เรื่องเกี่ยวกับปลาแซลมอน เรื่องนี้เชื่อได้หรือไม่คับ

มันจริงมั้ยคับ คือชอบกินมากๆ อ่านแล้วกลัวเลย ว่าแต่มันเลี้ยงระบบปิดได้ด้วยเหรอ


[บทความน่าสนใจ] ปลาแซลมอน...อันตรายที่น่าตกใจ ๔-๕ ปีให้หลัง ผมสังเกตเห็นว่ามีการนำเนื้อปลาแซลมอนเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามากขึ้น ราคาก็ไม่แพงเหมือนในอดีต สมัยก่อนอาจมีจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำไม่กี่แห่ง แต่ตอนนี้ตลาดติดแอร์แทบทุกแห่งจะมีเนื้อปลาแซลมอนวางขาย เคียงคู่กับเนื้อปลากะพง ปลาเก๋า ในราคาไม่แตกต่างกัน และดูเหมือนว่าจะถูกกว่าเนื้อปลาจะละเม็ดเสียอีก กล่าวคือเนื้อปลาแซลมอนที่เคยขายกันกิโลกรัมละ ๗๐๐-๘๐๐ บาท บัดนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะที่เนื้อปลาจะละเม็ดขนาดใหญ่ยังคงยืนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ ๔๐๐-๕๐๐ บาทขึ้นไป เมื่อเห็นว่าปลาแซลมอนส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศทางยุโรป ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วันไหนพอมีเวลาก็แวะซูเปอร์มาร์เกตซื้อปลาแซลมอนมากินเล่น พลางดูรายการสารคดีชีวิตปลาแซลมอนที่ต้องว่ายน้ำข้ามทะเลหลายพันไมล์เพื่อขึ้นมาวางไข่ออกลูกหลาน ที่ต้นลำธาร ดูแล้วก็นึกเอาเองว่าปลาแซลมอนที่เรากินคงต้องเป็นปลาที่พลานามัยแข็งแรงแน่ แถมยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-๓ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันโรคหัวใจ อย่างนี้จะไม่ให้หลงใหลแซลมอนอย่างไรไหว จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเหลือบไปเห็นบทความเกี่ยวกับปลาแซลมอนในวารสาร ecologist ฉบับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก็ตาสว่างขึ้นทันที ปลาแซลมอนที่เรากินก็คงไม่ต่างจากกุ้งกุลาดำในฟาร์มเลี้ยง ที่เราส่งไปขายเมืองนอกจนติดอันดับโลก คือถูกเลี้ยงให้เติบโตมาด้วยการใช้สารเคมีและอัดยาเยอะ ๆ ปลาแซลมอนที่ส่งมาขายบ้านเราส่วนใหญ่มาจากฟาร์มเลี้ยงปลาในยุโรป ปลาแซลมอนเหล่านี้อุดมไปด้วยเชื้อโรค เจ้าของฟาร์มจึงต้องใส่สารเคมีและยาปฏิชีวนะลงในบ่อปลา เพื่อกำจัดแมลงรบกวนและเชื้อโรคหลายอย่าง ปลาแซลมอนในธรรมชาติมีเนื้อเป็นสีชมพู เพราะมันกินพวกกุ้งตัวเล็ก ๆ และพืชทะเล ปลาแซลมอนในฟาร์มก็มีเนื้อสีชมพูน่ากินเช่นกัน แต่เป็นเพราะมันกินอาหารปลาที่มีสารให้สีจำพวก astaxanthin และ canthaxanthin ชนิดเข้มข้น ซึ่งหากมนุษย์ได้รับสารเหล่านี้มากเกินไป อาจจะมีผลต่อระบบประสาทตา นอกจากนี้ เนื้อของปลาแซลมอนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังยังอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีผลต่อการ อุดตันของเส้นเลือด แถมยังมีกรดไขมันโอเมกา-๓ น้อยกว่าปลาแซลมอนในธรรมชาติถึง ๓ เท่า ดังนั้นหากบริโภคแซลมอนจากฟาร์มเหล่านี้มากเกินไปก็อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้ ในสหรัฐอเมริกายังมีการวิจัยพบว่า เนื้อปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงมีสารก่อมะเร็งที่มาจากอาหารปลาในระดับที่สูงกว่าปลาแซลมอนจากธรรมชาติถึง ๑๖ เท่า มากกว่าเนื้อวัว ๔ เท่า ไม่นับรวมว่าปลาแซลมอนบางตัวมีพยาธิทะเลอาศัยอยู่ด้วย ทุกวันนี้การเลี้ยงปลาแซลมอนกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพราะมีความต้องการที่สูงขึ้นทั่วโลก เมื่อไทยส่งกุ้งกุลาดำตีตลาดยุโรป ฝรั่งก็ส่งปลาแซลมอนมาเป็นบรรณาการบ้าง ทั้งสองล้วนเป็นอาหารยอดฮิต และอุดมไปด้วยสารเคมีชนิดต่าง ๆ ปีใหม่นี้คงต้องบอกตัวเองให้รักปลาแซลมอนน้อย ๆ ครั้นจะเหลียวมามองปลาจะละเม็ด ก็อุดมไปด้วยฟอร์มาลีน กลับมาหาปลาทูเพื่อนยากกันดีกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอแยกเป็นข้อๆ...ตามข้อมูลเท่าที่เคยอ่านพวกแหล่งที่เชื่อถือได้ และงานวิจัยบางชิ้นมานะครับ
(ไม่ขอลงลิงค์แหล่งอ้างอิงนะ พอดีอยุ่ที่ทำงาน คอมฯห่วย เนตเต่า ไม่อาจทำให้ได้)

1. salmon (ตัว L ไม่ออกเสียง) ที่ขายๆกันในไทยให้เราไปเดินเลือกซื้อกันได้ เกือบทั้งหมดเป็นปลาเลี้ยง..........จริง
ปลาจับ (wild salmon) มีราคาแพงกว่าปลาเลี้ยงมาก พวกที่ขายกันทั่วไปไม่เฉพาะในไทยหรอก ล้วนเป็นปลาเลี้ยงซะส่วนใหญ่แล้ว
แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นประเทศที่เขามีแหล่ง salmon ธรรมชาติให้จับได้อยู่ เขาก็ยังสามารถหาซื้อ salmon จับได้ง่ายกว่าบ้านเราและถูกกว่าบ้านเรามาก
ถ้าพวกร้านอาหารที่ระดับบนๆเขามักใช้ปลาจับกันนะ รสชาติมันดีกว่าปลาเลี้ยง แต่ก็แพงกว่ากันมากๆ

2. การเลี้ยงแน่นอนว่าย่อมต้องให้อาหารปลาที่เขาคิดค้นสูตรกันขึ้นมา เพราะมันไปว่ายน้ำหาอาหารเองตามธรรมชาติไม่ได้
ส่วนอาหารจะมีอะไรอย่างไร ก็คงแล้วแต่สูตรกันไป พูดเหมารวมหมดไม่ได้หรอก

3. อาหารปลามีสารก่อมะเร็ง บลา บลา....อันนี้ไม่เคยได้ยินเลยครับ อยากเห็นหลักฐานจากคนที่อ้างเหมือนกัน
และหากจะกลัวเรื่องนี้...ต่อไปคงแทบไม่ต้องกินปลาน้ำจืดและปลาทะเลหลายชนิดของไทย เพราะเลี้ยงกันแทบทั้งนั้น - -*

4. สีในปลา salmon ที่เลี้ยงฟาร์ม เป็นสีที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติครับ
มีการให้อาหารกลุ่ม carotenoid (มีหลายชนิด) เพื่อให้เกิดสีส้มขึ้นในเนื้อปลา
เพราะปลาในธรรมชาติสีพวกนี้มาจากอาหารตามธรรมชาติที่มันกินเข้าไปครับ
พอเลี้ยงมัน มันไม่ได้ไปหาอาหารพวกนั้นกิน จะไปหามาให้มันก็ต้นทุนสูงเกินไป เลยใช้วิธีให้กินสารอาหารที่ให้สีส้มแทนครับ
อย่างไรก็ตาม สารให้สีพวกนี้กินได้ครับ ไม่อันตราย.....ไม่งั้นคนกินแครอท กินฟักทอง ฯลฯ คงตายกันหมดทั่วโลกแล้ว

5. ปลาที่เลี้ยง จะมีไขมันในเนื้อเยอะกว่าปลาธรรมชาติครับ
ทั้งนี้เพราะการเลี้ยงจำนวนมากๆในพื้นที่จำกัด ปลาไม่ได้ว่ายไปไหนไกลๆแบบปลาธรรมชาติ ไขมันจึงสะสมเยอะกว่า
นอกจากนี้ปลายังอ้วนกว่า น้ำหนักตัวเยอะกว่าปลาธรรมชาติมากเมื่อเทียบอายุเท่าๆกัน
ในทางตรงข้าม เนื้อจะไม่เด้งไม่แน่นไม่อร่อยสู้ปลาธรรมชาติครับ เพราะมันไม่ได้ออกกำลังกายว่ายน้ำเยอะๆ
อนึ่ง.....จะเห็นได้ว่าเราจะใช้ลายไขมันเพื่อแยกความดีงามของ salmon ไม่ได้นะ เว้นแต่ถ้าเทียบปลาเลี้ยงด้วยกัน ถ้าไขมันเยอะลายสวย ก็มักอร่อยกว่า อันนี้จริง...
แต่ถ้าเอาไปเทียบกับปลาธรรมชาติ จะใช้วิธีนี้เทียบไม่ได้ว่าใครอร่อยกว่าด้วยลายไขมัน คำพูดที่ว่า "ปลาแซมอนที่ดีต้องมีลายไขมันเยอะๆ" จึงเป็นเท็จครับ

6. ปลาธรรมชาติมี omega 3 มากกว่าปลาเลี้ยงแน่ๆครับ
แต่ปลาเลี้ยงมี omega 3 หรือ 6 มากกว่ากัน ผมเห็นงานวิจัยมันแย้งกันนะ บางแห่งก็บอกว่ามี 3 เยอะ บางแหล่งก็บอกว่ามี 6 เยอะ บางแหล่งก็บอกว่ามีพอๆกัน 555
ความคิดเห็นที่ 10
เอารูป Salmon farm ที่นอร์เวย์มาให้ดูครับ
เป็นระบบเปิดนะครับ











ความคิดเห็นที่ 7
ส่วนตัวนะครับ ขอวิเคราะห์ดังนี้

1. สาเหตุที่ราคาลดลง เพราะมีการทำฟาร์มกัน ซึ่งปลาจาระเม็ด ไม่สามารถเลี้ยงในที่กักขังได้ ตายหมดก่อนที่จะโตครับนั้นคือสาเหตุว่าทำไม ปลาจาระเม็ดถึงแพงกว่า และแพงแบบต่อเนื่องด้วย

2. สารเคมีที่ใช้เลี้ยงปลาแซลม่อนจะน้อยกว่าฟาร์มกุ้งหลายเท่า เรียกว่าน่าจะมีเป็นร้อย ๆ เท่าเลยก็ว่าได้ เพราะกุ้งเราเลี้ยงระบบปิด แต่แซลม่อนเลี้ยงระบบเปิด ความทนต่อโลกของสัตว์มีกระดูกสันหลัง กับไม่มีกระดูกสันหลัง ต่างกันมาก ๆ ดังนั้นผมขอวิเคราะห์ว่ากินกุ้งยังอันตรายกว่าปลาแซลม่อนเยอะ

3. สาร astaxanthin และ canthaxanthin มันเอามาจากธรรมชาติ สารตัวแรกเป็นผลดีกับเรา ปัจจุบันเอามากินเป็นแคปซุลเข้มข้น แถมเอามาทาหน้ากันด้วย ส่วนตัวที่สองก็เอามาใส่เพื่อเร่งสีไข่ไก่ ทางที่จะเอาเข้าไปได้ก็คือเอาไปผสมกับอาหารให้ปลากินเท่านั้น
ถ้ากังวลกับสารสองตัวนี้ว่าจะก่อมะเร็งรึเปล่า เราอาจจะต้องไปกังวลเรื่องไข่ไก่ตามท้องตลาดที่เรากินด้วยครับ
อย่างไรก็ดี มีสารอย่างอื่นที่ใช้ทดแทนสองตัวบนได้ ทำให้สัตว์น้ำ หรือ ไข่ไก่มีสีเข้มเช่นเดียวกัน เช่นสารสะกัดจากดอกดาวเรืองเป็นต้น
ผมขอลงความเห็นว่า ถ้าไม่ได้บริโภควันละเป็นกิโล และติดต่อกันเป็นเดือน เป็นปี ไม่น่าจะทำให้เกิดโรคใด ๆ ได้

4. เรื่องยา ปฎิชีวนะ ในบ่อปลา เนื่องจากปลาแซลม่อนเป็นปลาว่ายน้ำ การทำในระบบปิด มันต้องใช้ที่ทางมาก ๆ และส่วนใหญ่เค้าเลี้ยงในกระชัง เรื่องยาปฎิชีวนะ คงไม่น่าจะเป็นการเติมลงบ่อ และไม่มียาอะไรมากำจัดแมลง หรือเห็บปลาแบบนั้นหรอกครับ ระบบเปิดนะครับ อะไรลอยมา โดนปลากินหมดล่ะครับ ฮะฮะ

ปลาแซลม่อนเป็นปลาที่แข็งแรงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โรคน้อยมาก ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อว่ามีการใช้ในจำนวนมาก ๆ ให้สิ้นเปลืองต้นทุนเหมือนพวกกุ้งต่าง ๆ ครับ

5. เนื้อปลาแซลม่อนในธรรมชาติมีสีส้ม และแดง ยังไม่เคยเจอสีชมพู

6. ปลาอุดมไปด้วยเชื้อโรคเพราะเลี้ยงในฟาร์ม ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกันครับ เพราะมันเลี้ยงระบบเปิดอยู่แล้ว ถ้าจะเกิดโรคก็ต้องพวกที่เลี้ยงระบบปิด อาจจะเป็นโรคได้ และราคาคงไม่ได้ 300-400 บาทหรอกครับ

7. ปลาแซลม่อนไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ใช่ครับ เพราะถูกเลี้ยงในกระชัง กรดไขมันอิ่มตัวชนิดดี มันก็มีของมัน ต่อให้จับมาจากธรรมชาติ มันก็จะมีกรดไขมันดังกล่าวเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องเป็นกังวลครับ ส่วนเรื่องเนื้อ ความแน่น ความมัน ของธรรมชาตินี่สุดยอดกว่ามาก ๆ เพราะปลามันกินวันละ 24 ชม. แต่ปลาเลี้ยงกินวันละ 4-6 ครั้งเท่านั้น

8. สารก่อมะเร็งในปลาแซลม่อน ผมไม่ขอออกความคิดเห็นครับ เพราะหากสารสองตัวด้านบน มันทำให้เกิดมะเร็งได้จริง ๆ คุณต้องหยุดกินเนื้อสัตว์ และไข่ หลาย ๆ อย่างไปเลย

9. อาหารปลาแซลม่อน ถ้าเลี้ยงในไทยก็ปลาเป็ด เศษปลา เศษกุ้ง ผสมรำ บรา บรา บรา ยังไม่เคยอ่านเจองานวิจัยที่ว่า อาหารปลาแซลม่อนทำให้เกิดมะเร็งได้

10. พญาธิในปลา ครับ มีครับ ต่อให้แช่แข็งมันก็มีครับ แล้วไม่ตายด้วย พญาธิดังกล่าวตัวใหญ่ และแข็ง หนีบเอาไปให้ปลาตัวอื่นกิน ก็ไม่กินครับ และมันจะตายในน้ำจืด โอ๊ว มันจะตายในร่างกายเราด้วยครับ

ผมวิเคราะห์ได้แบบนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 13
ฉันเคยทำงานในโรงงานปลาแซลมอลหลายแห่งในประเทศเดนมาร์คเกาะเหนือ

ปลาแซลมอลส่วนมากจะเป็นปลาเลี้ยงมาจากเกาะเฟอรี่  จะถูกควบคุมการเลี้ยง

อย่างดีใกล้เคียงกับธรรมชาติ  ถูกตรวจสอบตามขั้นตอนของกฏอียูทุกๆอย่าง

ปลาที่นี่ถูกส่งขายรอบโลก   ไม่น่ากลัวอย่างที่เขียนมา
ความคิดเห็นที่ 32
เมลล์แบบนี้ เปลี่ยนคำว่า ปลาแซลมอล เป็นอะไรก็ได้ ได้เนื้อหาเหมือนเดิม

หมู เห็ด เป็ด ไก่ อย่ากิน อันตราย บลาๆๆๆ


เป็น
อาการหวาดระแวงแบบชนชั้นกลางแบบหนึ่ง อะไรก็กลัว ไม่เชื่อ ไม่เอาไปหมด

ปลาเลี้ยงจากยุโรป ไม่เอา จีนไม่เอา เวียดนามไม่เอา ประมงไทยจับเองเลี้ยงเองก็ไม่เอา ตามสบายเถอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่