คือว่าตอนนี้ผมกำลังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยครับ อยากขอความเห็นเพื่อนๆ และก็อยากระบาย + บ่นไปในตัวด้วยครับ
บ้านผมอยู่บางบัวทอง เป็นบ้านสวนที่ลึกมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่มีรถก็ลำบากพอสมควร แต่ก็เป็นบ้านที่โตมาตั้งแต่เด็กๆ
และที่บ้านก็ทำธุรกิจเป็นกงสีครับ ทีนี้พอพี่ชายคนโตผมเข้ามาทำกงสีเต็มตัว เราก็ย้ายโรงงานไปอยู่ที่สมุทรปราการ (ใกล้ๆกับแบริ่ง) เพราะว่ามีที่อยู่ที่นั่น และพี่ชายผมก็มีครอบครัวและซื้อบ้านอยู่ใกล้โรงงานครับ ตอนนี้พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ทำงานแล้ว อยู่บ้านเฉยๆ
ผมเองไม่ได้คุมโรงงานเต็มตัว แต่จะคุมออฟฟิศของกงสี ซึ่งออฟฟิศอยู่แถวบางซื่อเลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไปกลับเท่าไหร่ครับ
แต่ว่าตอนนี้พี่สาวผมซึ่งคุมโรงงานช่วยพี่ชาย ไปเรียนต่อเมืองนอก งานที่โรงงานก็เยอะมากและพี่ชายผมทำคนเดียวไม่ไหว ผมจึงต้องเข้าไปคุมโรงงานด้วย ส่วนออฟฟืสก็ให้พี่สาวอีกคนดูแลไป
งานโรงงานเลิกดึกมาก และผมก็เหนื่อยมากกับการไปเช้าเย็นกลับจากบางบัวทองไปสมุทรปราการ แต่ก็คิดว่ารอพี่สาวเรียนจบเท่านั้น แล้วผมจะกลับไปดูออฟฟิศเหมือนเดิม แต่ปรากฏว่าพี่สาวผมบอกว่า กลับมาจะขอไปดูออฟฟิศแทนเพราะไม่สะดวกจะทำโรงงานต่อ
เลยกลายเป็นว่าผมต้องทำโรงงานเต็มตัวกับพี่ชาย และพ่อกับแม่ผมก็เห็นสมควรว่าผมควรทำ เพราะผมเป็นผู้ชาย
ผมก็เลยซื้อบ้านในรั้วติดกับพี่ชายผมเพื่อจะได้ทุ่นเวลาในการเดินทาง
ทีนี้จากตอนแรกที่ผมกับภรรยาอยู่บ้านสวนกับพ่อแม่ ก็ต้องย้ายมาอยู่ที่ใกล้ๆโรงงาน ซึ่งที่บ้านสวนก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากพ่อแม่ผมและแม่บ้านคนนึง ผมเป็นห่วงพ่อกับแม่มากเพราะไม่มีลูกอยู่ดูแลซักคน เพราะอายุก็เกือบ 70 กันแล้ว ถึงจะมีแม่บ้านอยู่ก็จริง แต่ลูกดูแลเองก็จะดีกว่า จริงไหมครับ
ผมเลยจัดการย้ายข้าวย้ายของแกออกมาโดยพละการ(จริงๆอันนี้ผมก็ผิดเอง) เพราะคิดว่ายังไงซะถ้าผมย้ายออกไป ก็ต้องพาพ่อกับแม่ไปด้วยอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าพ่อผมโมโหมาก เพราะแกหวงบ้านสวนมาก รักมาก แล้วก็ไม่อยากทิ้งบ้านไป
ไม่ว่าจะทำยังไง อธิบายเหตุผลยังไง แกก็ไม่ยอมฟังครับ แกบอกว่าแกดูแลตัวเองได้ แกยังแข็งแรงดี ผมก็เข้าใจนะ ว่าแกรักบ้านมาก เพราะว่ามาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองจริงๆ และที่สำคัญคือบ้านสวนออกมาลำบากถ้าไม่มีรถ มันมีรถสองแถวเล็กๆแต่ว่าจากบ้านก็ต้องเดินออกมาไกลพอสมควรกว่าจะถึงตลาดถึงอะไร ซึ่งตอนผมกับภรรยาอยู่มันไม่มีปัญหาไงครับ เพราะภรรยาผมเป็นฟรีแลนซ์ก็เลยทำงานอยู่บ้านทั้งวัน จะไปไหนมาไหนภรรยาผมก็เป็นคนขับรถให้พ่อแม่ผม นอกจากนั้นตอนนี้ภรรยาผมกำลังท้องอยู่ด้วย อะไรหลายๆอย่างเลยไม่สะดวกไปหมดครับ
ไหนจะคุณป้าแม่บ้านก็ขับรถไม่เป็น ข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้อะไรพวกนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครไปซื้อแทน เพราะพ่อแม่ผมก็ตาไปค่อยดีแล้วถ้าจะขับรถ คุณป้าแม่บ้านแกก็อายุมากแล้ว ไม่ต่างจากพ่อแม่ผมเลย
สรุปได้ว่าบ้านสวนมีแต่คนแก่ครับ ซึ่งผมเครียดมากที่พ่อไม่ยอมย้ายมาอยู่กับผม แม่ผมเองก็ตามใจพ่อมาก พ่อว่าไง ก็ว่างั้น
ผมเคยลองให้ภรรยาผมพูดอ้อนๆให้คุณพ่อ แต่แกก็ดื้อมาก ยังไงก็ไม่ยอมย้ายลูกเดียว
แล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครจะสะดวกอยู่ที่บ้านสวนได้เลยครับ พี่ชายคนโตก็บ้านอยู่ติดกับบ้านใหม่ผม และก็มีลูกแล้ว พี่สาวผมไปเรียนเมืองนอก พี่สาวอีกคนก็แต่งเข้าบ้านสามี และก็ตัวผมเองที่ภรรยากำลังท้อง
ผมเองเพิ่งทะเลาะกับพ่อไปเมื่อวันก่อน เรื่องขอให้แกย้ายบ้าน จนแกไล่ผมออกจากบ้าน บอกไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้อีก แกไม่ฟัง
ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ ใครมีวิธีชักแม่น้ำทั้งห้าดีๆมาพูดหว่านล้อมให้คนเปลี่ยนใจไหมครับ ผมพูดเรื่องนี้มาสองเดือนกว่า คุยกับพ่อทีไรทะเลาะกันตลอดเลยครับ
ผมจะพูดกับพ่อกับแม่ยังไงดีครับ ?
บ้านผมอยู่บางบัวทอง เป็นบ้านสวนที่ลึกมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่มีรถก็ลำบากพอสมควร แต่ก็เป็นบ้านที่โตมาตั้งแต่เด็กๆ
และที่บ้านก็ทำธุรกิจเป็นกงสีครับ ทีนี้พอพี่ชายคนโตผมเข้ามาทำกงสีเต็มตัว เราก็ย้ายโรงงานไปอยู่ที่สมุทรปราการ (ใกล้ๆกับแบริ่ง) เพราะว่ามีที่อยู่ที่นั่น และพี่ชายผมก็มีครอบครัวและซื้อบ้านอยู่ใกล้โรงงานครับ ตอนนี้พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ทำงานแล้ว อยู่บ้านเฉยๆ
ผมเองไม่ได้คุมโรงงานเต็มตัว แต่จะคุมออฟฟิศของกงสี ซึ่งออฟฟิศอยู่แถวบางซื่อเลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไปกลับเท่าไหร่ครับ
แต่ว่าตอนนี้พี่สาวผมซึ่งคุมโรงงานช่วยพี่ชาย ไปเรียนต่อเมืองนอก งานที่โรงงานก็เยอะมากและพี่ชายผมทำคนเดียวไม่ไหว ผมจึงต้องเข้าไปคุมโรงงานด้วย ส่วนออฟฟืสก็ให้พี่สาวอีกคนดูแลไป
งานโรงงานเลิกดึกมาก และผมก็เหนื่อยมากกับการไปเช้าเย็นกลับจากบางบัวทองไปสมุทรปราการ แต่ก็คิดว่ารอพี่สาวเรียนจบเท่านั้น แล้วผมจะกลับไปดูออฟฟิศเหมือนเดิม แต่ปรากฏว่าพี่สาวผมบอกว่า กลับมาจะขอไปดูออฟฟิศแทนเพราะไม่สะดวกจะทำโรงงานต่อ
เลยกลายเป็นว่าผมต้องทำโรงงานเต็มตัวกับพี่ชาย และพ่อกับแม่ผมก็เห็นสมควรว่าผมควรทำ เพราะผมเป็นผู้ชาย
ผมก็เลยซื้อบ้านในรั้วติดกับพี่ชายผมเพื่อจะได้ทุ่นเวลาในการเดินทาง
ทีนี้จากตอนแรกที่ผมกับภรรยาอยู่บ้านสวนกับพ่อแม่ ก็ต้องย้ายมาอยู่ที่ใกล้ๆโรงงาน ซึ่งที่บ้านสวนก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากพ่อแม่ผมและแม่บ้านคนนึง ผมเป็นห่วงพ่อกับแม่มากเพราะไม่มีลูกอยู่ดูแลซักคน เพราะอายุก็เกือบ 70 กันแล้ว ถึงจะมีแม่บ้านอยู่ก็จริง แต่ลูกดูแลเองก็จะดีกว่า จริงไหมครับ
ผมเลยจัดการย้ายข้าวย้ายของแกออกมาโดยพละการ(จริงๆอันนี้ผมก็ผิดเอง) เพราะคิดว่ายังไงซะถ้าผมย้ายออกไป ก็ต้องพาพ่อกับแม่ไปด้วยอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าพ่อผมโมโหมาก เพราะแกหวงบ้านสวนมาก รักมาก แล้วก็ไม่อยากทิ้งบ้านไป
ไม่ว่าจะทำยังไง อธิบายเหตุผลยังไง แกก็ไม่ยอมฟังครับ แกบอกว่าแกดูแลตัวเองได้ แกยังแข็งแรงดี ผมก็เข้าใจนะ ว่าแกรักบ้านมาก เพราะว่ามาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองจริงๆ และที่สำคัญคือบ้านสวนออกมาลำบากถ้าไม่มีรถ มันมีรถสองแถวเล็กๆแต่ว่าจากบ้านก็ต้องเดินออกมาไกลพอสมควรกว่าจะถึงตลาดถึงอะไร ซึ่งตอนผมกับภรรยาอยู่มันไม่มีปัญหาไงครับ เพราะภรรยาผมเป็นฟรีแลนซ์ก็เลยทำงานอยู่บ้านทั้งวัน จะไปไหนมาไหนภรรยาผมก็เป็นคนขับรถให้พ่อแม่ผม นอกจากนั้นตอนนี้ภรรยาผมกำลังท้องอยู่ด้วย อะไรหลายๆอย่างเลยไม่สะดวกไปหมดครับ
ไหนจะคุณป้าแม่บ้านก็ขับรถไม่เป็น ข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้อะไรพวกนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครไปซื้อแทน เพราะพ่อแม่ผมก็ตาไปค่อยดีแล้วถ้าจะขับรถ คุณป้าแม่บ้านแกก็อายุมากแล้ว ไม่ต่างจากพ่อแม่ผมเลย
สรุปได้ว่าบ้านสวนมีแต่คนแก่ครับ ซึ่งผมเครียดมากที่พ่อไม่ยอมย้ายมาอยู่กับผม แม่ผมเองก็ตามใจพ่อมาก พ่อว่าไง ก็ว่างั้น
ผมเคยลองให้ภรรยาผมพูดอ้อนๆให้คุณพ่อ แต่แกก็ดื้อมาก ยังไงก็ไม่ยอมย้ายลูกเดียว
แล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครจะสะดวกอยู่ที่บ้านสวนได้เลยครับ พี่ชายคนโตก็บ้านอยู่ติดกับบ้านใหม่ผม และก็มีลูกแล้ว พี่สาวผมไปเรียนเมืองนอก พี่สาวอีกคนก็แต่งเข้าบ้านสามี และก็ตัวผมเองที่ภรรยากำลังท้อง
ผมเองเพิ่งทะเลาะกับพ่อไปเมื่อวันก่อน เรื่องขอให้แกย้ายบ้าน จนแกไล่ผมออกจากบ้าน บอกไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้อีก แกไม่ฟัง
ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ ใครมีวิธีชักแม่น้ำทั้งห้าดีๆมาพูดหว่านล้อมให้คนเปลี่ยนใจไหมครับ ผมพูดเรื่องนี้มาสองเดือนกว่า คุยกับพ่อทีไรทะเลาะกันตลอดเลยครับ