ว่าจะไม่พูดถึงการเมือง
เมื่อเช้าฟัง ครั้งสุดท้าย แล้วก็ให้เลือกข้าง แล้วก็เศร้าใจ
ประเทศไทยต้องมีการเลือกข้าง !!!!!
ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ ของประเทศไทยนั้น
ผมคิดว่าก็เพราะไอ้คำว่าเลือกข้างนี่แหละ
ทำให้ประเทศมันแตกแยกจนทุกวันนี้
การเลือกข้างนั้น ทำให้ คนเรา ดู และ ฟัง รวมทั้ง เชื่อ
เชื่อใน สื่อ ในสิ่งที่นักวิชาการพูด หรือ เชื่อในสิ่งที่แกนนำพูด
โดยไม่ได้นำมาไตร่ตรอง พิจารณา ข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ที่ทำให้น่ากลัวในสังคมไทยเป็นอย่างมาก
จะเห็นจากสื่อของแต่ละข้างที่พยายามปั่นกระแสให้แก่ตัวเอง
และให้ร้ายอีกฟัง รวมถึงโลก ออนไลน์ ที่มีการปั่นข่าว
เอาภาพเก่ามาเล่าใหม่ สร้างความเกลียดชัง สร้างเหตุผลให้ตัวเอง
โดยไม่ได้ดูแหล่งที่มาของข่าว
บางคนที่เคยคุยกัน เถียงกัน ก็ยังไม่ได้ไปอ่านข้อเท็จจริง
แล้วคิดวิเคราะห์ต่อ…………………………
จ้องแต่จะทำลายล้าง ข้างตรงข้ามกัน ไม่คุยไม่มีเหตุผล
บางคนบอกมาตรา 7 มาตรา 3 ก็ฟัง ฟังด้วยไม่ได้ไปดูเลย
ว่ารัฐธรรมนูญเค้าเขียนไว้อย่างไร รวมถึงสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
บางคนหรือหลายคนยังไม่รู้เลยว่ากรณีอะไร ได้แต่อ้างว่าไม่ยอมรับอำนาจศาล
และไม่ได้นำเนื้อหาเลยว่าศาลรัฐธรรมมีคำตัดสินโดยมีผลบังคับหรือไม่..
ไม่พูดต่อต้องให้ไปหาอ่านแต่ละประเด็นเอง
วันนี้ก็เถียงกับน้องคอเป็นเอ็น น้องก็เอียงแดง (นิด ๆ )
บอกต้องล้มระบอบอำมาตย์ ผมก็บอกว่ามันไม่ใช่
ต้องไปแก้ที่การศึกษาของประเทศไทย ให้มีวิชา
“ประชาธิปไตย” ไล่เรียงมาตั้งแต่ 2475 จนกระทั่ง
ถึงปัจจุบัน ให้เด็ก ๆ ได้รู้ว่า ประเทศไทยนั้นวนไปวนมา
กับ การปฏิวัติมากี่ครั้ง , การกบฏ มากี่หน ,คนล้มตายไปเท่าไหร่
น้องก็เถียงว่า คนทุกคนเค้าก็คงไม่ได้อยากเรียน และไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก
ต้องไปแก้ที่ระบบอำมาตย์ และเรียนไปก็ไม่ได้ผลอะไร
ผมก็บอกว่า แล้ววิชา ศาสนา ศีลธรรม คิดว่าเรียนทำไม
ยอมรับไหมว่ามันไม่มีคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
แต่มันก็ต้องให้ความรู้ สร้างบรรฐัดฐาน เผื่อจะมีคนที่เข้าใจ
มันอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันต้องทำเพื่อให้
ประเทศนี้ ดำเนินประชาธิปไตย ไปอย่างบริสุทธิ์
ท้ายนี้กลับมาที่การเลือกข้าง
ก่อนหน้านั้นก็โดนเพื่อนข้างนั้นข้างนี้ด่า ว่าเป็นไทยเฉย
เห็นแก่ตัว ไม่มีเป็นจุดยืน แล้วก็บอกว่าไอ้ฝ่ายตรงข้าม
เค้านั้นดีกว่าเราซะอีก ผมก็ตอบไปว่า แล้วข้างกับสี
ประเทศนี้ ต้องเลือก เลยใช่ไหม
ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ใส่ไปในบัตรประชาชนไปเลยหล่ะ
“ว่า นาย ก นามสกุล ข ศาสนา พุทธ สี xxx “
คิดว่าในประเทศนี้มีแนวคิดแค่สองสีแค่นั้นใช่ไหม
ไม่เคยคิดเอง หาข้อมูล ตัดสินใจเอง แล้วพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ
กูก็มีความคิดของกูนะเฟ้ย ประเทศไม่ใช่การเลือกข้าง
แต่เราต้องมีความคิด พิจารณา เรื่องไหน ข้างไหนทำไม่ถูก ก็ต้องว่าเรื่องนั้น
ข้างไหน เรื่องไหน ทำถูก ก็ต้องสนับสนุน สุดท้ายก็บอกมันไปว่า
ถ้าคิดว่าประเทศนี้มีสอง สี ก็แบ่งประเทศ

ไปเลยไหม
ประเทศไทยเหลือง กับ ประเทศไทยแดง มันถึงจะถูกต้องใช่ไหม
จาก ไทยเฉย ไทยอดทน หรือ ใครจะว่า ทรชตชาติ , ขี้ข้า
อะไรก็แล้ว แต่
แต่ผมไม่สนใจ เพราะรู้ว่า ผมมีความคิดเป็นของตัวเอง
และที่นี่ ประเทศ ไท
ปกครองระบอบประชาธิยไตย อันมีพระมหากษัตรยิ์ ส่งเป็นพระประมุข
ประเทศไทยกับการเลือกข้าง !!!!
เมื่อเช้าฟัง ครั้งสุดท้าย แล้วก็ให้เลือกข้าง แล้วก็เศร้าใจ
ประเทศไทยต้องมีการเลือกข้าง !!!!!
ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ ของประเทศไทยนั้น
ผมคิดว่าก็เพราะไอ้คำว่าเลือกข้างนี่แหละ
ทำให้ประเทศมันแตกแยกจนทุกวันนี้
การเลือกข้างนั้น ทำให้ คนเรา ดู และ ฟัง รวมทั้ง เชื่อ
เชื่อใน สื่อ ในสิ่งที่นักวิชาการพูด หรือ เชื่อในสิ่งที่แกนนำพูด
โดยไม่ได้นำมาไตร่ตรอง พิจารณา ข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ที่ทำให้น่ากลัวในสังคมไทยเป็นอย่างมาก
จะเห็นจากสื่อของแต่ละข้างที่พยายามปั่นกระแสให้แก่ตัวเอง
และให้ร้ายอีกฟัง รวมถึงโลก ออนไลน์ ที่มีการปั่นข่าว
เอาภาพเก่ามาเล่าใหม่ สร้างความเกลียดชัง สร้างเหตุผลให้ตัวเอง
โดยไม่ได้ดูแหล่งที่มาของข่าว
บางคนที่เคยคุยกัน เถียงกัน ก็ยังไม่ได้ไปอ่านข้อเท็จจริง
แล้วคิดวิเคราะห์ต่อ…………………………
จ้องแต่จะทำลายล้าง ข้างตรงข้ามกัน ไม่คุยไม่มีเหตุผล
บางคนบอกมาตรา 7 มาตรา 3 ก็ฟัง ฟังด้วยไม่ได้ไปดูเลย
ว่ารัฐธรรมนูญเค้าเขียนไว้อย่างไร รวมถึงสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
บางคนหรือหลายคนยังไม่รู้เลยว่ากรณีอะไร ได้แต่อ้างว่าไม่ยอมรับอำนาจศาล
และไม่ได้นำเนื้อหาเลยว่าศาลรัฐธรรมมีคำตัดสินโดยมีผลบังคับหรือไม่..
ไม่พูดต่อต้องให้ไปหาอ่านแต่ละประเด็นเอง
วันนี้ก็เถียงกับน้องคอเป็นเอ็น น้องก็เอียงแดง (นิด ๆ )
บอกต้องล้มระบอบอำมาตย์ ผมก็บอกว่ามันไม่ใช่
ต้องไปแก้ที่การศึกษาของประเทศไทย ให้มีวิชา
“ประชาธิปไตย” ไล่เรียงมาตั้งแต่ 2475 จนกระทั่ง
ถึงปัจจุบัน ให้เด็ก ๆ ได้รู้ว่า ประเทศไทยนั้นวนไปวนมา
กับ การปฏิวัติมากี่ครั้ง , การกบฏ มากี่หน ,คนล้มตายไปเท่าไหร่
น้องก็เถียงว่า คนทุกคนเค้าก็คงไม่ได้อยากเรียน และไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก
ต้องไปแก้ที่ระบบอำมาตย์ และเรียนไปก็ไม่ได้ผลอะไร
ผมก็บอกว่า แล้ววิชา ศาสนา ศีลธรรม คิดว่าเรียนทำไม
ยอมรับไหมว่ามันไม่มีคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
แต่มันก็ต้องให้ความรู้ สร้างบรรฐัดฐาน เผื่อจะมีคนที่เข้าใจ
มันอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันต้องทำเพื่อให้
ประเทศนี้ ดำเนินประชาธิปไตย ไปอย่างบริสุทธิ์
ท้ายนี้กลับมาที่การเลือกข้าง
ก่อนหน้านั้นก็โดนเพื่อนข้างนั้นข้างนี้ด่า ว่าเป็นไทยเฉย
เห็นแก่ตัว ไม่มีเป็นจุดยืน แล้วก็บอกว่าไอ้ฝ่ายตรงข้าม
เค้านั้นดีกว่าเราซะอีก ผมก็ตอบไปว่า แล้วข้างกับสี
ประเทศนี้ ต้องเลือก เลยใช่ไหม
ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ใส่ไปในบัตรประชาชนไปเลยหล่ะ
“ว่า นาย ก นามสกุล ข ศาสนา พุทธ สี xxx “
คิดว่าในประเทศนี้มีแนวคิดแค่สองสีแค่นั้นใช่ไหม
ไม่เคยคิดเอง หาข้อมูล ตัดสินใจเอง แล้วพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ
กูก็มีความคิดของกูนะเฟ้ย ประเทศไม่ใช่การเลือกข้าง
แต่เราต้องมีความคิด พิจารณา เรื่องไหน ข้างไหนทำไม่ถูก ก็ต้องว่าเรื่องนั้น
ข้างไหน เรื่องไหน ทำถูก ก็ต้องสนับสนุน สุดท้ายก็บอกมันไปว่า
ถ้าคิดว่าประเทศนี้มีสอง สี ก็แบ่งประเทศ
ประเทศไทยเหลือง กับ ประเทศไทยแดง มันถึงจะถูกต้องใช่ไหม
จาก ไทยเฉย ไทยอดทน หรือ ใครจะว่า ทรชตชาติ , ขี้ข้า
อะไรก็แล้ว แต่
แต่ผมไม่สนใจ เพราะรู้ว่า ผมมีความคิดเป็นของตัวเอง
และที่นี่ ประเทศ ไท
ปกครองระบอบประชาธิยไตย อันมีพระมหากษัตรยิ์ ส่งเป็นพระประมุข