เรา(คนไทย)เป็นทั้งผู้คุมขังและนักโทษ

กระทู้สนทนา
ขออนุญาติใช้พื้นที่พันทิพ แสดงออกทางการเมืองอย่างอหิงสา แทนการออกไปตามท้องถนน

ได้อ่านเจอคำคมจากหนังเรื่อง My Dinner with Andre
They've built their own prison, so they exist a state of schizophrenia. They're both guards and prisoners and as a result they no longer have, having been lobotomized, the capacity to leave the prison they've made, or to even see it as a prison.

ทำให้นึกถึงเหตุบ้านการเมืองปัจจุบัน การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในแบบของตัวเอง ของชนชั้นนำ+ชนชั้นกลาง และ ชนชั้นล่าง ได้สร้างคุกเพื่อขัง คนไทยอยู่ในวังวนเดิมๆ ตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา เท่าที่ผมจำได้น่าจะเริ่มจาก เสื้อเหลือง propaganda เรื่อง คุณทักษิณ ไม่จงรักภักดี (จริงเท็จไม่ทราบได้) ยัดเข้าไปในหัวชนชั้นกลาง ที่ใช้เวลาว่างอยู่หน้าทีวี เสพข่าวเดิมๆ ซ้ำๆ เกิดความเกลียดชังในจิตใจจนฝั่งรากลึก จนม็อบจุดติด ยกระดับขับไล่รัฐบาลด้วยเหตุผลนาประการ บานปลายจนเกิดรัฐประหาร
ฝ่ายเสื้อแดงก็ออกมาปกป้องสิทธิ์ตัวเอง ปกป้องรัฐที่มาจากการเลือกตั้งของตัวเอง ตั้งธงไม่เอารัฐประหารแต่ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าวของผู้นำบางคน และความเสียหายในอดีต ที่เป็นเหมือนยี่ห้อของเสื้อแดง ทั้งจากเหตุการณ์จริงและ propaganda จากฝ่ายตรงข้าม ทำให้ชนชั้นนำ+กลาง รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงขนาดมองว่าชีวิตฝ่ายเสื้อแดง ไม่มีคุณค่า ไม่ยอมรับในการมีตัวตน และไม่เคารพในความเป็นคนเหมือนกัน ตายไปได้ก็ดี  จนปัจุบันอยากขับไล่ตะกูลชินวัตร ไปให้พ้นๆ ประเทศนี้ซะ โดยคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ถึงแม้จะต้องแลกด้วยการสูญเสียสิทธิ์บางอย่าง หรือ เดินตามนักการเมืองที่ตนเองไม่ชอบ หรือทำในสิ่งที่คนดีไม่พึงกระทำ เช่น คุกคามเด็ก คุกคามสื่อ คุกคามฝ่ายตรงข้าม ก็ตาม เอาอย่างนี้ไปก่อน แล้วไปตายเอาดาบหน้า

เป็นผลให้ทั้งแดง เหลือง น้ำเงิน หลากสี ฯลฯ ดำรงชีวิตร่วมกันยากขึ้น ต่างฝ่ายต่างมีสื่อไว้ล้างสมองสาวกของตัวเอง สร้างความเกลียดชังฝ่ายคิดต่าง ทั้ง ทีวี Facebook  ทำให้ ครอบครัวแตกแยก เพื่อนฝูงทะเลาะกัน บริษัทเสียหาย เพราะคิดต่างและพร้อมจะแตกแยก ตอบโต้กันไปมาทั้งการคุกคามซึ่งกันและกันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทั้งทางกายและวาจา สร้างความแตกแยกฝังลึกลงไปเรื่อยๆ ประวัติศาสตร์ ตุลาฯ วิปโยคไม่ได้ช่วยเตือนใจคนไทยได้เลย อาจเป็นเพราะระบบการศึกษาปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย เร่งทำเกรด ท่องตำรา แข่งกันเอง ตัวใครตัวมัน ตัดคะแนนแบบอิงกลุ่ม สร้างคนชนะและคนแพ้ ทั้งที่ในโลกของการทำงานจริงเราต้องทำงานเป็นทีมมีเป้าหมายร่วมกัน ชนะร่วมกัน  ด้วยระบบการศึกษาแบบปัจุบันทำให้คิดวิเคราะห์ ศึกษา ค้นคว้าเองไม่เป็น ทำงานเป็นทีมไม่เป็น ซึ่งก็นำมาซึ่งการยอมรับความคิดที่แตกต่างไม่ได้

พวกเรากำลังสร้างกำแพงสูงจากความขัดแย้งด้านความคิดเพื่อเป็นคุกขังตัวเราเองจากประชาคมโลก เราอยู่กับคุกนี้มา 6-7 ปี จนชินกับมันและไม่รู้ตัวว่าเราขังตัวเอง และคุกแห่งนี้ก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าเราคงไม่ปล่อยให้มันแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเราแหกออกจากคุกนี้ไม่ได้

หลับตา แล้วสูดลมหายใจลึกๆ มองประเทศไทยจากภายนอก อะไรคือประทศไทย คุณ ผม หรือ เรา  นึกดูดีๆ ชนชั้นไหน ก็คนไทยทั้งนั้น ไม่มีใครเลวบริสุทธิ์ ไม่มีใครดีทุกอย่าง การประนีประนอม การมีน้ำใจแบบไทยๆ การเล่นตามกติกา เคารพซึ่งกันและกัน มันหายไปไหน เอามันกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ก่อนที่จะสายเกินไป เปิดโอกาสให้ทุกชนชั้นมีโอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกกับประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่ปิดกั้นชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง จนกลายเป็น ประชาธิปไตยแบบตอนกิ่ง ขาดรากแก้วที่แข็งแรงก็คงอยู่ได้ไม่นาน เจอพายุใหญ่ก็คงพังพินาศไปทั้งหมด

หากเห็นต่างยินดีโต้แย้งกันครับ โดยไม่มีการด่าทอกัน นำหลักการ ข้อมูลมา โต้แย้งกัน อย่างมีเหตุผล เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา เพื่อเริ่มต้นการสร้างบรรทัดฐานการแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ จากที่ราชดำเนินแห่งนี้ก่อน และหวังว่าคงจะเป็นบรรทัดฐานในวงกว้างในอนาคต

ด้วยความห่วงใยเพื่อนร่วมชาติ
จากใจไทยอดทน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่