี Coach/รถตู้ให้
แต่ถ้าไม่มี เรายังมีทางให้ท่านค่ะ 1. รถส่วนตัว ! (ขับมาสิ มาถึงน่ะทัน แต่จอดรถนี้อีกเรื่องนะ)
2. AU Loop เป็นรถตู้ วิ่งประจำซอยค่ะ วิ่งอยู่ในเอแบค จอดตามหอ
3. Taxi ...
ไหนๆ พูดถึงรถแล้ว... ขอแถมเรื่องที่จอดรถ
เอแบคมีที่จอดรถคือ
1. ตึกจอดรถ" วันละ 30 บาท (ขึ้นจอดล่าสุดนานมากแล้ว ไม่รู้ขึ้นรึยัง) นะคะ (ใกล้ตึกเรียนมาก)
2. ใต้หอในด้าน AU MALL (เลย Mall แล้วเลี้ยวเข้าทางเข้า) -30 บาท (ไกลนิดนึง เดินไปขึ้นรถรางที่ AU Mall ได้
3. Sahara ทะเลทรายซาฮารา จอดฟรี อยู่ตรงข้ามโรงยิม (John Paul Sport Center) ไกลโพ้นทะเล ไปเรียนที ช่วงหน้าร้อนอาจจะมีเสื้อเปียก
**ตอนนี้มี Service พิเศษ จาก มหา'ลัย นะจ๊ะ มีรถตู้วิ่งวนรับ-ส่ง Sahara ตามช่วงเวลา**
Intensive Course คืออัลไล !? = คอร์สเรียนปรับพื้นฐานนั้นเอง บังคับเรียนสำหรับนักเรียนไทย
สำหรับ BBA นะคะ Intensive Course ที่ต้องเรียนมี 2 วิชาคือ English, Math
ENG มีแบบ 120 ชั่วโมง 60 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมง (คะแนนจากที่ท่านเพิ่งสอบนั้นแล)
MATH 60 ชั่วโมง และ 15 ชั่วโมง (คะแนนจาก Transcrip ของท่านจากโรงเรียน)
สำหรับคนที่แบบ เห้ย ENG เรียนเพื่ออะไรอะเพ่ ! (คือมีปัญหานี้มาเหมือนกัน 55)
เอแบคเนี่ย จะเอาผลที่น้องเรียนตรงเนี๊ยะ ไปจัดว่าน้องพร้อมแค่ไหน (พูดยาก บางทีอาจารย์ก็โหดเกิ๊น อันนี้ดวงล้วน)
เลเวลคะแนนจะอยู่ในหนังสือ Intensive (ผ่านมาหลายปีแล้ว จำไม่ได้)
ที่ได้ก็จะมีกันตั้งกะ Basic ENG I, II (ไม่เก็บเกรดให้) หรือ ENG I,II (มีเกรด)
เอแบคมีทั้งหมด 4 ENG (มีเกรด บังคับเรียนทุกคณะ) ส่วนมากคนจะไม่ผ่านไอ้ตัวนี้ละ เลยไม่จบกัน
เมื่อสมัครกันเสร็จแล้ว มาต่อกันที่ เรื่องควรรู้สำหรับเด็ก Intensive
-การแต่งกาย >> ชุดนักเรียนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาใส่ชุดนักศึกษากันนะจ๊ะ
(น้องจะได้เรียนร่วมกับรุ่นพี่ปีแก่ ที่แต่งตัวยังกะ Fashion Week อย่าตกใจไป)
-ถ้าไม่อยากเรียนละคะ !!? >> เรียนเหอะ ! พูดจริง มันมีประโยชน์มาก
สำหรับนักเรียนตาดำๆ จากโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาไทยมาตลอด 14 ปี (โวะ)
ที่คลาส Intensive ให้ความกล้า (เนื่องจากคลาสเป็นคลาสเล็กมา ไม่เกิน 20 คน)
ให้ทักษะชีวิต เหมือนเปิดโลกว่าคุยภาษาอังกฤษมันไม่ได้ยากนะ มันแค่ต้องอาศัยแรงกระตุ้น กับความเคยชินนิดหน่อย
แนะนำเลยสำหรับคนไม่รู้จะทำอะไรช่วงปิดระหว่างรอเรียนมหา'ลัย จะเข้าม. อื่นก็ได้ แต่มาเรียนดู
คุณได้ 1. ละ เพื่อนเอแบค 2. ทักษะชีวิตในการสื่อสารภาษาอังกฤษ กับชาวต่างชาติ (ความเขินเหนียมอายจะหายไปช่วงนี้ละ)
-เรียนยังไงอะพี่ >> ไปตาม Section อะน้อง ระวังอย่าสับสน Section กับ Room คือมัน เลข 3 ตัวเหมือนกัน
ENG กับ MATH จะแบ่งกันเป็นเอกเทศ (ครึ่งเช้าหรือบ่าย) สำหรับคนที่เรียน ดูดีดีด้วยว่าเริ่มวันไหน
-ENG เรียนกับใคร >> อาจารย์จะมีทุกเชื้อชาติ (ไทย พม่า ฝรั่งจ้า มาเล ฯลฯ) น้องไม่มีสิทธิ์เลือก หรือ เปลี่ยน นะคะ (ดวงล้วน)
จะมีอาจารย์ 2 ท่าน ครึ่งแรกกับครึ่งหลัง เพื่อเป็นการไม่ผูกขาดคะแนน หลังช่วงเบรกยาว (ของพี่เป็นสงกรานต์)
อาจารย์จะถูกสับเปลี่ยนอีก เป็น 2 ท่านใหม่ แปลว่าน้องใช้อาจารย์เปลืองมาก 4 คนแน่ะ *[]* !!
-ENG เรียนอะไร >> เรียนเรื่องควรรู้ เช่นเกรดเท่าไหร่จะได้เกียรตินิยมไหม วิธีอ่านหนังสือ
เพราะส่วนมากเป็นโรงเรียนไทย แบบเรียนเป็นภาษาไทย พอมาเจอ ENG เพียว จะเกิด Culture Shock ได้ (เว่อร์ไหมละ)
เรียนทั่วไปด้วย เช่นอ่านกลอน Presentงาน เล่าเรื่อง เล่านิทาน เล่นละคร
-ENG มีการบ้านด้วยนะ >> เป็น Jounal อาจารย์จะบังคับให้น้องเขียนวันละเรื่อง (ส่งรายวัน)
ตามแต่หัวข้อที่อาจารย์จะคิด แต่ละห้องอาจจะไม่เหมือนกัน นะจ๊ะ
-Dictation ก็มานะ >> สำหรับคนที่คิดจะเข้าห้องสาย น้องเอ๊ย เตรียมเรียน เบอิ้ง (Basic Eng) เลยลูก
อันนี้ให้ความสำคัญระดับ 3 ดาว มันเป็นคะแนนเพียวๆ ที่น้องควรคาดหวัง 555
-สอบละคะพี่ !! >> ก็ 4 ครั้งค่ะ 2 quizes 1 midterm 1 final
-พี่ หนูอยากขึ้น ENGI >> พยายามทำ perfomance ตัวเองให้ได้เกิน 75% ขึ้นไป หมายถึงใส่ใจในการเรียน ไม่มาสาย
ไม่คุยมุ้งมิ้งกับเพื่อนไม่สนใจบทเรียน เขียน Journal มาส่งตลอด
MATH ละคะ >> เรียนเหมือน ป.ปลาย พวก equation y=a+bx อะไรเงี๊ยะ ง่ายยยยย
ที่ยากคือ...มันเป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ !! พระเจ้า มันแปลว่าอัลไล !! (น้องต้องแปลโจทย์ดีดีนะลูก)
MATH >> ถ้าผ่าน จะมี 2 เลเวลคือ MATH FOR BUSINESS (เรียนอาทิตย์ละ 2 hrs) กับ INTEGRATE MATH (3 hrs)
ถ้าไม่ผ่าน ก็เหมือน ENG จ่ะ เบแมท (Basic Mathematic)
กิจกรรมหลังจบ Intensive AU CAMP !!
เอแบคไม่ได้ไม่มีรับน้องนะเอออ !! มีค่ะ แต่เราไม่ได้รับน้องแบบไปทะเล หรือมีพี่ว้าก
(ขอไม่พูดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติม.อื่น เพราะเรามีวิถี มีกฏ มีข้อบังคับต่างกันเนาะ)
เราจัดที่เอแบคบางนานี้ละคะ จัดโดย AUSO ร่วมกับหน่วยกิจกรรมต่างๆ
ระหว่างที่น้องๆ กำลังเรียนหนักตรากตรำ พวกพี่ Staff AU Camp ก็ซ้อมกันบ้าเลือด ทำงานหนักเช่นเดียวกัน
AU CAMP คืออัลไล ? ไม่มาได้ปะ ?
มันคือ... !! รับน้องเอแบคสไตล์ ~ น้องที่มาจะถูกแบ่งเป็น Unit เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ (ขออุบไว้นะฮะ)
เอาเป็นว่าอาจจะไม่เร้าใจเท่าสถาบันอื่น แต่ความจริงใจ ความตั้งใจ ของรุ่นพี่ที่ทำให้น้องๆ ไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน
ฉะนั้น มากันเถอะนะคะ !! ##น้องที่ติดกิจจริงๆ ต้องส่งหลักฐานที่ห้องทะเบียนนะคะ ไม่งั้นหนูจะไม่ผ่าน Ethic Seminar
ข้อขอร้องแกมบังคับคืออออออ
1. รองเท้าขอมีสายรัดด้านหลัง อย่ารองเท้าแตะมา หนูจะขยับไม่สะดวกนะลูก
2. ใส่เสื้อที่พี่พี่แจกให้ (รับที่ AU Plaza ตามวันนะคะ ใน ID CARD ชั่วคราวจะเขียนบอกหมดเลย กิจกรรมที่น้องต้องเข้า+วัน)
3. กางเกง ใส่วอร์ม ยีนส์ อะไรก็ได้ที่หนูจะขยับสะดวกตามกาละเทศะ ปีที่ผ่านมาเทรนดิสโก้ใช่ไหม...นั้นละ เป้าแตกไปสาม = = ~~
4. ยาประจำตัว ใครป่วยหรืออาการไม่ค่อยดี ร่วมกิจกรรมบางอย่างไม่ไหว บอกพี่เขาได้ พี่เขาไม่โหดหรอกลูก
ทุกคนอยากให้น้องสนุก เฉยๆ ไม่ได้อยากโหดจนน้องป่วยเป็นลมไป
สิ่งที่น้องจะได้จาก AU CAMP คือ...มิตรภาพและสายใยเอแบคมีอยู่จริงนะคะ (อยากรู้ต้องมาพิสูจน์เอง)
อะ เปิดเทอมละ !! ตารางเรียนที่อยู่ในมือคือสิ่งที่น้องต้องทนไปอีก 1 เทอม ใครโดน ENG I, II ก็โชคดีไป
ใครตก เบอิ้ง ก็เรียนกันใหม่นะ สู้ ๆ !! (เรียนคล้าย Intensive แหละ ไม่เคยเรียนเหมือนกัน ฟังเขามา)
>>รีวิวแต่ละวิชา ไว้ก่อนเนาะ มัน ย๊าววว ยาว<<
เอแบคบังคับให้เข้าเรียนอย่างน้อย 80% จากเวลาเรียนทั้งหมด มิเช่นนั้นไม่ให้สอบนะเออ !!
มารู้จัก Ethic Seminar (เอติก) คืออะไร ทำไมชอบขู่จัง
วิชาเอติกเป็นวิชาจริยธรรม ซึ่งบังคับน้องเข้า ! ไม่เข้า ไม่จบ !
ในหนึ่งเทอม จะเรียน 2 ครั้ง คือก่อน Midterm และหลัง Midterm (ตารางดูได้ที่ Center นะจ๊ะ)
เป็นวิชาบังคับว่าในชีวิตเด็กเอแบคเนี่ย ต้องเรียนทั้งหมด 16 ครั้ง ไม่ครบ ไม่ให้จบ ต้องไปลงจนกว่าจะครบ
เนื้อหาการเรียนจะเปลี่ยนไปตามปีของน้อง
การแต่งกายคือ Full Uniform
ผู้หญิง >> ติดเข็ม ติดกระดุม เข็มขัด และรองเท้าดพ
ผู้ขาย >> รองเท้าดำ เข็มขัด เน็คไท
พูดเรื่องการแต่งกายทั่วไปในเอแบค (วันเรียนธรรมดาสามัญชน)
ผู้หญิง >> เสื้อเชิ้ตขาว (แขนยาวแขนสั้น ตามใจเถอะ) ไม่ติดกระดุมก็ได้ (แต่ติดจะดูสวยกว่า)
ส่วนกระโปรง...อย่าสั้นเกินงาม เท่าที่สังเกตคือ เอามือทาบเหนือเข่า อย่าเกินฝ่ามือนึง ไม่งั้นโดนใบสั่งแน่นอนนะจ๊ะ
กระโปรงพลีทได้นะ...แต่เตือนอย่างนึงคือ...ลมบางบ่อ ยังกะพายุ พัดทีนี้เงิบเหมือนกัน
ผู้ชาย >> เชิ้ตขาว สั้นยาวตามใจ กับกางเกงขาห้ามเดฟ (เอามือยัดเข้าไปได้) มิเช่นนั้น ใบสั่งเหมือนกันค่ะ !
ใบสั่ง ? >> ใบที่ พี่รปภ. อาจจะฝากรักให้พวกเรานศ. ได้หากทำผิดกฏระเบียบ ID Card จะถูกยึด และโดนลงโทษบางประการ
(อันนี้ไม่รู้จริง ไม่ได้สนใจ/ไม่เคยโดน)
**ยังมีต่อนะ แต่ที่หมด 555