ณดาที่กำลังชื่นชมทิวทัศน์ยามเย็นก็ตื่นจากภวังค์ หันมามองชายหนุ่มที่มาอยู่ตรงนี้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอยิ้มรับ และยืนขึ้น
"ที่นี่สวยจริงๆด้วยคะ ถึงแม้จะเย็นแล้วก็ตาม"
"ครับ เรากลับกันเลยไหม" ศิลายิ้ม
และทั้งสองก็เดินไปที่จักรยาน ณดาตัดสินใจเดินจูงจักรยานแทนการปั่น เพราะเธอคงให้ศิลาซ้อนไม่ไหว ศิลาเองก็ปั่นจักรยานไม่เป็น ณดาจึงอาสาจะสอนให้ในเวลาต่อไป สุดท้ายทั้งคู่จึงต้องเดินกลับเหมือนเมื่อวาน ระหว่างทางทั้งคู่คุยกันเล็กน้อยเรื่องการทำงานของณดา เริ่มมีเสียงหัวเราะจากทั้งคู่ สายลมลายล้อมสองข้างทาง กลิ่นดอกไม้ใบหญ้า บรรยากาศจากธรรมชาติทำให้ทั้งคู่สนิทกันเร็วขึ้น ณดาสังเกตศิลาที่เคยคิดว่าเงียบขรึมและเย็นชาก็มีมุมที่ขบขันเหมือนกัน
ทั้งคู่เดินมาได้ระยะนึงก็สังเกตเห็นรถยนต์ คล้ายว่าน่าจะเป็นรถป้าแดง ตรงมาจอดที่ทั้งคู่
"เป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูณดา เหนื่อยไหม?"
"ไม่หรอกคะ ที่ร้านสนุกมากคะ" ณดายิ้ม
"จ๊ะ ป้าจะมาบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพิเศษ ที่นี่เรามีเทศกาลที่จัดทุกปี ร้านเราหยุดนะ งานจัดที่ลานกว้างใกล้ชายหาดตรงร้านอาหารของป้าอ่ะจ่ะ" ป้าแดงเชิญชวน
"อ่อค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"งั้นป้าไปก่อนนะ เจอกันที่ลานกว้างนะจ๊ะ บ๊ายบาย"
และป้าแดงก็ขับรถออกไป ณดายืนโบกมือและยิ้มให้จนรถแล่นออกไปลับตา ป้าแดงยังคงเป็นป้าที่ใจดีเช่นเคย
ทั้งคู่เดินต่อ สายตาจองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตก แสงจากพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆลับขอบฟ้าไป ก่อนจะถึงบ้านณดา ทั้งคู่คุยเรื่องเทศกาลกัน ศิลาเล่าว่า เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปี เป็นเทศกาลที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อฉลองกับการทำงานตลอดทั้งปี มีการละเล่นมากมายเป็นงานที่คลึ้นเครง ดูเป็นงานที่น่าสนุกสำหรับณดา แต่ณดากลับสังเกตน้ำเสียงของศิลาที่ดูไม่ค่อยสนุกเลย ถึงปากที่เล่าเรื่องเทศกาลจะมีรอยยิ้ม แต่นัยตาดูเศร้าพิกล แต่ณดาก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป...
ในสุดก็เดินมาถึงบ้านณดา ทั้งคู่บอกลา ณดายืนรออยู่หน้าบ้าน รอให้ศิลาเดินขึ้นไปตามทางต่อ มีจังหวะนึงที่ณดาเห็นแววตาของศิลา แววตาที่ไม่เหมือนกับเมื่อวันก่อน แววตานั้นเศร้ากว่าทุกครั้งที่เคยเห็น ขณะที่ศิลากำลังเดินจากไป ความรู้ของณดาเหมือนมันราวกับจะไม่ได้เจอกันอีก ใจเต้นตึกๆ
"เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ"
ศิลาหันมา ยิ้มให้ และเดินจากไป
วันรุ่งขึ้น ณดาตื่นขึ้นมาสัมผัสอากาศยามเช้าเช่นเคย "นี่ก็วันที่สามแล้วซินะ" เธอบอกกับตัวเองและยิ้มพร้อมกับบิดขี้เกียจ แม้วันนี้จะรู้สึกสดชื่นเช่นทุกวันรวมถึงมีงานเทศกาลรื่นเริง แต่ก็ยังนึกถึงภาพที่ศิลาดูเศร้าหมองในตอนเย็นเมื่อวานนี้ เธอตั้งใจว่าหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เธอจะปั่นจักรยานไปชวนศิลา เผื่อจะได้ไปด้วยกันและเธอจะได้ถามเหตุที่ทำให้ไม่สบายใจ
เมื่อณดาเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จ ก็จึงปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังจุดเดิมที่ศิลามักนั่งอยู่ประจำ ไม่รู้ทำไมใจเธอเต้นเเรง อาจเป็นเพราะไม่เคยชวนผู้ชายไปงานมาก่อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ปั่นไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานใจ ทำไมวันนี้เส้นทางมันไกลจัง
แล้วเธอก็ปั่นมาในบริเวณที่พอจะเห็นเก้าอี้ตัวเดิม แต่กลับไม่เห็นคนที่เคยนั่งมันอยู่ทุกวัน เธอจอดจักรยานเดินไปที่เก้าอี้ มองรอบๆบริเวณ ไม่มีใคร ไม่เห็นใครเลย มันคงเช้าไปรึเปล่าหรือคนๆนั้นไปร่วมงานเทศกาลแล้ว เธอตัดสินใจนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น ในใจคิดว่าทำไมวันนี้ถึงจะมีแสงเเดดอุ่นๆ แต่ไม่มีสายลมเหมือนเช่นเคยเลย
และเวลาก็ล่วงเลยพอสมควร เธอจึงคิดว่าคนๆนั้นคงไปร่วมงานแล้วล่ะ เรานี่โง่จัง รอมาตั้งนาน แล้วตัดสินใจตรงไปที่จักรยาน ปั่นออกไปในที่จัดงานเทศกาล ขณะที่ปั่นเธอก็หยุด หันมามองที่เก้าอี้ตัวเดิม... และปั่นต่อไปที่งาน
งานเทศกาลมีมหกรรมการละเล่นมากมาย ที่คนทั่วทั้งเมืองร่วมกันจัด ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน เป็นงานที่ทำให้ทุกคนได้พักผ่อนหลังจากทำงานหนักกันมาตลอดทั้งปี เสียงหัวเราะและแสงสี ทำให้บรรยากาศสนุกสนานคลื้นแครง ทุกคนมีความสุขกับงานฉลองวันนี้ หลังจากที่ณดาได้สัมผัสบรรยากาศภายในงาน ทักทายป้าแดงที่ยิ้มแย้มเช่นทุกวัน ก็เดินตามหาศิลา
ณดาพยามเดินหาศิลาเพราะคิดว่าน่าจะอยู่ในงานนี้ แต่แม้จะเดินจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบ เค้าคงไม่ได้มางานนี้หรอก เมื่อคิดได้ว่าคงหาไม่เจอ ก็เลยใช้เวลาสนุกกับการละเล่นภายในงานเลย ด้วยความเป็นคนที่คุยกับคนอื่นได้ง่าย ณดาจึงมีเพื่อนเล่นในงานอีกมากมาย
"หนูณดาจ๊ะ" มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ระหว่างที่ณดากำลังสังสรรค์กับเพื่อนใหม่
"คะ?" ณดาหันมาพร้อมกับขานรับ ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่ใช่ใครที่ไหน ป้านกที่เป็นแม่บ้านนี่เอง
"ป้ารู้ว่าหนูกำลังสนุก แต่ช่วยไปเอาผ้าสำหรับจัดแสดงซุ้มของตระกูลที่บ้านใหญ่หน่อยได้ไหมจ๊ะ" ป้านกแสดงความอ้อนวอน
"คนของป้าที่มาด้วยกัน กำลังเตรียมงานอยู่ เลยอยากให้หนูกลับไปกับป้าหน่อย" ป้านกส่งสายตาขอร้องเต็มที่ ณดาเองไม่อยากปฎิเสธ จึงตัดสินใจตกลงไปช่วยเธอ ป้านกดีใจมากกล่าวขอบคุณ จนณดาต้องเกรงใจ
และทั้งคู่ก็ออกไปงานขึ้นรถป้านกมุ่งสู่บ้านใหญ่ตามที่ป้านกบอก ตลอดทางป้านกเล่ารายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ที่ป้าเข้ามาทำงานที่นี่ครั้งแรก ป้านกบอกว่าตระกูลที่ป้าทำงานให้เป็นตระกูลที่เก่าแก่ และทุกครั้งที่มีงานเทศกาลประจำปี ทางบ้านนี้จะเป็นฝ่ายออกทุนสนับสนุนช่วยเหลืองานบางส่วน จัดซุ้มให้คนในหมู่บ้านสนุกกับการละเล่น แต่ตั้งแต่ที่นายหญิงท่านเสียไปก็ไม่ค่อยได้ออกมาสนุกกับคนในหมู่บ้านซักเท่าไหร่ คุณท่านเองก็ต้องออกไปราชการอยู่บ่อยครั้ง คุณหนูเองก็... ป้านกแสดงอาการโศกเศร้าเมื่อเล่ามาถึงจุดนี้ เหมือนน้ำตากำลังไหลออกมา หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบจนกระทั่งถึงบ้านใหญ่ สถานที่นี้ต้องเรียกคฤหาสน์หรือวังถึงจะเหมาะสมว่า เพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าคำว่า บ้านใหญ่ ที่ป้านกใช้เรียก ภายในเห็นได้ชัดว่าคงสร้างมานาน แต่ยังคงความคลาสิกและกลิ่นไอของความเก่าแก่ เมื่อณดาลงจากรถ สายลมหนึ่งก็ผ่านมา เป็นสายลมแรกตั้งแต่เช้าที่ผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกายณดา ที่นี่สงบและร่มเย็นเหลือเกิน
หลังจากที่ตกตะลึงกับสิ่งที่ประดับภายในบ้านแล้ว ณดาก็ช่วยป้านกเลือกผ้าที่จะนำไปใช้ที่ซุ้มในงานเทศกาล เมื่อเลือกผ้าที่คิดว่าดีที่สุดแล้วทั้งสองกับคนงานที่บ้านก็ช่วยกันเอาขึ้นรถ เมื่อภารกิจเสร็จ ป้านกต้องไปเอาของอีกอย่างหนึ่ง จึงขอให้ณดานั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน
ณดารอได้สักครู่ ก็ตัดสินใจเดินดูรอบๆห้อง ห้องรับแขกตกแต่งสวยงามประดับประดาไปด้วยเครื่องแก้ว ไม้ และโลหะ เธอเดินดูภาพบรรพบุรุษของคนตระกูลนี้จนถึงปัจจุบันและสะดุดกับภาพภาพหนึ่ง เธอหยิบขึ้นมาพิจารณา เป็นภาพชายหนุ่มที่เธอเดินตามหาภายในงานเทสกาล ศิลา ศิลาเป็นคนในตระกูลนี้หรือ? แสดงว่าเขาต้องอยู่ที่นี่แน่แท้
"นั่นเป็นรูปคุณหนูจ๊ะ" ป้านกบอกขณะที่ณดาดูภาพอยู่
"คุณหนูเป็นคนเงียบขรึมแต่จิตใจดีและเป็นคนรักต้นไม้ คอยช่วยเหลือชาวบ้าน แต่คุณหนูไม่ค่อยมีเพื่อน จึงชอบนั่งอยู่ที่สวนเป็นประจำ ตั้งแต่ที่นายหญิงท่านเสียไป คุณหนูก็ไม่ค่อยพูดเลยจะยิ้มเป็นส่วนมาก คุณท่านเองก็ต้องไปราชการไม่ค่อยได้อยู่บ้าน" ป้านกแสดงอาการเศร้า น้ำตาคลอ
"ตอนนี้คุณศิลาอยู่ที่ไหนหรอคะ" ณดาถาม
"คุณหนูหลับอยู่จ๊ะ หนูณดา..." ป้านกเริ่มน้ำตาไหล
"...ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะไปช่วยเด็กกลางถนนบริเวณใกล้โบสถ์อ่ะจ๊ะ คุณหนู...คุณหนูเป็นเจ้าชายนิทราหลับมาสามเดือนแล้วจ๊ะ คุณท่านเองก็เศร้ามาก ภรรยาท่านเสียเร็วเกินไป คุณหนูก็ยังเป็นเช่นนี้อีก... และหลังจากงานเทศกาลนี้ คุณท่านตัดสินใจให้คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจ ท่านอยากให้คุณหนูหลับให้สบาย... " ป้านกร่ำไห้ออกมาเสียงดัง แต่ณดาสะเทือนใจยิ่งกว่า ตัวเธอนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด เธอสับสน ไม่รู้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้อย่าง และไม่รู้ทำไมน้ำตาเธอคลอ
"ว่าแต่หนูณดารู้จักคุณหนูหรอจ๊ะ..."
"ช่วยพาไปหาคุณศิลาหน่อยได้ไหมคะ" ณดาเอ่ยก่อนที่ป้านกจะพูดจบ
ป้านกเดินเช็ดน้ำตาขณะเดินพาณดาไปห้องนอนศิลา ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องแพทย์ ณดาเดินตรงไปใกล้ๆ เธอเห็นศิลานอนอยู่พร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ เธอเอามือปิดปาก น้ำตาคลอ ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกนี้ ความรู้สึกเศร้า ป้านกตัดสินใจให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพึง เธอเดินออกไปพร้อมกับเช็ดน้ำตา
ศิลายังคงเหมือนเดิมเพียงแต่หลับไป ณดานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ตามองไปรอบหัวเตียง เธอสะดุดกับภาพภาพหนึ่ง เป็นเด็กน้อยชายหญิงยิ้มแป้นสองคน เธอจึงหยิบขึ้นมาพิจราณา เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอเอง และคนข้างๆคือศิลา เธอเคยมาที่นี่หรือ? เธอเคยมาเล่นกับศิลาเมื่อครั้งยังเล็กรึไง? ภาพในครั้งเก่าก่อนเกิดขึ้นในสมองของณดา เธอเคยมาที่นี่ก่อนจะกลับไปพร้อมกับพ่อแม่ซึ่งเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เธอต้องถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอปิดปากเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นดัง เธอวางรูปลง กุมมือศิลา เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะ และน้ำตาก็ไหลออกมา
ตึ๊ด... เสียงชีพจรดังขึ้น
ณดานั่งก้มหน้าประสานมือติดหน้าผาก เธอนึกย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน สามวันที่พบศิลานั่งที่เก้าอี้ใกล้โบสถ์ ได้เดินจูงจักรยานกลับไปด้วยกัน ย้อนไปถึงครั้งยังเคยวิ่งเล่นกันมาเมื่อวัยเด็ก ก่อนที่เธอจะจากไปกับพ่อแม่ แต่บัดนี้ก็ใกล้ที่จะจากกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ศิลาจะเป็นฝ่ายต้องจากไป และจะไม่มีวันได้กลับมาเจอกันอีก
"อย่าไปไหนอีกเลยได้ไหม" ณดาพูดทั้งน้ำตา
"ชะ...ช่วยสอนผมปั่นจักรยานหน่อยจะได้ไหมครับ..."
ณดาเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน แม้จะทั้งสองแก้มจะอาบไปด้วยน้ำตา แต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าอีกต่อไป มันคือน้ำตาแห่งความสุข ทำให้นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเด็ก ตอนที่ทั้งสองใกล้จะจากกัน เธอเคยพูดกับศิลาว่า
"ฉันจะกลับมาอีก...แน่นอน"
จบบริบูรณ์
ปาฏิหาริย์รัก จากสายลม ตอนที่ 3/3
"ที่นี่สวยจริงๆด้วยคะ ถึงแม้จะเย็นแล้วก็ตาม"
"ครับ เรากลับกันเลยไหม" ศิลายิ้ม
และทั้งสองก็เดินไปที่จักรยาน ณดาตัดสินใจเดินจูงจักรยานแทนการปั่น เพราะเธอคงให้ศิลาซ้อนไม่ไหว ศิลาเองก็ปั่นจักรยานไม่เป็น ณดาจึงอาสาจะสอนให้ในเวลาต่อไป สุดท้ายทั้งคู่จึงต้องเดินกลับเหมือนเมื่อวาน ระหว่างทางทั้งคู่คุยกันเล็กน้อยเรื่องการทำงานของณดา เริ่มมีเสียงหัวเราะจากทั้งคู่ สายลมลายล้อมสองข้างทาง กลิ่นดอกไม้ใบหญ้า บรรยากาศจากธรรมชาติทำให้ทั้งคู่สนิทกันเร็วขึ้น ณดาสังเกตศิลาที่เคยคิดว่าเงียบขรึมและเย็นชาก็มีมุมที่ขบขันเหมือนกัน
ทั้งคู่เดินมาได้ระยะนึงก็สังเกตเห็นรถยนต์ คล้ายว่าน่าจะเป็นรถป้าแดง ตรงมาจอดที่ทั้งคู่
"เป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูณดา เหนื่อยไหม?"
"ไม่หรอกคะ ที่ร้านสนุกมากคะ" ณดายิ้ม
"จ๊ะ ป้าจะมาบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพิเศษ ที่นี่เรามีเทศกาลที่จัดทุกปี ร้านเราหยุดนะ งานจัดที่ลานกว้างใกล้ชายหาดตรงร้านอาหารของป้าอ่ะจ่ะ" ป้าแดงเชิญชวน
"อ่อค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"งั้นป้าไปก่อนนะ เจอกันที่ลานกว้างนะจ๊ะ บ๊ายบาย"
และป้าแดงก็ขับรถออกไป ณดายืนโบกมือและยิ้มให้จนรถแล่นออกไปลับตา ป้าแดงยังคงเป็นป้าที่ใจดีเช่นเคย
ทั้งคู่เดินต่อ สายตาจองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตก แสงจากพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆลับขอบฟ้าไป ก่อนจะถึงบ้านณดา ทั้งคู่คุยเรื่องเทศกาลกัน ศิลาเล่าว่า เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปี เป็นเทศกาลที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อฉลองกับการทำงานตลอดทั้งปี มีการละเล่นมากมายเป็นงานที่คลึ้นเครง ดูเป็นงานที่น่าสนุกสำหรับณดา แต่ณดากลับสังเกตน้ำเสียงของศิลาที่ดูไม่ค่อยสนุกเลย ถึงปากที่เล่าเรื่องเทศกาลจะมีรอยยิ้ม แต่นัยตาดูเศร้าพิกล แต่ณดาก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป...
ในสุดก็เดินมาถึงบ้านณดา ทั้งคู่บอกลา ณดายืนรออยู่หน้าบ้าน รอให้ศิลาเดินขึ้นไปตามทางต่อ มีจังหวะนึงที่ณดาเห็นแววตาของศิลา แววตาที่ไม่เหมือนกับเมื่อวันก่อน แววตานั้นเศร้ากว่าทุกครั้งที่เคยเห็น ขณะที่ศิลากำลังเดินจากไป ความรู้ของณดาเหมือนมันราวกับจะไม่ได้เจอกันอีก ใจเต้นตึกๆ
"เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ"
ศิลาหันมา ยิ้มให้ และเดินจากไป
วันรุ่งขึ้น ณดาตื่นขึ้นมาสัมผัสอากาศยามเช้าเช่นเคย "นี่ก็วันที่สามแล้วซินะ" เธอบอกกับตัวเองและยิ้มพร้อมกับบิดขี้เกียจ แม้วันนี้จะรู้สึกสดชื่นเช่นทุกวันรวมถึงมีงานเทศกาลรื่นเริง แต่ก็ยังนึกถึงภาพที่ศิลาดูเศร้าหมองในตอนเย็นเมื่อวานนี้ เธอตั้งใจว่าหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เธอจะปั่นจักรยานไปชวนศิลา เผื่อจะได้ไปด้วยกันและเธอจะได้ถามเหตุที่ทำให้ไม่สบายใจ
เมื่อณดาเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จ ก็จึงปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังจุดเดิมที่ศิลามักนั่งอยู่ประจำ ไม่รู้ทำไมใจเธอเต้นเเรง อาจเป็นเพราะไม่เคยชวนผู้ชายไปงานมาก่อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ปั่นไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานใจ ทำไมวันนี้เส้นทางมันไกลจัง
แล้วเธอก็ปั่นมาในบริเวณที่พอจะเห็นเก้าอี้ตัวเดิม แต่กลับไม่เห็นคนที่เคยนั่งมันอยู่ทุกวัน เธอจอดจักรยานเดินไปที่เก้าอี้ มองรอบๆบริเวณ ไม่มีใคร ไม่เห็นใครเลย มันคงเช้าไปรึเปล่าหรือคนๆนั้นไปร่วมงานเทศกาลแล้ว เธอตัดสินใจนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น ในใจคิดว่าทำไมวันนี้ถึงจะมีแสงเเดดอุ่นๆ แต่ไม่มีสายลมเหมือนเช่นเคยเลย
และเวลาก็ล่วงเลยพอสมควร เธอจึงคิดว่าคนๆนั้นคงไปร่วมงานแล้วล่ะ เรานี่โง่จัง รอมาตั้งนาน แล้วตัดสินใจตรงไปที่จักรยาน ปั่นออกไปในที่จัดงานเทศกาล ขณะที่ปั่นเธอก็หยุด หันมามองที่เก้าอี้ตัวเดิม... และปั่นต่อไปที่งาน
งานเทศกาลมีมหกรรมการละเล่นมากมาย ที่คนทั่วทั้งเมืองร่วมกันจัด ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน เป็นงานที่ทำให้ทุกคนได้พักผ่อนหลังจากทำงานหนักกันมาตลอดทั้งปี เสียงหัวเราะและแสงสี ทำให้บรรยากาศสนุกสนานคลื้นแครง ทุกคนมีความสุขกับงานฉลองวันนี้ หลังจากที่ณดาได้สัมผัสบรรยากาศภายในงาน ทักทายป้าแดงที่ยิ้มแย้มเช่นทุกวัน ก็เดินตามหาศิลา
ณดาพยามเดินหาศิลาเพราะคิดว่าน่าจะอยู่ในงานนี้ แต่แม้จะเดินจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบ เค้าคงไม่ได้มางานนี้หรอก เมื่อคิดได้ว่าคงหาไม่เจอ ก็เลยใช้เวลาสนุกกับการละเล่นภายในงานเลย ด้วยความเป็นคนที่คุยกับคนอื่นได้ง่าย ณดาจึงมีเพื่อนเล่นในงานอีกมากมาย
"หนูณดาจ๊ะ" มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ระหว่างที่ณดากำลังสังสรรค์กับเพื่อนใหม่
"คะ?" ณดาหันมาพร้อมกับขานรับ ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่ใช่ใครที่ไหน ป้านกที่เป็นแม่บ้านนี่เอง
"ป้ารู้ว่าหนูกำลังสนุก แต่ช่วยไปเอาผ้าสำหรับจัดแสดงซุ้มของตระกูลที่บ้านใหญ่หน่อยได้ไหมจ๊ะ" ป้านกแสดงความอ้อนวอน
"คนของป้าที่มาด้วยกัน กำลังเตรียมงานอยู่ เลยอยากให้หนูกลับไปกับป้าหน่อย" ป้านกส่งสายตาขอร้องเต็มที่ ณดาเองไม่อยากปฎิเสธ จึงตัดสินใจตกลงไปช่วยเธอ ป้านกดีใจมากกล่าวขอบคุณ จนณดาต้องเกรงใจ
และทั้งคู่ก็ออกไปงานขึ้นรถป้านกมุ่งสู่บ้านใหญ่ตามที่ป้านกบอก ตลอดทางป้านกเล่ารายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ที่ป้าเข้ามาทำงานที่นี่ครั้งแรก ป้านกบอกว่าตระกูลที่ป้าทำงานให้เป็นตระกูลที่เก่าแก่ และทุกครั้งที่มีงานเทศกาลประจำปี ทางบ้านนี้จะเป็นฝ่ายออกทุนสนับสนุนช่วยเหลืองานบางส่วน จัดซุ้มให้คนในหมู่บ้านสนุกกับการละเล่น แต่ตั้งแต่ที่นายหญิงท่านเสียไปก็ไม่ค่อยได้ออกมาสนุกกับคนในหมู่บ้านซักเท่าไหร่ คุณท่านเองก็ต้องออกไปราชการอยู่บ่อยครั้ง คุณหนูเองก็... ป้านกแสดงอาการโศกเศร้าเมื่อเล่ามาถึงจุดนี้ เหมือนน้ำตากำลังไหลออกมา หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบจนกระทั่งถึงบ้านใหญ่ สถานที่นี้ต้องเรียกคฤหาสน์หรือวังถึงจะเหมาะสมว่า เพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าคำว่า บ้านใหญ่ ที่ป้านกใช้เรียก ภายในเห็นได้ชัดว่าคงสร้างมานาน แต่ยังคงความคลาสิกและกลิ่นไอของความเก่าแก่ เมื่อณดาลงจากรถ สายลมหนึ่งก็ผ่านมา เป็นสายลมแรกตั้งแต่เช้าที่ผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกายณดา ที่นี่สงบและร่มเย็นเหลือเกิน
หลังจากที่ตกตะลึงกับสิ่งที่ประดับภายในบ้านแล้ว ณดาก็ช่วยป้านกเลือกผ้าที่จะนำไปใช้ที่ซุ้มในงานเทศกาล เมื่อเลือกผ้าที่คิดว่าดีที่สุดแล้วทั้งสองกับคนงานที่บ้านก็ช่วยกันเอาขึ้นรถ เมื่อภารกิจเสร็จ ป้านกต้องไปเอาของอีกอย่างหนึ่ง จึงขอให้ณดานั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน
ณดารอได้สักครู่ ก็ตัดสินใจเดินดูรอบๆห้อง ห้องรับแขกตกแต่งสวยงามประดับประดาไปด้วยเครื่องแก้ว ไม้ และโลหะ เธอเดินดูภาพบรรพบุรุษของคนตระกูลนี้จนถึงปัจจุบันและสะดุดกับภาพภาพหนึ่ง เธอหยิบขึ้นมาพิจารณา เป็นภาพชายหนุ่มที่เธอเดินตามหาภายในงานเทสกาล ศิลา ศิลาเป็นคนในตระกูลนี้หรือ? แสดงว่าเขาต้องอยู่ที่นี่แน่แท้
"นั่นเป็นรูปคุณหนูจ๊ะ" ป้านกบอกขณะที่ณดาดูภาพอยู่
"คุณหนูเป็นคนเงียบขรึมแต่จิตใจดีและเป็นคนรักต้นไม้ คอยช่วยเหลือชาวบ้าน แต่คุณหนูไม่ค่อยมีเพื่อน จึงชอบนั่งอยู่ที่สวนเป็นประจำ ตั้งแต่ที่นายหญิงท่านเสียไป คุณหนูก็ไม่ค่อยพูดเลยจะยิ้มเป็นส่วนมาก คุณท่านเองก็ต้องไปราชการไม่ค่อยได้อยู่บ้าน" ป้านกแสดงอาการเศร้า น้ำตาคลอ
"ตอนนี้คุณศิลาอยู่ที่ไหนหรอคะ" ณดาถาม
"คุณหนูหลับอยู่จ๊ะ หนูณดา..." ป้านกเริ่มน้ำตาไหล
"...ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะไปช่วยเด็กกลางถนนบริเวณใกล้โบสถ์อ่ะจ๊ะ คุณหนู...คุณหนูเป็นเจ้าชายนิทราหลับมาสามเดือนแล้วจ๊ะ คุณท่านเองก็เศร้ามาก ภรรยาท่านเสียเร็วเกินไป คุณหนูก็ยังเป็นเช่นนี้อีก... และหลังจากงานเทศกาลนี้ คุณท่านตัดสินใจให้คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจ ท่านอยากให้คุณหนูหลับให้สบาย... " ป้านกร่ำไห้ออกมาเสียงดัง แต่ณดาสะเทือนใจยิ่งกว่า ตัวเธอนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด เธอสับสน ไม่รู้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้อย่าง และไม่รู้ทำไมน้ำตาเธอคลอ
"ว่าแต่หนูณดารู้จักคุณหนูหรอจ๊ะ..."
"ช่วยพาไปหาคุณศิลาหน่อยได้ไหมคะ" ณดาเอ่ยก่อนที่ป้านกจะพูดจบ
ป้านกเดินเช็ดน้ำตาขณะเดินพาณดาไปห้องนอนศิลา ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องแพทย์ ณดาเดินตรงไปใกล้ๆ เธอเห็นศิลานอนอยู่พร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ เธอเอามือปิดปาก น้ำตาคลอ ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกนี้ ความรู้สึกเศร้า ป้านกตัดสินใจให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพึง เธอเดินออกไปพร้อมกับเช็ดน้ำตา
ศิลายังคงเหมือนเดิมเพียงแต่หลับไป ณดานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ตามองไปรอบหัวเตียง เธอสะดุดกับภาพภาพหนึ่ง เป็นเด็กน้อยชายหญิงยิ้มแป้นสองคน เธอจึงหยิบขึ้นมาพิจราณา เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอเอง และคนข้างๆคือศิลา เธอเคยมาที่นี่หรือ? เธอเคยมาเล่นกับศิลาเมื่อครั้งยังเล็กรึไง? ภาพในครั้งเก่าก่อนเกิดขึ้นในสมองของณดา เธอเคยมาที่นี่ก่อนจะกลับไปพร้อมกับพ่อแม่ซึ่งเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เธอต้องถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอปิดปากเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นดัง เธอวางรูปลง กุมมือศิลา เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะ และน้ำตาก็ไหลออกมา
ตึ๊ด... เสียงชีพจรดังขึ้น
ณดานั่งก้มหน้าประสานมือติดหน้าผาก เธอนึกย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน สามวันที่พบศิลานั่งที่เก้าอี้ใกล้โบสถ์ ได้เดินจูงจักรยานกลับไปด้วยกัน ย้อนไปถึงครั้งยังเคยวิ่งเล่นกันมาเมื่อวัยเด็ก ก่อนที่เธอจะจากไปกับพ่อแม่ แต่บัดนี้ก็ใกล้ที่จะจากกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ศิลาจะเป็นฝ่ายต้องจากไป และจะไม่มีวันได้กลับมาเจอกันอีก
"อย่าไปไหนอีกเลยได้ไหม" ณดาพูดทั้งน้ำตา
"ชะ...ช่วยสอนผมปั่นจักรยานหน่อยจะได้ไหมครับ..."
ณดาเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน แม้จะทั้งสองแก้มจะอาบไปด้วยน้ำตา แต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าอีกต่อไป มันคือน้ำตาแห่งความสุข ทำให้นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเด็ก ตอนที่ทั้งสองใกล้จะจากกัน เธอเคยพูดกับศิลาว่า
"ฉันจะกลับมาอีก...แน่นอน"
จบบริบูรณ์