ชื่อ-นามสกุล : สุจิตรา เอกมงคลไพศาล (ตา)
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2520
สัดส่วน : สูง 174 เซนติเมตร หนัก 58 กิโลกรัม
แชมป์หญิงเดี่ยวประเทศไทย 5 สมัยติดต่อกัน ( พ.ศ.2541-2545 )
สุจิตรา เริ่มเล่นแบดมินตัน ตั้งแต่อายุได้ 12 ปี ขณะที่เรียนอยู่ที่ ร.ร.วัดประดู่ในทรงธรรม ชั้นม.2 เนื่องจากในตอนนั้น คุณพ่อชอบเล่นกีฬาประเภทนี้อยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็มุ่งมั่นกับกีฬาขนไก่มาโดยตลอด ประกอบกับเป็นคนที่ไม่ค่อยย่อท้อ มุ่งมั่นเอาจริง ฝีมือจึงแซงนักแบดมินตันรุ่นเดียวกันไปหมด และเริ่มติดทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ จ.เชียงใหม่ ปี 2538 พร้อมกับสามารถคว้าเหรียญทองแดง ประเภทคู่ผสมที่คู่กับคุณากร สุทธิโสตถิ์ มาครองได้สำเร็จ หลังจากนั้น สุจิตราคว้าเหรียญทองแดง ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ ในปี 2541
สุจิตราถือเป็นนักแบดมินตันหญิงที่ดีที่สุดในยุคนั้น มีจุดเด่นที่ความใจสู้ และเล่นได้แข็งแกร่งทั้งรุกและรับ มาประสบความสำเร็จสูงสุด ในซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่มาเลเซีย ปี 2544 เมื่อเอาชนะลิเดีย ดาลาวิจาย่า ของอินโดนีเซีย ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองมาครอง โดยถือเป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกของทีมชาติไทยในรอบ 34 ปี ที่คว้าเหรียญทองในซีเกมส์ หลังจากที่ทองคำ กิ่งมณี เคยทำไว้เมื่อปี 2510
อย่างไรก็ตาม สุจิตรา ต้องโชคร้าย เมื่อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่า ขณะเข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 14 ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ ในปี 2545 และทำให้เธอต้องประกาศเลิกเล่นอาชีพไปเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน โดยสุจิตราเคยทำผลงานดีที่สุด ในประเภทหญิงเดี่ยว ด้วยการรั้งมือวางอันดับ 8 ของโลกมาแล้ว
ตัดสินใจหวนคืนสู่วงการแบดมินตัน
สุจิตรา ตัดสินใจกลับมาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังหยุดยาวไปนานถึง 6 ปี โดยประเดิมสนามในรายการแบดมินตันอาชีพประเทศไทย สนาม 1 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสุจิตราลงแข่งขันประเภทคู่ โดยจับคู่กับ ปัญญดา มั่นกิจโชคเจริญ หนึ่งในทีมแบดมินตันทีมหญิงชุดเหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ที่กว่างโจว
Cr.news.hatyaiok.com 12/05/2554
จับไมค์บรรยายเกม " นุ่มนวล ฉะฉาน ได้ความรู้ " คว้าใจคนดูไปเต็ม ๆ
นอกจากความสำเร็จของทีมแบดมินตันไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคว้ามาได้ 1 เหรียญทอง จากประเภททีมหญิง และผ่านเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 รายการ จากประเภทชายเดี่ยว และคู่ผสม สิ่งหนึ่งที่แฟนตบลูกขนไก่ ซึ่งได้ชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในไทย รู้สึกประทับใจไม่แพ้กันคือ การทำหน้าที่ของผู้บรรยายเกมอย่าง " สุจิตรา เอกมงคลไพศาล "
วันนี้ (22 พ.ย. 2554) ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ จึงได้นำกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากแฟน ๆ กีฬาแบดมินตัน มาสอบถามอดีตนักแบดมินตันมือ 1 หญิงของไทย และอดีตมือวางอันดับ 8 ของโลก ดูว่าจะเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง กับบทบาทและหน้าที่ผู้อยู่เบื้องหลังเกมการแข่งขัน ซึ่งดูเหมือนสไตล์การบรรยายที่รื่นหูชวนฟัง กำลังจะทำให้เธอกลับมาโด่งดัง ไม่ต่างจากเมื่อครั้งอยู่เบื้องหน้าเกม เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
อดีตยอดนักแบดหญิง ผู้จุดประกายวงการลูกขนไก่ไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทบาทนักบรรยายเกมกีฬาอย่างแบดมินตัน นับตั้งแต่ได้โอกาสลงมาจับงานด้านนี้ เมื่อหลายปีก่อน หลังจากเธอต้องหยุดเล่นอาชีพไป เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในซีเกมส์ครั้งนี้ มีกระแสชื่นชมสุจิตรา ว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้กับนักบรรยายเกมกีฬารุ่นเก๋า ๆ หลายคน และยังช่วยให้เกมแบดมินตันได้รับความสนใจมากขึ้นไม่น้อยในเมืองไทยอีกด้วย
" ก่อนหน้านี้ เราก็ไม่แน่ใจว่ากระแสตอบรับเป็นอย่างไร เพราะว่าไม่ค่อยได้ติดตาม แต่รู้สึกว่า ซีเกมส์ครั้งนี้ (ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ประเทศอินโดนีเซีย) ฟีดแบ็กช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา มีแฟนคลับเข้ามาในเฟซบุ๊กเยอะมาก และน้องหลาย ๆ คน ก็บอกว่าในเว็บพันทิปก็พูดถึงเรา หรืออย่างเวลาออกไปข้างนอก ก็จะมีคนบอกว่าชอบฟัง ชมว่าบรรยายดี ทำให้ดูแบดรู้เรื่อง มันก็ชื่นใจสำหรับการทำงาน แต่บางทีเราก็จะถามว่า
มีอะไรไม่ดีไหม ลองบอกได้ ซึ่งคนที่สนิท ๆ กัน ก็จะบอกว่า อยากให้เราพูดข้อมูล สถิติเยอะ ๆ แต่บางที เราคิดว่าถ้าพูดเยอะไป คนฟังจะรำคาญ แต่เราก็พยายามหาจุดตรงกลางให้มากที่สุด "
หลังจากได้มีโอกาสร่วมบรรยายเกมแบดมินตันให้กับช่องทรูวิชั่นส์มาหลายปี ก็ทำให้สุจิตราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จนสามารถสร้างเอกลักษณ์และสไตล์การทำงานของตัวเองได้อย่างลงตัวในที่สุด ซึ่งเธอกล่าวว่า " จริง ๆ แล้วก็พยายามศึกษางานของตัวเอง เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง และจากการที่เราเคยดูการถ่ายทอดแบดมินตัน รวมถึงงานของคนอื่น ๆ ควบคู่ไป ดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องพยายามหาลักษณะหรือตัวเราให้เจอ เราไม่ควรจะไปก๊อบปี้คนอื่น เราดูแค่ให้รู้ว่ารูปแบบงานมันควรจะออกเป็นอย่างไร ถึงจะดีและน่าพอใจ"
สุจิตรา กล่าวอีกว่า เป้าหมายการบรรยายของเธอ คือ อยากให้ผู้ชมได้ชมเกมไหลลื่น อีกทั้งสามารถเข้าใจเกมการแข่งขันได้โดยตลอด ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมยิ่งขึ้นไปอีก " บางทีเรารู้สึกว่า ถ้าเราพูดในช่วงระหว่างที่เกมกำลังตีกันมันส์ มันก็จะไม่ค่อยดี แต่ถ้าเป็นช่วงที่ลูกตก เราก็อธิบายตอนนั้นว่า ลูกเมื่อสักครู่นี้ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนนี้ไปรับไม่ทัน หรือทำไมถึงโดนตบ แต้มมันได้มาอย่างไร ซึ่งสำหรับคนที่เล่นแบดเป็น เขามองเกมเข้าใจอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่เล่นไม่เป็น หรือเพิ่งเริ่มเล่นใหม่ ยังไม่ได้เข้าใจแบดมินตันแตกฉาน บางครั้ง ถ้าดูถ่ายทอดแล้วจะเบื่อ แต่ถ้าช่วยให้เขาเข้าใจมากขึ้น เรารู้สึกว่า คนก็น่าจะหันมาชื่นชอบแบดมินตันมากขึ้นเช่นกัน "
สำหรับ สไตล์การพากย์ของตัวเอง เธอยอมรับว่า จะไม่เน้นไปที่การตำหนิการเล่นของนักกีฬา แต่ในมุมมองของเธอ คิดว่าอยากอธิบายให้ท่านผู้ชมผู้ฟัง ได้ดูแบดมินตันสนุก และเข้าใจว่า นักกีฬาทั้งคู่กำลังทำอะไร และต่อสู้กันด้วยวิธีไหน อะไรเป็นจุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อให้ผู้ชมสนุกไปกับเกมการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม สุจิตรากล่าวว่า การที่จะพูดหรือสื่อสารออกไปอย่างไรให้ผู้ดู ผู้ชมแบดมินตันเข้าใจว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้อย่างไร คือความท้าทายในงานนี้ รวมถึงการเลือกใช้คำพูดที่จะอธิบายออกมา ให้ผู้ชมฟังเข้าใจง่ายที่สุด ด้วยคำพูดสั้น ๆ กะทัดรัด และต้องเลือกคอมเมนต์ในจังหวะที่ลูกตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั่นๆ เพียงไม่กี่วินาที โดยต้องอธิบายให้จบในช่วงนั้น พอเริ่มเล่นใหม่ ก็อยากให้ผู้ชมได้ดูลูกต่อไปเลย
ส่วนเรื่องการใช้ ภาษา การออกเสียงภาษาไทย ซึ่งเธอได้รับคำชมไม่แพ้กันว่า ออกเสียงได้อย่างฉะฉาน ชัดเจน โดยเฉพาะคำควบกล้ำ พร้อมกับน้ำเสียงที่ชวนฟัง น่าติดตาม สุจิตรากล่าวว่า โดยธรรมชาติแล้ว เธอเป็นคนที่ชอบพูด ร.เรือ ล.ลิง ให้ชัดเจนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว และเมื่อได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่ทีวีพูล และได้รับคำแนะนำจาก พี่แอ๊ด วีระศักดิ์ นิลกลัด ในเรื่องการพูดคำควบกล้ำให้มันชัดเจน ก็รู้สึกว่า จะต้องระมัดระวัง เน้นย้ำมากขึ้น เพราะจะต้องพูดภาษาไทยให้คนอื่นฟัง ถ้าพูดผิด ๆ ถูก ๆ มันจะดูไม่เป็นมืออาชีพ และไม่ใช่คนที่เหมาะสมจะมาอยู่หน้าไมค์ แต่ถ้าพูดกับเพื่อนฝูง เธอจะพูดธรรมดา ๆ ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ
สุจิตรา กล่าวว่า การบรรยายเกมแบดมินตัน อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกับการเล่นแบดในสนามด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก โดยให้เหตุผลว่า " อารมณ์คนบรรยายกับคนเล่น มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะเวลาเราอยู่ในสนาม มันเป็นบทบาทที่เราคิดเอง ทำเองหมด เราอยากจะทำอะไรก็ได้ แต่เราก็จะไม่เห็นภาพ ที่คนดูนั่งอยู่ข้างหลังเห็น แต่พอเวลาเราออกมาอยู่ข้างนอกบ้าง เราก็จะเห็นมากกว่าที่ผู้เล่นเห็น เพราะว่าผู้เล่น เขามีเวลาน้อยมาก มันเป็นแค่เสี้ยววินาที เวลาที่เขาวิ่งไปหาลูก เขาไม่มีเวลามาไตร่ตรองว่า อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี มันเป็นโดยอัตโนมัติ ตามความคิดแรกที่เราไป แต่พอเรามาเป็นผู้ชม ผู้บรรยาย เราจะเห็นภาพที่กว้างกว่า เช่นว่า เออ ลูกนี้ไม่น่าตีไปทางนี้เลย ควรจะตีไปทางนี้ มากกว่า"
นอกจาก การบรรยายเกมแบดมินตันให้กับทางทีวีพูล ไม่ว่าจะเป็นรายการซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ แล้ว รวมถึงเปิดสโมสรแบดมินตันของตัวเองชื่อว่า ''เอเอสเค'' โดยรับบทเป็นผู้ฝึกสอนด้วย ตอนนี้สุจิตราก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาให้กับช่องทีสปอร์ต ของทรูวิชั่นส์ ในวันเสาร์- อาทิตย์ ตอนเย็น ซึ่งเธอได้มาจับงานด้านนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2556 ที่ผ่านมา
" ตอนนี้ (22 พ.ย. 2554) เพิ่งกลับมาเริ่มเล่นแบดใหม่ได้ไม่นานประมาณ 5 เดือน จริง ๆ ก็อยากเล่นมาตลอด แต่สภาพหัวเข่าที่บาดเจ็บ เมื่อหลายปีก่อนมันยังไม่ดีเท่าไร พอช่วงประมาณปลายปีที่แล้ว ถึงต้นปีนี้ ทำวิทยาศาสตร์การกีฬากับ อาจารย์ เจริญ กระบวนรัตน์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลยทำให้หัวเข่าดีขึ้น ก็ได้ปรึกษากับอาจารย์ ลองกลับมาเล่นอีกที แต่ไม่ได้เล่นเดี่ยวแล้ว เพราะหนักเกินไป เลยมาเล่นหญิงคู่ พอดีมีพาร์ทเนอร์ให้ได้ลงเล่นด้วย ซึ่งก็คือ น้องปัญญดา มั่นกิจโชคเจริญ ซึ่งเราดูแลโปรแกรมการแข่งขัน การซ้อมด้วยตัวเอง หาสปอนเซอร์เอง ไม่ได้ไปยุ่งกับสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย"
สาวหล่อ . . แห่งวงการแบตมินตัน
ชื่อ-นามสกุล : สุจิตรา เอกมงคลไพศาล (ตา)
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2520
สัดส่วน : สูง 174 เซนติเมตร หนัก 58 กิโลกรัม
แชมป์หญิงเดี่ยวประเทศไทย 5 สมัยติดต่อกัน ( พ.ศ.2541-2545 )
สุจิตรา เริ่มเล่นแบดมินตัน ตั้งแต่อายุได้ 12 ปี ขณะที่เรียนอยู่ที่ ร.ร.วัดประดู่ในทรงธรรม ชั้นม.2 เนื่องจากในตอนนั้น คุณพ่อชอบเล่นกีฬาประเภทนี้อยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็มุ่งมั่นกับกีฬาขนไก่มาโดยตลอด ประกอบกับเป็นคนที่ไม่ค่อยย่อท้อ มุ่งมั่นเอาจริง ฝีมือจึงแซงนักแบดมินตันรุ่นเดียวกันไปหมด และเริ่มติดทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ จ.เชียงใหม่ ปี 2538 พร้อมกับสามารถคว้าเหรียญทองแดง ประเภทคู่ผสมที่คู่กับคุณากร สุทธิโสตถิ์ มาครองได้สำเร็จ หลังจากนั้น สุจิตราคว้าเหรียญทองแดง ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ ในปี 2541
สุจิตราถือเป็นนักแบดมินตันหญิงที่ดีที่สุดในยุคนั้น มีจุดเด่นที่ความใจสู้ และเล่นได้แข็งแกร่งทั้งรุกและรับ มาประสบความสำเร็จสูงสุด ในซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่มาเลเซีย ปี 2544 เมื่อเอาชนะลิเดีย ดาลาวิจาย่า ของอินโดนีเซีย ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองมาครอง โดยถือเป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกของทีมชาติไทยในรอบ 34 ปี ที่คว้าเหรียญทองในซีเกมส์ หลังจากที่ทองคำ กิ่งมณี เคยทำไว้เมื่อปี 2510
อย่างไรก็ตาม สุจิตรา ต้องโชคร้าย เมื่อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่า ขณะเข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 14 ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ ในปี 2545 และทำให้เธอต้องประกาศเลิกเล่นอาชีพไปเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน โดยสุจิตราเคยทำผลงานดีที่สุด ในประเภทหญิงเดี่ยว ด้วยการรั้งมือวางอันดับ 8 ของโลกมาแล้ว
ตัดสินใจหวนคืนสู่วงการแบดมินตัน
สุจิตรา ตัดสินใจกลับมาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังหยุดยาวไปนานถึง 6 ปี โดยประเดิมสนามในรายการแบดมินตันอาชีพประเทศไทย สนาม 1 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสุจิตราลงแข่งขันประเภทคู่ โดยจับคู่กับ ปัญญดา มั่นกิจโชคเจริญ หนึ่งในทีมแบดมินตันทีมหญิงชุดเหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ที่กว่างโจว
Cr.news.hatyaiok.com 12/05/2554
จับไมค์บรรยายเกม " นุ่มนวล ฉะฉาน ได้ความรู้ " คว้าใจคนดูไปเต็ม ๆ
นอกจากความสำเร็จของทีมแบดมินตันไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคว้ามาได้ 1 เหรียญทอง จากประเภททีมหญิง และผ่านเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 รายการ จากประเภทชายเดี่ยว และคู่ผสม สิ่งหนึ่งที่แฟนตบลูกขนไก่ ซึ่งได้ชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในไทย รู้สึกประทับใจไม่แพ้กันคือ การทำหน้าที่ของผู้บรรยายเกมอย่าง " สุจิตรา เอกมงคลไพศาล "
วันนี้ (22 พ.ย. 2554) ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ จึงได้นำกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากแฟน ๆ กีฬาแบดมินตัน มาสอบถามอดีตนักแบดมินตันมือ 1 หญิงของไทย และอดีตมือวางอันดับ 8 ของโลก ดูว่าจะเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง กับบทบาทและหน้าที่ผู้อยู่เบื้องหลังเกมการแข่งขัน ซึ่งดูเหมือนสไตล์การบรรยายที่รื่นหูชวนฟัง กำลังจะทำให้เธอกลับมาโด่งดัง ไม่ต่างจากเมื่อครั้งอยู่เบื้องหน้าเกม เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
อดีตยอดนักแบดหญิง ผู้จุดประกายวงการลูกขนไก่ไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทบาทนักบรรยายเกมกีฬาอย่างแบดมินตัน นับตั้งแต่ได้โอกาสลงมาจับงานด้านนี้ เมื่อหลายปีก่อน หลังจากเธอต้องหยุดเล่นอาชีพไป เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในซีเกมส์ครั้งนี้ มีกระแสชื่นชมสุจิตรา ว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้กับนักบรรยายเกมกีฬารุ่นเก๋า ๆ หลายคน และยังช่วยให้เกมแบดมินตันได้รับความสนใจมากขึ้นไม่น้อยในเมืองไทยอีกด้วย
" ก่อนหน้านี้ เราก็ไม่แน่ใจว่ากระแสตอบรับเป็นอย่างไร เพราะว่าไม่ค่อยได้ติดตาม แต่รู้สึกว่า ซีเกมส์ครั้งนี้ (ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ประเทศอินโดนีเซีย) ฟีดแบ็กช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา มีแฟนคลับเข้ามาในเฟซบุ๊กเยอะมาก และน้องหลาย ๆ คน ก็บอกว่าในเว็บพันทิปก็พูดถึงเรา หรืออย่างเวลาออกไปข้างนอก ก็จะมีคนบอกว่าชอบฟัง ชมว่าบรรยายดี ทำให้ดูแบดรู้เรื่อง มันก็ชื่นใจสำหรับการทำงาน แต่บางทีเราก็จะถามว่า
มีอะไรไม่ดีไหม ลองบอกได้ ซึ่งคนที่สนิท ๆ กัน ก็จะบอกว่า อยากให้เราพูดข้อมูล สถิติเยอะ ๆ แต่บางที เราคิดว่าถ้าพูดเยอะไป คนฟังจะรำคาญ แต่เราก็พยายามหาจุดตรงกลางให้มากที่สุด "
หลังจากได้มีโอกาสร่วมบรรยายเกมแบดมินตันให้กับช่องทรูวิชั่นส์มาหลายปี ก็ทำให้สุจิตราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จนสามารถสร้างเอกลักษณ์และสไตล์การทำงานของตัวเองได้อย่างลงตัวในที่สุด ซึ่งเธอกล่าวว่า " จริง ๆ แล้วก็พยายามศึกษางานของตัวเอง เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง และจากการที่เราเคยดูการถ่ายทอดแบดมินตัน รวมถึงงานของคนอื่น ๆ ควบคู่ไป ดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องพยายามหาลักษณะหรือตัวเราให้เจอ เราไม่ควรจะไปก๊อบปี้คนอื่น เราดูแค่ให้รู้ว่ารูปแบบงานมันควรจะออกเป็นอย่างไร ถึงจะดีและน่าพอใจ"
สุจิตรา กล่าวอีกว่า เป้าหมายการบรรยายของเธอ คือ อยากให้ผู้ชมได้ชมเกมไหลลื่น อีกทั้งสามารถเข้าใจเกมการแข่งขันได้โดยตลอด ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมยิ่งขึ้นไปอีก " บางทีเรารู้สึกว่า ถ้าเราพูดในช่วงระหว่างที่เกมกำลังตีกันมันส์ มันก็จะไม่ค่อยดี แต่ถ้าเป็นช่วงที่ลูกตก เราก็อธิบายตอนนั้นว่า ลูกเมื่อสักครู่นี้ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนนี้ไปรับไม่ทัน หรือทำไมถึงโดนตบ แต้มมันได้มาอย่างไร ซึ่งสำหรับคนที่เล่นแบดเป็น เขามองเกมเข้าใจอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่เล่นไม่เป็น หรือเพิ่งเริ่มเล่นใหม่ ยังไม่ได้เข้าใจแบดมินตันแตกฉาน บางครั้ง ถ้าดูถ่ายทอดแล้วจะเบื่อ แต่ถ้าช่วยให้เขาเข้าใจมากขึ้น เรารู้สึกว่า คนก็น่าจะหันมาชื่นชอบแบดมินตันมากขึ้นเช่นกัน "
สำหรับ สไตล์การพากย์ของตัวเอง เธอยอมรับว่า จะไม่เน้นไปที่การตำหนิการเล่นของนักกีฬา แต่ในมุมมองของเธอ คิดว่าอยากอธิบายให้ท่านผู้ชมผู้ฟัง ได้ดูแบดมินตันสนุก และเข้าใจว่า นักกีฬาทั้งคู่กำลังทำอะไร และต่อสู้กันด้วยวิธีไหน อะไรเป็นจุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อให้ผู้ชมสนุกไปกับเกมการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม สุจิตรากล่าวว่า การที่จะพูดหรือสื่อสารออกไปอย่างไรให้ผู้ดู ผู้ชมแบดมินตันเข้าใจว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้อย่างไร คือความท้าทายในงานนี้ รวมถึงการเลือกใช้คำพูดที่จะอธิบายออกมา ให้ผู้ชมฟังเข้าใจง่ายที่สุด ด้วยคำพูดสั้น ๆ กะทัดรัด และต้องเลือกคอมเมนต์ในจังหวะที่ลูกตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั่นๆ เพียงไม่กี่วินาที โดยต้องอธิบายให้จบในช่วงนั้น พอเริ่มเล่นใหม่ ก็อยากให้ผู้ชมได้ดูลูกต่อไปเลย
ส่วนเรื่องการใช้ ภาษา การออกเสียงภาษาไทย ซึ่งเธอได้รับคำชมไม่แพ้กันว่า ออกเสียงได้อย่างฉะฉาน ชัดเจน โดยเฉพาะคำควบกล้ำ พร้อมกับน้ำเสียงที่ชวนฟัง น่าติดตาม สุจิตรากล่าวว่า โดยธรรมชาติแล้ว เธอเป็นคนที่ชอบพูด ร.เรือ ล.ลิง ให้ชัดเจนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว และเมื่อได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่ทีวีพูล และได้รับคำแนะนำจาก พี่แอ๊ด วีระศักดิ์ นิลกลัด ในเรื่องการพูดคำควบกล้ำให้มันชัดเจน ก็รู้สึกว่า จะต้องระมัดระวัง เน้นย้ำมากขึ้น เพราะจะต้องพูดภาษาไทยให้คนอื่นฟัง ถ้าพูดผิด ๆ ถูก ๆ มันจะดูไม่เป็นมืออาชีพ และไม่ใช่คนที่เหมาะสมจะมาอยู่หน้าไมค์ แต่ถ้าพูดกับเพื่อนฝูง เธอจะพูดธรรมดา ๆ ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ
สุจิตรา กล่าวว่า การบรรยายเกมแบดมินตัน อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกับการเล่นแบดในสนามด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก โดยให้เหตุผลว่า " อารมณ์คนบรรยายกับคนเล่น มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะเวลาเราอยู่ในสนาม มันเป็นบทบาทที่เราคิดเอง ทำเองหมด เราอยากจะทำอะไรก็ได้ แต่เราก็จะไม่เห็นภาพ ที่คนดูนั่งอยู่ข้างหลังเห็น แต่พอเวลาเราออกมาอยู่ข้างนอกบ้าง เราก็จะเห็นมากกว่าที่ผู้เล่นเห็น เพราะว่าผู้เล่น เขามีเวลาน้อยมาก มันเป็นแค่เสี้ยววินาที เวลาที่เขาวิ่งไปหาลูก เขาไม่มีเวลามาไตร่ตรองว่า อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี มันเป็นโดยอัตโนมัติ ตามความคิดแรกที่เราไป แต่พอเรามาเป็นผู้ชม ผู้บรรยาย เราจะเห็นภาพที่กว้างกว่า เช่นว่า เออ ลูกนี้ไม่น่าตีไปทางนี้เลย ควรจะตีไปทางนี้ มากกว่า"
นอกจาก การบรรยายเกมแบดมินตันให้กับทางทีวีพูล ไม่ว่าจะเป็นรายการซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ แล้ว รวมถึงเปิดสโมสรแบดมินตันของตัวเองชื่อว่า ''เอเอสเค'' โดยรับบทเป็นผู้ฝึกสอนด้วย ตอนนี้สุจิตราก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาให้กับช่องทีสปอร์ต ของทรูวิชั่นส์ ในวันเสาร์- อาทิตย์ ตอนเย็น ซึ่งเธอได้มาจับงานด้านนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2556 ที่ผ่านมา
" ตอนนี้ (22 พ.ย. 2554) เพิ่งกลับมาเริ่มเล่นแบดใหม่ได้ไม่นานประมาณ 5 เดือน จริง ๆ ก็อยากเล่นมาตลอด แต่สภาพหัวเข่าที่บาดเจ็บ เมื่อหลายปีก่อนมันยังไม่ดีเท่าไร พอช่วงประมาณปลายปีที่แล้ว ถึงต้นปีนี้ ทำวิทยาศาสตร์การกีฬากับ อาจารย์ เจริญ กระบวนรัตน์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลยทำให้หัวเข่าดีขึ้น ก็ได้ปรึกษากับอาจารย์ ลองกลับมาเล่นอีกที แต่ไม่ได้เล่นเดี่ยวแล้ว เพราะหนักเกินไป เลยมาเล่นหญิงคู่ พอดีมีพาร์ทเนอร์ให้ได้ลงเล่นด้วย ซึ่งก็คือ น้องปัญญดา มั่นกิจโชคเจริญ ซึ่งเราดูแลโปรแกรมการแข่งขัน การซ้อมด้วยตัวเอง หาสปอนเซอร์เอง ไม่ได้ไปยุ่งกับสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย"