ผมติดตามเรื่องการขาย TRUEGIF มาตั้งแต่ต้น อยากรู้ว่า กองทุนที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.8 หมื่นล้านบาท จ่ายผลตอบแทนที่อ้างว่าถึงปีละ 8.8% จะมีผลการขายเป็นเช่นไร สิ่งที่ได้รับรู้ก็คือ
- ผมได้เห็นความพยายามทุกวิถีทางของ TRUE เพื่อทำให้กองทุนนี้ขายออกได้มากที่สุด ทั้งๆที่ข้อมูลบางอย่าง ขัดกันกับผู้ที่ใกล้ชิดกับการขายให้มา
- ข้อมูลหลายๆอย่าง ไม่เคยมีความแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องการรับประกันการจัดจำหน่าย เรื่องแนวทางการปฏิบัติหากกองขายรายย่อยไม่หมด
- มีความพยายามในการใช้นักวิเคราะห์บางคน โบรกบางแห่งช่วยเชียร์ให้ซื้อ และออกข่าวว่า กองทุนมีความต้องการซื้อที่ล้นหลามมาก รวมถึงใช้ นสพ. หุ้น เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้คนสนใจซื้อ และตอกย้ำถึงความต้องการซื้อที่มีมากเสียเหลือเกิน
- แม้กระทั่งในสินธรเอง เราก็ยังเห็นสมาชิกหลายคน มาตั้งกระทู้ถึง TRUEGIF ทุกวัน และมีสมาชิกเข้าไปตอบในกระทู้ถึง TRUEGIF ทุกกระทู้ และพูดในเชิงว่ากองดี น่าสนใจ (ยกเว้นไว้ท่านหนึ่งคือ pjuk นะคัรบ เพราะเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้วที่ต้องช่วยทางต้นสังกัดโปรโมท)
เอาข้อมูลของผมไปละกัน ครับ
- ในฟากสถาบันในประเทศและนักลงทุนรายย่อย ความต้องการต่ำมากครับ
- โบรกแห่งหนึ่งที่ขายแบบ best effort มียอดแค่ระดับ 10 ล้านบาท ค้างมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว ยอดไม่ขึ้นเลย
- ธนาคารแห่งหนึ่งที่เป็นผู้จัดจำหน่าย ก็มียอดแค่ระดับร้อยล้านเท่านั้น
- คนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขาย ก็แจ้งเองว่า แม้แต่ lead underwriter ก็มีความต้องการจากลูกค้ารายย่อยไม่ได้มากมาย
นั่นทำให้ผมเกิดความกังวลขึ้นมาว่า ขนาดกอง TRUEGIF พยายามดึงเอาจุดขายเรื่องผลตอบแทนสูงถึง 8.8% มาเป็นตัวดึงดูดลูกค้า แต่คนก็ไม่จอง แล้วกองต่อๆไป จะมีสภาพเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกองของ JAS คุณพิชญ์อาจจะเลื่อนแผนการตั้งกองทุนออกไปก่อนหรือไม่
คนที่เกิดความกังวลว่า กองทุน TRUEGIF จะจัดตั้งไม่ได้ ไม่ต้องกังวลนะครับ ยังไงก็ตั้งได้แน่นอน เพราะ TRUE เองต้องการเงินก้อนนี้เหลือเกิน ข่าวล่าสุดมาว่า คนของ CP เข้ามาจองซื้อหน่วยลงทุนผ่านทาง SCB กันเยอะมาก ก็ไม่รู้จะด้วยความสมัครใจหรือว่าถูกบังคับก็ไม่ทราบได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือบริษัทในเครือด้วยกันเอง แบบไม่กลัวเจ็บ
สำหรับการจองซื้อที่ยังมีเวลาถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ (19 ธันวาคม) - ยอดคงไม่ได้เดินไปมากกว่านี้ซักเท่าไหร่ เพราะมองไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องรีบจองซื้อ หากเรามองดูกองอย่าง CPTGF หรือ TGROWTH ที่เข้าตลาดในสัปดาห์นี้ หลุดจองลงมาแบบไม่มีโอกาสให้ขายได้กำไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องจอง TRUEGIF ที่ราคา 10 บาท
ผลตอบแทนสูงถึง 8.8% อาจจะสูงกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้มากมาย เพราะกองทุนอื่นที่เข้ามาแล้วต่ำจอง ผลตอบแทนก็ขยับขึ้นอยู่ในระดับเกือบ 8% หรือมากกว่าแล้วเหมือนกัน ในขณะที่ความเสี่ยงของกองทุน TRUEGIF สูงกว่ามาก โดยเฉพาะในเรื่องการล้าสมัยของเทคโนโลยีที่อาจทำให้ทรัพย์สินของกองด้อยมูลค่าลงอย่างมากในอนาคต
รายได้ของ TRUEGIF ก็กำหนดไว้ตายตัว โดยค่าเช่าที่ TRUE จ่ายเข้ากอง เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3% ตามอัตราเงินเฟ้อ ไม่มีส่วนที่เป็นรายได้ผันแปรเหมือนกับกองทุนบางกอง ทำให้มองไม่เห็นว่า โอกาสที่อนาคตผลตอบแทนปันผลของกองทุนจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ทางผู้ขายและ TRUE เองพยายามอ้างว่า อาจมีคนอื่นมาเช่าเสาของกองทุนใช้ได้ จะทำให้กองทุนมีรายได้เพิ่ม แต่เอาเข้าจริง DTAC ADVANC เขาไม่ได้เอาด้วยกับการใช้เสาร่วมกันหรอกครับ เขาสร้างของเขากันเอง หมดสัมปทานก็เช่ากลับจาก TOT CAT กันเอง แล้วกอง TRUEGIF จะเอารายได้ส่วนเพิ่มมากจากไหน??
ถ้ารายได้ของกอง TRUEGIF มีการกำหนดในลักษณะเดียวกันกับของ JAS คือมีการค่าเช่าขั้นต่ำ และมีส่วนจ่ายเพิ่มตามจำนวนลูกค้าของ JAS อย่างนี้สิ ถึงจะน่าสน เพราะยังมีลุ้นว่าในวันข้างหน้าปันผลอาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมได้ เช่นเดียวกับกอง SPF ที่จ่ายปันผลได้สูงขึ้นโดยตลอด เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น
ก็เอาเถอะครับ ยังไงผมก็เชื่อว่า กอง TRUEGIF จะสามารถจัดตั้งขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานและบริษัทในเครือ CP แต่ถามว่า มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน ถ้าจะตั้งกองแล้ว "ไม่มีคนอยากซื้อ" จนต้องเอาญาติโกโหติกาของตนเองเข้ามาซื้อ แล้วประกาศปาวๆว่าเป็นความสำเร็จอย่างสุดยอด
สำหรับบทวิเคราะห์ที่ออกมา ท้ายสุดแล้ว ประโยชน์จากการจัดตั้งกองทุนในครั้งนี้ และผลประกอบการในอนาคตจะเป็นตัวบอกนักลงทุนได้เองว่า นักวิเคราะห์คนไหนวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
- การปรับ fair value TRUE ขึ้นถึงเกือบ 4 บาท จากการจัดตั้งกองทุน ประโยชน์มันสูงขนาดนั้นเลยหรือ?? ทำไมบางโบรกให้ส่วนเพิ่มแค่ 1.20 บาท (TISCO) บางโบรกเคยคิดว่ากองทุนจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมแก่ TRUE ประมาณ 2 บาทกว่า แต่ตอนนี้ก็ต้องปรับลง เนื่องจากมูลค่ากองทุนที่ต่ำกว่าบริษัทโม้ไว้ตั้งแต่ต้น
- เงินที่ได้รับจากกองทุนมันเหลือไปคืนหนี้ได้ไม่มากมายนัก ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงก็แค่ไตรมาสละ 600 ล้าน มันจะทำให้บริษัทอย่าง TRUE พลิกกลับมามีกำไรได้จริงหรือ?? ถ้าบริษัทยังคงใช้จ่ายแบบไม่บรรยะบรรยังแบบนี้
- Conflict of Interest ที่เกิดขึ้นกรณีที่นักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งที่ถูกเชื่อกันว่า เป็นคนปั่นหุ้น TRUE ก็เปิดพอร์ตอยู่กับโบรกเกอร์แห่งที่ให้ราคาหุ้น TRUE สูงเกือบ 15 บาท ทำให้เราไม่อาจเชื่อมั่นได้ว่า การเชียร์หุ้น TRUE แบบออกหน้าออกตา จะเป็นการเชียร์ตามพื้นฐานจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงการเชียร์เพื่อนักลงทุนรายใหญ่คนนั้น
ป.ล. ก่อนหน้านี้ผมเคยมองว่า TRUE น่าจะ turnaround ได้หลังการตั้งกองทุน แต่ตอนนี้เลิกคิดเลยครับ มูลค่ากองทุนก็ต่ำกว่าที่คาด เงินคืนหนี้ก็น้อยกว่าที่คาด แถมการควบคุมค่าใช้จ่ายของ TRUE แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ด้วยเหตุผลทางด้านการแข่งขัน
ผมเลยคิดว่า การตั้งกองทุน เป็นเพียงการยืดเวลาไม่ให้งบการเงินมีปัญหาจนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูในไตรมาส 1 ปีหน้า เท่านั้น น่าสงสารก็แต่คนของ CP ที่ต้องเข้ามาจองกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้ องค์กรของเขา เขาอาจจะรักองค์กรกันมากๆก็เป็นไป
TRUEGIF ตั้งได้แน่ ด้วยแรงจองซื้อของคน CP เอง
- ผมได้เห็นความพยายามทุกวิถีทางของ TRUE เพื่อทำให้กองทุนนี้ขายออกได้มากที่สุด ทั้งๆที่ข้อมูลบางอย่าง ขัดกันกับผู้ที่ใกล้ชิดกับการขายให้มา
- ข้อมูลหลายๆอย่าง ไม่เคยมีความแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องการรับประกันการจัดจำหน่าย เรื่องแนวทางการปฏิบัติหากกองขายรายย่อยไม่หมด
- มีความพยายามในการใช้นักวิเคราะห์บางคน โบรกบางแห่งช่วยเชียร์ให้ซื้อ และออกข่าวว่า กองทุนมีความต้องการซื้อที่ล้นหลามมาก รวมถึงใช้ นสพ. หุ้น เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้คนสนใจซื้อ และตอกย้ำถึงความต้องการซื้อที่มีมากเสียเหลือเกิน
- แม้กระทั่งในสินธรเอง เราก็ยังเห็นสมาชิกหลายคน มาตั้งกระทู้ถึง TRUEGIF ทุกวัน และมีสมาชิกเข้าไปตอบในกระทู้ถึง TRUEGIF ทุกกระทู้ และพูดในเชิงว่ากองดี น่าสนใจ (ยกเว้นไว้ท่านหนึ่งคือ pjuk นะคัรบ เพราะเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้วที่ต้องช่วยทางต้นสังกัดโปรโมท)
เอาข้อมูลของผมไปละกัน ครับ
- ในฟากสถาบันในประเทศและนักลงทุนรายย่อย ความต้องการต่ำมากครับ
- โบรกแห่งหนึ่งที่ขายแบบ best effort มียอดแค่ระดับ 10 ล้านบาท ค้างมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว ยอดไม่ขึ้นเลย
- ธนาคารแห่งหนึ่งที่เป็นผู้จัดจำหน่าย ก็มียอดแค่ระดับร้อยล้านเท่านั้น
- คนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขาย ก็แจ้งเองว่า แม้แต่ lead underwriter ก็มีความต้องการจากลูกค้ารายย่อยไม่ได้มากมาย
นั่นทำให้ผมเกิดความกังวลขึ้นมาว่า ขนาดกอง TRUEGIF พยายามดึงเอาจุดขายเรื่องผลตอบแทนสูงถึง 8.8% มาเป็นตัวดึงดูดลูกค้า แต่คนก็ไม่จอง แล้วกองต่อๆไป จะมีสภาพเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกองของ JAS คุณพิชญ์อาจจะเลื่อนแผนการตั้งกองทุนออกไปก่อนหรือไม่
คนที่เกิดความกังวลว่า กองทุน TRUEGIF จะจัดตั้งไม่ได้ ไม่ต้องกังวลนะครับ ยังไงก็ตั้งได้แน่นอน เพราะ TRUE เองต้องการเงินก้อนนี้เหลือเกิน ข่าวล่าสุดมาว่า คนของ CP เข้ามาจองซื้อหน่วยลงทุนผ่านทาง SCB กันเยอะมาก ก็ไม่รู้จะด้วยความสมัครใจหรือว่าถูกบังคับก็ไม่ทราบได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือบริษัทในเครือด้วยกันเอง แบบไม่กลัวเจ็บ
สำหรับการจองซื้อที่ยังมีเวลาถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ (19 ธันวาคม) - ยอดคงไม่ได้เดินไปมากกว่านี้ซักเท่าไหร่ เพราะมองไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องรีบจองซื้อ หากเรามองดูกองอย่าง CPTGF หรือ TGROWTH ที่เข้าตลาดในสัปดาห์นี้ หลุดจองลงมาแบบไม่มีโอกาสให้ขายได้กำไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องจอง TRUEGIF ที่ราคา 10 บาท
ผลตอบแทนสูงถึง 8.8% อาจจะสูงกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้มากมาย เพราะกองทุนอื่นที่เข้ามาแล้วต่ำจอง ผลตอบแทนก็ขยับขึ้นอยู่ในระดับเกือบ 8% หรือมากกว่าแล้วเหมือนกัน ในขณะที่ความเสี่ยงของกองทุน TRUEGIF สูงกว่ามาก โดยเฉพาะในเรื่องการล้าสมัยของเทคโนโลยีที่อาจทำให้ทรัพย์สินของกองด้อยมูลค่าลงอย่างมากในอนาคต
รายได้ของ TRUEGIF ก็กำหนดไว้ตายตัว โดยค่าเช่าที่ TRUE จ่ายเข้ากอง เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3% ตามอัตราเงินเฟ้อ ไม่มีส่วนที่เป็นรายได้ผันแปรเหมือนกับกองทุนบางกอง ทำให้มองไม่เห็นว่า โอกาสที่อนาคตผลตอบแทนปันผลของกองทุนจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ทางผู้ขายและ TRUE เองพยายามอ้างว่า อาจมีคนอื่นมาเช่าเสาของกองทุนใช้ได้ จะทำให้กองทุนมีรายได้เพิ่ม แต่เอาเข้าจริง DTAC ADVANC เขาไม่ได้เอาด้วยกับการใช้เสาร่วมกันหรอกครับ เขาสร้างของเขากันเอง หมดสัมปทานก็เช่ากลับจาก TOT CAT กันเอง แล้วกอง TRUEGIF จะเอารายได้ส่วนเพิ่มมากจากไหน??
ถ้ารายได้ของกอง TRUEGIF มีการกำหนดในลักษณะเดียวกันกับของ JAS คือมีการค่าเช่าขั้นต่ำ และมีส่วนจ่ายเพิ่มตามจำนวนลูกค้าของ JAS อย่างนี้สิ ถึงจะน่าสน เพราะยังมีลุ้นว่าในวันข้างหน้าปันผลอาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมได้ เช่นเดียวกับกอง SPF ที่จ่ายปันผลได้สูงขึ้นโดยตลอด เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น
ก็เอาเถอะครับ ยังไงผมก็เชื่อว่า กอง TRUEGIF จะสามารถจัดตั้งขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานและบริษัทในเครือ CP แต่ถามว่า มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน ถ้าจะตั้งกองแล้ว "ไม่มีคนอยากซื้อ" จนต้องเอาญาติโกโหติกาของตนเองเข้ามาซื้อ แล้วประกาศปาวๆว่าเป็นความสำเร็จอย่างสุดยอด
สำหรับบทวิเคราะห์ที่ออกมา ท้ายสุดแล้ว ประโยชน์จากการจัดตั้งกองทุนในครั้งนี้ และผลประกอบการในอนาคตจะเป็นตัวบอกนักลงทุนได้เองว่า นักวิเคราะห์คนไหนวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
- การปรับ fair value TRUE ขึ้นถึงเกือบ 4 บาท จากการจัดตั้งกองทุน ประโยชน์มันสูงขนาดนั้นเลยหรือ?? ทำไมบางโบรกให้ส่วนเพิ่มแค่ 1.20 บาท (TISCO) บางโบรกเคยคิดว่ากองทุนจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมแก่ TRUE ประมาณ 2 บาทกว่า แต่ตอนนี้ก็ต้องปรับลง เนื่องจากมูลค่ากองทุนที่ต่ำกว่าบริษัทโม้ไว้ตั้งแต่ต้น
- เงินที่ได้รับจากกองทุนมันเหลือไปคืนหนี้ได้ไม่มากมายนัก ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงก็แค่ไตรมาสละ 600 ล้าน มันจะทำให้บริษัทอย่าง TRUE พลิกกลับมามีกำไรได้จริงหรือ?? ถ้าบริษัทยังคงใช้จ่ายแบบไม่บรรยะบรรยังแบบนี้
- Conflict of Interest ที่เกิดขึ้นกรณีที่นักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งที่ถูกเชื่อกันว่า เป็นคนปั่นหุ้น TRUE ก็เปิดพอร์ตอยู่กับโบรกเกอร์แห่งที่ให้ราคาหุ้น TRUE สูงเกือบ 15 บาท ทำให้เราไม่อาจเชื่อมั่นได้ว่า การเชียร์หุ้น TRUE แบบออกหน้าออกตา จะเป็นการเชียร์ตามพื้นฐานจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงการเชียร์เพื่อนักลงทุนรายใหญ่คนนั้น
ป.ล. ก่อนหน้านี้ผมเคยมองว่า TRUE น่าจะ turnaround ได้หลังการตั้งกองทุน แต่ตอนนี้เลิกคิดเลยครับ มูลค่ากองทุนก็ต่ำกว่าที่คาด เงินคืนหนี้ก็น้อยกว่าที่คาด แถมการควบคุมค่าใช้จ่ายของ TRUE แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ด้วยเหตุผลทางด้านการแข่งขัน
ผมเลยคิดว่า การตั้งกองทุน เป็นเพียงการยืดเวลาไม่ให้งบการเงินมีปัญหาจนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูในไตรมาส 1 ปีหน้า เท่านั้น น่าสงสารก็แต่คนของ CP ที่ต้องเข้ามาจองกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้ องค์กรของเขา เขาอาจจะรักองค์กรกันมากๆก็เป็นไป