KP Warriors ตอนที่ 7 : ฝ่าบันได 7000 ขั้น - เส้นทางสู่ไฮฮ็อกก้า 2 -

กระทู้สนทนา
"จงขึ้นขึ้นไปตามบันได 7000 ขั้น ด่านที่แสนอันตรายแห่งไฮฮ็อกก้า"




....บรื้นนนนนนนน...



         "ที่นี่เหรอหมู่บ้านไอวารุส..."

         เสียงรถบัสคันสีน้ำเงินที่อยู่ข้างหลังของเรยค่อยๆเคลื่อนตัวจากตรงนั้นไปอย่างช้าๆ หลังจากที่ได้มาส่งที่ป้ายรถประจำทางที่อยู่ตรงทางเข้าหน้าหมู่บ้านๆหนึ่ง เรยค่อยๆเดินลงมาจากเนินตามทางที่ลาดลงไปประกบกับสะพานหินเก่าๆที่ใช้สำหรับข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าไปหมู่บ้านนั้น สายตาของเรยมองไปยังรอบๆหมู่บ้านนั้นแล้วสูดอากาศที่ค่อนข้างสดชื่นสำหรับโพลงจมูกของเขาเข้ามาอย่างเต็มปอด เป็นบรรยากาศที่คนที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างเขาไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไร

         บ้านทุกๆหลังตรงหน้าของเขานั้นทำด้วยไม้ทั้งหมด ในบางบ้านนั้นปลูกผักผลไม้เอาไว้หลังบ้านของตัวเอง หรือแม้แต่เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว และกังหันลมขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังของหมู่บ้านกับแท่นหินรูปวงกลมที่วนไปที่ฐานตามแรงลมนั้น เรยสังเกตเห็นแป้งที่กำลังค่อยๆเกาะตัวขึ้นมาจากรอบๆเครื่องโม่แป้งนั้น


         เรยค่อยๆมองบรรยากาศแบบนี้ไปพร้อมๆกับทานขนมปังแถวไส้ช็อกโกแลตที่เขาชื่นชอบ ซึ่งแทนอาหารเย็นของวันนี้ เขาเดินผ่านร้านขายของชำประจำหมู่บ้านที่กำลังค่อยๆเคลื่อนย้ายพืชผักผลไม้ของตัวเองไปไว้ในร้าน เพราะตอนนี้แสงจากดวงอาทิตย์แทบจะไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว





         เรยสังเกตเห็นบ้านหลังหนึ่งตรงหน้าของเขา เป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆในหมู่บ้านทั้งหมด สิ่งที่ผิดปกติกว่าบ้านทุกหลังนี้ก็คือ มีชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าออกบ้านหลังนี้กันเป็นจำนวนมากจนเรยเกิดความสนใจจึงรีบเดินไปดู เมื่อเข้าไปถึงหน้าประตูในเรยก็แหงนมองบ้ายที่กำลังแขวนอยู่ข้างบนที่มีรูปร่างคล้ายกับถ้วยที่มีน้ำที่กำลังเดือดจัด เขาจึงรู้ได้เลยทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านแต่เป็นร้านอาหารประจำหมู่บ้านนี่เอง

         เมื่อเรยเดินผ่านบานพับประตูเข้ามายังข้างในร้านนั้นก็พบกับบรรยากาศภายในร้านที่ดูคลื้นเครง ชาวบ้านที่กำลังกินและดื่มกันอย่างสนุกสนานอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆกับบรรดาอาหารและเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่งมา ท่ามกลางเสียงดนตรีของวงดนตรีที่กำลังบรรเลงอยู่ในร้าน ภายในร้านนั้นดูมืดมิดเพราะมีแต่แสงไฟที่สลัวๆมาจากดวงไฟที่ติดอยู่ตามเสาทั้งหกต้น และเตาผิงที่อยู่ตรงข้ามกับที่เรยกำลังยื่นอยู่ เขายืนมองบรรยากาศภายในร้านนั้นแล้วคิดอยู่ว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไป

         และเขาก็นึกขึ้นได้เมื่อเรยมองไปยังหน้าเคาน์เตอร์ที่เป็นเคาน์เตอร์ไม้ยาวๆที่ประดับประดาไปด้วยผลไม้และผักนานาชนิด ข้างหลังเคาน์เตอร์นั้นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากหลายชนิดที่กำลังแช่อยู่ในตู้เย็น เก้าอี้ไม้จำนวนแปดตัวที่ตอนนี้มีเพียงชายแก่ๆกำลังจิบเบียร์ยี่ห้อหนึ่งในแก้วลิตรใหญ่ๆ เรยค่อยๆเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ห่างจากชายแก่คนนั้นมาสามตัว

         "จะรับอะไรดีพ่อหนุ่ม?" เจ้าของร้านกล่าวทักทายกับเรยลูกค้าที่เข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้มกับหนวดเฟิ้มของตัวเอง เขาสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวที่ตอนนี้มีรอยเปื้อนจากน้ำที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่เขายืนอยู่นั้นบ้างแล้ว

         "เอ่อ... ขอบัตเตอร์เบียร์ที่นึงครับ" เมื่อได้ยินออเดอร์ของเรยเขาก็หันไปยังข้างหลังเคาน์เตอร์เพื่อเริ่มทำของตามที่สั่งมาทันที




          หลังจากนั้นเรยก็มองบรรยากาศภายในร้านรอบๆเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ เขามองไปที่โต๊ะที่อยู่ข้างหน้าที่กำลังสำราญอยู่กับปลาสามรสและต้มยำกุ้งหม้อไฟอยู่ เรยเลยหยิบเมนูอาหารของร้านนั้นขึ้นมาดูเล่นๆ แค่เล่นๆเท่านั้น (...เขาคิดแบบนั้นในใจเพราะว่าเขาต้องชั่งใจเอาไว้เผื่อค่าเดินทางเที่ยวกลับของตัวเองด้วย)

         เรยค่อยๆไล่เมนูอาหารดูไปเรื่อยๆและเหลือบหันไปมองดูราคาที่ติดเอาไว้ถัดจากรายชื่อของอาหารนั้นๆ ซึ่งเขาก็ต้องตกใจเมื่อราคาอาหารที่ติดเอาไว้นั้นมีราคาที่ถูกมาก มากกว่าร้านอาหารประจำที่เขาเคยไปทานกับเพื่อนของเขาบ่อยๆกว่าสองเท่าของราคาอาหารนั้นได้ บางอย่างนั้นมากกว่าสามเท่าซะด้วยซ้ำไป

         "เอ้า ได้แล้วพ่อหนุ่ม" เจ้าของร้านยื่นแก้วบัตเตอร์เบียร์วางไว้ตรงหน้าเรย เขาก็หยิบมันขึ้นมาดื่มในทันทีและขณะที่ยกแก้วดื่มอยู่นั้น เรยก็เห็นสายตาของเจ้าของร้านมองมาที่ป้ายชื่อโรงเรียนแล้วเขาก็ยิ้มนิดๆ

         "มาจากเมืองไนท์เบลดเหรอ?" เจ้าของร้านถามขึ้นมา เรยหยุดดื่มแล้ววางแก้วลง แล้วเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ "ตรานั่นไง เธอคงเป็นนักเรียนของไนท์เบลดสินะ..."

         "อ๋อ ใช่ครับ ผมมาจากโรงเรียนไนท์เบลด..." เรยตอบพลางใช้มือของตัวเองปาดบัตเตอร์เบียร์ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก

         "อ่างั้นเหรอ แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะเนีย จากไนท์เบลดมาที่นี่ก็ตั้งกว่าร้อยกิโล... มาเที่ยวที่นี่เหรอ หรือว่ามาหาโครงงานส่งอาจารย์วิชาสังคมล่ะ" เจ้าของร้านถามพลางใช้ผ้าเช็ดแก้วน้ำที่อยู่บนมือของเขา

         "เอ่อ ถามจริงๆเหรอครับ" เรยถามซ้ำ

         "เอ้า ก็จริงน่ะซิ คิดว่าฉันถามนายไปอย่างงั้นเหรอ ฮ่าๆ" เจ้าของร้านพูดแล้วหัวเราะไปด้วย

         "ถ้ารู้แล้วอย่างตกใจนะครับ..." เรยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

     
         "ผมกำลังจะขึ้นไป ไฮฮ็อกก้า...."



          เหมือนกับเวลาที่กำลังเล่นเพลงแล้วถูกหยุดพ็อทเอาไว้อย่างนั้น บรรยากาศที่ดูครึกครื้นกลับเงียบสนิดในทันใด คนในร้านหันมองมาทางเรยที่กำลังนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์นั้นเมื่อได้ยินประโยคที่เรยเป็นคนพูดขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร้านที่ตกใจเมื่อได้ยินในสิ่งที่เรยพูด

          "พ่อหนุ่ม! นี่ล้อเล่นลุงใช่ไหมเนีย!" เจ้าของร้านพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ยังคงตกใจกับในสิ่งที่เรยพูดอยู่

          "เปล่าครับ ผมพูดจริงๆ" เรยยังคงยืนยันคำตอบเดิม เจ้าของร้านถอนหายใจเล็กน้อย

          "งั้นนายคงจะได้ยินเรื่องของไฮฮ็อกก้ามาบ้างแล้วสินะ" เจ้าของร้านถามพลางเลิกคิ้วขึ้นมา เรยพยักหน้าตอบพร้อมกับยกแก้วบัตเตอร์เบียร์ดื่มขึ้นอีกครั้ง "เธอล้มเลิกความคิดที่จะพิชิตยอดเขานั่นซะเถอะ"

          "ทำไมเหรอครับ เพราะว่ามันคือหุบเขาแห่งความตายเหรอ?" เรยถามพลางวางแก้วบัตเตอร์เบียร์นั้นลง

         "ปีศาจ...." เจ้าของร้านจู่ๆก็พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าของเขาที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก

         "เพราะปีศาจต่างหากล่ะที่มาของชื่อนั้น ปลายทางของบันไดเจ็ดพันขั้นแห่งไฮฮ็อกก้าที่ทุกคนต้องการจะไปให้ถึง พวกมันเฝ้าอยู่ตลอดทางและออกมาฆ่าทุกคนที่คิดจะไปให้ถึงที่นั่น ไม่!... ไม่เคยมีใครได้รอดกลับมาซักคนเดียวเมื่อคนที่ก้าวขึ้นไปสู่บันไดแห่งไฮฮ็อกก้าแล้ว"

  
         เรยฟังอย่างตั้งใจพร้อมกับมองดูสีหน้าของเจ้าของร้านในขณะที่เขากำลังเล่าเรื่อง
         

         "ขึ้นไปสองก็ตายสอง ขึ้นห้าก็ตายห้า ขึ้นไปสิบก็ตายสิบ ไม่เคยมีใครได้รอดกลับลงมาสักคนเดียว ได้ยินแบบนี้แล้วฉันว่านายเปลี่ยนใจแล้วกลับบ้านไปจะดีกว่านะ" เจ้าของร้านพูดพลางยกแก้วที่ตัวเองเช็ดทิ้งเอาไว้มาทำต่ออีกครั้ง

         "...ผมจะขึ้นไปครับ!" เพราะคำพูดของเรยทำให้เจ้าของร้านหยุดมืออีกครั้งหนึ่ง

         "นี่นาย!!... คิดจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นเปล่าๆอย่างงั้นหรือไง!!!" เจ้าของร้านพูดด้วยเสียงสั่นๆ

         "ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่ายังไงผมก็จะขึ้นไปให้ได้ แล้วอีกอย่างนึงผมน่ะมีเจ้านี่นะ" เรยพูดพร้อมยกแหวนที่อยู่ที่นิ้วขึ้นมาให้เจ้าของร้านดู ซึ่งเจ้าของร้านก็มองดูแหวนที่นิ้วของเรยอย่างงงๆ

         "แหวนเหรอ... นั่นแหวน...?! "

         "ครับผม..."
       

        ... ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องขึ้นไปให้ได้ เพราะเราตั้งใจเอาไว้แล้วนิ ...




         เสียงสายน้ำไหลที่ไหลกระทบกับสะพานหินดังไปทั่วพื้นที่นั้นที่เงียบสงบยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้หมู่เมฆ ด้วยดาวดาราพลายรายล้อมไปทั่วผืนฟ้า อีกฟากของฝั่งแม่น้ำนั้นเป็นเส้นทางของบันไดขึ้นไปยังภูเขาใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า ชาวบ้านนับร้อยยืนอยู่ตรงหัวสะพานพร้อมกับตะเกียงหรือโคมไฟเพื่อให้เกิดแสงสว่างในที่มืดมิดนั้น พวกเขามาเพื่อทำการส่งนักเรียนหนุ่มของไนท์เบลดตรงหน้า เพื่อทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างที่ตั้งใจ

         "อ่ะนี่ เผื่อว่านายต้องใช้มัน" เจ้าของร้านอาหารยื่นผ้าคลุมสีเทาที่พับมาอย่างดีให้กับเรย ซึ่งเรยก็ยินดีรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ

         "ขอบคุณครับ"

         "จะไม่เปลี่ยนใจแน่นะพ่อหนุ่ม?" เขาถามเรยอีกครั้งเผื่อว่าเรยจะเปลี่ยนใจขึ้นมา แต่ผลลัพท์ที่ได้คือการสายหน้าไปมาของเรยพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ

         "ถ้างั้นก็ ระวังตัวให้มากๆด้วยล่ะ โชคดีนะ..."

         "ครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาส่งผม" หลังจากที่โค้งให้กับชาวบ้านที่มาส่งเขาถึงที่แล้ว เรยก็หันหลังเดินออกจากที่ตรงนั้นไปทันที



         "นี่..." หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของร้านอาหารคนนั้นพูดขึ้นมา หลังจากที่เรยเดินจากตรงนั้นไปได้ไกลแล้ว

         "ปกติกับคนอื่นก็ไม่เห็นคุณทำแบบนี้เลยนี่น่า แต่กับคนๆนี้ไม่ใช่เลย มีอะไรพิเศษเหรอเด็กคนนี้น่ะ" เธอถามพลางมองเจ้าของร้านอาหารนั้น แววตาที่กำลังมองคนตรงหน้าของเขากระทบกับแสงจากตะเกียงอย่างเปล่งประกาย

         "เด็กคนนี้น่ะไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ผ่านๆมาหรอก เขามีอะไรพิเศษอยู่ล่ะนะ" เจ้าของร้านยกตะเกียงขึ้นมาให้เห็นคนตรงหน้าซึ่งคนที่เดินจากไปนั้นถึงอีกฝั่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

         "ไม่แน่ว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาลูกนี้ก็ได้..." เพราะคำพูดของเจ้าของร้านนั้นเอง ทำให้เกิดเสียงซุบซิบขึ้นมาจากชาวบ้านข้างหลังของเขาในทันใด


         ... ถ้าเราจำไม่ผิดละก็ ต้องใช่แน่ๆแหวนในตำนานของไนท์เบลด ...



    

         เรยหันมาโบกมือให้กับชาวบ้านที่มายืนดูให้กำลังใจเขาแล้วหันกลับไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ภูเขาสูงเสียดฟ้าที่กำลังจะขึ้นไปหลังจากนี้ไม่อาจอนุมานได้ว่าสิ่งที่รอเรยอยู่คืออะไร เรยมองบันไดหินเก่าๆตรงหน้าก็รู้สึกใจหวิวๆนิดๆเมื่อเสียงลมยามค่ำคืนพัดเข้ามากระทบกับโสตประสาทหูในตอนนั้น ไม่นานนักคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าบันไดก็ยอมก้าวขึ้นไปแต่โดยดี

         เป็นอย่างที่คาดการเอาไว้ไม่ผิดเมื่อเขาย่างก้าวขึ้นไปเท่านั้นเอง เหมือนกับว่าอากาศของโลกนี้มันเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน จากที่เมื่อกี้นี้เรยยังรู้สึกเย็นๆตามสภาพอากาศของหมู่บ้านที่ติดเขาธรรมดาแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหนาว ราวกับว่าสภาพอากาศตอนนี้กลายเป็นหน้าหนาวไปอย่างงั้น




         เรยเดินขึ้นบันไดพร้อมกับนำผ้าคลุมที่เจ้าของร้านอาหารนั้นให้ขึ้นมาสวมใส่ในทันทีทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง เสียงลมพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆ เมื่อเรยขึ้นมาจนถึงเนินสายตาของเขาไปสะดุดกับอะไรบ้างอย่างเข้าตรงหน้า มันมีรูปร่างคล้ายกับศาลหรือรูปปั้นอะไรสักอย่างทรงสามเหลี่ยมที่มีการสลักลวดลายอย่างวิจิตบรรจงสวยงาม เรยค่อยๆเดินเข้าไปเพื่อดูสิ่งนั้นใกล้ๆ
แต่เขากลับสนใจแท่นหินที่อยู่ภายในนั้นมากกว่า มันมีรูปร่างคล้ายกับหน้าหมาป่าตอนก้มหัว

         หลังจากที่ชื่นชมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาพักหนึ่งเขาก็หันหน้าไปยังเนินและเดินขึ้นไปตามบันไดหินเก่าๆอีกครั้ง ใบไม้เล็กจากต้นไม้ที่อยู่รายล้อมค่อยๆร่วงหล่นลงมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ทำให้เรยนึกถึงวันสบายๆวันหนึ่งของวันหยุดตอนฤดูร้อน เขาพึ่งเดินผ่านต้นสนและต้นยูคาลิปตัสอย่างช้าๆ พลางเหลือบไปมองหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง บรรดาชาวที่ยืนส่งเรยอยู่เมื่อกี้นี้นั้นตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านของตัวเอง แสงไฟระยิบระยับของหมู่บ้านส่องขึ้นมาถึงที่ที่เขากำลังยืนอยู่ เรยมองลงไปแล้วยืนชื่นชมกับภาพบรรยากาศที่แสนสวยนี้

         แต่ในขณะนั้นเองเสียงคำรามที่มาเป็นระยะๆก็ดังขึ้นตรงใกล้ๆกับที่เขากำลังยืนอยู่ ทำให้เรยต้องตื่นตัวขึ้นมาและเริ่มรู้สึกว่าตัวของเขาต้องใช้ความระมัดระวังตัวให้มากๆแล้วตอนนี้ เรยค่อยๆเดินย่องไปทีละก้าวไปบนบันไดหินนั้น หลังจากที่เขาผ่านเนินที่บดบังสายตาไปนั้นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกใจหวิวเล็กน้อย
         หมีควายสีน้ำตาลตัวใหญ่ยืนขวางทางเรยอยู่ มันส่งเสียงคำรามออกมาเป็นระยะๆ ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าเรยสามหรือสี่เท่าได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่