มีความรู้สึกว่า อยากแบ่งปันบางอย่างที่คิดเอาไว้ว่า น่าจะมีประโยชน์ สำหรับพวกเราทุกคนที่กำลังอยู่ในยุคของโลกออนไลน์เต็มรูปแบบ หรือ อาจจะเอาไว้เตือนตัวเองหรือ คนรอบข้างรวมไปถึง ผู้ปกครองที่กำลังมีบุตรหลาน อยู่ในวัยเด็ก ที่กำลังโต หรือ วัยรุ่นที่มีสิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วย โลกของ Social Media หลายแขนงทับถมเข้ามาทุกวันนี้ ....
ปฎิเสธไม่ได้ว่า โลกของเราทุกวันนี้ ขับเคลื่อนไปด้วยสื่อดิจิตอลมากมายและ เข้ามาแย่ง " พื้นที่เวลา" ของชีวิตมนุษย์เรามากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตจากเวลาไปไหนต่อไป เห็นคน " ก้มตา " เล่นเจ้า Smartphone , Tablet กันทั้งนั้น ในทุก ๆ สถานที่ พวกเรามีโลกส่วนตัวกับหน้าจอสี่เหลี่ยม จนแทบจะเรียกว่า "เสพติด" ไปแล้วมั้ง คงไม่เกินจริงหากจะพูดแบบนั้น ใช่ครับ ทุกคนเอาเวลาและมีหลายสิ่งอยู่ข้างในอุปกรณ์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเช็คอีเมล์งาน การส่งข้อความคุยกับเพื่อนผ่าน Line การเล่นเกมส์บนแทบเลต การติดต่อกับเพื่อน ๆทาง Facebook , การดูข่าวบน Youtube การอ่านดิจิตอลแมกกาซีน หรือเอาไว้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ก็ยังทำได้ มันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ นั้นแหละ .........
เมื่อก่อนผมพบว่า ยิ่งเราพึ่งพิง อุปกรณ์เหล่านี้มากเท่าไหร่ เรายิ่งห่างไกล ชีวิตจากความเป็นจริงมากขึ้นทุกที ความเป็นมนุษย์ในแบบดั้งเดิม สูญหายไปเรื่อย ๆ ผมกำลังหมายความว่า โลกออนไลน์ และชีวิตที่ติด Social media เริ่มกลืน วิถีชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เรา ขาดการออกกำลังกาย ขาดการอ่านหนังสือ ที่เป็นเล่มจริง ๆ รสชาติของความอร่อย จากการได้เปิดหนังสือ มันค่อย ๆ เลือนหาย เราค่อย ๆ ไม่อยากจะ สัมพันธ์กับผู้คนที่เป็นตัวตนจริง ๆ ขอเพียงแต่ ทักทาย พูดคุยและแชร์กันในโลกออนไลน์เท่านั้น คุยกันผ่าน ไลน์ ผ่าน Facebook เวลาไปไหนมาก็ต้องรีบถ่ายรูป เอามาแชร์ให้เพื่อน ๆ ดูกัน มันคงเป็นค่านิยม และคุณค่าที่แปรเปลี่ยนเป็น ดิจิตอลหมดแล้ว !! และที่สำคัญก็คือ ยิ่งเราติดโลก Social Media อย่าง Facebook เท่าไหร่ เรายิ่งเหงา และอิจฉามากขึ้น เมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข สนุกสนาน และแบ่งปันเรื่องราวมากมาย ในเรื่องดี ๆ ( เท่าที่เคยผ่านผลวิจัยตามข่าวนะครับ ซึ่งโดยส่วนตัว เห็นด้วย เพราะเคยเป็น )
และยิ่งเด็กรุ่นใหม่บางส่วน เริ่มหนีโลก Facebook ไปอยู่ Social media อื่น ๆ ที่ "
ผู้ปกครอง " ตามไม่ทัน เพื่อสร้างตัวตนให้ปกปิดตัวเองจากโลกออน์ เพื่อให้ไม่ให้ติดตามได้ นั้นหมายถึงอะไรครับ ??? ผมว่านี้คือ ตัวบ่งชี้ว่า เด็ก ๆ เริ่มคิดได้ว่า เริ่มไม่เป็นอิสระในการใช้ชีวิตบน Social media เดิม ๆ แล้วเพราะโดนตามติด หรือ สามารถโดนผู้ใหญ่หรือคนที่ทำงาน มองเห็นความเคลื่อนไหวได้ แม้จะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ก็ตาม แต่ระบบการเชื่อมโยงของ Facebook หรือแม้แต่ การโพส การแชร์อะไรก็ตามบน IG , Twitter มันสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายดาย กว่าเดิม และมองเห็น ตามติดกันได้ง่าย ๆ .....
ไม่เพียงแค่เด็กหรือ วัยรุ่นหรอกครับที่ติดโลกออนไลน์หลายรูปแบบ ผู้ใหญ่ก็เป็น !! และเผลอ ๆ หนักกว่าเด็กอีก เรื่องที่น่าเศร้าใจก็คือ ผู้ใหญ่ก็ใช้ช่องทางนี้แหละ หากินและหลอกลวง คนอื่นผ่านโลกออนไลน์ ทุกรูปแบบเพราะ คิดว่านี้คือ ช่องทางหาเหยื่อที่มีคนเข้ามาเยอะที่สุด ตัวอย่างเช่น ล่อลวงซื้อขายใบปริญญาทุกระดับบนโลก Social media มีทุกชั้นปี ทุกสถาบัน ที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆไม่นาน กลายเป็นประเด็นใหญ่ไป กรณีเด็กขาย เฟอร์บี้ ผู้ใหญ่ แล้วโกงเงินเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่โดนหลอกสูญเงินไปหลายแสนบาท ... หรืออย่างกรณี หนุ่มโคราชลวงเด็กหญิงไปล่วงละเมิดทางเพศผ่านทาง Facebook โดยการออกอุบายขอเป็นเพื่อนและขอเบอร์เพื่อนัดแนะเจอกัน พร้อมทั้งทำมิดีมิร้ายในเวลาต่อมา แล้วยังใช้กล้องวิดีโอ ถ่ายคลิปเพื่อข่มขู่ แบล็คเมล์เด็กที่ตกเป็นเหยื่ออีกต่างหาก หากฟ้องตำรวจหรือพ่อแม่ จะเอาคลิปประจาน ซึ่ง ลองไปหา Google อ่านรายละเอียดดูเอาได้ ว่ามีเยอะแค่ไหน ไม่อยากเล่ารายละเอียด
http://www.dailynews.co.th/Content/regional/22224/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1+18+%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2+13+%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99
รวมไปถึง เราเพิ่งจะได้เจอ ปรากฎการณ์ Viral Video บนสังคมไทยแบบแปลก ๆ ซัก 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ที่เราอาจะคุ้นชินกันมากขึ้นระยะหลัง ๆ เช่น คลิปหลุดดารา คลิปตบกันของนักเรียน คลิปเต้นโป๊เปลือยแปลก ๆ ของสาวประเภทสอง ประเภทสาม หรืออาจจะประเภท สี่ !!! ( อันนี้แซวเล่น ) ... จริง ๆ หากคลิปพวกนี้ เป็นสิ่งที่ดี เตือนภัย หรือ บอกข่าวสารก็คงดี แต่ส่วนใหญ่ คลิปที่จะขึ้น หน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์หัวสี ต้องเป็นคลิปที่แรง และโดนใจสังคมไทยเท่านั้น ซึ่งสื่อมวลชนก็พร้อมจะทำข่าว เพราะขายข่าวได้ดี และกลายเป็นว่าสื่ออื่น ๆ ก็เล่นด้วย เพราะ คนชอบบริโภค จนหลายบอกว่า สังคมไทยอยู่ยากขึ้น สำหรับผมเฉย ๆ นะ ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะแค่กวาดสายตาดู หัวข้อคลิปก็รู้แล้วว่า มันคืออะไร ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อสื่อหรอกครับ ... เสียเวลาอ่านหรือ เปิดดูเลย บางคลิปบอกตรง ๆ เพราะรู้สึก เสียเวลา วะ !!! หากคลิปไหนดังหน่อย เป็นคนดัง เช่น คลิปหลุดดาราสาว ปั้มป้าม กับ พระเอกใหม่ บนคอนโด จะขายดีหน่อย จะมีข่าวตามามาเยอะหน่อย มีบทสัมภาษณ์แก้ตัว มีบทวิเคราะห์เยอะแยะไปหมด ต้องมีรายการดัง ๆ ให้คนดังไปยืนเครียร์หน่อย ( จริง ๆ ทำไมไม่นั่งเครียร์ ไม่เข้าใจ ^^ ) สุดท้าย ลองนึกดูดี ๆว่า ใครกำลังเป็นเหยื่อครับ ... คนดูนี่แหละ เพราะเอาเวลาไปตามติด Content พวกนี้ เพื่ออะไร ได้อะไร ??? เสียเวลาครับ !!!!
ดูเหมือนเยอะไปไหมครับ ?? ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ ที่จะบอก็คือว่า สรุปแล้ว พวเราติดโลกออนไลน์มากเกินไป แล้วทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ในหลาย ๆ มิติครับที่จะบอก สายตาก็เสีย จ้องหน้าจอนาน ๆ ความสันพันธ์ระหว่างเพื่อน ๆ พ่อแม่ คนรอบตัวก็ห่างหายไป ลดน้อยลง แม้เราจะบอกว่า เราก็ติดต่อกันทาง ไลน์ ทาง ข้อความ เจอหน้ากันบนวิดิโอคอลล์ !! แต่เชื่อเถอะว่า อรรถรสของการ ติดต่อกันแบบปรกติ มันมีคุณค่ามากกว่าเยอะ เวลาคุณจะกอดใครสักคน คุณกอดผ่าน Facebook , Twitter , youtube ได้ไหม ??
แล้วยิ่ง โฆษณาขำขำ ที่บอกว่า
อยู่หน้าจอ จะรออะไรดื่ม ...เถอะ เพื่อสายตาที่ดี ในการรับมือกับการจ้องหน้าจอ ผมว่า เราเปลี่ยนเป็น ไม่ต้องดื่ม ได้ไหม แต่เอาเวลาไปลดเวลาจ้องหน้าจอ ไปจ้องคนที่เรารักแทนดีกว่าไหม ? สุขภาพสายตาจะได้ดีขึ้น ลำพัง จ้องคอมพิวเตอร์ ทำงานก็หนักพอแล้ว เราก็ลดเวลาเล่นน้อยลง ติดกับมันน้อยลง ไม่ดีกว่าหรือ ?? ไม่ต้องเสียเงินไปดื่ม .... ด้วยอะ !!
ผมเขียนเรื่องนี้ เพื่อเตือนใจ วัยรุ่น น้อง ๆ ในโลกยุคดิจิตอล หรือ ผู้ใช้งานทั่วไป รวมไปถึง พ่อแม่ผู้ปกครองยุคนี้ ให้ระมัดระวัง และเตือนลูกหลาน อย่าไปเอาชีวิตทั้งหมด ไปใส่เวลากับโลกออนไลน์เยอะเกินไป เยอะเกินไปคือเท่าไหร่ แต่ละคนจะต้องตอบได้ดีที่สุด เมื่อถึงจุดที่เราคิดว่า มันแย่งเวลาเราไปจากสิ่งอื่น ที่มีคุณค่ามากกว่า เมื่อนั้นเราก็รู้เองแหละว่า " มันเยอะเกินไปแล้ว ! " ลองหันมาปิดเครื่องแทบเลตบ้าง ปิดเสียงแจ้งเตือนอะไรต่อมิอะไร บนมือถือ เวลาไปพักร้อน ลองเอามือถือปิดเครื่องวันหยุดบ้าง หรือ เลิกงานกลับบ้าน ลองหยิบหนังสือดี ๆมาอ่านแทน เปิด Facebook วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลองไปหากิจกรรมช่วยเหลือสังคม ทำแทน นั่งดู ซีรียส์บน Youtube ทั้งวัน หรือออนไลน์คุยกับเพื่อน ตลอดเวลา มือไม่ห่างมือถือเลย อยากให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ลองเอาประเด็นที่ผมเขียน เปิดใจคุยกับลูก ๆ ดู ให้เค้าได้มีมุมมองใหม่ ๆ ลดเวลาออนไลน์ลง เพิ่มเวลาแห่งความอบอุ่นแทน ผมว่าชีวิตน่าจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่เอาเวลาไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ กับการตามติด Content ไร้สาระเยอะแยะ มากเกินไปบน Social Media
หากเนื้อหาที่ผมพยายามเสนอมีประโยชน์ ได้แง่คิด โปรดแชร์ต่อและ นำเสนอให้สังคมได้รับรู้ และมองให้ว่า เรากำลังตกเป็นทาสของ สื่อสมัยเยอะเกินไปแล้วหรือไม่ แล้วเราควรจะรู้เท่าทันตัวเอง ไม่ตกเป็นทาสของสื่อที่เสนอแต่ข่าวไร้สาระ คลิปบ้าบออะไรนั่นแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องดูทุกอย่าง ที่เป็นกระแสสังคมก็ได้ ไม่จำเป็น ! ไม่ต้องจำเป็นต้องกด Like ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ที่สังคมชื่นชม ชื่นชอบ ก็ได้ อยู่ในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น ......
ความจริงของโลกออนไลน์ ที่สะกิดไอเดียผู้ใช้งาน ... อย่าตกเป็นทาสของโลก Social media เยอะเกินไป
ปฎิเสธไม่ได้ว่า โลกของเราทุกวันนี้ ขับเคลื่อนไปด้วยสื่อดิจิตอลมากมายและ เข้ามาแย่ง " พื้นที่เวลา" ของชีวิตมนุษย์เรามากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตจากเวลาไปไหนต่อไป เห็นคน " ก้มตา " เล่นเจ้า Smartphone , Tablet กันทั้งนั้น ในทุก ๆ สถานที่ พวกเรามีโลกส่วนตัวกับหน้าจอสี่เหลี่ยม จนแทบจะเรียกว่า "เสพติด" ไปแล้วมั้ง คงไม่เกินจริงหากจะพูดแบบนั้น ใช่ครับ ทุกคนเอาเวลาและมีหลายสิ่งอยู่ข้างในอุปกรณ์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเช็คอีเมล์งาน การส่งข้อความคุยกับเพื่อนผ่าน Line การเล่นเกมส์บนแทบเลต การติดต่อกับเพื่อน ๆทาง Facebook , การดูข่าวบน Youtube การอ่านดิจิตอลแมกกาซีน หรือเอาไว้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ก็ยังทำได้ มันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ นั้นแหละ .........
เมื่อก่อนผมพบว่า ยิ่งเราพึ่งพิง อุปกรณ์เหล่านี้มากเท่าไหร่ เรายิ่งห่างไกล ชีวิตจากความเป็นจริงมากขึ้นทุกที ความเป็นมนุษย์ในแบบดั้งเดิม สูญหายไปเรื่อย ๆ ผมกำลังหมายความว่า โลกออนไลน์ และชีวิตที่ติด Social media เริ่มกลืน วิถีชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เรา ขาดการออกกำลังกาย ขาดการอ่านหนังสือ ที่เป็นเล่มจริง ๆ รสชาติของความอร่อย จากการได้เปิดหนังสือ มันค่อย ๆ เลือนหาย เราค่อย ๆ ไม่อยากจะ สัมพันธ์กับผู้คนที่เป็นตัวตนจริง ๆ ขอเพียงแต่ ทักทาย พูดคุยและแชร์กันในโลกออนไลน์เท่านั้น คุยกันผ่าน ไลน์ ผ่าน Facebook เวลาไปไหนมาก็ต้องรีบถ่ายรูป เอามาแชร์ให้เพื่อน ๆ ดูกัน มันคงเป็นค่านิยม และคุณค่าที่แปรเปลี่ยนเป็น ดิจิตอลหมดแล้ว !! และที่สำคัญก็คือ ยิ่งเราติดโลก Social Media อย่าง Facebook เท่าไหร่ เรายิ่งเหงา และอิจฉามากขึ้น เมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข สนุกสนาน และแบ่งปันเรื่องราวมากมาย ในเรื่องดี ๆ ( เท่าที่เคยผ่านผลวิจัยตามข่าวนะครับ ซึ่งโดยส่วนตัว เห็นด้วย เพราะเคยเป็น )
และยิ่งเด็กรุ่นใหม่บางส่วน เริ่มหนีโลก Facebook ไปอยู่ Social media อื่น ๆ ที่ " ผู้ปกครอง " ตามไม่ทัน เพื่อสร้างตัวตนให้ปกปิดตัวเองจากโลกออน์ เพื่อให้ไม่ให้ติดตามได้ นั้นหมายถึงอะไรครับ ??? ผมว่านี้คือ ตัวบ่งชี้ว่า เด็ก ๆ เริ่มคิดได้ว่า เริ่มไม่เป็นอิสระในการใช้ชีวิตบน Social media เดิม ๆ แล้วเพราะโดนตามติด หรือ สามารถโดนผู้ใหญ่หรือคนที่ทำงาน มองเห็นความเคลื่อนไหวได้ แม้จะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ก็ตาม แต่ระบบการเชื่อมโยงของ Facebook หรือแม้แต่ การโพส การแชร์อะไรก็ตามบน IG , Twitter มันสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายดาย กว่าเดิม และมองเห็น ตามติดกันได้ง่าย ๆ .....
ไม่เพียงแค่เด็กหรือ วัยรุ่นหรอกครับที่ติดโลกออนไลน์หลายรูปแบบ ผู้ใหญ่ก็เป็น !! และเผลอ ๆ หนักกว่าเด็กอีก เรื่องที่น่าเศร้าใจก็คือ ผู้ใหญ่ก็ใช้ช่องทางนี้แหละ หากินและหลอกลวง คนอื่นผ่านโลกออนไลน์ ทุกรูปแบบเพราะ คิดว่านี้คือ ช่องทางหาเหยื่อที่มีคนเข้ามาเยอะที่สุด ตัวอย่างเช่น ล่อลวงซื้อขายใบปริญญาทุกระดับบนโลก Social media มีทุกชั้นปี ทุกสถาบัน ที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆไม่นาน กลายเป็นประเด็นใหญ่ไป กรณีเด็กขาย เฟอร์บี้ ผู้ใหญ่ แล้วโกงเงินเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่โดนหลอกสูญเงินไปหลายแสนบาท ... หรืออย่างกรณี หนุ่มโคราชลวงเด็กหญิงไปล่วงละเมิดทางเพศผ่านทาง Facebook โดยการออกอุบายขอเป็นเพื่อนและขอเบอร์เพื่อนัดแนะเจอกัน พร้อมทั้งทำมิดีมิร้ายในเวลาต่อมา แล้วยังใช้กล้องวิดีโอ ถ่ายคลิปเพื่อข่มขู่ แบล็คเมล์เด็กที่ตกเป็นเหยื่ออีกต่างหาก หากฟ้องตำรวจหรือพ่อแม่ จะเอาคลิปประจาน ซึ่ง ลองไปหา Google อ่านรายละเอียดดูเอาได้ ว่ามีเยอะแค่ไหน ไม่อยากเล่ารายละเอียด
http://www.dailynews.co.th/Content/regional/22224/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1+18+%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2+13+%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99
รวมไปถึง เราเพิ่งจะได้เจอ ปรากฎการณ์ Viral Video บนสังคมไทยแบบแปลก ๆ ซัก 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ที่เราอาจะคุ้นชินกันมากขึ้นระยะหลัง ๆ เช่น คลิปหลุดดารา คลิปตบกันของนักเรียน คลิปเต้นโป๊เปลือยแปลก ๆ ของสาวประเภทสอง ประเภทสาม หรืออาจจะประเภท สี่ !!! ( อันนี้แซวเล่น ) ... จริง ๆ หากคลิปพวกนี้ เป็นสิ่งที่ดี เตือนภัย หรือ บอกข่าวสารก็คงดี แต่ส่วนใหญ่ คลิปที่จะขึ้น หน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์หัวสี ต้องเป็นคลิปที่แรง และโดนใจสังคมไทยเท่านั้น ซึ่งสื่อมวลชนก็พร้อมจะทำข่าว เพราะขายข่าวได้ดี และกลายเป็นว่าสื่ออื่น ๆ ก็เล่นด้วย เพราะ คนชอบบริโภค จนหลายบอกว่า สังคมไทยอยู่ยากขึ้น สำหรับผมเฉย ๆ นะ ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะแค่กวาดสายตาดู หัวข้อคลิปก็รู้แล้วว่า มันคืออะไร ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อสื่อหรอกครับ ... เสียเวลาอ่านหรือ เปิดดูเลย บางคลิปบอกตรง ๆ เพราะรู้สึก เสียเวลา วะ !!! หากคลิปไหนดังหน่อย เป็นคนดัง เช่น คลิปหลุดดาราสาว ปั้มป้าม กับ พระเอกใหม่ บนคอนโด จะขายดีหน่อย จะมีข่าวตามามาเยอะหน่อย มีบทสัมภาษณ์แก้ตัว มีบทวิเคราะห์เยอะแยะไปหมด ต้องมีรายการดัง ๆ ให้คนดังไปยืนเครียร์หน่อย ( จริง ๆ ทำไมไม่นั่งเครียร์ ไม่เข้าใจ ^^ ) สุดท้าย ลองนึกดูดี ๆว่า ใครกำลังเป็นเหยื่อครับ ... คนดูนี่แหละ เพราะเอาเวลาไปตามติด Content พวกนี้ เพื่ออะไร ได้อะไร ??? เสียเวลาครับ !!!!
ดูเหมือนเยอะไปไหมครับ ?? ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ ที่จะบอก็คือว่า สรุปแล้ว พวเราติดโลกออนไลน์มากเกินไป แล้วทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ในหลาย ๆ มิติครับที่จะบอก สายตาก็เสีย จ้องหน้าจอนาน ๆ ความสันพันธ์ระหว่างเพื่อน ๆ พ่อแม่ คนรอบตัวก็ห่างหายไป ลดน้อยลง แม้เราจะบอกว่า เราก็ติดต่อกันทาง ไลน์ ทาง ข้อความ เจอหน้ากันบนวิดิโอคอลล์ !! แต่เชื่อเถอะว่า อรรถรสของการ ติดต่อกันแบบปรกติ มันมีคุณค่ามากกว่าเยอะ เวลาคุณจะกอดใครสักคน คุณกอดผ่าน Facebook , Twitter , youtube ได้ไหม ??
แล้วยิ่ง โฆษณาขำขำ ที่บอกว่า อยู่หน้าจอ จะรออะไรดื่ม ...เถอะ เพื่อสายตาที่ดี ในการรับมือกับการจ้องหน้าจอ ผมว่า เราเปลี่ยนเป็น ไม่ต้องดื่ม ได้ไหม แต่เอาเวลาไปลดเวลาจ้องหน้าจอ ไปจ้องคนที่เรารักแทนดีกว่าไหม ? สุขภาพสายตาจะได้ดีขึ้น ลำพัง จ้องคอมพิวเตอร์ ทำงานก็หนักพอแล้ว เราก็ลดเวลาเล่นน้อยลง ติดกับมันน้อยลง ไม่ดีกว่าหรือ ?? ไม่ต้องเสียเงินไปดื่ม .... ด้วยอะ !!
ผมเขียนเรื่องนี้ เพื่อเตือนใจ วัยรุ่น น้อง ๆ ในโลกยุคดิจิตอล หรือ ผู้ใช้งานทั่วไป รวมไปถึง พ่อแม่ผู้ปกครองยุคนี้ ให้ระมัดระวัง และเตือนลูกหลาน อย่าไปเอาชีวิตทั้งหมด ไปใส่เวลากับโลกออนไลน์เยอะเกินไป เยอะเกินไปคือเท่าไหร่ แต่ละคนจะต้องตอบได้ดีที่สุด เมื่อถึงจุดที่เราคิดว่า มันแย่งเวลาเราไปจากสิ่งอื่น ที่มีคุณค่ามากกว่า เมื่อนั้นเราก็รู้เองแหละว่า " มันเยอะเกินไปแล้ว ! " ลองหันมาปิดเครื่องแทบเลตบ้าง ปิดเสียงแจ้งเตือนอะไรต่อมิอะไร บนมือถือ เวลาไปพักร้อน ลองเอามือถือปิดเครื่องวันหยุดบ้าง หรือ เลิกงานกลับบ้าน ลองหยิบหนังสือดี ๆมาอ่านแทน เปิด Facebook วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลองไปหากิจกรรมช่วยเหลือสังคม ทำแทน นั่งดู ซีรียส์บน Youtube ทั้งวัน หรือออนไลน์คุยกับเพื่อน ตลอดเวลา มือไม่ห่างมือถือเลย อยากให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ลองเอาประเด็นที่ผมเขียน เปิดใจคุยกับลูก ๆ ดู ให้เค้าได้มีมุมมองใหม่ ๆ ลดเวลาออนไลน์ลง เพิ่มเวลาแห่งความอบอุ่นแทน ผมว่าชีวิตน่าจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่เอาเวลาไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ กับการตามติด Content ไร้สาระเยอะแยะ มากเกินไปบน Social Media
หากเนื้อหาที่ผมพยายามเสนอมีประโยชน์ ได้แง่คิด โปรดแชร์ต่อและ นำเสนอให้สังคมได้รับรู้ และมองให้ว่า เรากำลังตกเป็นทาสของ สื่อสมัยเยอะเกินไปแล้วหรือไม่ แล้วเราควรจะรู้เท่าทันตัวเอง ไม่ตกเป็นทาสของสื่อที่เสนอแต่ข่าวไร้สาระ คลิปบ้าบออะไรนั่นแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องดูทุกอย่าง ที่เป็นกระแสสังคมก็ได้ ไม่จำเป็น ! ไม่ต้องจำเป็นต้องกด Like ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ที่สังคมชื่นชม ชื่นชอบ ก็ได้ อยู่ในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น ......