' ประเวศ วะสี ' ชี้ ทางออก วิกฤตศรัทธา 'ธรรมกาย' ตอนที่ 2 หลักในการดูพุทธแท้

มติชนรายวัน: มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปฏิบัติและหลักคำสอนของวัดพระธรรมกายในขณะนี้ ไม่ใช่เป็นไปตามแนวทางของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

น.พ. ประเวศ วสี : ประเด็นคือจะใช่พุทธหรือไม่ใช่พุทธ ชาวพุทธต้องมีหลักในการดู ถ้าไม่มีหลักในการดูจะถูกหลอกจากคนต่างๆ รวมกระทั่งถูกพระหลอกด้วย การดูในเรื่องนี้ที่สำคัญที่สุดในทางพุทธศาสนา การบรรลุธรรมจะเกิดจากปัญญาไม่ใช่เกิดจากสมาธิ คือต้องย้อนกลับมาเล่าให้ฟังว่า

ในก่อนครั้งพุทธกาล คือมีพวกฤๅษีที่สมาธิมีเยอะมาก ทำแล้วมีฌาณเห็นโน่นเห็นนี่เยอะแยะไปหมดเลย แล้วพระพุทธเจ้าไปหาอุทกดาบสและอาฬารดาบส ที่เราเรียนกันมาแล้วไปฝึกสมาธิจนได้ฌาณสมาบัติชั้นสูงมาก แล้วอาจารย์ก็เชิญให้เป็นอาจารย์ต่อ แต่ท่านไม่เอา ท่านบอกว่าไม่ใช่วิถีทางของท่าน ปลีกตัวไปแล้วค้นพบธรรมทางปัญญา

ปัญญาเป็นตัวนำให้หลุดพ้นหรือว่าบรรลุ ศาสนาไม่ใช่สมาธิ ทีนี้ถ้าถ้าใครลัทธิไหนไปเอาสมาธิเป็นเรื่องหลุดพ้นอันนั้นไม่ใช่พุทธ ซึ่งมีอยู่ก่อนพุทธกาลแล้ว

เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่เยอะ ทีนี้คนจะไม่เข้าใจประเด็นนี้ ก็มีสำนักสมาธิเยอะมาก ทั้งที่เรียกว่าพุทธ ไม่ใช่พุทธ เยอะแยะไปหมดเลย ต้องเข้าใจตรงนี้ว่าการได้สมาธิทำสมาธินี้ว่ามีทั้งประโยชน์และโทษ

ประโยชน์คือ มันทำให้เกิดความสุข ทีนี้ความสุขมันมีสารที่เรียกว่า เอ็นดอฟีน คล้ายมอร์ฟีนในตัวมันจึงเกิดความสุขแล้วมันก็จะติดเหมือนคนติดมอร์ฟีนในการทำสมาธิแล้วมันจะติดจะเป็นความสุขที่เกิด ทีนี้คนก็ไม่ค่อยมีความสุขทั่วไป ถ้าไปทำสมาธิแล้วเกิดความสุขแล้วจะติดใจ

ซึ่งก็มีประโยชน์ส่วนหนึ่ง คือทำให้มีความสุขความสงบ แต่ว่ามีโทษที่ไม่เข้าใจ ถ้าอาจารย์ที่สอนที่เป็นโทษ คือในอาจารย์ที่ขี้เกียจเพราะเก็บกดจะขี้เกียจ เวลาจะทำอะไรทำให้เกิดความประหม่าไม่ตื่นตัวไม่ขยัน มีโทษได้

ทำให้หลง เพราะว่าในการทำสมาธิจะนิมิตที่เขาเรียกว่านิมิต คือเห็นโน่นเห็นนี่แล้วฝันไป เขาเรียกว่าสุจินิมิตฝัน แต่มันไม่ใช่ความจริงในสมาธิมันก็จะเกิด เขาเรียกว่าสมาธินิมิต ก็จะเห็นโน่นเห็นนี่แล้วแต่ แล้วอาจจะมีการชักจูงให้เห็นตะวัน ทำนองคล้ายๆสะกดจิตในขณะที่ทำสมาธิแล้วคนมีอาจารย์นำให้เห็นต่างๆแล้วมันจะหลงไปได้เพราะไปเอานิมิต มันไม่ใช่ความจริงแล้วก็หลงไปได้เพราะเอานิมิตและฟั่นเฟือนไปได้

เนื่องจากสมาธิไม่ได้เกิดจากปัญญา ไม่ได้หลุดพ้นจากกิเลส แต่ว่ามันพึ่งหลุดพ้นจากกิเลส มันมีตัวอย่างเยอะมาก คนที่เล่นสมาธินึกว่าตัวเองบรรลธรรมเกิดความสงบ สบาย นึกว่าบรรลุธรรมแต่ที่จริงไม่ได้บรรลุ กิเลสยังมีและก็นำไปสู่การเสียหาย

ครั้งพุทธกาลมีพระ 20 รูป ทำสมาธิกันอยู่แล้วเกิดความเบาสบาย นึกว่าบรรลุธรรมจะขอมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านว่ายังไม่ต้อง ท่านบอกให้ไปแวะป่าช้าเสียก่อนและก็แวะไปเจอศพผู้หญิงสวย ก็เกิดซู่ซ่ากันทุกรูป ก็รู้ว่าตัวเองไม่บรรลุธรรม ทั้งที่คิดว่าบรรลุธรรม จริงๆนั้นความที่ไม่บรรลุธรรมก็จะเอาสมาธิไปใช้นำหน้าในเรื่องต่างๆ

แบบรัสปูตินในรัสเซีย ก็ใช้สมาธิในการรักษาโรคเลือดออก แปลว่าใช้อิทธิพลตัวนี้ไปแสวงหาอำนาจ ทำราชสำนักเขาวุ่นวายไปหมด ในข้อนี้ต้องระวังโดยเฉพาะการเริ่มฝึกสมาธิจะเข้าไปสู่เรื่องปาฏิหาริย์ เพราะในสมาธิมีปาฏิหาริย์ได้

แต่พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าไปเล่นเรื่องปาฏิหาริย์ทำให้หลงไปได้ ต้องไปดูเรื่องปัญญาจะได้หลุดพ้นตรงนี้ ถ้าไม่เข้าใจจะหลงไปแล้วเอาไปสร้างอำนาจ อำนาจนี้คือพรรคพวกเยอะ สะสมพรรคพวกและสะสมเงิน ซึ่งเงินมันก็จะนำหน้า มันตรงกันข้ามกับทางพุทธ

เพราะฉะนั้น วิธีดูต้องดูว่าเขาสอนยังไง บอกหลักสำคัญยังไง ไอ้ตัวนี้ตัวทฤษฎีที่บอกว่าเป็นอะไรสมาธิ เป็นเรื่องบรรลุธรรม และปัญญาที่เขาเอามาดูกันว่าใช่พุทธหรือไม่ใช่ ถ้าเอาสมาธิอาย่างเดียว เอาในนิมิต เอาในอะไรก็สอนกันไปก็มีคนสอนเยอะแยะ


--------

อ้างอิง (ท่านสามารถอ่านทั้งหมดได้)

นสพ.มติชน ฉบับวันพุธ ที่ 9 ธันวาคม 2541

http://b2b2.tripod.com/mati/mnews19981209.htm

-----------

จบตอนที่ 2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่