โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

พอดีน้องที่ออฟฟิตฝากมาโพสให้ช่วยวิจารณ์หนังสั้นหน่อยครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ใครที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้คงไม่ต้องบรรยายนะครับว่าบ้านเมืองของเรากำลังวุ่นวายขนาดไหน แต่สำหรับในโลกของข้อมูลข่าวสารแล้ว บอกได้เลยว่า สับสน วุ่นวาย กว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหลายเท่า หรือจะเรียกว่าเป็นกลียุคแห่งข้อมูลข่าวสารก็ว่าได้

กลียุคแห่งข้อมูลข่าวสาร อันเกิดจาก สื่อหลัก(และสื่อออนไลน์ขององค์กรสื่อ) ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับสาร เนื่องจากมองว่าสื่อหลักเหล่านี้ถูกปิดกั้น และไม่สามารถสนองความต้องการบริโภคข้อมูลข่าวสารชาวไทยในยุคปัจจุบันได้ทำให้หลายคนกระโจนเข้าหาข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์ และเลือกที่จะ “เชื่อ” กับสิ่งที่สื่อในโลกออนไลน์บอกเรา แต่หากพิจารณาดีๆ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ  ที่ส่งต่อกันในโลกออนไลน์นั้น ไม่มีที่มา(แต่มีที่ไป) ไม่น่าเชื่อถือ (แต่คนจำนวนมากเชื่อถือ) และที่สำคัญ ข้อมูลในโลกออนไลน์นั้น มีพลังในการสร้างความแตกแยกในสังคมของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงตั้งคำถามว่า แล้วเกี่ยวอะไรกับหนังเรื่องนี้ล่ะ? หนังมันพูดเรื่องของความสวยงามไม่ใช่หรอ?”


                หากลอง “ใช้วิจารณญาณในการรับชม” ให้ถี่ถ้วน และลองจับสถานการณ์บ้านเมืองมาเปรียบเทียบแล้วจะเห็นความเหมือนอย่างน่าประหลาด หนังเรื่องนี้ใช้ “มณีจันทร์” สาวออฟฟิศที่ไม่เคยตกเทรนด์ และคลั่งเกาหลีเป็นตัวเดินเรื่อง ย้อนกลับไปสู่ยุคเก่า แต่พอมีคนยุคเก่าทักหน่อยนึงว่าทำไมเธอถึงไม่มีอะไรที่ดูเหมือนคนไทย เธอก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหญิงสาวชาวไทยในแบบโบราณได้ทันที พร้อมกับวิพากษ์สื่อในยุคสมัยใหม่ว่าชี้นำต่าง ๆ นาๆ โดยให้น้ำหนักไปที่ความสวยงามของผู้หญิง
แต่ถ้าคิดให้ดีๆ สื่อทุกวันนี้สามารถชี้นำสังคมไปได้ตามที่ต้องการ ไม่เฉพาะเรื่องความสวยงามของสตรีเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิด และทัศนคติทางการเมือง อันจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง(ประเทศไทย) ของเรา คนจำนวนมากถูกชักนำผ่านสื่อ ให้เกิดความเชื่อ จนสามารถสร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองอย่างที่เห็นได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
และหากย้อนไปตรวจสอบข้อมูลจำนวนมากที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ และสื่อกระแสรองบางสำนัก จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่นำเสนอออกมานั้น บางเรื่องสวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น บางข้อมูลเป็นเรื่องเก่าที่ถูกนำมาเล่าใหม่แล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้าย เราก็เลือกที่จะ “เชื่อ” ในข้อมูลที่เราถูกใจ ในข้อมูลที่เราอยากรับรู้ จนลืมที่จะเปิดพื้นที่ให้กับ ข้อมูลข่าวสารของอีกฝ่าย หรือจากสื่ออื่นๆ จนท้ายที่สุดแล้ว ความ “เชื่อ” ที่อาจไม่ตรงกับความจริงนั้น ถูกส่งต่อไปยังมวลชนของแต่ละฝ่าย สร้างความแตกแยก และความเสียหายให้กับประเทศชาติ โดยที่หลายคนลืมมองตัวเองว่า อาจถูกใช้เป็น “เครื่องมือ” ของคนบางกลุ่มเท่านั้น
สิ่งที่พูดมาในข้างต้น อาจกระตุกมุมมองของใครหลายคนให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเรื่อง “ความสวย” หรือ “การเมือง” ที่ถูกนำเสนอและส่งต่อผ่านสื่อต่างๆนั้น สุดท้ายแล้ว ผู้รับสารต่างหากที่เป็นฝ่ายได้รับความเพลี่ยงพล้ำ ในขณะที่ผู้ส่งสาร กำลังนั่งจิบไวน์ดูปรากฏการความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จากสิ่งที่ได้ถูกเตรียมการไว้ทั้งหมด...
หากได้อ่านบทความนี้แล้ว ก่อนจะส่งต่อข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ได้รับมา ลอง “ใช้วิจารณญาณในการรับชม” ข้อมูลข่าวสารนั้นว่า มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน จะเกิดผลกระทบอะไรกับสังคม และตั้งคำถามตัวเองอีกครั้งว่า “ทุกวันนี้ คุณ กำลัง “เชื่อ” อะไร?”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่