ช่วงนี้เห็นคนไปญี่ปุ่นกันเยอะ ก็เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การผ่านเข้าตม.ญี่ปุ่นให้ฟังค่ะ
จริงๆกลับมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อวันที่31ตุลาค่ะ แต่พอดีเพิ่งมีเวลาว่างเลยเพิ่งได้มาตั้งกระทู้
หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นนะคะ
เล่าเลยละกันนะ
เรามีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ เลยเข้าออกญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆตั้งแต่ที่ยังต้องขอวีซ่ากันอยู่ แต่ก่อนมีจม.รับรองจากมหาลัยเลยขอวีซ่าค่อนข้างง่าย พอเรียนจบแล้วก็ให้แฟนเขียนจม.เชิญให้เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ไปมาหลายครั้งมากค่ะ
ปีนี้เพิ่งมีกฎยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่นสำหรับคนไทยออกมา เลยถือโอกาสพาน้องๆไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยทริปนี้ไปกันทั้งหมด6คน เรา1คน แฟนคนญี่ปุ่น 1 คน ( ก่อนหน้านี้เค้ามีธุระที่ไทยพอดีเลยได้กลับไปพร้อมกัน) แล้วก็น้องทั้งหมด4คน น้องชายอายุ18 1 คน น้องสาว 3 คน อายุ19, 14 และ 13 ทุกคนเป็นน้องแท้ๆ นามสกุลเดียวกันหมดค่ะ เราก็คิดว่าทุกคนน่าจะผ่านตม.ได้อย่างไม่น่ามีปัญหา เพราะน้องทุกคนเป็นนักเรียนหมด ส่วนตัวเราก็ไปญีปุ่นหลายครั้ง ยังมีวีซ่าเก่าแปะอยู่บ้าง ไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่ปรากฎว่าพอไปถึงไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ หรือว่าเราโชคร้ายก็ไม่รู้ ไปเจอจนท.เคาเตอร์นั้นพอดี
ตอนที่เราไปถึงตม.พอดีกว่ามีคนต่อคิวเยอะมากกก เรากับน้องๆเลยกระจัดกระจายกันไปคนละแถว แฟนเราแยกไปโซนของพาสปอร์ตญี่ปุ่น ตอนที่ใกล้ถึงคิวของเรา เราเห็นว่าน้องคนที่อายุ 18กับ 14 ได้ออกไปแล้ว เหลือน้องอายุ13 ที่ตอนนี้ไปถึงเคาเตอร์แล้ว มีเราเป็นคิวต่อไป แล้วก็น้องชายอายุ18ต่อคิวอยู่แถวข้างๆ
เราก็รอแบบชิวมาก ในใจก็คิดว่าญี่ปุ่นดีเนอะไม่เคร่งเรื่องทรงผม เพราะเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ที่เรารออยู่ผมหยิกหัวฟูมาก หน้าเด็กๆซื่อๆ ยืนรอๆไปสักพัก เราก็เห็นเจ้าหน้าที่คุยกับน้องเราอะไรบางอย่างเราไม่ค่อยได้ยิน แล้วก็ไล่น้องเราไป น้องเราก็งง แล้วก็ไปต่อแถวใหม่ ก็คือหลังเรา ( คือจะมีอีกแถวยาวเหยียดอยู่ด้านหลังอีก แต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยเรียกแบ่งคนมาต่อแถวสั้นๆด้านหน้าเคาเตอร์ทีละ2-3คน) เราก็ไม่ทันได้ถามน้องว่าเกิดไรขึ้นเพราะเราเป็นคิวถัดไปพอดี เลยถามเจ้าหน้าที่คนนั้นที่ไล่น้องเราไปว่า "what's happened?, she's my sister" ที่พูดอังกฤษเพราะเรากลัวจะสื่อสารผิดพลาด เพราะเราพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยเก่ง คือแฟนเราพูดอังกฤษและไทยได้คล่อง ภาษาญี่ปุ่นเราเลยไม่ค่อยกระดิก แล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจนท. ที่สนามบินนาจะพูดอังกฤษได้แน่ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาไร สื่อสารกันเข้าใจดีทุกคน
คำตอบจากจนท. คนนั้นคือ "…...” ความเงียบ ? เราก็งงว่าทำไมไม่ตอบ เราเลยถามช้าๆอีกที ก็ไม่ตอบ เอาแต่ดูพาสปอตเราแล้วก็ชี้ที่ใบตม. ต้องช่องที่อยู่แล้วถามว่า " What? “ เราก็งงมาก ก็ตอบว่า "Address ?” อ่าวก็ที่อยู่ไง แล้วเค้าส่ายหน้าแล้วก็ถามอีกว่า “no, what” เราก็งงมากแบบ ไม่รู้ว่าอยากบอกว่าอะไร แล้วเค้าก็พูดภาษาญี่ปุ่นแบบโกรธๆ เราก็ฟังออกนิดหน่อย แล้วก็จำได้ว่าตม. บางทีก็ชอบมาถามว่าที่อยู่นี่เป็นของใคร เราก็เลยเดาได้ว่าเค้าคงอยากถามว่าที่อยู่นี่ของใคร เราเลยตอบว่าของเพื่อน แล้วเค้าก็เงียบๆไป
พลิกๆดูพาสปอร์ตแล้วก็เขียนๆอะไรสักพัก แล้วก็ถามว่า " how many?” เราก็งงhow many อะไร เลยถามย้อนไปว่า “how may days?” เข้าใจว่าเค้าอยากรู้ว่าเรามากี่วัน เค้าก็บอกว่า “no, How many.....” แล้วก็ทำไม้ทำมือชี้ที่โต๊ะหลายๆที เราทำหน้าก็งงอีก เค้าก็พูดว่า " group “ เราก็งงเข้าไปใหญ่ group อะไร จะไปรู้ได้ไงว่าflightนี้มากันกี่กรุ๊ป คุยกับจนท.คนนี้เรารู้สึกเหมือนทายปัญหาเชาว์เลยอะ ปวดหมองมาก
พอดีถึงคิวน้องชายเรา เคาเตอร์ข้างๆติดกันเลย น้องเราก็หันมาถามเราว่ายังไม่เสร็จอีกหรอ
จนท.หัวฟูได้ยินก็ชี้ที่เรากับน้องแล้วพูดว่า " family? “
เรา: " yes, we are family. He is my brother and this is my sister(ชี้ไปที่น้องสาวที่ต่ออยู่ด้านหลัง) “
จนท.: " How many?”
ตอนนี้เราเริ่มจะgetและว่า how manyอะไร เลยบอกเค้าไปว่า " Oh You mean ,how many people in my group?”
จนท.: " yes how many “
เรา: “ 5 , me ,my brother and 3 sisters. one is here.(ชี้ไปที่น้องข้างหลัง )and the other two are already out there.(ชี้ไปที่น้องสองคนที่รออยู่ข้างนอก)” แฟนไม่รู้ไปอยู่ไหนเพราะเคาเตอร์ต่างชาติกับพาสปอร์ตญี่ปุ่นอยู่คนละที่กัน
เคาเตอร์ข้างๆที่ทำพาสปอร์ตให้น้องชายเราก็หยุดชะงักไปไม่กล้าปล่อยผ่านพอเห็นว่าเป็นพี่น้องกับเรา คือเราดูมีปัญหาอะ T T
แล้วจนท.หัวฟูก็เขียนๆอะไรไม่รู้ แล้วอยู่ๆก็พูดแบบไม่สบตาว่า “ ticket “
พูดแค่นี้ (ไม่รู้ว่าจนท.ไม่ได้เรียนการสร้างประโยคหรืออย่างไร) เราก็เดาเอาว่าเค้าน่าจะขอดู e-ticketของเรา แต่มันอยู่ในกระเป๋าแฟนเราเลยมองหาแฟน แต่ไม่ทันได้ตาม แฟนเราก็เดินมาพอดีเพราะมันคงนานผิดปกติอะแหละ
พอแฟนเรามาเท่านั้นแหละ จนท.คนนั้นหน้าจ๋อยไปเลย แฟนเราก็คุยกับเค้าอยู่สักพัก อยู่ๆแฟนเราก็โมโหใหญ่เลย เถียงกันอีกสักพัก ก็ได้ออกมาหมดที่เหลือทั้ง 3 คน
พอออกมาได้แล้วแฟนเราบอกว่า จนท.หัวฟูพูดจากวนตีมมาก บอกว่าจะส่งเราไปอีกห้อง (เขียนใบรายงานเสร็จแล้วด้วย) ถ้าโดนไปห้องนั้นมีหวังโดนส่งกลับไทย แล้วก็บอกว่าเรากับน้องพูดไม่รู้เรื่อง (คือน้องเราก็เก่งอังกฤษอยู่นะ) เค้าเลยสงสัยว่าเราจะพาครอบครัวมาทำงาน แฟนเราโกรธมาก เพราะเราก็มาญี่ปุ่นหลายครั้งวีซ่าก็ยังแปะอยู่ในพาสปอร์ต วีซ่าก็ไม่ได้ขอที่ไทยแต่ขอที่edinburgh( เราเรียนอยู่newcastleเลยไปขอที่สก็อดแลนด์ใกล้ๆ ) คนที่พูดไม่รู้เรื่องจะไปขอวีซ่าที่ต่างประเทศผ่านมาได้หรอ แล้วเราก็พาเด็กอายุ13 14 มาด้วย อีกสองคนก็ออกไปได้แล้ว จะมาทำงานได้อย่างไร จนท.บอกว่าเดี๋ยวให้ผ่านก็ได้ถ้าแฟนเราเขียนจดหมายรับรอง ให้ออกไปรอก่อนด้านหลังก่อน
ก็รอๆอยู่ประมาณ 20 นาที ก็เห็นว่านานเกิน เลยเดินไปถามปรากฎบอกว่า เค้าไม่ได้บอกให้รอเลย แฟนเราได้ยินก็โมโหมาก เหมือนโดนแกล้ง วีนเสียงดังเลย แฟนเราไม่พอใจสุดๆ เลยขอจดชื่อไว้ร้องเรียน จนท.คนนั้นหน้าถอดสีเลย แฟนเราดูเรียบร้อยๆแต่เวลาโกรธนี่เอาจริงมาก
แฟนเราก็ไปร้องเรียน ส่วนเรามารอเอากระเป๋าและไปซื้อตั๋วรถบัส แฟนเรามาเล่าให้ฟังว่าหัวหน้าเค้าก็ขอโทษใหญ่ บอกว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกและจะต่อว่าตนของเค้า แฟนเราได้รับคำขอโทษเค้าก็หายโกรธ เค้าบอกว่าจนท.คนนั้นคงโดนหนักเพราะหัวหน้าแก่ๆต้องมาขอโทษเด็กหนุ่มๆอย่างเค้า(แฟนเราอายุ24) นึกภาพแล้วเราก็สงสารว่าทำเกินไปรึเปล่า แต่แฟนเราบอกว่าถ้าไม่ไปร้องเรียนก็จะทำผิดอีก ถ้ามีคนอื่นชาติอื่นต้องมากโดนแบบนี้เค้าบอกว่าเค้าจะอายมากถ้าต้องถูกชาติอื่นต่อว่า
ตอนแรกๆเรานึกว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้แต่มีต่อค่ะ
เกือบโดนตม.ญี่ปุ่นส่งกลับ ไม่พอ ตม.ดันลงตราวีซ่าให้ผิดเกือบโดนติดblacklist ห้ามเข้าญี่ปุ่น ใครจะไปญี่ปุ่นต้องอ่าน
จริงๆกลับมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อวันที่31ตุลาค่ะ แต่พอดีเพิ่งมีเวลาว่างเลยเพิ่งได้มาตั้งกระทู้
หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นนะคะ
เล่าเลยละกันนะ
เรามีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ เลยเข้าออกญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆตั้งแต่ที่ยังต้องขอวีซ่ากันอยู่ แต่ก่อนมีจม.รับรองจากมหาลัยเลยขอวีซ่าค่อนข้างง่าย พอเรียนจบแล้วก็ให้แฟนเขียนจม.เชิญให้เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ไปมาหลายครั้งมากค่ะ
ปีนี้เพิ่งมีกฎยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่นสำหรับคนไทยออกมา เลยถือโอกาสพาน้องๆไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยทริปนี้ไปกันทั้งหมด6คน เรา1คน แฟนคนญี่ปุ่น 1 คน ( ก่อนหน้านี้เค้ามีธุระที่ไทยพอดีเลยได้กลับไปพร้อมกัน) แล้วก็น้องทั้งหมด4คน น้องชายอายุ18 1 คน น้องสาว 3 คน อายุ19, 14 และ 13 ทุกคนเป็นน้องแท้ๆ นามสกุลเดียวกันหมดค่ะ เราก็คิดว่าทุกคนน่าจะผ่านตม.ได้อย่างไม่น่ามีปัญหา เพราะน้องทุกคนเป็นนักเรียนหมด ส่วนตัวเราก็ไปญีปุ่นหลายครั้ง ยังมีวีซ่าเก่าแปะอยู่บ้าง ไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่ปรากฎว่าพอไปถึงไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ หรือว่าเราโชคร้ายก็ไม่รู้ ไปเจอจนท.เคาเตอร์นั้นพอดี
ตอนที่เราไปถึงตม.พอดีกว่ามีคนต่อคิวเยอะมากกก เรากับน้องๆเลยกระจัดกระจายกันไปคนละแถว แฟนเราแยกไปโซนของพาสปอร์ตญี่ปุ่น ตอนที่ใกล้ถึงคิวของเรา เราเห็นว่าน้องคนที่อายุ 18กับ 14 ได้ออกไปแล้ว เหลือน้องอายุ13 ที่ตอนนี้ไปถึงเคาเตอร์แล้ว มีเราเป็นคิวต่อไป แล้วก็น้องชายอายุ18ต่อคิวอยู่แถวข้างๆ
เราก็รอแบบชิวมาก ในใจก็คิดว่าญี่ปุ่นดีเนอะไม่เคร่งเรื่องทรงผม เพราะเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ที่เรารออยู่ผมหยิกหัวฟูมาก หน้าเด็กๆซื่อๆ ยืนรอๆไปสักพัก เราก็เห็นเจ้าหน้าที่คุยกับน้องเราอะไรบางอย่างเราไม่ค่อยได้ยิน แล้วก็ไล่น้องเราไป น้องเราก็งง แล้วก็ไปต่อแถวใหม่ ก็คือหลังเรา ( คือจะมีอีกแถวยาวเหยียดอยู่ด้านหลังอีก แต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยเรียกแบ่งคนมาต่อแถวสั้นๆด้านหน้าเคาเตอร์ทีละ2-3คน) เราก็ไม่ทันได้ถามน้องว่าเกิดไรขึ้นเพราะเราเป็นคิวถัดไปพอดี เลยถามเจ้าหน้าที่คนนั้นที่ไล่น้องเราไปว่า "what's happened?, she's my sister" ที่พูดอังกฤษเพราะเรากลัวจะสื่อสารผิดพลาด เพราะเราพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยเก่ง คือแฟนเราพูดอังกฤษและไทยได้คล่อง ภาษาญี่ปุ่นเราเลยไม่ค่อยกระดิก แล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจนท. ที่สนามบินนาจะพูดอังกฤษได้แน่ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาไร สื่อสารกันเข้าใจดีทุกคน
คำตอบจากจนท. คนนั้นคือ "…...” ความเงียบ ? เราก็งงว่าทำไมไม่ตอบ เราเลยถามช้าๆอีกที ก็ไม่ตอบ เอาแต่ดูพาสปอตเราแล้วก็ชี้ที่ใบตม. ต้องช่องที่อยู่แล้วถามว่า " What? “ เราก็งงมาก ก็ตอบว่า "Address ?” อ่าวก็ที่อยู่ไง แล้วเค้าส่ายหน้าแล้วก็ถามอีกว่า “no, what” เราก็งงมากแบบ ไม่รู้ว่าอยากบอกว่าอะไร แล้วเค้าก็พูดภาษาญี่ปุ่นแบบโกรธๆ เราก็ฟังออกนิดหน่อย แล้วก็จำได้ว่าตม. บางทีก็ชอบมาถามว่าที่อยู่นี่เป็นของใคร เราก็เลยเดาได้ว่าเค้าคงอยากถามว่าที่อยู่นี่ของใคร เราเลยตอบว่าของเพื่อน แล้วเค้าก็เงียบๆไป
พลิกๆดูพาสปอร์ตแล้วก็เขียนๆอะไรสักพัก แล้วก็ถามว่า " how many?” เราก็งงhow many อะไร เลยถามย้อนไปว่า “how may days?” เข้าใจว่าเค้าอยากรู้ว่าเรามากี่วัน เค้าก็บอกว่า “no, How many.....” แล้วก็ทำไม้ทำมือชี้ที่โต๊ะหลายๆที เราทำหน้าก็งงอีก เค้าก็พูดว่า " group “ เราก็งงเข้าไปใหญ่ group อะไร จะไปรู้ได้ไงว่าflightนี้มากันกี่กรุ๊ป คุยกับจนท.คนนี้เรารู้สึกเหมือนทายปัญหาเชาว์เลยอะ ปวดหมองมาก
พอดีถึงคิวน้องชายเรา เคาเตอร์ข้างๆติดกันเลย น้องเราก็หันมาถามเราว่ายังไม่เสร็จอีกหรอ
จนท.หัวฟูได้ยินก็ชี้ที่เรากับน้องแล้วพูดว่า " family? “
เรา: " yes, we are family. He is my brother and this is my sister(ชี้ไปที่น้องสาวที่ต่ออยู่ด้านหลัง) “
จนท.: " How many?”
ตอนนี้เราเริ่มจะgetและว่า how manyอะไร เลยบอกเค้าไปว่า " Oh You mean ,how many people in my group?”
จนท.: " yes how many “
เรา: “ 5 , me ,my brother and 3 sisters. one is here.(ชี้ไปที่น้องข้างหลัง )and the other two are already out there.(ชี้ไปที่น้องสองคนที่รออยู่ข้างนอก)” แฟนไม่รู้ไปอยู่ไหนเพราะเคาเตอร์ต่างชาติกับพาสปอร์ตญี่ปุ่นอยู่คนละที่กัน
เคาเตอร์ข้างๆที่ทำพาสปอร์ตให้น้องชายเราก็หยุดชะงักไปไม่กล้าปล่อยผ่านพอเห็นว่าเป็นพี่น้องกับเรา คือเราดูมีปัญหาอะ T T
แล้วจนท.หัวฟูก็เขียนๆอะไรไม่รู้ แล้วอยู่ๆก็พูดแบบไม่สบตาว่า “ ticket “
พูดแค่นี้ (ไม่รู้ว่าจนท.ไม่ได้เรียนการสร้างประโยคหรืออย่างไร) เราก็เดาเอาว่าเค้าน่าจะขอดู e-ticketของเรา แต่มันอยู่ในกระเป๋าแฟนเราเลยมองหาแฟน แต่ไม่ทันได้ตาม แฟนเราก็เดินมาพอดีเพราะมันคงนานผิดปกติอะแหละ
พอแฟนเรามาเท่านั้นแหละ จนท.คนนั้นหน้าจ๋อยไปเลย แฟนเราก็คุยกับเค้าอยู่สักพัก อยู่ๆแฟนเราก็โมโหใหญ่เลย เถียงกันอีกสักพัก ก็ได้ออกมาหมดที่เหลือทั้ง 3 คน
พอออกมาได้แล้วแฟนเราบอกว่า จนท.หัวฟูพูดจากวนตีมมาก บอกว่าจะส่งเราไปอีกห้อง (เขียนใบรายงานเสร็จแล้วด้วย) ถ้าโดนไปห้องนั้นมีหวังโดนส่งกลับไทย แล้วก็บอกว่าเรากับน้องพูดไม่รู้เรื่อง (คือน้องเราก็เก่งอังกฤษอยู่นะ) เค้าเลยสงสัยว่าเราจะพาครอบครัวมาทำงาน แฟนเราโกรธมาก เพราะเราก็มาญี่ปุ่นหลายครั้งวีซ่าก็ยังแปะอยู่ในพาสปอร์ต วีซ่าก็ไม่ได้ขอที่ไทยแต่ขอที่edinburgh( เราเรียนอยู่newcastleเลยไปขอที่สก็อดแลนด์ใกล้ๆ ) คนที่พูดไม่รู้เรื่องจะไปขอวีซ่าที่ต่างประเทศผ่านมาได้หรอ แล้วเราก็พาเด็กอายุ13 14 มาด้วย อีกสองคนก็ออกไปได้แล้ว จะมาทำงานได้อย่างไร จนท.บอกว่าเดี๋ยวให้ผ่านก็ได้ถ้าแฟนเราเขียนจดหมายรับรอง ให้ออกไปรอก่อนด้านหลังก่อน
ก็รอๆอยู่ประมาณ 20 นาที ก็เห็นว่านานเกิน เลยเดินไปถามปรากฎบอกว่า เค้าไม่ได้บอกให้รอเลย แฟนเราได้ยินก็โมโหมาก เหมือนโดนแกล้ง วีนเสียงดังเลย แฟนเราไม่พอใจสุดๆ เลยขอจดชื่อไว้ร้องเรียน จนท.คนนั้นหน้าถอดสีเลย แฟนเราดูเรียบร้อยๆแต่เวลาโกรธนี่เอาจริงมาก
แฟนเราก็ไปร้องเรียน ส่วนเรามารอเอากระเป๋าและไปซื้อตั๋วรถบัส แฟนเรามาเล่าให้ฟังว่าหัวหน้าเค้าก็ขอโทษใหญ่ บอกว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกและจะต่อว่าตนของเค้า แฟนเราได้รับคำขอโทษเค้าก็หายโกรธ เค้าบอกว่าจนท.คนนั้นคงโดนหนักเพราะหัวหน้าแก่ๆต้องมาขอโทษเด็กหนุ่มๆอย่างเค้า(แฟนเราอายุ24) นึกภาพแล้วเราก็สงสารว่าทำเกินไปรึเปล่า แต่แฟนเราบอกว่าถ้าไม่ไปร้องเรียนก็จะทำผิดอีก ถ้ามีคนอื่นชาติอื่นต้องมากโดนแบบนี้เค้าบอกว่าเค้าจะอายมากถ้าต้องถูกชาติอื่นต่อว่า
ตอนแรกๆเรานึกว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้แต่มีต่อค่ะ