จากกรณีน้องการ์ตูน ต่อไปนี้การแจ้งความคนหายไม่ต้องรอให้ครบ 24 ชม. แล้วนะคะ

จากลิ้งค์ http://www.thairath.co.th/content/region/390235

การ์ตูน" ที่ถูก "นายหนุ่ย" ลวงไปฆ่าข่มขืน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

ส่วนใหญ่มองว่า ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีเรื่องคนหายพลัดหลงและประมวลวิธีพิจารณาความอาญาของเรายังล้าหลัง ทำให้แก้ปัญหาไม่ทัน เพราะกว่าตำรวจจะมีอำนาจสืบสวนสอบสวนได้นั้น จะต้องรอให้ห้วงเวลาล่วงเลยผ่านไปครบ 24 ชั่วโมงก่อน จึงจะดำเนินการ ทำให้ไม่ทันกับเหตุการณ์

ทั้งที่ความจริงแล้ว การแจ้งความคนหายนั้น สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอให้คนหายไปนานครบ 24 ชั่วโมง ตามที่เข้าใจกัน


เพราะการรอ บางทีบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้
เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นแล้วกับ "น้องการ์ตูน" ที่ถูกฆ่าข่มขืน

ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เผยแพร่ข้อมูลการรับแจ้งความคนหายไว้ผ่านทางเว็บไซต์ http://www.backtohome.org มีรายละเอียดโดยย่อ ดังนี้ การแจ้งความคนหาย หมายถึง การแจ้งความกรณีคนหายกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ เพื่อลงรายงานบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในการสืบค้นของระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี เรื่องคนหายพลัดหลงต่อไป


ขั้นตอนการแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ คือ 1.พบพนักสอบสวนเพื่อให้สอบถามรายละเอียดและสอบปากคำผู้แจ้งเกี่ยวกับข้อมูลของคนหาย 2.เสมียนประจำวันคดีลงบันทึกประจำวัน 3.พนักงานสอบสวนมอบสำเนาบันทึกประจำวันให้แก่ผู้แจ้ง (ในกรณีที่พนักงานสอบสวนไม่มอบสำเนาบันทึกประจำวันดังกล่าวให้ ผู้แจ้งความต้องร้องขอ) และ 4.ให้ผู้แจ้งขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความไว้ด้วย สำหรับการประสานงานเพื่อสอบถามความคืบหน้า

ส่วนบุคคที่สามารถแจ้งความได้ ตามระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีเรื่องคนหาย พลัดหลง และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คือ บุคคลดังต่อไปนี้ 1.ผู้บุพการี ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย 2. ผู้สืบสันดาน ได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ 3.ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลของผู้เยาว์ หรือผู้ไร้ความสามารถ และ 4.สามี ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายเท่านั้น

สำหรับปัญหาที่ครอบครัวคนหายพบเสมอ ในการแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ คือ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธการรับแจ้งความ โดยอ้างเหตุผลว่า คนหายยังหายไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง จึงไม่สามารถรับแจ้งความดังกล่าวไว้ได้ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากตามข้อกฎหมายในระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 14 เรื่อง คนหาย พลัดหลง ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติในการรับแจ้งความคนหายในปัจจุบัน ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าต้องหายไปเกินกว่า 24 ชั่วโมง จึงจะแจ้งความคนหายได้


แต่ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจใช้ดุลพินิจในการไม่รับแจ้งความได้ ในกรณีที่ไม่สมควรแก่เหตุ เช่น การกลับบ้านคลาดเคลื่อนจากเวลาปกติที่เคยกลับเพียง 2–3 ชั่วโมง ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ เนื่องจากผู้หายอาจจะติดธุระ หรือมีเหตุจำเป็นเรื่องอื่น จึงทำให้กลับบ้านช้ากว่าปกติ เป็นต้น



ดังนั้น การแจ้งความคนหายจึงสามารถแจ้งได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องหายไปครบ 24 ชั่วโมง แต่อย่างใด อีกทั้งถ้าเป็นกรณีเร่งด่วน เช่น เด็ก คนชรา หรือผู้ป่วยที่มีอาการทางสมองหายออกจากบ้านไป สามารถแจ้งความเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที เพื่อจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที



ภายหลังเกิดกรณีการฆ่าข่มขืน "น้องการ์ตูน" สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยกเลิกระเบียบการแจ้งความคนหายแล้ว โดยเปิดให้ญาติสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้เลยเดี๋ยวนั้น เพื่อให้การออกติดตามและการให้ความช่วยเหลือเกิดขึ้นทันที อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความหวังให้ญาติที่ติดตาม

วันนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปดูกฎหมายการรับแจ้งความคนหายของต่างประเทศ เพื่อดูว่ามีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้าง


เริ่มที่ ประเทศออสเตรเลีย ศูนย์ช่วยเหลือ ตามหาคนหายแห่งชาติของประเทศออสเตรเลีย ระบุชัดเจน หากมีเหตุคนหาย ครอบครัวต้องแจ้งตำรวจท้องถิ่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เวลาผ่านไปถึง 24 ชั่วโมงก่อน

ประเทศสหรัฐอเมริกา องค์กร ทั้งการกุศลและที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลและตำรวจ ต่างยืนยันเป็นเสียง เดียวกันว่า หากมีเหตุเด็กหาย ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ถึง 24 ชั่วโมงแล้วจึงแจ้งความ แต่ให้รีบแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ทันที เพราะช่วงเวลา 48 ชั่วโมงแรกหลังการหายตัวนั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการตามหา และช่วยเหลือเด็กกลับมาได้อย่างปลอดภัย โดยสิ่งที่ต้องทำภายใน 24 ชั่วโมงแรกเมื่อรู้ว่าเด็กหายไปคือ การแจ้งความคนหายกับตำรวจในพื้นที่ให้เร็วที่สุด รวมถึงนำรูปเด็กให้เจ้าหน้าที่บรรจุลงในเว็บไซต์และช่องทางติดตามบุคคลสูญหาย

ประเทศอังกฤษ มีลักษณะคล้ายอเมริกา ครอบครัวสามารถแจ้งตำรวจท้องถิ่นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมง โดยตำรวจจะสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมในการติดตาม เช่น รูปถ่าย ข้อมูลของเพื่อนและญาติ สถานที่ที่ชอบไป โรคประจำตัว และตัวอย่างดีเอ็นเอ ซึ่งข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมดจะถูกกระจายไปยังตำรวจหน่วยต่างๆ ภายใน 48 ชั่วโมงทันที

ประเทศแคนาดา หากมีเหตุเด็กหาย จำเป็นจะต้องรีบแจ้งตำรวจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่จำเป็นต้องรอเวลาเลย ยกเว้นในกรณีที่ผู้สูญหายที่บรรลุนิติภาวะตามอายุเฉลี่ยของแต่ละจังหวัดนั้นๆ คือมีอายุมากกว่า 18–19 ปี ตำรวจอาจพิจารณาเวลา 24–48 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยทำคดี

ขณะที่ แอฟริกาใต้ ไม่มีกฎ หรือข้อจำกัดว่าต้องรอเวลาในการแจ้งความคนหายในแอฟริกาใต้ และหากเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะรับคดี หรือยืนยันว่าต้องรอ ให้พยายามหาเจ้าหน้าที่คนอื่นที่มียศเท่ากัน หรือสูงกว่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนรับคดี เนื่องจากคดีคนหายนั้น ผู้คนจะไม่หายตัวไปโดยไม่มีเหตุผล ตำรวจจึงมักให้ความสนใจในเรื่องปัญหาส่วนตัวของผู้สูญหายเป็นลำดับแรก โดยจะดูปัจจัยประกอบ เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ ความเชื่อในศาสนา เพศเอกลักษณ์ และเรื่องที่เกี่ยวข้องทางเพศก่อน ส่วนการพิจารณาความเสี่ยงและลำดับคดีก่อน/หลังนั้น ตำรวจจะอิงหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.คดีประเภทความเสี่ยงสูง : ผู้สูญหายนั้นอยู่ในสภาพที่เปราะบาง ป้องกันตัวเองไม่ได้ หรือตกเป็นเหยื่อ หรือพัวพันกับคดีร้ายแรง เป็นภัยต่อบุคคลภายนอก 2.คดีประเภทความเสี่ยงปานกลาง : ผู้สูญหายอาจตกอยู่ในอันตรายโดยรอบ หรือขู่ทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง 
3.คดีประเภทความเสี่ยงต่ำ : ผู้สูญหายไม่มีลักษณะเป็นภัยกับตัวเองและบุคคลรอบข้าง (แต่ไม่นับรวมถึงผู้สูญหายที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี)

เมื่อได้เห็นประเทศอื่นๆ ปฏิบัติเช่นนี้ ย้อนกลับมาดูเมืองไทยของเรา ก็นับว่ายังดีที่ตำรวจกลับลำได้ หันมาปรับระเบียบแบบแผนการรับแจ้งความคนหายกันเสียที

หากไม่มีกรณี "น้องการ์ตูน" ก็คงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้!??

จึงขอนำข่าวมาบอกผู้ปกครองทุกท่านค่ะ
ขอให้ไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกนะคะ เม่าปัดรังควาน

แท็ก ชานเรือน เพราะเกี่ยวกับ พ่อๆ แม่ๆ ครอบครัวโดยตรงอยู่แล้ว
แท็ก ห้องแป้ง เพื่อให้สาวๆ ทุกคนได้รับทราบ
แท็ก สยามฯ เพื่อให้น้องๆ ได้ระวังภัยที่อาจเกิดขึ้น
แท็ก ศาลาประชาคม เพราะเป็นภัยสังคม
แท็ก สวนลุม เพราะเป็นเรื่องสุขภาพจิต (เกิดเหตุทีทำให้จิตคนรับรู้ตกไปเลย)

ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่