ผมเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่กับสุเทพและพวก
ลองคิดไปข้างหน้าไกลๆ หน่อยน่ะครับ
เพราะบ้านเมืองเรากำลังถึงจุดแตกหักที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
ผมต้องการสื่อสารกับพี่น้องประชาชนชั้นกลางมากกว่ากลุ่มแกนนำ
ก็เพราะลำพังแกนนำอย่างสุเทพกับพวกนั้นไม่มีน้ำยาอะไรหรอกครับ
ที่ทำให้เขามีพลังอยู่ได้ก็เพราะพี่น้องชนชั้นกลาง
ที่อึดอัดกับการเมืองแบบที่ตัวเองไม่ชอบออกมาสนับสนุนอย่างมากมาย
หากพวกท่านถอนการสนับสนุน
สุเทพและพวกก็จะไม่มีทางทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป
เพื่อให้ความที่ผมจะพูดต่อไปนี้มีน้ำหนักขึ้นบ้างในสายตาพี่น้อง
ก็ต้องบอกว่าผมและเพื่อนร่วมต่อต้านระบอบทักษิณมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
แต่พวกเราก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร 2549
เพราะรู้อยู่ว่าการรัฐประหารนั้นไม่มีผลดีอะไร (พวกเราถูกด่าว่าเป็นพวกสองไม่เอา)
และล่าสุดก็ร่วมต่อต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมด้วยเหตุผลสองอย่างคือ
ต่อต้านการลบความผิดให้การคอร์รัปชันและคนสั่งฆ่าประชาชน
สำหรับผมแล้ว การต่อต้านหรือคัดค้านอะไรต้องคิดถึงประเด็นปัญหา
ไปพร้อมกับเงื่อนไขสถานการณ์ ดังนั้น..
ความชอบธรรมทางการเมืองของสุเทพและพวกลดลงทันที
ที่พวกเขาไม่ยอมหยุดหลังจากที่รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
และหมดลงทันทีที่รัฐบาลประกาศยุบสภา
ผมอยากจะบอกพี่น้องว่าการแก้ไขปัญหาการเมืองนั้น
มันไม่ง่ายเหมือนที่พี่น้องชนชั้นกลางคิดกัน
ที่เชื่อกันว่าหากเอารัฐบาลนี้ออกไปก่อน
แล้วเอารัฐบาลชั่วคราวมาสะสางปัญหาการเมืองที่ตัวเองเกลียด
แล้วจากนั้นค่อยกลับสู่ระบบประชาธิปไตย แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นทันตาเห็น
เพราะมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ
คำถามง่ายๆ คือ อะไรจะเกิดขึ้น หากระบบราชการ/ระบบการเมือง “เกิดบ้า”
ทำตามที่สุเทพปรารถนาโดยปล่อยให้สุเทพเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเอง
ผมเชื่อว่ารัฐบาลชั่วคราว (ที่เกิดขึ้นแบบบ้าๆ นี้)
ก็จะถูกต่อต้านโดยมวลมหาประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งจำนวนน่าจะถึงหรือมากกว่าห้าล้านคน
มวลมหาประชาชนฝั่งคุณสุเทพจะทำอย่างไร
จะออกมาเดินต่อต้านเพื่อรักษารัฐบาลชั่วคราวที่ตั้งโดยสุเทพ
ซึ่งก็จะปะทะกันแน่นอน หรือจะปล่อยตามยถากรรมให้เผชิญหน้าม็อบเอง
ก็ไม่แคล้วว่ารัฐบาลเดิมของยิ่งลักษณ์กลับมารักษาการ
ไม่อย่างนั้นก็เกิดการรัฐประหารโดยทหารจริงๆ
ไม่ใช่รัฐประหารน้ำลายอย่างที่กำลังเกิด
ไม่ว่าจะออกในรูปไหน มันคือทางเดินไปสู่หุบเหวนรก
ความขัดแย้งที่ถูกสุมไฟเพิ่มจากสุเทพและพวก
จะนำไปสู่การนองเลือดของสงครามกลางเมืองในอนาคตอันใกล้
พี่น้องต้องการอย่างนั้นหรือ ถามตัวเองให้ดี/ตอบตัวเองให้ตรงกับใจจริงๆ ว่า
พร้อมจะเห็นและรับสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันได้หรือ
สังคมไทยวันนี้ สั่งสมปัญหาต่างๆ มากมายจนเกินกว่าจะแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ
อย่างที่เสนอโดยสุเทพและพวกครับ
หากพี่น้องตอบตัวเองว่านองเลือดก็ไม่เป็นไร หลังนองเลือดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
ก็ไม่ต้องอ่านจดหมายนี้ต่อไปนะครับ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
ที่สำคัญ ...
ผมไม่อยากให้สายตาของคนกระหายเลือดมาสัมผัสตัวอักษรของผมอีกต่อไป
หากพี่น้องตอบว่าไม่อยากเห็นการนองเลือดของคนไทยด้วย
ผมเสนอว่าให้ถอนการสนับสนุนทุกรูปแบบจากการเคลื่อนไหวของสุเทพและพวก
ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย แรงใจ และความหวัง
แล้วหันมามองหาทางออกอื่นๆ ให้แก่สังคมไทยกันดีกว่า
สิ่งที่ต้องทำก่อน ได้แก่ การทำให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป
โดยยอมให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์รักษาการณ์ไปจนถึงการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันก็จับจ้องรัฐบาลชั่วคราวว่าจะทำอะไรนอกลู่นอกทางไหม
หากนอกลู่ เช่น อนุมัติอะไรที่สำคัญมากๆ ก็เดินขบวนกันอีกที
พร้อมกันนั้น ก็ช่วยกันรณรงค์ผ่านสื่อทุกอย่างให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่พี่น้องปรารถนา
เช่น
หากยังอยากสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ก็ช่วยกันรณรงค์เสนอข้อดีหรือเสนอนโยบายดีๆ
ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้นำไปขยายต่อ
หากจะสู้กับพรรคเพื่อไทย
ก็รณรงค์ให้ข้อมูลความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม
เช่น การจำนำข้าวทุกเม็ดที่ชาวบ้านทางเหนือและอีสาน
กำลังโกรธเคืองอยู่เพราะไม่ได้เงินซักที
พี่น้องทั้งหมดก็จะเปลี่ยนตนเองมาเป็นพลเมืองผู้สำนึกเกี่ยวข้อง (concerned citizen)
ที่สำคัญยิ่งในการรักษาระบอบประชาธิปไตย
ทางออกอีกทางหนึ่งที่ต้องทำให้เกิดให้ได้ ก็คือ
ต้องให้
“กองทัพ” แสดงตนให้ชัดเจนว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตย
ไม่ใช่แค่ว่าประกาศว่าวางตัวลำบากเหลือเกิน
แล้วแอบจัดการการพบปะยิ่งลักษณ์กับสุเทพเพื่อหาทางออกทางการเมืองเท่านั้น
ซึ่งสำหรับผมเอง นั้นรับบทบาทนี้ได้ แต่ต้องบอกว่าไม่พอ เพราะในเมื่อ
“กองทัพ”
ประกาศว่าไม่รัฐประหารอย่างแน่นอนแล้ว ก็ควรจะต้องแสดงตนให้ชัดว่า
ไม่เอากับการรัฐประหารน้ำลายนี้ด้วย
กองทัพควรจะเห็นแล้วว่า
สุเทพและพวกเดินไปไกลกว่าที่ระบอบประชาธิปไตยจะรองรับได้
และหมากการเมืองของสุเทพกำลังจะก่อปัญหาใหญ่หลวงให้แก่สังคมไทย
หาก
"กองทัพ" ประกาศว่า
รับการยุบสภาแล้วให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการประชาธิปไตย
เชื่อได้ว่ากลุ่มคนที่สนับสนุนสุเทพอยู่จะลดลงทันที
และ
“กองทัพ” ก็จะเป็นผู้พิทักษ์รักษาสังคมไทยเอาไว้
พี่น้องมวลมหาประชาชนครับ สังคมไทยในวันนี้ ไม่มีใครจะได้หมด/เสียหมดหรอกครับ
ขอให้เรามีกฎกติการ่วมกัน เราก็จะอยู่ร่วมกัน แบ่งปันกันได้ต่อไป
อนาคตสังคมไทยอยู่ที่การตัดสินใจของพวกท่านครับ
.....................................................................................
โดย : อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ / bangkokbiznews 13/12/2556
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/attachak/20131213/549361/ทางออกประเทศไทย-:-จดหมายถึง-มวลมหาประชาชน.html
.............................................................................................
สมาชิกและผู้มาเยือนอ่านแล้วมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ
ถ้าคิดถึงแต่ประโยชน์ของชาติโดยรวม...โดยไม่มีฝ่ายน่ะค่ะ
ลองช่วยกันแสดงความคิดเห็นคะ
๐๐๐๐๐ ทางออกประเทศไทย : จดหมายถึง "มวลมหาประชาชน" ๐๐๐๐๐
ลองคิดไปข้างหน้าไกลๆ หน่อยน่ะครับ
เพราะบ้านเมืองเรากำลังถึงจุดแตกหักที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
ผมต้องการสื่อสารกับพี่น้องประชาชนชั้นกลางมากกว่ากลุ่มแกนนำ
ก็เพราะลำพังแกนนำอย่างสุเทพกับพวกนั้นไม่มีน้ำยาอะไรหรอกครับ
ที่ทำให้เขามีพลังอยู่ได้ก็เพราะพี่น้องชนชั้นกลาง
ที่อึดอัดกับการเมืองแบบที่ตัวเองไม่ชอบออกมาสนับสนุนอย่างมากมาย
หากพวกท่านถอนการสนับสนุน
สุเทพและพวกก็จะไม่มีทางทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป
เพื่อให้ความที่ผมจะพูดต่อไปนี้มีน้ำหนักขึ้นบ้างในสายตาพี่น้อง
ก็ต้องบอกว่าผมและเพื่อนร่วมต่อต้านระบอบทักษิณมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
แต่พวกเราก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร 2549
เพราะรู้อยู่ว่าการรัฐประหารนั้นไม่มีผลดีอะไร (พวกเราถูกด่าว่าเป็นพวกสองไม่เอา)
และล่าสุดก็ร่วมต่อต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมด้วยเหตุผลสองอย่างคือ
ต่อต้านการลบความผิดให้การคอร์รัปชันและคนสั่งฆ่าประชาชน
สำหรับผมแล้ว การต่อต้านหรือคัดค้านอะไรต้องคิดถึงประเด็นปัญหา
ไปพร้อมกับเงื่อนไขสถานการณ์ ดังนั้น..
ความชอบธรรมทางการเมืองของสุเทพและพวกลดลงทันที
ที่พวกเขาไม่ยอมหยุดหลังจากที่รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
และหมดลงทันทีที่รัฐบาลประกาศยุบสภา
ผมอยากจะบอกพี่น้องว่าการแก้ไขปัญหาการเมืองนั้น
มันไม่ง่ายเหมือนที่พี่น้องชนชั้นกลางคิดกัน
ที่เชื่อกันว่าหากเอารัฐบาลนี้ออกไปก่อน
แล้วเอารัฐบาลชั่วคราวมาสะสางปัญหาการเมืองที่ตัวเองเกลียด
แล้วจากนั้นค่อยกลับสู่ระบบประชาธิปไตย แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นทันตาเห็น
เพราะมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ
คำถามง่ายๆ คือ อะไรจะเกิดขึ้น หากระบบราชการ/ระบบการเมือง “เกิดบ้า”
ทำตามที่สุเทพปรารถนาโดยปล่อยให้สุเทพเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเอง
ผมเชื่อว่ารัฐบาลชั่วคราว (ที่เกิดขึ้นแบบบ้าๆ นี้)
ก็จะถูกต่อต้านโดยมวลมหาประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งจำนวนน่าจะถึงหรือมากกว่าห้าล้านคน
มวลมหาประชาชนฝั่งคุณสุเทพจะทำอย่างไร
จะออกมาเดินต่อต้านเพื่อรักษารัฐบาลชั่วคราวที่ตั้งโดยสุเทพ
ซึ่งก็จะปะทะกันแน่นอน หรือจะปล่อยตามยถากรรมให้เผชิญหน้าม็อบเอง
ก็ไม่แคล้วว่ารัฐบาลเดิมของยิ่งลักษณ์กลับมารักษาการ
ไม่อย่างนั้นก็เกิดการรัฐประหารโดยทหารจริงๆ
ไม่ใช่รัฐประหารน้ำลายอย่างที่กำลังเกิด
ไม่ว่าจะออกในรูปไหน มันคือทางเดินไปสู่หุบเหวนรก
ความขัดแย้งที่ถูกสุมไฟเพิ่มจากสุเทพและพวก
จะนำไปสู่การนองเลือดของสงครามกลางเมืองในอนาคตอันใกล้
พี่น้องต้องการอย่างนั้นหรือ ถามตัวเองให้ดี/ตอบตัวเองให้ตรงกับใจจริงๆ ว่า
พร้อมจะเห็นและรับสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันได้หรือ
สังคมไทยวันนี้ สั่งสมปัญหาต่างๆ มากมายจนเกินกว่าจะแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ
อย่างที่เสนอโดยสุเทพและพวกครับ
หากพี่น้องตอบตัวเองว่านองเลือดก็ไม่เป็นไร หลังนองเลือดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
ก็ไม่ต้องอ่านจดหมายนี้ต่อไปนะครับ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
ที่สำคัญ ...
ผมไม่อยากให้สายตาของคนกระหายเลือดมาสัมผัสตัวอักษรของผมอีกต่อไป
หากพี่น้องตอบว่าไม่อยากเห็นการนองเลือดของคนไทยด้วย
ผมเสนอว่าให้ถอนการสนับสนุนทุกรูปแบบจากการเคลื่อนไหวของสุเทพและพวก
ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย แรงใจ และความหวัง
แล้วหันมามองหาทางออกอื่นๆ ให้แก่สังคมไทยกันดีกว่า
สิ่งที่ต้องทำก่อน ได้แก่ การทำให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป
โดยยอมให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์รักษาการณ์ไปจนถึงการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันก็จับจ้องรัฐบาลชั่วคราวว่าจะทำอะไรนอกลู่นอกทางไหม
หากนอกลู่ เช่น อนุมัติอะไรที่สำคัญมากๆ ก็เดินขบวนกันอีกที
พร้อมกันนั้น ก็ช่วยกันรณรงค์ผ่านสื่อทุกอย่างให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่พี่น้องปรารถนา
เช่น หากยังอยากสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ก็ช่วยกันรณรงค์เสนอข้อดีหรือเสนอนโยบายดีๆ
ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้นำไปขยายต่อ
หากจะสู้กับพรรคเพื่อไทย
ก็รณรงค์ให้ข้อมูลความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม
เช่น การจำนำข้าวทุกเม็ดที่ชาวบ้านทางเหนือและอีสาน
กำลังโกรธเคืองอยู่เพราะไม่ได้เงินซักที
พี่น้องทั้งหมดก็จะเปลี่ยนตนเองมาเป็นพลเมืองผู้สำนึกเกี่ยวข้อง (concerned citizen)
ที่สำคัญยิ่งในการรักษาระบอบประชาธิปไตย
ทางออกอีกทางหนึ่งที่ต้องทำให้เกิดให้ได้ ก็คือ
ต้องให้ “กองทัพ” แสดงตนให้ชัดเจนว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตย
ไม่ใช่แค่ว่าประกาศว่าวางตัวลำบากเหลือเกิน
แล้วแอบจัดการการพบปะยิ่งลักษณ์กับสุเทพเพื่อหาทางออกทางการเมืองเท่านั้น
ซึ่งสำหรับผมเอง นั้นรับบทบาทนี้ได้ แต่ต้องบอกว่าไม่พอ เพราะในเมื่อ “กองทัพ”
ประกาศว่าไม่รัฐประหารอย่างแน่นอนแล้ว ก็ควรจะต้องแสดงตนให้ชัดว่า
ไม่เอากับการรัฐประหารน้ำลายนี้ด้วย
กองทัพควรจะเห็นแล้วว่า
สุเทพและพวกเดินไปไกลกว่าที่ระบอบประชาธิปไตยจะรองรับได้
และหมากการเมืองของสุเทพกำลังจะก่อปัญหาใหญ่หลวงให้แก่สังคมไทย
หาก "กองทัพ" ประกาศว่า
รับการยุบสภาแล้วให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการประชาธิปไตย
เชื่อได้ว่ากลุ่มคนที่สนับสนุนสุเทพอยู่จะลดลงทันที
และ “กองทัพ” ก็จะเป็นผู้พิทักษ์รักษาสังคมไทยเอาไว้
พี่น้องมวลมหาประชาชนครับ สังคมไทยในวันนี้ ไม่มีใครจะได้หมด/เสียหมดหรอกครับ
ขอให้เรามีกฎกติการ่วมกัน เราก็จะอยู่ร่วมกัน แบ่งปันกันได้ต่อไป
อนาคตสังคมไทยอยู่ที่การตัดสินใจของพวกท่านครับ
.....................................................................................
โดย : อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ / bangkokbiznews 13/12/2556
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/attachak/20131213/549361/ทางออกประเทศไทย-:-จดหมายถึง-มวลมหาประชาชน.html
.............................................................................................
สมาชิกและผู้มาเยือนอ่านแล้วมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ
ถ้าคิดถึงแต่ประโยชน์ของชาติโดยรวม...โดยไม่มีฝ่ายน่ะค่ะ
ลองช่วยกันแสดงความคิดเห็นคะ