เราขอพื้นที่ในพันทิปที่เราคุ้นเคย ทุกเช้าต้องล็อคอินทุกวันจนเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว หากเรื่องราวของเรารบกวนเพื่อนสมาชิกต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าคะ
เราเป็นเด็กที่โตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของป้า เป็นพี่สาวของคุณพ่อ คุณพ่อและคุณแม่ของเราแยกทางกันตั้งแต่เด็กจำความยังไม่ได้ เมื่อท่านทั้งสองแยกทางกัน คุณพ่อต้องไปรับราชการที่ต่างจังหวัดไกลมากๆทางภาคใต้ ไม่สามารถนำเราซึ่งตอนนั้นเด็กมากๆไปด้วย จึงได้ฝากให้พี่สาวท่านเป็นคนเลี้ยงดูเรา ป้าของเราเลี้ยงเรามาก็เหมือนลูกคนหนึ่งของท่านนะคะ เราก็รักและเคารพท่านเป็นแม่อีกคนนึง พ่อจะกลับมาเยี่ยมบ้านประมาณปีละ 1-2 ครั้ง เนื่องด้วยระยะทางที่ไกลมาก เราอยู่อีสานท่านอยู่ใต้ ทุกอย่างก็ดำเนินมาเช่นนั้นจนเราเรียนจบและทำงาน ที่ผ่านมาเนื่องด้วยไม่ได้อยู่กับคุณพ่อความผูกพันธ์น้อยมากๆ บางทีก็แอบน้อยใจว่าเรามีพ่อก็เหมือนไม่มีนะ แม่ก็ไม่รู้อยู่ไหน แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปตามจังหวะชีวิต
จนเมื่อเราเริ่มต้นชีวิตการทำงาน เป็นลูกจ้างหน่วยงานราชการเล็กๆ ในอำเภอหนึ่งซึ่งคุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านเกิดของคุณแม่อยู่ใกล้กัน (ห่างกับที่เราอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตร) พ่อบอกว่าถ้ามีโอกาสให้ลองไปตามหาเผื่อว่าจะได้เจอกัน เราก็ลังเลคิดอยู่นานเพราะกลัวว่าหากคุณแม่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว เราจะทำให้ท่านลำบากใจหรือเปล่า เราเลยปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนเกือบ 2 ปี แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้เราต้องไปที่บ้านเกิดของคุณแม่เพราะเรื่องงาน เราเลยลองไปสอบถามคนแถวนั้นและเหมือนทุกอย่างลงตัวมากเราเจอบ้านของท่านจริงๆ แต่ท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นมีแต่คุณยาย และป้า พี่สาวของแม่จริงๆของเรา ท่านดูจะดีใจมากๆที่เจอเรา และเหมือนจะเสียใจเรื่องที่แม่ไม่เคยได้ดูแลเรา ความรู้สึกของเราตอนนั้นมันเหมือนได้ญาติพี่น้องกลับคืนมา มันตื้นตันนะ อยากเจอแม่มากๆ ถึงท่านจะไม่ได้เลี้ยงดู แต่ก็เป็นผุ้ให้กำเนิดอย่างน้อยให้ได้มีโอกาสได้กราบสักครั้ง คุณป้าเลยให้หมายเลขโทรศัพท์ท่านกับเราและให้เราลองโทรไป คุณป้าก็ได้เล่าเรื่องของเราให้แม่ของเราทราบบ้างแล้ว
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เราลองโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ของแม่
บทสนทนา
เรา: สวัสดีคะ แม่......... ใช่ไหมคะ
แม่: ใช่คะ ใครเหรอคะ
เรา: นี่(ชื่อเรา) เองคะ ป้า.....ให้เบอร์มาคะ
แม่: อ๋อ..............
เรา: แม่สบายดีไหมคะ เป็นยังไงบ้าง
แม่: โทษนะคะ ตอนนี้อ๊อฟไม่อยู่นะ ค่อยโทรมาใหม่นะ แล้ววางสายไป
มันเหมือนการบอกปัดเพื่อปิดการสนทนา ใช่ไหมคะ เราอึ้งไปจนไม่รู้ว่านานขนาดไหน มันคงหมายถึงว่าแม่เค้าคงไม่อยากคุยหรือรับรู้ว่ามีเราอยู่ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆจากหมายเลขนั้นอีกเลย เราไม่ได้โลกสวยถึงขนาดว่าว่าท่านต้องดีใจร้องห่มร้องไห้เหมือนในละครนะ แต่....มันจุก มันจุก สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่าแม่จะอยู่ดี มีสุขนะคะ ถึงลูกคนนี้จะไม่มีโอกาสได้ดูแล แต่ก็ระลึกอยู่เสมอว่าพระคุณที่ให้กำเนิดมันท่วมหัว หากมีโอกาสคงได้ทดแทน
บางทีความจริงมันก็เจ็บปวดเกินกว่าจะรับได้
เราเป็นเด็กที่โตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของป้า เป็นพี่สาวของคุณพ่อ คุณพ่อและคุณแม่ของเราแยกทางกันตั้งแต่เด็กจำความยังไม่ได้ เมื่อท่านทั้งสองแยกทางกัน คุณพ่อต้องไปรับราชการที่ต่างจังหวัดไกลมากๆทางภาคใต้ ไม่สามารถนำเราซึ่งตอนนั้นเด็กมากๆไปด้วย จึงได้ฝากให้พี่สาวท่านเป็นคนเลี้ยงดูเรา ป้าของเราเลี้ยงเรามาก็เหมือนลูกคนหนึ่งของท่านนะคะ เราก็รักและเคารพท่านเป็นแม่อีกคนนึง พ่อจะกลับมาเยี่ยมบ้านประมาณปีละ 1-2 ครั้ง เนื่องด้วยระยะทางที่ไกลมาก เราอยู่อีสานท่านอยู่ใต้ ทุกอย่างก็ดำเนินมาเช่นนั้นจนเราเรียนจบและทำงาน ที่ผ่านมาเนื่องด้วยไม่ได้อยู่กับคุณพ่อความผูกพันธ์น้อยมากๆ บางทีก็แอบน้อยใจว่าเรามีพ่อก็เหมือนไม่มีนะ แม่ก็ไม่รู้อยู่ไหน แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปตามจังหวะชีวิต
จนเมื่อเราเริ่มต้นชีวิตการทำงาน เป็นลูกจ้างหน่วยงานราชการเล็กๆ ในอำเภอหนึ่งซึ่งคุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านเกิดของคุณแม่อยู่ใกล้กัน (ห่างกับที่เราอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตร) พ่อบอกว่าถ้ามีโอกาสให้ลองไปตามหาเผื่อว่าจะได้เจอกัน เราก็ลังเลคิดอยู่นานเพราะกลัวว่าหากคุณแม่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว เราจะทำให้ท่านลำบากใจหรือเปล่า เราเลยปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนเกือบ 2 ปี แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้เราต้องไปที่บ้านเกิดของคุณแม่เพราะเรื่องงาน เราเลยลองไปสอบถามคนแถวนั้นและเหมือนทุกอย่างลงตัวมากเราเจอบ้านของท่านจริงๆ แต่ท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นมีแต่คุณยาย และป้า พี่สาวของแม่จริงๆของเรา ท่านดูจะดีใจมากๆที่เจอเรา และเหมือนจะเสียใจเรื่องที่แม่ไม่เคยได้ดูแลเรา ความรู้สึกของเราตอนนั้นมันเหมือนได้ญาติพี่น้องกลับคืนมา มันตื้นตันนะ อยากเจอแม่มากๆ ถึงท่านจะไม่ได้เลี้ยงดู แต่ก็เป็นผุ้ให้กำเนิดอย่างน้อยให้ได้มีโอกาสได้กราบสักครั้ง คุณป้าเลยให้หมายเลขโทรศัพท์ท่านกับเราและให้เราลองโทรไป คุณป้าก็ได้เล่าเรื่องของเราให้แม่ของเราทราบบ้างแล้ว
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เราลองโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ของแม่
บทสนทนา
เรา: สวัสดีคะ แม่......... ใช่ไหมคะ
แม่: ใช่คะ ใครเหรอคะ
เรา: นี่(ชื่อเรา) เองคะ ป้า.....ให้เบอร์มาคะ
แม่: อ๋อ..............
เรา: แม่สบายดีไหมคะ เป็นยังไงบ้าง
แม่: โทษนะคะ ตอนนี้อ๊อฟไม่อยู่นะ ค่อยโทรมาใหม่นะ แล้ววางสายไป
มันเหมือนการบอกปัดเพื่อปิดการสนทนา ใช่ไหมคะ เราอึ้งไปจนไม่รู้ว่านานขนาดไหน มันคงหมายถึงว่าแม่เค้าคงไม่อยากคุยหรือรับรู้ว่ามีเราอยู่ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆจากหมายเลขนั้นอีกเลย เราไม่ได้โลกสวยถึงขนาดว่าว่าท่านต้องดีใจร้องห่มร้องไห้เหมือนในละครนะ แต่....มันจุก มันจุก สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่าแม่จะอยู่ดี มีสุขนะคะ ถึงลูกคนนี้จะไม่มีโอกาสได้ดูแล แต่ก็ระลึกอยู่เสมอว่าพระคุณที่ให้กำเนิดมันท่วมหัว หากมีโอกาสคงได้ทดแทน