รวมเรื่องเล่าจาก แม่ชีนัน

กระทู้คำถาม
1.    เรื่องเล่าจากแม่ชีนัน " ผู้ตามหาสถานที่ที่ใช่สำหรับการออกบวช ตอนที่ 1"

                แม่ชีนันเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดเมื่อประมาณครึ่งเดือนที่ผ่านมาและได้ตัดสินใจออกบวชที่นี่ นี่เป็นเรื่องราวจากการเล่าของแม่ชีนัน 
                 เคยไปปฏิบัติที่อื่นมาประมาณ 3 เดือนแล้วและเพิ่งเข้ามาอยู่ที่ร้อยเอ็ดนี้ได้ประมาณครึ่งเดือน ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นตลอดเวลาที่อยู่วัด วันพระจะไปสักอาทิตย์นึงแล้วกลับ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร แม่ชีคนหนึ่งแนะนำให้มาที่นี่ วันแรกที่มาทำใจไม่ได้เลยเพราะไม่เคยอยู่ลำบากแบบนี้ เคยเป็นเด็กอยู่ในตลาดชลบุรี ขี้วัว ขี้ควาย ขี้ไก่รับไม่ได้ในวัดมีทั้งนั้น เวลาไปบินฑบาตรต้องเจอกับขี้วัว ขี้ควายบนถนน ต้องเหยียบโดนอยู่แล้ว แต่มาอยู่ที่นี่สามารถผ่านไปได้โดยที่เราไม่รังเกียจ ตัดทิ้งได้ วางได้ ซึ่งไม่ใช่คนอย่างนี้ และมีความรู้สึกว่าการมาฝึกที่นี่ทำให้จิตใจมีสมาธิสงบเงียบ ทำให้ได้ศึกษาธรรมะที่แท้จริง
                    ท่านแม่ชีมาสอบอารมณ์ทุกวัน เคยไปปฏิบัติที่อื่นเราจะต้องรู้เองว่าเราต้องเดินเข้าหาครูบาอาจารย์ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่กล้า แต่ท่านแม่ชีเป็นกันเองมากสอนแม้กระทั่งการกราบซึ่งที่อื่นถ้าไม่ใฝ่รู้ก็จะไม่ได้อะไร แม่ชีเกณฑ์ท่านจะสอนตัวต่อตัวและมาสอบอารมณ์ทุกวัน ตรงไหนที่ยังไม่ผ่านท่านจะช่วยแก้ให้ รู้สึกว่าตัวเองมาเจอธรรมะที่นี่ มาฝึกจนมีสติ สมาธิและ ปัญญาได้ก็จากที่นี่ ซึ่งแต่ก่อนไปมาสวดมนต์ก็สวดตามเขาไปแบบนกแก้วนกขุนทองจิตใจไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มาที่นี่แม่ชีท่านสอนให้รู้ทุกอย่าง และเวลาเดินวิปัสสนาแม่ชีท่านสอนให้ทำถูกต้องทุกอย่าง ตั้งแต่ระยะที่ 1 ไปจนถึงระยะที่ 6 ท่านแนะนำเราจนผ่านแต่ละขั้นมาได้ ตอนนี้มีจิตใจที่ดีขึ้น มีสติ ทิฐิหายไป แต่ก่อนเป็นคนที่มีทิฐิแรงมาก ไม่ว่ากับพี่กับน้อง แต่พอได้มาสอบอารมณ์ มานั่งปฏิบัติ มันมีสติ ให้สติเตือนเราว่ารู้แล้วหนอ สิ่งที่รู้เราก็ปล่อยวาง มีปัญญาเกิดขึ้น รู้แล้วว่าการไปทะเลาะกัน การเข่นฆ่า ไปตีกัน มันมีแต่โทษ ทำให้จิตใจเราต่ำลง เมื่อระลึกได้ก็ปล่อยวางได้จากสติตัวนี้ 
                     ใช่เราจับอารมณ์ตรงนี้ได้มีสติห้ามได้ ก็เกิดปัญญาขึ้นมา ตรงนี้สมควรทำ ตรงนี้ไม่สมควรทำ และอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่เคยผิดพลาดมาแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเคยตีและเอาไฟเผาตะขาบตัวใหญ่ เขามาให้เห็นขณะเดินจงกรม มาเพื่อบอกและมาเตือนว่าเราเป็นคนทำเขา มีสติทันรีบแผ่เมตตาออกไปเขาก็หายไป ที่ผ่านมาเวลาเดินก็ปวดเวลานั่งก็ปวดเข่าและขามาก เรายึดติดมันเกินไปก็ปวดมาก แม่ชีท่านมาสอบอารมณ์ก็ให้ข้อคิดและเราก็ปล่อยวางมีสติเท่าทันมัน สามารถกำหนดมันได้ วางมันได้ ไม่ใช่มายึดมาติดและมันทำให้เราไม่ปวด เจ็บมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา มันเจ็บได้มันก็หายได้ ก็เหมือนกับเราทานอะไรลงไปแล้วไม่ถ่ายออกมันก็ท้องแตกอยู่ดี เรามีสมาธิขึ้นจิตใจสงบยิ้มเย็นลง
                 เวลานั่งสมาธิระลึกถึงว่าเมื่อก่อนเราเคยทำไม่ดี เคยทำอย่างโน้น เคยทำอย่างนี้ ตอนนี้เรามีสติที่จะพิจารณา เราเคยทำไม่ดีกับพ่อกับแม่เราไว้ เราทำได้อย่างไร ก็มีสติขึ้นคือมองเห็น รู้จักมองเห็นโทษ รู้ว่าเราทำให้ท่านเสียใจ ชีวิตเปลี่ยนไปจากคนที่ร้ายและไม่ยอมใคร มีทิฐิมานะ เคยเป็นใหญ่อยู่ในบ้านรู้สึกว่าตัวเองจะต้องใหญ่มาอยู่ที่นี่ทำให้เปลี่ยนไปทุกอย่าง สามารถถอดรองเท้าเดินอยู่ในวัดได้แม้จะต้องเหยียบขี้ไก่ก็บอกตัวเองได้ว่าเดี๋ยวมันก็หายไปมันไม่ได้มาติดขาเราอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยต้องมากวาดอะไรก็ทำได้ ในระหว่างที่กวาดก็กำหนดไป เวลากินก็กำหนดได้ นี่เคี้ยวนะ นี่เรากลืนนะ มาใหม่ๆทานอะไรไม่ได้เลยเพราะเป็นคนภาคกลางอยู่ดีทานดีมาตลอด ทุกวันนี้อาหารอะไรที่ไม่เคยทานก็ทานได้ แม้น้ำพริกปลาร้าก็ทานได้เพราะว่าเราทานให้มันอิ่มให้มันอยู่ได้ทานอะไรเข้าไปมันก็อิ่มทั้งนั้น อยู่ชลบุรีเคยกินหอยจ้ออยู่ที่นี่กินผัดเต้าหู้ก็อยู่ได้
                 เข้ามาเถอะค่ะ เข้ามาอยู่ในธรรมะดีกว่า เข้ามาปฏิบัติเอาธรรมะเข้ามาอยู่ในจิตใจของเรา เข้ามาปฏิบัติแล้วจะทำให้เราละเลิกได้หลายอย่างเคยยึดไว้ทุกอย่างแต่เดี๋ยวนี้สามารถปล่อยได้เพราะมันไม่ได้เป็นของเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่