ขอต้อนรับเข้าสู่โลกแห่ง สเปเชี่ยลเอฟเฟค!!
คำว่า "Visual Effect" แปลให้เข้าใจได้ว่า "การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ" ซึ่งมีการแบ่งรูปแบบการสร้างงานไว้หลายลักษณะ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เงินทุน และการตอบสนองทางศิลปะ กล่าวคือ การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ มีเจตนาเพื่อนำภาพที่สร้างไปผสมรวมกับ ภาพที่ถ่ายทำจริง(Live Action) เพื่อความปลอดภัยกับนักแสดง เช่นการถ่ายบนคียย์สกรีน เพื่อแยกนักแสดงกับฉากระเบิดของรถ แล้วนำมาผสมภาพกันภายหลัง หรือเพื่อ การประหยัดต้นทุน เช่นการถ่ายฉากย่อส่วนของเมืองที่ปรักหักพัง แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังตัวแสดง(Rear Projection) เพื่อให้เกิดภาพว่านักแสดงยืนอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ล่มสลาย เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างCGI (Computer Generated Images) เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าวิธีใดๆ ที่สามารถสร้างภาพพิเศษดังกล่าวก็ล้วนเรียกว่าการสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ หรือVisualEffect ทั้งสิ้น
เราสามารถแบ่งแยกย่อยเรื่องโครงสร้างงานVFXได้หลายแบบ
1. การสร้างฉากย่อส่วน (miniature) แบบจำลอง(Model) หุ่นควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(Animatronic) หุ่นเชิด (puppets) เป็นการถ่ายทำจากวัตถุจริงที่มีขนาด เล็กกว่า หรืออาจเท่าจริง เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว ใช้สำหรับประกอบการสร้างเทคนิคพิเศษ เช่นการถ่ายสตอปโมชั่นของสัตว์ประหลาดที่กำลังต่อสู้กับพระเอก เป็นต้น
เรามาชมตัวอย่าง แล้วลองเดากันว่าภาพเหล่านี้มาจากภาพยนต์เรื่องใดบ้าง
ภาพแรกงานเซ๊ตฉากเมืองก๊อตแฮม ซิตี้ จากภาพยนต์ Batman
ภาพที่สอง คงไม่ต้องบอกว่ามาจากเรื่องอะไร โมเดลเมือง มินาธธิริส จากเดอะ ลอร์ด ออฟเดอะ ริง นั่นเอง
ส่วนภาพสามนี่ คนเขียนบทความก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากเรื่องอะไร(อ่าวซะงั้น)ไปเซิสในกูเกิ้ลมา ลืมดูชื่อหนัง แป่ว!!
2. การวาดต่อเติมฉาก (Matt Painting) งานลักษณะนี้จะไม่ใช่การสร้างภาพขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการวาดภาพเพิ่มเติมจากของเดิม เช่น เราถ่ายตึกที่เซทอัพมา สูงแค่ชั้นเดียวแต่ต้องการสูงสิบชั้น ศิลปินจึงต้องวาดภาพต่อในอี9ชั้นที่เหลือ ไม่ว่าจะวาดจากคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมหรือเทคนิคใดๆ หรือการวาดสดลงบนกระจกใสแล้วใช่กล้องถ่ายผ่านไป ก็ถือว่าเป็นการทำ Matt Painting ทั้งสิ้น
ต่อไปนี้ คือภาพที่มาจากเทคนิควาดต่อเติมฉาก ที่มาจากภาพยนต์เรื่องใด??
ภาพแรกกับภาพที่สองมาจากภาพยนต์ StarWars นั่นเอง
ส่วนภาพที่สามมาจากสุดยอดภาพยนต์คลาสสิคตลอดกาล Ben-Hur
3. การถ่ายแยกองค์ประกอบ (Keying) หมายรวมถึงการถ่ายด้วย Keyscreen หรือการฉายภาพด้านหลัง (ฺBlue Screen)และด้านหน้า (Rear/Front Projection) โดยหลักการคือการแยกส่วนฉาก หรือวัตถุใดๆ ออกจากองค์ประกอบอื่น และนำมาผสมภายหลัง เพื่อผลพิเศษทางภาพ
ภาพที่ใช้เทคนิคนี้ มาจากภาพยนต์เรื่องใดเอ่ย??
ภาพข้างบนมาจากภาพยนต์เรื่อง Alice In A Wonderland นั่นเอง
ส่วนอันล่าง มาจากเรื่องอะไร คนเขียนก็คุ้นๆแต่นึกไม่ออกเหมือนกัน (อ่าวซะงั้น)
4. การใช้เทคนิคพิเศษของกล้อง เช่นการใช้เลนส์ในการหลอกระยะ/ขนาด ของวัตถุ เช่นการถ่ายคนยักษ์ โดยให้คนที่ต้องการให้ตัวใหญ่อยู่ไกล้กล้องมากกว่า ส่วนคนที่ต้องการให้ตัวเล็กก็อยู่ไกลออกไป หรือการถ่ายภาพตอนกลางวันให้เป็นกลางคืน(Day For Night)โดยใช้การลดรูรับแสงและใส่ฟิลล์เตอร์ช่วย หรืการถ่ายภาพต่างสปีด (Under/Over Cranking)เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เร็วหรือช้าลง เป็นต้น
5. การสร้างภาพด้วยระบบดิจิทัล (Digital Effect) ซึ่งหมายรวมทั้ง Animation และ CGI ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน
ที่มา :
www.thaidfilm.com
โดยแท้จริงแล้วบทความนี้ต้องการเน้นเรื่อง Digital Effect เพียงเท่านั้น แต่เผอิญว่าไหนๆก็ไหนๆ ในเมื่อพูดถึงงานด้านเอฟเฟคภาพยนต์แล้วก็เลยขอเสริมความรู้ส่วนอื่นๆเข้าไปด้วยซะเลย ฮ่าๆ....
บริษัทที่ทำเอฟเฟคให้กับภาพยนต์ระดับโลกก็มีอยู่หลายบริษัทด้วยกัน แต่กระนั้นจะดังหรือไม่ขึ้นอยู่กับความโด่งดังของผู้ก่อตั้ง และ ตัวภาพยนต์ที่จะคอยส่งให้ชื่อเสียงบริษัทต่างๆเหล่านั้นโด่งดังตามไปด้วย ทั้งนี้ฝีมือก็เป็นตัววัดชั้นยอดสำหรับผู้ทำเอฟเฟคได้เช่นกัน....
โดยในบทความนี้จะยกตัวอย่างจากภาพยนต์ที่โด่งดังสุดๆ มาให้ได้ดูได้ชมกันถึงเบื้องหลังอันสุดยอด วิจิตรตระการตาของสุดยอดฝีมือนักทำเอฟเฟคเหล่านั้นให้ได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม..... พร้อมประวัติอย่างคร่าวๆ ของบริษัทเอาไว้ประดับความรู้กันเอาไว้นะครับ....
เริ่มต้นกันด้วย........
ILM : Industrial Light and Magic
Web :
http://www.ilm.com
สตูดิโอระดับแนวหน้าของโลก ผู้อยู่เป็นเบื้องหลังของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างๆ มากมายหลายเรื่อง เก่งกาจในด้าน CGI Visual Effect ในระดับทศทิศ ต้องยอมรับในฝีมือและผลงานของสตูดิโอนี้จริงๆ
ILM เป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย George Lucas เจ้าพ่อสร้างหนังระดับโลก ที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำหนังของเขาเอง นั่นคือเรื่อง Star Wars : A new hope ซึ่งถูกฉายครั้งแรกในปี 1977
ด้วยเทคโนโลยีที่จำกัดในยุคสมัยนั้น การทำ VFX จะยังไม่ใช่แบบ Digital แต่เป็นการทำโดยใช้เทคนิค Optical Composite หรือก็คือการใช้เทคนิคของมุมกล้องสร้างภาพลวงตา (เช่นการทำ Matte Paint ฉากต่างๆ) พวกยานอวกาศ หรือหุ่นรบต่างๆ ก็จะเป็นโมเดล แล้วใช้การชัก หรือ Stop Motion แทน เมื่อร่วมกับเทคนิค Blue screen ก็จะได้ภาพรวมที่สมจริงเป็นอย่างมาก (ในยุคสมัยนั้น) แต่การที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ดังยิ่งกว่าพลุแตก ไม่ใช่แค่เรื่อง VFX เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะความแปลกใหม่ และพล็อตเรื่องที่น่าติดตามด้วยนั่นเอง....
หลายปีต่อมา เมื่อเทคโนโลยีก้าวเข้ามาสู่ชีวิตมากขึ้น จึงได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสร้างภาพ (สมัยนั้นก็ไม่พ้น Apple Macintosh) เป็นการผสม Optical Composite เข้ากับ Digital Composite อย่างลงตัว และเมื่อวิทยาการคอมพิวเตอร์ก้าวไปไกล ILM จึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ "เป็นไปไม่ได้" ให้ดู "เป็นจริง" ได้ ในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผ่านมือพวกเค้า.....
ภาพยนตร์ดังๆ ที่ ILM ร่ายเวทย์มนต์ให้ก็เช่น Star Wars, E.T, Star Trek, Indiana Jones, Back to the Future, The Abyss, Terminator 2, Jurassic Park, Jumanji, Mission: Impossible และถ้าใหม่ๆ หน่อยก็ Avatar, Battleships, Transformers, The Avengers เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ผลงานของพวกเค้าอยู่ในขั้นเทพทั้งนั้น!!!!
ปัจจุบัน ILM ได้ตกไปอยู่ภายใต้บ้านใหม่อย่าง Walt Disney เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงทุกๆ อย่างภายใต้สิทธิ์ของ Lucas Film แม้ว่าจะมีข่าวร้ายว่าเพื่อนร่วมวงศ์ตระกูลอย่าง Lucas Arts (สตูดิโอที่ทำเกม) จะโดนดิสนีย์สั่งปิด พร้อมลอยแพพนักงานกว่าร้อยคน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่และผลงานของ ILM ที่ถือเป็นทัพหน้าของ Lucas ก็คงจะผงาดอยู่ในวงการได้อีกนานโดยไม่ต้องกลัวเกรงกับอะไรทั้งนั้น.....
ที่มา :
www.facebook.com/VFXwithin
คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนต์เรื่องนี้!!
แต่จะมีใครเล่า รู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นภาพยนต์ที่แสนสนุกดูกันเพลินจนใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจบ ทำไมมันช่างสั้นนัก!!
เรามาดูฉากที่คุ้นเคยกับการทำงานในส่วนของ สเปเชี่ยลเอฟเฟค ที่มาจากฝีไม้ลายมือของ ILM กัน!!
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
ฉากสงครามในตอนท้าย
การสร้าง "The Hulk"
สุดยอดหนังที่เปลืองเอฟเฟคแห่งยุคอย่าง ทรานสฟอร์เมอร์ส ก็มาจาก ILM เช่นกัน.....
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
สุดยอดหนังหุ่นแห่งยุคที่มาสานฝันหลายๆคนให้เป็นจริง จากฝีมือ ILM ด้วยเช่นกัน!!
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
ฉากมาโกะตอนเด็ก ผมชอบน้องคนนี้มาก....ทั้งเก่งทั้งน่ารัก อยากได้มาเป็นลูกสาว....
คลิปนี้จะได้เห็นหุ่นบางตัวที่ไม่เคยเห็นในหนังเต็มด้วย อุ๊ว้าววว!!
กัปตันแจ๊คก็มาจาก ILM และทีมงานร่วมจากอีก หนึ่งสุดยอดบริษัท นั่นก็คือ MPC
การสร้างคาแรคเตอร์ ดาวี่ โจนส์...
(ติดตามต่อกระทู้ล่างนะจ๊ะ)
รวมเบื้องหลังซีจีเอฟเฟคระดับเทพจากภาพยนต์ระดับโลกที่คุณต้องตะลึง! (Behind The Visual FX)
ขอต้อนรับเข้าสู่โลกแห่ง สเปเชี่ยลเอฟเฟค!!
คำว่า "Visual Effect" แปลให้เข้าใจได้ว่า "การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ" ซึ่งมีการแบ่งรูปแบบการสร้างงานไว้หลายลักษณะ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เงินทุน และการตอบสนองทางศิลปะ กล่าวคือ การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ มีเจตนาเพื่อนำภาพที่สร้างไปผสมรวมกับ ภาพที่ถ่ายทำจริง(Live Action) เพื่อความปลอดภัยกับนักแสดง เช่นการถ่ายบนคียย์สกรีน เพื่อแยกนักแสดงกับฉากระเบิดของรถ แล้วนำมาผสมภาพกันภายหลัง หรือเพื่อ การประหยัดต้นทุน เช่นการถ่ายฉากย่อส่วนของเมืองที่ปรักหักพัง แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังตัวแสดง(Rear Projection) เพื่อให้เกิดภาพว่านักแสดงยืนอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ล่มสลาย เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างCGI (Computer Generated Images) เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าวิธีใดๆ ที่สามารถสร้างภาพพิเศษดังกล่าวก็ล้วนเรียกว่าการสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ หรือVisualEffect ทั้งสิ้น
เราสามารถแบ่งแยกย่อยเรื่องโครงสร้างงานVFXได้หลายแบบ
1. การสร้างฉากย่อส่วน (miniature) แบบจำลอง(Model) หุ่นควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(Animatronic) หุ่นเชิด (puppets) เป็นการถ่ายทำจากวัตถุจริงที่มีขนาด เล็กกว่า หรืออาจเท่าจริง เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว ใช้สำหรับประกอบการสร้างเทคนิคพิเศษ เช่นการถ่ายสตอปโมชั่นของสัตว์ประหลาดที่กำลังต่อสู้กับพระเอก เป็นต้น
เรามาชมตัวอย่าง แล้วลองเดากันว่าภาพเหล่านี้มาจากภาพยนต์เรื่องใดบ้าง
ภาพแรกงานเซ๊ตฉากเมืองก๊อตแฮม ซิตี้ จากภาพยนต์ Batman
ภาพที่สอง คงไม่ต้องบอกว่ามาจากเรื่องอะไร โมเดลเมือง มินาธธิริส จากเดอะ ลอร์ด ออฟเดอะ ริง นั่นเอง
ส่วนภาพสามนี่ คนเขียนบทความก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากเรื่องอะไร(อ่าวซะงั้น)ไปเซิสในกูเกิ้ลมา ลืมดูชื่อหนัง แป่ว!!
2. การวาดต่อเติมฉาก (Matt Painting) งานลักษณะนี้จะไม่ใช่การสร้างภาพขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการวาดภาพเพิ่มเติมจากของเดิม เช่น เราถ่ายตึกที่เซทอัพมา สูงแค่ชั้นเดียวแต่ต้องการสูงสิบชั้น ศิลปินจึงต้องวาดภาพต่อในอี9ชั้นที่เหลือ ไม่ว่าจะวาดจากคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมหรือเทคนิคใดๆ หรือการวาดสดลงบนกระจกใสแล้วใช่กล้องถ่ายผ่านไป ก็ถือว่าเป็นการทำ Matt Painting ทั้งสิ้น
ต่อไปนี้ คือภาพที่มาจากเทคนิควาดต่อเติมฉาก ที่มาจากภาพยนต์เรื่องใด??
ภาพแรกกับภาพที่สองมาจากภาพยนต์ StarWars นั่นเอง
ส่วนภาพที่สามมาจากสุดยอดภาพยนต์คลาสสิคตลอดกาล Ben-Hur
3. การถ่ายแยกองค์ประกอบ (Keying) หมายรวมถึงการถ่ายด้วย Keyscreen หรือการฉายภาพด้านหลัง (ฺBlue Screen)และด้านหน้า (Rear/Front Projection) โดยหลักการคือการแยกส่วนฉาก หรือวัตถุใดๆ ออกจากองค์ประกอบอื่น และนำมาผสมภายหลัง เพื่อผลพิเศษทางภาพ
ภาพที่ใช้เทคนิคนี้ มาจากภาพยนต์เรื่องใดเอ่ย??
ภาพข้างบนมาจากภาพยนต์เรื่อง Alice In A Wonderland นั่นเอง
ส่วนอันล่าง มาจากเรื่องอะไร คนเขียนก็คุ้นๆแต่นึกไม่ออกเหมือนกัน (อ่าวซะงั้น)
4. การใช้เทคนิคพิเศษของกล้อง เช่นการใช้เลนส์ในการหลอกระยะ/ขนาด ของวัตถุ เช่นการถ่ายคนยักษ์ โดยให้คนที่ต้องการให้ตัวใหญ่อยู่ไกล้กล้องมากกว่า ส่วนคนที่ต้องการให้ตัวเล็กก็อยู่ไกลออกไป หรือการถ่ายภาพตอนกลางวันให้เป็นกลางคืน(Day For Night)โดยใช้การลดรูรับแสงและใส่ฟิลล์เตอร์ช่วย หรืการถ่ายภาพต่างสปีด (Under/Over Cranking)เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เร็วหรือช้าลง เป็นต้น
5. การสร้างภาพด้วยระบบดิจิทัล (Digital Effect) ซึ่งหมายรวมทั้ง Animation และ CGI ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน
ที่มา : www.thaidfilm.com
โดยแท้จริงแล้วบทความนี้ต้องการเน้นเรื่อง Digital Effect เพียงเท่านั้น แต่เผอิญว่าไหนๆก็ไหนๆ ในเมื่อพูดถึงงานด้านเอฟเฟคภาพยนต์แล้วก็เลยขอเสริมความรู้ส่วนอื่นๆเข้าไปด้วยซะเลย ฮ่าๆ....
บริษัทที่ทำเอฟเฟคให้กับภาพยนต์ระดับโลกก็มีอยู่หลายบริษัทด้วยกัน แต่กระนั้นจะดังหรือไม่ขึ้นอยู่กับความโด่งดังของผู้ก่อตั้ง และ ตัวภาพยนต์ที่จะคอยส่งให้ชื่อเสียงบริษัทต่างๆเหล่านั้นโด่งดังตามไปด้วย ทั้งนี้ฝีมือก็เป็นตัววัดชั้นยอดสำหรับผู้ทำเอฟเฟคได้เช่นกัน....
โดยในบทความนี้จะยกตัวอย่างจากภาพยนต์ที่โด่งดังสุดๆ มาให้ได้ดูได้ชมกันถึงเบื้องหลังอันสุดยอด วิจิตรตระการตาของสุดยอดฝีมือนักทำเอฟเฟคเหล่านั้นให้ได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม..... พร้อมประวัติอย่างคร่าวๆ ของบริษัทเอาไว้ประดับความรู้กันเอาไว้นะครับ....
เริ่มต้นกันด้วย........
ILM : Industrial Light and Magic
Web : http://www.ilm.com
สตูดิโอระดับแนวหน้าของโลก ผู้อยู่เป็นเบื้องหลังของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างๆ มากมายหลายเรื่อง เก่งกาจในด้าน CGI Visual Effect ในระดับทศทิศ ต้องยอมรับในฝีมือและผลงานของสตูดิโอนี้จริงๆ
ILM เป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย George Lucas เจ้าพ่อสร้างหนังระดับโลก ที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำหนังของเขาเอง นั่นคือเรื่อง Star Wars : A new hope ซึ่งถูกฉายครั้งแรกในปี 1977
ด้วยเทคโนโลยีที่จำกัดในยุคสมัยนั้น การทำ VFX จะยังไม่ใช่แบบ Digital แต่เป็นการทำโดยใช้เทคนิค Optical Composite หรือก็คือการใช้เทคนิคของมุมกล้องสร้างภาพลวงตา (เช่นการทำ Matte Paint ฉากต่างๆ) พวกยานอวกาศ หรือหุ่นรบต่างๆ ก็จะเป็นโมเดล แล้วใช้การชัก หรือ Stop Motion แทน เมื่อร่วมกับเทคนิค Blue screen ก็จะได้ภาพรวมที่สมจริงเป็นอย่างมาก (ในยุคสมัยนั้น) แต่การที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ดังยิ่งกว่าพลุแตก ไม่ใช่แค่เรื่อง VFX เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะความแปลกใหม่ และพล็อตเรื่องที่น่าติดตามด้วยนั่นเอง....
หลายปีต่อมา เมื่อเทคโนโลยีก้าวเข้ามาสู่ชีวิตมากขึ้น จึงได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสร้างภาพ (สมัยนั้นก็ไม่พ้น Apple Macintosh) เป็นการผสม Optical Composite เข้ากับ Digital Composite อย่างลงตัว และเมื่อวิทยาการคอมพิวเตอร์ก้าวไปไกล ILM จึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ "เป็นไปไม่ได้" ให้ดู "เป็นจริง" ได้ ในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผ่านมือพวกเค้า.....
ภาพยนตร์ดังๆ ที่ ILM ร่ายเวทย์มนต์ให้ก็เช่น Star Wars, E.T, Star Trek, Indiana Jones, Back to the Future, The Abyss, Terminator 2, Jurassic Park, Jumanji, Mission: Impossible และถ้าใหม่ๆ หน่อยก็ Avatar, Battleships, Transformers, The Avengers เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ผลงานของพวกเค้าอยู่ในขั้นเทพทั้งนั้น!!!!
ปัจจุบัน ILM ได้ตกไปอยู่ภายใต้บ้านใหม่อย่าง Walt Disney เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงทุกๆ อย่างภายใต้สิทธิ์ของ Lucas Film แม้ว่าจะมีข่าวร้ายว่าเพื่อนร่วมวงศ์ตระกูลอย่าง Lucas Arts (สตูดิโอที่ทำเกม) จะโดนดิสนีย์สั่งปิด พร้อมลอยแพพนักงานกว่าร้อยคน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่และผลงานของ ILM ที่ถือเป็นทัพหน้าของ Lucas ก็คงจะผงาดอยู่ในวงการได้อีกนานโดยไม่ต้องกลัวเกรงกับอะไรทั้งนั้น.....
ที่มา : www.facebook.com/VFXwithin
คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนต์เรื่องนี้!!
แต่จะมีใครเล่า รู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นภาพยนต์ที่แสนสนุกดูกันเพลินจนใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจบ ทำไมมันช่างสั้นนัก!!
เรามาดูฉากที่คุ้นเคยกับการทำงานในส่วนของ สเปเชี่ยลเอฟเฟค ที่มาจากฝีไม้ลายมือของ ILM กัน!!
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
ฉากสงครามในตอนท้าย
การสร้าง "The Hulk"
สุดยอดหนังที่เปลืองเอฟเฟคแห่งยุคอย่าง ทรานสฟอร์เมอร์ส ก็มาจาก ILM เช่นกัน.....
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
สุดยอดหนังหุ่นแห่งยุคที่มาสานฝันหลายๆคนให้เป็นจริง จากฝีมือ ILM ด้วยเช่นกัน!!
คำแนะนำ : กดดูแบบ HD 720 - 1080 (เน๊ต TOT แนะนำแค่ 480 พอ ฮ่าาา)
และเร่งเสียงลำโพงดังๆ (อย่าให้คนข้างบ้านปาหลังคาก็พอ)จะได้อรรถรสมาก
ฉากมาโกะตอนเด็ก ผมชอบน้องคนนี้มาก....ทั้งเก่งทั้งน่ารัก อยากได้มาเป็นลูกสาว....
คลิปนี้จะได้เห็นหุ่นบางตัวที่ไม่เคยเห็นในหนังเต็มด้วย อุ๊ว้าววว!!
กัปตันแจ๊คก็มาจาก ILM และทีมงานร่วมจากอีก หนึ่งสุดยอดบริษัท นั่นก็คือ MPC
การสร้างคาแรคเตอร์ ดาวี่ โจนส์...
(ติดตามต่อกระทู้ล่างนะจ๊ะ)