ขออภัยล่วงหน้าที่รูปถ่ายระดับเด็กอนุบาลนะครับ เพราะว่ากันตามตรงตอนนั้นอยากกินมากกว่าอยากถ่ายรูปแล้ว
เริ่มที่มื้อแรกกันก่อนครับ พอลงสนามบินยังไม่ทันเข้าโรงแรมก็มุ่งหน้าไปที่สถานี ikebukuro เลย เพราะผมพักที่ Metropolitan
1. ichiran ramen หรือราเมนข้อสอบที่คนไทยคุ้นกันดี
ผมเลือกทำข้อสอบแบบนี้นะครับ ใครจะลอกข้อสอบก็ไม่ว่ากัน
สรุป : เป็นราเมนมื้อแรกที่ญี่ปุ่น ที่ดั้นด้นไปกินเอง ก่อนหน้านี้ไปกับทัวร์ ทัวร์ไม่ได้จัดให้กินอะไรมากมายเท่าไหร่
รสชาติ อยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ ถ้าเทียบกับราเมนที่เมืองไทย อร่อยกว่ายามาโกย่าหน่อยนึง ราคาก็โอเคครับ ไม่แพงเท่าไหร่ ประมาณ 1000 เยน
2. Sushi dai ตลาดปลาสึกิจิ
หลังจากนอนพักหนึ่งคืน ตอนเช้าก็มาตลาดปลา เพื่อกินร้านที่เค้านิยมกัน ตอนอยู่เมืองไทยก็ได้ไปลองร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆหลายร้านเพื่อเปรียบ
เทียบรสชาติ เมื่อมาญี่ปุ่น เช่น Honmono Mugendai Maru
มาถึงหน้าร้านก็ใจแป้วเลยครับ เพราะคิดแล้วว่าต้องต่อคิวนานแหง
แถวที่ 2 ต่อจากหน้าร้าน ผมอยู่ท้ายแถวเลยครับ นี่ขนาดมาตอนตี 5.45 นะเนี่ย
ทริปนี้พาครอบครัว มาเที่ยว ทั้งแถวจะมีคนแก่ยืนต่อแค่ 2 คนเท่านั้น
ราคา 3900 เยน ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1300 - 1400 บาท เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้แพงอะไรนะครับ
กว่าจะได้เข้ามากินต้องยืนรอถึง 3 ชั่วโมง 20 นาที แม่ผมถึงกับบอกว่า เป็นอาหารมื้อแรกในชีวิตที่ต้องยืนคอยนานขนาดนี้ และแม่บอกว่า ขอรอคิวนานขนาดนี้มื้อเดียวนะ
โอเค เราไปลุยกันเลย ว่ามีอะไรที่ได้กินบ้าง
ซุปที่นี่คล่องคอดีครับ ซดได้เรื่อยๆ
สรุป : เรื่องรสชาติคงไม่ต้องสรุปอะไรมาก อร่อยกว่า Honmono Mugendai Maru ที่ผมเคยไปกินมาแน่นอน ปลาสดมาก แต่คำที่อร่อยล้ำไปเลยคือ ไข่หอยเม่น กับปลาไหล โดยเฉพาะปลาไหล ผมเคยมีอคติอย่างแรงเลย ตอนที่มาญี่ปุ่นกับทัวร์ ทัวร์เคยพาไปกินปลาไหล แบบไม่อร่อยเลย ทำให้เข้าใจว่า แม้แต่ที่ญี่ปุ่นปลาไหลก็ไม่อร่อย แต่พอมากินที่นี่ ต้องบอกว่าเป็นคำที่ผมตกใจมากที่สุดแล้ว ไม่นึกว่า มันจะอร่อยล้ำได้ขนาดนี้ ส่วนคำอื่นๆ ปลาสดดีครับ ผมสงสัยว่าร้านอื่นที่ไม่มีคนต่อคิวจะอร่อยมั้ย วันก่อนกลับไทยผมลองมากินร้านที่ไม่มีคนต่อคิว ปรากฏว่า ไม่อร่อยเอาซะเลยครับ ดังนั้น เมื่อคุณไปตลาดปลา ร้านไหนคิวยาว ก็แสดงว่าอร่อยแน่นอน ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกับเชฟที่ปั้นให้ซะหน่อย
***** แม่ถามว่าทำไมต้องรีบมากินร้านนี้เร็วขนาดนี้ ไว้วันหลังๆไม่ได้เหรอ คำตอบอยู่ในมื้อที่ 3 ตอนเย็นในวันเดียวกัน *****
3. Sishi Sukiyabashi Jiro สาขา Roppongi ใช่แล้วครับ ที่ผมรีบไปกิน Sushi dai ก่อนก็เพื่อเอามาเทียบกับมื้อนี้โดยเฉพาะ
มื้อนี้ถือเป็นมื้อใหญ่สุดของทริปนี้ก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายเล็กๆตรงที่ผมไม่ได้กินร้านของปู่จิโร่นะครับ เป็นร้านของลูกชายปู่จิโร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Roppongi นี่ขนาดจองล่วงหน้า 1 เดือนแล้วนะ เอาล่ะไปลุยกันเลย
หน้าร้าน จิโร่ นะครับ ทางก่อนเข้าร้านชวนงงอยู่เหมือนกัน ต้องอาศัยถามคนแถวนั้นเอา
ต่อจากนี้ดูรูปอาหารเอาอย่างเดียวนะครับ เดี๋ยวจะสรุปตอนท้ายว่าเป็นยังไงบ้าง
สรุป : มีทั้งหมด 20 คำ รสชาติอร่อยกว่า Sushi dai ค่อนข้างมาก คำที่ผมว่าอร่อยสุดๆไปเลยมี กุ้ง เชฟบอกให้กินส่วนหางก่อน แล้วถึงกินส่วนหัวตามทีหลัง ปรากฏว่า อร่อยสุดๆ เพราะส่วนหัวมีมันผสมอยู่ด้วย อุ่นๆลงตัวมาก
ไข่หอยเม่น นี่ขนาดซูชิได ว่าอร่อยมากแล้วยังเทียบกับจิโร่ไม่ติดเลยครับ ไข่หอยเม่นอร่อยมาก สาหร่ายที่พันมาก็หอมกรอบสุดๆ
ปลาไหล ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อเช้าที่ซูชิได คิดว่าปลาไหลคงไม่อร่อยไปกว่านี้แล้ว แต่ที่นี่ยังทำให้อร่อยกว่ามากได้
ไข่หวาน ไม่คิดว่ามันเป้นไข่หวาน คิดว่ามันเป็นเค้กด้วยซ้ำ แม่บอกว่าอยากสั่งกลับไปกินที่โรงแรมซัก 20 คำ
ส่วนคำอื่นๆ ก็อร่อยมากครับ แต่ไม่ได้ทำให้ตกใจเหมือน 4 คำที่ว่ามา
ค่าอาหาร สำหรับ 3 คน เมื่อหารออกมาเป็นเงินไทยก็พบว่าไม่ได้แพงเท่าไหร่ คือแพงน่ะแพงแน่ แต่เทียบกับรสชาติและประสพการณ์ที่ได้รับก็นับว่าคุ้มค่า สำหรับค่าอาหารต่อคนอยู่ที่ประมาณคนละ 8000 บาท
สรุป รอบ2 เมื่อเทียบกับ ซูชิได แล้วรู้สึกยังไงบ้าง แน่นอนว่าอร่อยกว่า แต่ถ้าเทียบความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปกับรสชาติที่ได้รับ ผมคิดว่า ซูชิได คุ้มค่ากว่า แถมบรรยากาศยังโหวกเหวกโวยวาย น่าสนุกกว่าจิโร่ ครับ จิโร่ บรรยากาศค่อนข้างจะเครียดเล็กๆ นี่ขนาดร้านลูกซึ่งเค้าว่ากันว่า ผ่อนคลายกว่าร้านพ่อแล้วนะครับ ถึงยังไงก็ตาม ทั้ง 2 ร้านก็ควรค่าแก่การไปลองกินซักครั้งนะครับ โดยเฉพาะซูชิได ถ้าคุณอดทนในการรอคิว ไปหลายๆครั้งก็ได้ ราคาไม่แพง
ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปกับลูกคุณจิโร่ซะหน่อย ผมซื้อหนังสือที่พ่อเค้าเขียน แล้วบอกให้เค้าเซ็นชื่อ เค้าไม่ยอมเซ็นให้นะครับ เพราะเค้าบอกว่า มีลายเซ็นพ่อเค้าแล้ว เค้าไม่กล้าเซ็นลงไปอีก ฝีมือเค้ากับพ่อยังแตกต่างกันอยู่มาก ไม่กล้าวัดรอยเท้า ผมว่าคนแบบนี้น่าเคารพมากนะครับ
***** เดี๋ยวดึกๆมาต่อที่เหลือครับ *****
Mutekiya ramen
Itto ramen
Ramen Museum
Kani Doraku
Rokkasen
Ippodo tea
Maisen
ลุยญี่ปุ่น 8 วัน คัดเฉพาะมื้อสำคัญ
เริ่มที่มื้อแรกกันก่อนครับ พอลงสนามบินยังไม่ทันเข้าโรงแรมก็มุ่งหน้าไปที่สถานี ikebukuro เลย เพราะผมพักที่ Metropolitan
1. ichiran ramen หรือราเมนข้อสอบที่คนไทยคุ้นกันดี
ผมเลือกทำข้อสอบแบบนี้นะครับ ใครจะลอกข้อสอบก็ไม่ว่ากัน
สรุป : เป็นราเมนมื้อแรกที่ญี่ปุ่น ที่ดั้นด้นไปกินเอง ก่อนหน้านี้ไปกับทัวร์ ทัวร์ไม่ได้จัดให้กินอะไรมากมายเท่าไหร่
รสชาติ อยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ ถ้าเทียบกับราเมนที่เมืองไทย อร่อยกว่ายามาโกย่าหน่อยนึง ราคาก็โอเคครับ ไม่แพงเท่าไหร่ ประมาณ 1000 เยน
2. Sushi dai ตลาดปลาสึกิจิ
หลังจากนอนพักหนึ่งคืน ตอนเช้าก็มาตลาดปลา เพื่อกินร้านที่เค้านิยมกัน ตอนอยู่เมืองไทยก็ได้ไปลองร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆหลายร้านเพื่อเปรียบ
เทียบรสชาติ เมื่อมาญี่ปุ่น เช่น Honmono Mugendai Maru
มาถึงหน้าร้านก็ใจแป้วเลยครับ เพราะคิดแล้วว่าต้องต่อคิวนานแหง
แถวที่ 2 ต่อจากหน้าร้าน ผมอยู่ท้ายแถวเลยครับ นี่ขนาดมาตอนตี 5.45 นะเนี่ย
ทริปนี้พาครอบครัว มาเที่ยว ทั้งแถวจะมีคนแก่ยืนต่อแค่ 2 คนเท่านั้น
ราคา 3900 เยน ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1300 - 1400 บาท เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้แพงอะไรนะครับ
กว่าจะได้เข้ามากินต้องยืนรอถึง 3 ชั่วโมง 20 นาที แม่ผมถึงกับบอกว่า เป็นอาหารมื้อแรกในชีวิตที่ต้องยืนคอยนานขนาดนี้ และแม่บอกว่า ขอรอคิวนานขนาดนี้มื้อเดียวนะ
โอเค เราไปลุยกันเลย ว่ามีอะไรที่ได้กินบ้าง
ซุปที่นี่คล่องคอดีครับ ซดได้เรื่อยๆ
สรุป : เรื่องรสชาติคงไม่ต้องสรุปอะไรมาก อร่อยกว่า Honmono Mugendai Maru ที่ผมเคยไปกินมาแน่นอน ปลาสดมาก แต่คำที่อร่อยล้ำไปเลยคือ ไข่หอยเม่น กับปลาไหล โดยเฉพาะปลาไหล ผมเคยมีอคติอย่างแรงเลย ตอนที่มาญี่ปุ่นกับทัวร์ ทัวร์เคยพาไปกินปลาไหล แบบไม่อร่อยเลย ทำให้เข้าใจว่า แม้แต่ที่ญี่ปุ่นปลาไหลก็ไม่อร่อย แต่พอมากินที่นี่ ต้องบอกว่าเป็นคำที่ผมตกใจมากที่สุดแล้ว ไม่นึกว่า มันจะอร่อยล้ำได้ขนาดนี้ ส่วนคำอื่นๆ ปลาสดดีครับ ผมสงสัยว่าร้านอื่นที่ไม่มีคนต่อคิวจะอร่อยมั้ย วันก่อนกลับไทยผมลองมากินร้านที่ไม่มีคนต่อคิว ปรากฏว่า ไม่อร่อยเอาซะเลยครับ ดังนั้น เมื่อคุณไปตลาดปลา ร้านไหนคิวยาว ก็แสดงว่าอร่อยแน่นอน ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกับเชฟที่ปั้นให้ซะหน่อย
***** แม่ถามว่าทำไมต้องรีบมากินร้านนี้เร็วขนาดนี้ ไว้วันหลังๆไม่ได้เหรอ คำตอบอยู่ในมื้อที่ 3 ตอนเย็นในวันเดียวกัน *****
3. Sishi Sukiyabashi Jiro สาขา Roppongi ใช่แล้วครับ ที่ผมรีบไปกิน Sushi dai ก่อนก็เพื่อเอามาเทียบกับมื้อนี้โดยเฉพาะ
มื้อนี้ถือเป็นมื้อใหญ่สุดของทริปนี้ก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายเล็กๆตรงที่ผมไม่ได้กินร้านของปู่จิโร่นะครับ เป็นร้านของลูกชายปู่จิโร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Roppongi นี่ขนาดจองล่วงหน้า 1 เดือนแล้วนะ เอาล่ะไปลุยกันเลย
หน้าร้าน จิโร่ นะครับ ทางก่อนเข้าร้านชวนงงอยู่เหมือนกัน ต้องอาศัยถามคนแถวนั้นเอา
ต่อจากนี้ดูรูปอาหารเอาอย่างเดียวนะครับ เดี๋ยวจะสรุปตอนท้ายว่าเป็นยังไงบ้าง
สรุป : มีทั้งหมด 20 คำ รสชาติอร่อยกว่า Sushi dai ค่อนข้างมาก คำที่ผมว่าอร่อยสุดๆไปเลยมี กุ้ง เชฟบอกให้กินส่วนหางก่อน แล้วถึงกินส่วนหัวตามทีหลัง ปรากฏว่า อร่อยสุดๆ เพราะส่วนหัวมีมันผสมอยู่ด้วย อุ่นๆลงตัวมาก
ไข่หอยเม่น นี่ขนาดซูชิได ว่าอร่อยมากแล้วยังเทียบกับจิโร่ไม่ติดเลยครับ ไข่หอยเม่นอร่อยมาก สาหร่ายที่พันมาก็หอมกรอบสุดๆ
ปลาไหล ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อเช้าที่ซูชิได คิดว่าปลาไหลคงไม่อร่อยไปกว่านี้แล้ว แต่ที่นี่ยังทำให้อร่อยกว่ามากได้
ไข่หวาน ไม่คิดว่ามันเป้นไข่หวาน คิดว่ามันเป็นเค้กด้วยซ้ำ แม่บอกว่าอยากสั่งกลับไปกินที่โรงแรมซัก 20 คำ
ส่วนคำอื่นๆ ก็อร่อยมากครับ แต่ไม่ได้ทำให้ตกใจเหมือน 4 คำที่ว่ามา
ค่าอาหาร สำหรับ 3 คน เมื่อหารออกมาเป็นเงินไทยก็พบว่าไม่ได้แพงเท่าไหร่ คือแพงน่ะแพงแน่ แต่เทียบกับรสชาติและประสพการณ์ที่ได้รับก็นับว่าคุ้มค่า สำหรับค่าอาหารต่อคนอยู่ที่ประมาณคนละ 8000 บาท
สรุป รอบ2 เมื่อเทียบกับ ซูชิได แล้วรู้สึกยังไงบ้าง แน่นอนว่าอร่อยกว่า แต่ถ้าเทียบความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปกับรสชาติที่ได้รับ ผมคิดว่า ซูชิได คุ้มค่ากว่า แถมบรรยากาศยังโหวกเหวกโวยวาย น่าสนุกกว่าจิโร่ ครับ จิโร่ บรรยากาศค่อนข้างจะเครียดเล็กๆ นี่ขนาดร้านลูกซึ่งเค้าว่ากันว่า ผ่อนคลายกว่าร้านพ่อแล้วนะครับ ถึงยังไงก็ตาม ทั้ง 2 ร้านก็ควรค่าแก่การไปลองกินซักครั้งนะครับ โดยเฉพาะซูชิได ถ้าคุณอดทนในการรอคิว ไปหลายๆครั้งก็ได้ ราคาไม่แพง
ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปกับลูกคุณจิโร่ซะหน่อย ผมซื้อหนังสือที่พ่อเค้าเขียน แล้วบอกให้เค้าเซ็นชื่อ เค้าไม่ยอมเซ็นให้นะครับ เพราะเค้าบอกว่า มีลายเซ็นพ่อเค้าแล้ว เค้าไม่กล้าเซ็นลงไปอีก ฝีมือเค้ากับพ่อยังแตกต่างกันอยู่มาก ไม่กล้าวัดรอยเท้า ผมว่าคนแบบนี้น่าเคารพมากนะครับ
***** เดี๋ยวดึกๆมาต่อที่เหลือครับ *****
Mutekiya ramen
Itto ramen
Ramen Museum
Kani Doraku
Rokkasen
Ippodo tea
Maisen