ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (20 ธ.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2084/2555 ที่เจ้าพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343
คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.2550 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจกระทำผิดกฎหมาย เจตนาทุจริต โดยหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงที่ควรบอกแก่ประชาชน โดยนำข้อความลงประกาศในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ในวันที่ 16 มิ.ย.2550 เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปสั่งจองและซื้อวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา” โดยจำเลยได้เป็นประธานกรรมการในการจัดสร้าง พร้อมกับปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง ที่ล้วนเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ทำให้มีประชาชนทั่วไปจำนวนมากสั่งจองและจ่ายเงินวัตถุมงคลดังกล่าว ทั้ง ร.ต.นพดล เดชาฤทธิ์ จ่ายเงินจำนวน 1,791 บาท และนายสุริยาวุธ มีบุญมาก จำนวน 1,194 บาท ให้แก่จำเลย เหตุเกิดที่แขวงบรมมหาราชวัง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร จ.ราชบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ภายหลังสืบพยานไปบางส่วนจำเลยขอถอนคำแถลงให้การ ปฏิเสธ และให้การใหม่โดยรับสารภาพ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 343 วรรคแรก ฐานฉ้อโกงประชาชน ลงโทษจำคุก 3 ปี ทั้งนี้เมื่อสืบพยานไปบางส่วน จำเลยได้แถลงขอรับสารภาพ จึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ส่วนคำขออื่นให้ยก
เวรกรรม--ของสาก
คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.2550 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจกระทำผิดกฎหมาย เจตนาทุจริต โดยหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงที่ควรบอกแก่ประชาชน โดยนำข้อความลงประกาศในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ในวันที่ 16 มิ.ย.2550 เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปสั่งจองและซื้อวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา” โดยจำเลยได้เป็นประธานกรรมการในการจัดสร้าง พร้อมกับปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง ที่ล้วนเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ทำให้มีประชาชนทั่วไปจำนวนมากสั่งจองและจ่ายเงินวัตถุมงคลดังกล่าว ทั้ง ร.ต.นพดล เดชาฤทธิ์ จ่ายเงินจำนวน 1,791 บาท และนายสุริยาวุธ มีบุญมาก จำนวน 1,194 บาท ให้แก่จำเลย เหตุเกิดที่แขวงบรมมหาราชวัง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร จ.ราชบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ภายหลังสืบพยานไปบางส่วนจำเลยขอถอนคำแถลงให้การ ปฏิเสธ และให้การใหม่โดยรับสารภาพ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 343 วรรคแรก ฐานฉ้อโกงประชาชน ลงโทษจำคุก 3 ปี ทั้งนี้เมื่อสืบพยานไปบางส่วน จำเลยได้แถลงขอรับสารภาพ จึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ส่วนคำขออื่นให้ยก