ขอยอมรับว่าไม่เก่งเลยจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้ นอกจากดูหนังบ่อยยังพอมีจินตนาการอยู่บ้าง ส่งไปแล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะผ่านครับ อยากให้เพื่อนช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ผมอยากภูมิใจกับเขาบ้างอ่ะ
กาลโยค
ข่าวลือเรื่อง คำทำนายวันโลกแตก ได้หนาหูมากในช่วงนี้ ทั้งพูดปากต่อปาก หรือในโลกสังคมออนไลน์ ถึงกับว่า คนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในหน้าที่การงานได้ลาออก เพื่อจะใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายกับคนที่ตนเองรัก หรือแม้แต่คนที่กลัวจนวิตกจริต จนถึงขั้นฆ่าตัวตายก็เห็นเป็นข่าวไม่น้อย ทั้งในโทรทัศน์ และหน้าหนังสือพิมพ์
แอน นิสิตสาว คณะแพทยศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอก็รู้สึกกลัวเช่นกัน และก็เคยเก็บเอาไปฝันร้ายครั้งหนึ่ง จากการที่เธอได้ยินเรื่องราวผ่านหูอยู่เป็นประจำทั้งจากเพื่อนร่วมคณะ หรือแม้แต่อาจารย์ผู้สอนก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาสนทนาในชั้นเรียนวิชาทั่วๆไป ถึงแม้เธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถูกสอนให้เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์แต่เธอก็คือคนธรรมดาคนนึง ย่อมมีความเชื่อ มีความกลัว แอนเรียนเก่งที่สุดในคณะมาตลอด ผลการเรียนของเธอแน่นอนว่าติดอันดับหนึ่งมาตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก แต่เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์มีการแข่งขันในการเรียนสูงมาก แอนที่ปกติไม่มีเพื่อนสนิทเลย ก็ยังมาถูกเมินจากเพื่อนร่วมคณะอีก เพียงเพราะแอนเรียนเก่งกว่าพวกเขาเท่านั้น ถึงแม้แอนจะเรียนเก่งมาก แต่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ปีแรกจนปัจจุบันปีที่สอง มันรุนแรงขึ้นจนความกลัวเรื่องโลกแตกไม่อยู่ในหัวเธออีกต่อไป เพราะเธอเจอกับปัญหาหนักกว่านั้นมาก ขวัญ และผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนใน Facebook ของเธอ ได้รุมต่อว่าเธออย่างรุนแรง ใช้คำด่าทอต่างๆนานา กล่าวหาสารพัด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว แอนไม่เคยทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย แอนเสียใจมากไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้ขวัญ ขวัญถึงได้เกลียดเธอขนาดนี้ ทั้งๆที่ขวัญ เป็นเพื่อนร่วมคณะกับเธอแท้ๆ จนในที่สุดมันก็เป็นมากกว่าเพียงข้อความต่อว่าทั่วไป ขวัญได้ใช้วาจาพูดด่าทอแอน กล่าวหาแอนโดยใช้วาจาหยาบคายในที่สาธารณะ จนผู้คนมองแอนอย่างสงสัย ว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ แอนทุกข์ใจมาก เธอไม่มีเพื่อนให้ปรึกษา เธอไม่มีใครเลย นอกจากพ่อแม่ ที่เธอจะโทรไปปรึกษาได้นานๆครั้ง ถึงแม้พวกท่านจะไม่มีเวลาให้เธอมากนักก็ตาม แต่ก็ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะเรียนต่อไปแบบนี้ โดยทำเมินต่อเฉยต่อปัญหาและไม่คิดหาทางแก้ ขวัญยังคงพูดจาถากถางแอนอยู่เรื่อยๆเมื่อพบหน้ากันหรือเดินผ่านกัน และยังมีเพื่อนผู้หญิงของเธออีก 2-3 คน ช่วยกันเป็นตัวสนับสนุน ร่วมกันหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนแอน แต่แอนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และเมินขวัญอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้ขวัญโกรธมาก ที่แอนทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จึงเกิดเรื่องขึ้น “เก่งนักหรอ!ห๊ะ!” ขวัญตะโกนพร้อมกับกับวิ่งเข้าไปจับเสื้อแอนและผลักอย่างแรงจนแอนล้มลงไปนั่งกับพื้นหัวเกือบฟาดผนัง พร้อมทั้งเพื่อนของเธอก็รุมกันกระชากผมแอน แอนตกใจและ เสียใจจากมากจนน้ำตาพรั่งพรูออกมา เธอคิดถึงพ่อแม่มาก เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธออยากจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เหล่านิสิต นักศึกษาที่มามุงดูไม่คิดที่จะช่วยเธอเลยแม้แต่คนเดียว และไม่มีแม้แต่อาจารย์สักท่านที่ตอนนี้จะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดให้เธอได้ เธอภาวนาในใจให้มีคนมาช่วยเธอ “ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ขอร้องเถอะ” เธอสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น ไม่นานนักคำภาวนาของเธอก็บรรลุผลอย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางอบอุ่น พูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอยโยน เข้ามาช่วยห้ามปรามในเหตุการณ์นั้น และช่วยพยุงแอนลุกขึ้นเดินผ่านสายตาคนมากมาย แอนรู้จักหนุ่มคนนี้ดี เขาคือ อั๋น คนที่เธอแอบชอบมาตลอด เป็นนิสิตคณะเดียวกันแต่คนละกลุ่ม จึงไม่ได้เรียนพร้อมกันและไม่สนิทกัน เธอไม่กล้าบอกความในใจแก่เขา และไม่คิดจะบอกด้วย เธอเพียงเก็บความรู้สึกไว้ในใจและแอบหวังอยู่เพียงคนเดียว หลังจากที่เธอพบกับความยากลำบากมามาก เธอรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ลืมเธอ ส่งคนที่เธอชอบมาหาเธอ มารับฟังความทุกข์ของเธอ นอกเหนือจากพ่อแม่ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้
“ขอบใจมากนะอั๋น ที่มาช่วยแอนไว้ ถ้าไม่ได้อั๋นแอนก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เคยเจอแบบนั้นมาเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกดี”
ไม่นาน ความสัมธ์ของทั้งสองก็พัฒนาขึ้น กลายเป็นแฟนกันอย่างไม่รู้ตัว แอนมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มาก แอนได้รู้เรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขมากๆอีกเรื่องหนึ่งจากปากอั๋นคือ อันที่จริง อั๋นก็แอบชอบแอนมานานแล้ว และคอยแอบมองอยู่ และไม่กล้าเข้ามาตีสนิทเช่นกัน เพราะอั๋นก็เป็นคนขี้อาย แถมฐานะยากจน กลัวแอนไม่ชอบ ถ้าไม่ได้ทุนการศึกษา อั๋นคงไม่มีปัญญาเรียนแพทย์
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น แอนแปลกใจนิดหน่อย ที่ขวัญไม่สนใจเธออีกเลย ไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำ และแอนก็ชอบให้เป็นนี้ต่อไป เมื่อแอนพบว่าฐานะทางครอบครัวของอั๋นไม่ค่อยดี อั๋นจึงต้องไปทำงานพิเศษหลักเลิกเรียนอยู่ตลอด แอนเสนอมอบเงินช่วยเหลืออั๋นเนื่องจากฐานะครอบครัวแอนดีมาก แอนจึงมีเงินใช้ฟุ่มเฟือยมหาศาล แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ใช้เพราะเธอเอาแต่เรียน จึงถือโอกาสเอามาช่วยอั๋น แต่อั๋นไม่ยอมรับความช่วยเหลือ เพราะไม่อยากรบกวนแอน อั๋นบอกว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้แอนรักอั๋นมากขึ้นอีก บางครั้งที่อั๋นจำเป็นต้องโดดเรียนเรื่องงาน แอนจะไปจดเล็คเชอร์ไว้ให้ และยังเช็คชื่อเข้าเรียนในชื่ออั๋น ทำให้เธออยู่ในสถานะขาดเรียน ทั้งๆที่ความจริงเธอไม่ได้ขาด เมื่ออั๋นขาดเรียนบ่อยๆ แอนก็ยังคงเข้าเรียนแทนอั๋นต่อไป ไม่นึกถึงผลเสียต่อตัวเอง จนหนักเข้าๆ แอนใกล้จะหมดสิทธิ์สอบในหลายๆวิชา แต่เธอยังไม่รู้ตัวและไม่มีท่าทีว่าจะเลิก จนเรื่องไปถึงหูพ่อแม่ของแอน โรงเรียนได้ส่งจดหมายไปแจ้ง ว่าแอนใกล้หมดสิทธิ์สอบขาดอีกได้แค่ไม่กี่ครั้ง แม่แอนจึงโทรมาเตือนแอนบ่อยๆ แอนเพียงรับปากแม่ แต่ไม่ได้ทำตามที่รับปาก เมื่อแม่แอนโทรมาเตือนบ่อยเข้า แอนถึงกับวางสายหนีแม่ ตอนนี้แอนตกอยู่ในอาการที่เรียกว่า หลงผู้ชายจนหัวปรักหัวปรำ มองไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากอั๋นคนเดียวเท่านั้น จนในที่สุดเธอก็หมดสิทธิ์สอบจริงๆ แม่ของแอนต้องเสียเวลาในการทำงาน มาที่มหาวิทยาลัยเพื่อแก้ปัญหาให้แอนด้วยเงินที่เธอหามาอย่างยากลำบาก แล้วจึงมาพบแอนด้วยตัวเอง
“แอน ลูกไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับลูก”
“หนูก็เป็นเหมือนเดิมนี่แม่ แปลกตรงใหนหรอคะ”
”อย่าทำแบบนี้กับตัวเองเลย ถือว่าแม่ขอร้องนะลูก”
เรื่องของแอนเป็นที่ลำลือกันในสังคมออนไลน์ของมหาวิทยาลัยอย่างมาก ว่าเธอหลงผู้ชายจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอเข้าเรียนแทนเขา เช็คชื่อแทนเขา ซึ่งแม่แอนก็ได้เข้าไปอ่านทำให้แม่แอนรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ตัวแอนเองไม่เคยทราบข่าวใดๆทั้งสิ้น เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของคนรักอย่างเดียว
“แม่อย่ายุ่งเรื่องนี้เลยนะ กลับบ้านไปดีกว่า”
“เชื่อแม่เถอะนะลูก แม่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนลูก แม่เข้าใจดี”
“โอ๊ย!! แม่กลับไปอาบน้ำร้อนน้ำเย็นของแม่ที่บ้านเลยนะ อย่ามา

กับหนู!!!!”
แม่แอนช็อคกับคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากปากลูกสาวตัวเองมาก่อน น้ำตาได้พรั่งพรูออกมาจากนัยย์ตาเศร้านั้น และก็ขับรถจากไป ทิ้งให้แอนถูกผู้คนมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม เพียงผู้เดียว
“มองหาแม่พวกเธอหรอ!” แอนสบถออกมาอย่างไม่สนใจใยดีสายตาผู้คน
ในวันสอบปลายภาค แอนไม่รู้สึกขอบคุณแม้แต่นิดที่แม่เธอช่วยให้เธอมีสิทธิ์สอบอีกครั้ง แม้กระทั่งเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับการทำข้อสอบ แต่กำลังเป็นห่วงอั๋นว่าจะทำข้อสอบได้หรือไม่ และวันนี้วันเกิดอั๋น จะให้อะไรเป็นของขวัญดี จนในที่สุดเวลาล่วงเลยไป เธอส่งกระดาษคำตอบเปล่าๆ แล้วรีบกลับไปหาอั๋นทันที เธอนั่งคิดตลอดระยะเวลาสอบ และตัดสินใจแล้วว่า จะมอบร่างกายตัวเองให้อั๋น คืนนั้นเธอได้ทำตามที่คิดจริงๆและเธอรู้สึกมีความสุขมาก ในใจส่วนลึกคิดว่า ผู้ชายคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตของเธอไปจนแก่เฒ่า
พักเที่ยงวันต่อมา แอนไปทานอาหารกลางวันคนเดียวเพราะอั๋นบอกจะทานที่ทำงาน เธอเดินถือถาดอาหารไปและสังเกตเห็นผู้คนมองเธอด้วยสายแปลกๆ แอนหยุดหงิดเล็กน้อย จนกระทั่งเธอได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เธอ ช็อคมาก ไม่ต่างจากอาการของแม่เธอที่ถูกเธอขับไล่ใสส่งไป อั๋น และขวัญ นั่งโอบกันอยู่และพูดคุยกันเรื่องแอน แอนยืนฟัง และประติดประต่อเรื่องราว จนทราบว่า อั๋นกับขวัญ เป็นแฟนกันมาก่อนที่อั๋นจะมาช่วยเธอในวันนั้น และที่ขวัญคอยรังแกเธอ ด่าทอเธอ เพราะขวัญต้องการให้ตัวเองได้อันดับหนึ่ง เพื่อให้พ่อแม่ของตัวเองภูมิใจ จึงสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาเพื่อทำให้แอนเลิกสนใจในการเรียน ซึ่งพวกเขาไม่คิดว่าแผนจะสำเร็จอย่างง่ายดาย ในตอนนี้คำว่า “โง่” ได้ผุดขึ้นมาในจิตใจของแอน แอนช็อคมากกับเรื่องหลอกหลวงเหล่านั้น ทุกอย่างคือการหลอกลวง ถูกวางแผนมาแล้วตั้งแต่แรก และเธอก็ติดกับดักนี้เข้าอย่างจัง มือของแอนอ่อนปวกเปียกและปล่อยถาดร่วงลงบนพื้น ผู้คนมองมาเป็นตาเดียวกัน รวมทั้งอั๋นและขวัญก็มองมาที่แอนด้วยสีหน้าตกใจ แอนวิ่งออกจากโรงอาหาร วิ่งไปอย่างไม่รู้จุดหมาย ไม่สนใจว่าจะชนใครล้ม และไม่สนใจเสียงด่าทอตามหลังมา จนในที่สุดเธอสะสุดเสียหลักในขณะที่กำลังจะวิ่งลงบันได ในช่วงวินาทีนั้น เธอหลับตาและคิดว่า ตายเสียได้ก็ดี เธอจึงปล่อยตัวเองตกลงมาตามแรง โดยไม่ฝืนใดๆทั้งๆสิ้น เธอรู้สึกมึนศีรษะอย่างมาก เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินคือ เสียงโวยวายและเสียงกรีดร้องของผู้หญิง จากนั้นเธอก็ไม่รู้สึก หรือได้ยินอะไรอีกเลย
เธอเริ่มรู้สึกตัว และค่อยๆลืมตาขึ้น เธอจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นได้ดีเพราะมันยากที่จะลืม ความรู้สึกถึงความเศร้า เสียใจ และความรู้สึกผิดต่อแม่อย่างหมันต์ยังคงอยู่ ตอนนี้เธอต้องการกลับไปขอโทษแม่ เธอพยุงตัวเองขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ เพียงแค่มองเห็นตัวเองในชุดผู้ป่วยและสายน้ำเกลือระโยงระยางมาที่แขนเธอ ก็รู้ทันทีว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลกำลังจัดแจงเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้เธอ เธอมองไปที่นาฬิกาผนังเป็นเวลา 9.00 น. เธอมองดูภาพข่าวเกี่ยวกับแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศจีน ในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“รู้สึกตัวแล้วหรอคะน้อง”
“หนูหลับไปนานแค่ใหนหรอคะ พี่พยาบาล”
“ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ เกือบ 24 ชั่วโมงแล้วจ้ะ’”
“แล้วพ่อแม่หนูได้มาเยี่ยมหรือยังคะ ”
“เอ่อ...คือ...” พยาบาลพูดอย่างอ้ำอึ้ง
“น้องไม่ต้องห่วงนะคะ ทำใจเย็นๆ นี่โทรศัพท์ของน้องค่ะ ทางเราได้โทรไปแจ้งพ่อแม่ของน้อง ตามเบอร์ในถือถือนี้ แต่ว่า...” พยาบาลสาวพูดขาดตอน
“เราได้รับสายแจ้งกลับมาจากโรงพยาบาลในตัวเมืองว่า พ่อแม่ของน้อง ได้ประสบอุบัติเหตุนะคะ ตอนนี้กำลัง......”
ไม่ทันที่พยาบาลสาวจะพูดจบ แอนลุกพรวดขึ้นจากเตียง กระชากสายน้ำเกลือ วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าสิ่งรอบๆตัวเธอกำลังสั่นสะเทือน แต่ไม่ทำให้เธอหยุดวิ่งได้ ต้อนนี้น้ำตาได้หลั่งไหลออกมาอีกแล้ว เธอวิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไม่สนใจความเจ็บที่ศีรษะ ไม่สนใจระยะทางสู่จุดมุ่งหมาย
มีเรื่องสั้นที่ส่งไปให้ขายหัวเราะครั้งแรก อยากให้ช่วยติชมหน่อยครับ
กาลโยค
ข่าวลือเรื่อง คำทำนายวันโลกแตก ได้หนาหูมากในช่วงนี้ ทั้งพูดปากต่อปาก หรือในโลกสังคมออนไลน์ ถึงกับว่า คนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในหน้าที่การงานได้ลาออก เพื่อจะใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายกับคนที่ตนเองรัก หรือแม้แต่คนที่กลัวจนวิตกจริต จนถึงขั้นฆ่าตัวตายก็เห็นเป็นข่าวไม่น้อย ทั้งในโทรทัศน์ และหน้าหนังสือพิมพ์
แอน นิสิตสาว คณะแพทยศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอก็รู้สึกกลัวเช่นกัน และก็เคยเก็บเอาไปฝันร้ายครั้งหนึ่ง จากการที่เธอได้ยินเรื่องราวผ่านหูอยู่เป็นประจำทั้งจากเพื่อนร่วมคณะ หรือแม้แต่อาจารย์ผู้สอนก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาสนทนาในชั้นเรียนวิชาทั่วๆไป ถึงแม้เธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถูกสอนให้เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์แต่เธอก็คือคนธรรมดาคนนึง ย่อมมีความเชื่อ มีความกลัว แอนเรียนเก่งที่สุดในคณะมาตลอด ผลการเรียนของเธอแน่นอนว่าติดอันดับหนึ่งมาตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก แต่เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์มีการแข่งขันในการเรียนสูงมาก แอนที่ปกติไม่มีเพื่อนสนิทเลย ก็ยังมาถูกเมินจากเพื่อนร่วมคณะอีก เพียงเพราะแอนเรียนเก่งกว่าพวกเขาเท่านั้น ถึงแม้แอนจะเรียนเก่งมาก แต่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ปีแรกจนปัจจุบันปีที่สอง มันรุนแรงขึ้นจนความกลัวเรื่องโลกแตกไม่อยู่ในหัวเธออีกต่อไป เพราะเธอเจอกับปัญหาหนักกว่านั้นมาก ขวัญ และผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนใน Facebook ของเธอ ได้รุมต่อว่าเธออย่างรุนแรง ใช้คำด่าทอต่างๆนานา กล่าวหาสารพัด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว แอนไม่เคยทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย แอนเสียใจมากไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้ขวัญ ขวัญถึงได้เกลียดเธอขนาดนี้ ทั้งๆที่ขวัญ เป็นเพื่อนร่วมคณะกับเธอแท้ๆ จนในที่สุดมันก็เป็นมากกว่าเพียงข้อความต่อว่าทั่วไป ขวัญได้ใช้วาจาพูดด่าทอแอน กล่าวหาแอนโดยใช้วาจาหยาบคายในที่สาธารณะ จนผู้คนมองแอนอย่างสงสัย ว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ แอนทุกข์ใจมาก เธอไม่มีเพื่อนให้ปรึกษา เธอไม่มีใครเลย นอกจากพ่อแม่ ที่เธอจะโทรไปปรึกษาได้นานๆครั้ง ถึงแม้พวกท่านจะไม่มีเวลาให้เธอมากนักก็ตาม แต่ก็ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะเรียนต่อไปแบบนี้ โดยทำเมินต่อเฉยต่อปัญหาและไม่คิดหาทางแก้ ขวัญยังคงพูดจาถากถางแอนอยู่เรื่อยๆเมื่อพบหน้ากันหรือเดินผ่านกัน และยังมีเพื่อนผู้หญิงของเธออีก 2-3 คน ช่วยกันเป็นตัวสนับสนุน ร่วมกันหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนแอน แต่แอนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และเมินขวัญอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้ขวัญโกรธมาก ที่แอนทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จึงเกิดเรื่องขึ้น “เก่งนักหรอ!ห๊ะ!” ขวัญตะโกนพร้อมกับกับวิ่งเข้าไปจับเสื้อแอนและผลักอย่างแรงจนแอนล้มลงไปนั่งกับพื้นหัวเกือบฟาดผนัง พร้อมทั้งเพื่อนของเธอก็รุมกันกระชากผมแอน แอนตกใจและ เสียใจจากมากจนน้ำตาพรั่งพรูออกมา เธอคิดถึงพ่อแม่มาก เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธออยากจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เหล่านิสิต นักศึกษาที่มามุงดูไม่คิดที่จะช่วยเธอเลยแม้แต่คนเดียว และไม่มีแม้แต่อาจารย์สักท่านที่ตอนนี้จะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดให้เธอได้ เธอภาวนาในใจให้มีคนมาช่วยเธอ “ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ขอร้องเถอะ” เธอสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น ไม่นานนักคำภาวนาของเธอก็บรรลุผลอย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางอบอุ่น พูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอยโยน เข้ามาช่วยห้ามปรามในเหตุการณ์นั้น และช่วยพยุงแอนลุกขึ้นเดินผ่านสายตาคนมากมาย แอนรู้จักหนุ่มคนนี้ดี เขาคือ อั๋น คนที่เธอแอบชอบมาตลอด เป็นนิสิตคณะเดียวกันแต่คนละกลุ่ม จึงไม่ได้เรียนพร้อมกันและไม่สนิทกัน เธอไม่กล้าบอกความในใจแก่เขา และไม่คิดจะบอกด้วย เธอเพียงเก็บความรู้สึกไว้ในใจและแอบหวังอยู่เพียงคนเดียว หลังจากที่เธอพบกับความยากลำบากมามาก เธอรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ลืมเธอ ส่งคนที่เธอชอบมาหาเธอ มารับฟังความทุกข์ของเธอ นอกเหนือจากพ่อแม่ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้
“ขอบใจมากนะอั๋น ที่มาช่วยแอนไว้ ถ้าไม่ได้อั๋นแอนก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เคยเจอแบบนั้นมาเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกดี”
ไม่นาน ความสัมธ์ของทั้งสองก็พัฒนาขึ้น กลายเป็นแฟนกันอย่างไม่รู้ตัว แอนมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มาก แอนได้รู้เรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขมากๆอีกเรื่องหนึ่งจากปากอั๋นคือ อันที่จริง อั๋นก็แอบชอบแอนมานานแล้ว และคอยแอบมองอยู่ และไม่กล้าเข้ามาตีสนิทเช่นกัน เพราะอั๋นก็เป็นคนขี้อาย แถมฐานะยากจน กลัวแอนไม่ชอบ ถ้าไม่ได้ทุนการศึกษา อั๋นคงไม่มีปัญญาเรียนแพทย์
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น แอนแปลกใจนิดหน่อย ที่ขวัญไม่สนใจเธออีกเลย ไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำ และแอนก็ชอบให้เป็นนี้ต่อไป เมื่อแอนพบว่าฐานะทางครอบครัวของอั๋นไม่ค่อยดี อั๋นจึงต้องไปทำงานพิเศษหลักเลิกเรียนอยู่ตลอด แอนเสนอมอบเงินช่วยเหลืออั๋นเนื่องจากฐานะครอบครัวแอนดีมาก แอนจึงมีเงินใช้ฟุ่มเฟือยมหาศาล แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ใช้เพราะเธอเอาแต่เรียน จึงถือโอกาสเอามาช่วยอั๋น แต่อั๋นไม่ยอมรับความช่วยเหลือ เพราะไม่อยากรบกวนแอน อั๋นบอกว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้แอนรักอั๋นมากขึ้นอีก บางครั้งที่อั๋นจำเป็นต้องโดดเรียนเรื่องงาน แอนจะไปจดเล็คเชอร์ไว้ให้ และยังเช็คชื่อเข้าเรียนในชื่ออั๋น ทำให้เธออยู่ในสถานะขาดเรียน ทั้งๆที่ความจริงเธอไม่ได้ขาด เมื่ออั๋นขาดเรียนบ่อยๆ แอนก็ยังคงเข้าเรียนแทนอั๋นต่อไป ไม่นึกถึงผลเสียต่อตัวเอง จนหนักเข้าๆ แอนใกล้จะหมดสิทธิ์สอบในหลายๆวิชา แต่เธอยังไม่รู้ตัวและไม่มีท่าทีว่าจะเลิก จนเรื่องไปถึงหูพ่อแม่ของแอน โรงเรียนได้ส่งจดหมายไปแจ้ง ว่าแอนใกล้หมดสิทธิ์สอบขาดอีกได้แค่ไม่กี่ครั้ง แม่แอนจึงโทรมาเตือนแอนบ่อยๆ แอนเพียงรับปากแม่ แต่ไม่ได้ทำตามที่รับปาก เมื่อแม่แอนโทรมาเตือนบ่อยเข้า แอนถึงกับวางสายหนีแม่ ตอนนี้แอนตกอยู่ในอาการที่เรียกว่า หลงผู้ชายจนหัวปรักหัวปรำ มองไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากอั๋นคนเดียวเท่านั้น จนในที่สุดเธอก็หมดสิทธิ์สอบจริงๆ แม่ของแอนต้องเสียเวลาในการทำงาน มาที่มหาวิทยาลัยเพื่อแก้ปัญหาให้แอนด้วยเงินที่เธอหามาอย่างยากลำบาก แล้วจึงมาพบแอนด้วยตัวเอง
“แอน ลูกไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับลูก”
“หนูก็เป็นเหมือนเดิมนี่แม่ แปลกตรงใหนหรอคะ”
”อย่าทำแบบนี้กับตัวเองเลย ถือว่าแม่ขอร้องนะลูก”
เรื่องของแอนเป็นที่ลำลือกันในสังคมออนไลน์ของมหาวิทยาลัยอย่างมาก ว่าเธอหลงผู้ชายจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอเข้าเรียนแทนเขา เช็คชื่อแทนเขา ซึ่งแม่แอนก็ได้เข้าไปอ่านทำให้แม่แอนรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ตัวแอนเองไม่เคยทราบข่าวใดๆทั้งสิ้น เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของคนรักอย่างเดียว
“แม่อย่ายุ่งเรื่องนี้เลยนะ กลับบ้านไปดีกว่า”
“เชื่อแม่เถอะนะลูก แม่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนลูก แม่เข้าใจดี”
“โอ๊ย!! แม่กลับไปอาบน้ำร้อนน้ำเย็นของแม่ที่บ้านเลยนะ อย่ามา
แม่แอนช็อคกับคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากปากลูกสาวตัวเองมาก่อน น้ำตาได้พรั่งพรูออกมาจากนัยย์ตาเศร้านั้น และก็ขับรถจากไป ทิ้งให้แอนถูกผู้คนมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม เพียงผู้เดียว
“มองหาแม่พวกเธอหรอ!” แอนสบถออกมาอย่างไม่สนใจใยดีสายตาผู้คน
ในวันสอบปลายภาค แอนไม่รู้สึกขอบคุณแม้แต่นิดที่แม่เธอช่วยให้เธอมีสิทธิ์สอบอีกครั้ง แม้กระทั่งเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับการทำข้อสอบ แต่กำลังเป็นห่วงอั๋นว่าจะทำข้อสอบได้หรือไม่ และวันนี้วันเกิดอั๋น จะให้อะไรเป็นของขวัญดี จนในที่สุดเวลาล่วงเลยไป เธอส่งกระดาษคำตอบเปล่าๆ แล้วรีบกลับไปหาอั๋นทันที เธอนั่งคิดตลอดระยะเวลาสอบ และตัดสินใจแล้วว่า จะมอบร่างกายตัวเองให้อั๋น คืนนั้นเธอได้ทำตามที่คิดจริงๆและเธอรู้สึกมีความสุขมาก ในใจส่วนลึกคิดว่า ผู้ชายคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตของเธอไปจนแก่เฒ่า
พักเที่ยงวันต่อมา แอนไปทานอาหารกลางวันคนเดียวเพราะอั๋นบอกจะทานที่ทำงาน เธอเดินถือถาดอาหารไปและสังเกตเห็นผู้คนมองเธอด้วยสายแปลกๆ แอนหยุดหงิดเล็กน้อย จนกระทั่งเธอได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เธอ ช็อคมาก ไม่ต่างจากอาการของแม่เธอที่ถูกเธอขับไล่ใสส่งไป อั๋น และขวัญ นั่งโอบกันอยู่และพูดคุยกันเรื่องแอน แอนยืนฟัง และประติดประต่อเรื่องราว จนทราบว่า อั๋นกับขวัญ เป็นแฟนกันมาก่อนที่อั๋นจะมาช่วยเธอในวันนั้น และที่ขวัญคอยรังแกเธอ ด่าทอเธอ เพราะขวัญต้องการให้ตัวเองได้อันดับหนึ่ง เพื่อให้พ่อแม่ของตัวเองภูมิใจ จึงสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาเพื่อทำให้แอนเลิกสนใจในการเรียน ซึ่งพวกเขาไม่คิดว่าแผนจะสำเร็จอย่างง่ายดาย ในตอนนี้คำว่า “โง่” ได้ผุดขึ้นมาในจิตใจของแอน แอนช็อคมากกับเรื่องหลอกหลวงเหล่านั้น ทุกอย่างคือการหลอกลวง ถูกวางแผนมาแล้วตั้งแต่แรก และเธอก็ติดกับดักนี้เข้าอย่างจัง มือของแอนอ่อนปวกเปียกและปล่อยถาดร่วงลงบนพื้น ผู้คนมองมาเป็นตาเดียวกัน รวมทั้งอั๋นและขวัญก็มองมาที่แอนด้วยสีหน้าตกใจ แอนวิ่งออกจากโรงอาหาร วิ่งไปอย่างไม่รู้จุดหมาย ไม่สนใจว่าจะชนใครล้ม และไม่สนใจเสียงด่าทอตามหลังมา จนในที่สุดเธอสะสุดเสียหลักในขณะที่กำลังจะวิ่งลงบันได ในช่วงวินาทีนั้น เธอหลับตาและคิดว่า ตายเสียได้ก็ดี เธอจึงปล่อยตัวเองตกลงมาตามแรง โดยไม่ฝืนใดๆทั้งๆสิ้น เธอรู้สึกมึนศีรษะอย่างมาก เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินคือ เสียงโวยวายและเสียงกรีดร้องของผู้หญิง จากนั้นเธอก็ไม่รู้สึก หรือได้ยินอะไรอีกเลย
เธอเริ่มรู้สึกตัว และค่อยๆลืมตาขึ้น เธอจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นได้ดีเพราะมันยากที่จะลืม ความรู้สึกถึงความเศร้า เสียใจ และความรู้สึกผิดต่อแม่อย่างหมันต์ยังคงอยู่ ตอนนี้เธอต้องการกลับไปขอโทษแม่ เธอพยุงตัวเองขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ เพียงแค่มองเห็นตัวเองในชุดผู้ป่วยและสายน้ำเกลือระโยงระยางมาที่แขนเธอ ก็รู้ทันทีว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลกำลังจัดแจงเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้เธอ เธอมองไปที่นาฬิกาผนังเป็นเวลา 9.00 น. เธอมองดูภาพข่าวเกี่ยวกับแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศจีน ในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“รู้สึกตัวแล้วหรอคะน้อง”
“หนูหลับไปนานแค่ใหนหรอคะ พี่พยาบาล”
“ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ เกือบ 24 ชั่วโมงแล้วจ้ะ’”
“แล้วพ่อแม่หนูได้มาเยี่ยมหรือยังคะ ”
“เอ่อ...คือ...” พยาบาลพูดอย่างอ้ำอึ้ง
“น้องไม่ต้องห่วงนะคะ ทำใจเย็นๆ นี่โทรศัพท์ของน้องค่ะ ทางเราได้โทรไปแจ้งพ่อแม่ของน้อง ตามเบอร์ในถือถือนี้ แต่ว่า...” พยาบาลสาวพูดขาดตอน
“เราได้รับสายแจ้งกลับมาจากโรงพยาบาลในตัวเมืองว่า พ่อแม่ของน้อง ได้ประสบอุบัติเหตุนะคะ ตอนนี้กำลัง......”
ไม่ทันที่พยาบาลสาวจะพูดจบ แอนลุกพรวดขึ้นจากเตียง กระชากสายน้ำเกลือ วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าสิ่งรอบๆตัวเธอกำลังสั่นสะเทือน แต่ไม่ทำให้เธอหยุดวิ่งได้ ต้อนนี้น้ำตาได้หลั่งไหลออกมาอีกแล้ว เธอวิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไม่สนใจความเจ็บที่ศีรษะ ไม่สนใจระยะทางสู่จุดมุ่งหมาย