พ่อ ออกจากงานก่อนเกษียณ ตาม กระแสเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
จากนั้นก็ไปอยู่ ชานเมืองกับแม่ สองคนตายาย..ทำสวน เอาอากาศบริสุทธิ์
พ่อ เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงดี จากพี่น้องทั้งหมดเกือบสิบ ถือว่าตระกูลนี้
อายุยืนพอสมควร (คุณปู่และคุณย่า ผมเสียตอน 90 กว่าๆทั้งคู่ )
พ่อ เริ่มบ่นตั้งแต่เริ่มออกจากงาน ด้วยอาการ แน่นท้อง ถ่ายไม่ปกติ เวียนศีรษะ
แต่ผมก็พาไปตรวจร่างกายประจำทุกปี เท่าทีสังเกตก็เห็นพ่อ ก็กินข้าวได้ดี ...
อย่างอื่นก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่แม่ซะอีกที่ผมเป็นห่วงเพราะแม่เป็นคนเข้มแข็ง
ไม่ค่อยบ่น มาบ่นอืกที ก็ เป็นเนื้องอกมดลูก เป็นความดันโลหิตสูงแล้ว..แต่
ยังดีที่ผม พาไปรักษาทัน
หลังๆอาการพ่อ เริ่มเป็นบ่อยขึ้น..ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะอาการที่ว่า
เท่าที่ทราบเป็นอาการที่อาจเป็นอันตรายได้ใน คนอายุขนาดนี้ ผมจัดหนักไป
หลายอย่าง ไม่ว่าจะ อัลตร้าซาวน์ กลืนแป้ง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เจาะเลือด
พาไปหาหมออายุรกรรม หมอศัลยกรรม ปรึกษาหมอจิตเวช และอื่นๆ
แต่ก็ไม่มีอะไร แค่ โฆเลนเตอรอลสูงนิดหน่อย ...
อืม..ม์ หรือ จะ "วัยทอง" หว่า..ผมคิดในใจ แต่ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้
เพราะอาการที่พ่อบ่นนี่ มันก็ไม่แน่ว่าอาจจะยังตรวจหาสาเหตุไม่เจอ..
ผมก็จัดยา คลายเครียด ยา ประคับประคองอาการต่างๆให้กินต่อเนื่องมา
แต่ก็ไม่หาย บางทีพ่อก็ แอบไปตรวจที่อื่น แล้วไปหายามากินเอง...
ผมมีพี่สาวอยู่คนนึง ยังโสด ทำแต่งาน (บ้างาน) ตามสไตล์ที่พ่อแม่สอนมากับมือ
ส่วนผม ก็มีครอบครัว และลูกๆ ทำงานอยู่แต่ในเมือง ขอบอกว่าการเลี้ยงลูกนี่
เป็นอะไรที่ยุ่งมาก และ วุ่นวายสุดๆ นานๆจะมีเวลา เข้าไปเยี่ยมที่สวนซักที..
หลายเดือนก่อน พ่อแน่นท้อง เริ่มมีแน่นหน้าอก บ้านหมุน กระสับกระส่าย
ผมรีบบึงรถไปรับที่สวน แล้วพามาตรวจ ชุดใหญ่อีกครั้ง ...แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
ไปจากเดิมมากนัก โฆเลสเตอรอลดูดีกว่าหนที่แล้วซะอีก สำหรับคนอายุ 70 กว่า
เพื่อนบอกว่า ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงนะ เช็คให้หมดแล้ว ผมเลยพาไปส่งที่สวน
ให้แม่ช่วยดูแล...
อีกสัปดาห์ต่อมา เป็นอีก อาการเดียวกัน เป๊ะ...
ผมก็บึงรถไปรับเข้ามานอนที่บ้านพี่สาว (เป็นบ้านที่พ่ออยู่ก่อนออกไปอยู่สวน)
เนื่องจาก เช็คร่างกายล่าสุดแล้วไม่มีอะไรรุนแรง ผมเลย ลองน๊อคยาดู
ด้วยการ ฉีดยาคลายเครียด ให้พ่อได้นอนพักผ่อนสบายๆ ...
ขณะที่ยาออกฤทธิ์ พ่อเริ่มเบลอๆ แต่ก็ยังฝืนทำเป็น ยาไม่เวิร์ค
ไม่เห็นดีขึ้นเลย ไม่ง่วงซักนิด....ผมเลยชวนคุยไปเรื่อยๆ.....
"พ่อ ตกลง พ่อเป็นอะไรอ่า...เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนป่าวครับ?.."
".....(เบลอ...) อืม....ม์...
.......ลูกสาวก็ทำแต่งาน......(เว้นวรรคไปนาน กำลังจะหลับ)
......ลูกชายก็ดูแลครอบครัว..ว วว (หลับไปแล๊วววว) "
อ่า...เหมือนโดน ฆ้อน โขก กะบาล หนักๆ ผม ตุ๊บๆๆ
ใช่แล้วครับ ผมและพี่สาว คนนึง บ้างาน ไม่ยอมขาด ไม่ยอมลา
ไม่รู้จะทำงานเอา ถ้วยรางวัลหรืออย่างไร ขนาดป่วยยังหอบงาน
มาทำต่อที่บ้าน ... ผมยังยอมเค้าเลย...
ส่วนผมก็ดูแลลูกและภรรยา จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ
กว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ก็ 2 -3 เดือนครั้งนึง....อยู่ได้ก็แค่
ชั่วโมง สองชั่วโมงก็กลับ ทั้งที่ สวนห่างจากตัวเมืองแค่ 30 กิโลเมตร
จากนั้นมา ผมเล่าให้ภรรยา และพี่สาวฟัง ว่าผมได้ล่วงรู้
ความลับ ของ "ชายผู้ทรนง" ผู้นี้มา แล้วจึงตกลงปรึกษากันว่า
เราจะเข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่สวน สลับกันเข้าไป คนละสัปดาห์
หรือถ้าว่างก็เข้าไปพร้อมกันเลย.....
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม่มากระซิบถามผม ว่า...
"แก เอายาอะไรฉีดให้พ่อแก ว้า ..นี่ไม่เห็นบ่น นั่น นี่ โน่น เหมือนก่อนเลย"
ผมกับพี่สาว และภรรยา ก็ได้แต่ อมยิ้มกัน....
ยา ที่ไม่ต้อง กิน ไม่ต้อง ฉีด ...นี่ มัน เป็นยาที่วิเศษณ์จริงๆครับ
สมัยเรียน อาจารย์เคยบอกว่า คนไข้บางคน ไม่ต้องให้ยากลับไป
ก็หายได้ แค่หมออธิบายให้ดี พูดให้เพราะๆ ให้กำลังใจเค้า คิดว่า
นั่นเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องเรา เค้าก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว...
แต่ผมมันบ้าไปเอง คิดกลับกันว่า พ่อแม่ ญาติ เป็นคนไข้ ต้องให้ยา
ต้องรักษาทางการแพทย์ ทำให้กว่าจะรักษาพ่อตัวเองหาย ก็ใช้เวลานานพอดูเลยครับ
ในที่สุดก็ "รักษาพ่อตัวเอง ได้ซะทีนึง" ....... ใช้เวลาไปหลายปีเชียวนะ ท่านพ่อ ..
จากนั้นก็ไปอยู่ ชานเมืองกับแม่ สองคนตายาย..ทำสวน เอาอากาศบริสุทธิ์
พ่อ เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงดี จากพี่น้องทั้งหมดเกือบสิบ ถือว่าตระกูลนี้
อายุยืนพอสมควร (คุณปู่และคุณย่า ผมเสียตอน 90 กว่าๆทั้งคู่ )
พ่อ เริ่มบ่นตั้งแต่เริ่มออกจากงาน ด้วยอาการ แน่นท้อง ถ่ายไม่ปกติ เวียนศีรษะ
แต่ผมก็พาไปตรวจร่างกายประจำทุกปี เท่าทีสังเกตก็เห็นพ่อ ก็กินข้าวได้ดี ...
อย่างอื่นก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่แม่ซะอีกที่ผมเป็นห่วงเพราะแม่เป็นคนเข้มแข็ง
ไม่ค่อยบ่น มาบ่นอืกที ก็ เป็นเนื้องอกมดลูก เป็นความดันโลหิตสูงแล้ว..แต่
ยังดีที่ผม พาไปรักษาทัน
หลังๆอาการพ่อ เริ่มเป็นบ่อยขึ้น..ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะอาการที่ว่า
เท่าที่ทราบเป็นอาการที่อาจเป็นอันตรายได้ใน คนอายุขนาดนี้ ผมจัดหนักไป
หลายอย่าง ไม่ว่าจะ อัลตร้าซาวน์ กลืนแป้ง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เจาะเลือด
พาไปหาหมออายุรกรรม หมอศัลยกรรม ปรึกษาหมอจิตเวช และอื่นๆ
แต่ก็ไม่มีอะไร แค่ โฆเลนเตอรอลสูงนิดหน่อย ...
อืม..ม์ หรือ จะ "วัยทอง" หว่า..ผมคิดในใจ แต่ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้
เพราะอาการที่พ่อบ่นนี่ มันก็ไม่แน่ว่าอาจจะยังตรวจหาสาเหตุไม่เจอ..
ผมก็จัดยา คลายเครียด ยา ประคับประคองอาการต่างๆให้กินต่อเนื่องมา
แต่ก็ไม่หาย บางทีพ่อก็ แอบไปตรวจที่อื่น แล้วไปหายามากินเอง...
ผมมีพี่สาวอยู่คนนึง ยังโสด ทำแต่งาน (บ้างาน) ตามสไตล์ที่พ่อแม่สอนมากับมือ
ส่วนผม ก็มีครอบครัว และลูกๆ ทำงานอยู่แต่ในเมือง ขอบอกว่าการเลี้ยงลูกนี่
เป็นอะไรที่ยุ่งมาก และ วุ่นวายสุดๆ นานๆจะมีเวลา เข้าไปเยี่ยมที่สวนซักที..
หลายเดือนก่อน พ่อแน่นท้อง เริ่มมีแน่นหน้าอก บ้านหมุน กระสับกระส่าย
ผมรีบบึงรถไปรับที่สวน แล้วพามาตรวจ ชุดใหญ่อีกครั้ง ...แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
ไปจากเดิมมากนัก โฆเลสเตอรอลดูดีกว่าหนที่แล้วซะอีก สำหรับคนอายุ 70 กว่า
เพื่อนบอกว่า ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงนะ เช็คให้หมดแล้ว ผมเลยพาไปส่งที่สวน
ให้แม่ช่วยดูแล...
อีกสัปดาห์ต่อมา เป็นอีก อาการเดียวกัน เป๊ะ...
ผมก็บึงรถไปรับเข้ามานอนที่บ้านพี่สาว (เป็นบ้านที่พ่ออยู่ก่อนออกไปอยู่สวน)
เนื่องจาก เช็คร่างกายล่าสุดแล้วไม่มีอะไรรุนแรง ผมเลย ลองน๊อคยาดู
ด้วยการ ฉีดยาคลายเครียด ให้พ่อได้นอนพักผ่อนสบายๆ ...
ขณะที่ยาออกฤทธิ์ พ่อเริ่มเบลอๆ แต่ก็ยังฝืนทำเป็น ยาไม่เวิร์ค
ไม่เห็นดีขึ้นเลย ไม่ง่วงซักนิด....ผมเลยชวนคุยไปเรื่อยๆ.....
"พ่อ ตกลง พ่อเป็นอะไรอ่า...เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนป่าวครับ?.."
".....(เบลอ...) อืม....ม์...
.......ลูกสาวก็ทำแต่งาน......(เว้นวรรคไปนาน กำลังจะหลับ)
......ลูกชายก็ดูแลครอบครัว..ว วว (หลับไปแล๊วววว) "
อ่า...เหมือนโดน ฆ้อน โขก กะบาล หนักๆ ผม ตุ๊บๆๆ
ใช่แล้วครับ ผมและพี่สาว คนนึง บ้างาน ไม่ยอมขาด ไม่ยอมลา
ไม่รู้จะทำงานเอา ถ้วยรางวัลหรืออย่างไร ขนาดป่วยยังหอบงาน
มาทำต่อที่บ้าน ... ผมยังยอมเค้าเลย...
ส่วนผมก็ดูแลลูกและภรรยา จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ
กว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ก็ 2 -3 เดือนครั้งนึง....อยู่ได้ก็แค่
ชั่วโมง สองชั่วโมงก็กลับ ทั้งที่ สวนห่างจากตัวเมืองแค่ 30 กิโลเมตร
จากนั้นมา ผมเล่าให้ภรรยา และพี่สาวฟัง ว่าผมได้ล่วงรู้
ความลับ ของ "ชายผู้ทรนง" ผู้นี้มา แล้วจึงตกลงปรึกษากันว่า
เราจะเข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่สวน สลับกันเข้าไป คนละสัปดาห์
หรือถ้าว่างก็เข้าไปพร้อมกันเลย.....
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม่มากระซิบถามผม ว่า...
"แก เอายาอะไรฉีดให้พ่อแก ว้า ..นี่ไม่เห็นบ่น นั่น นี่ โน่น เหมือนก่อนเลย"
ผมกับพี่สาว และภรรยา ก็ได้แต่ อมยิ้มกัน....
ยา ที่ไม่ต้อง กิน ไม่ต้อง ฉีด ...นี่ มัน เป็นยาที่วิเศษณ์จริงๆครับ
สมัยเรียน อาจารย์เคยบอกว่า คนไข้บางคน ไม่ต้องให้ยากลับไป
ก็หายได้ แค่หมออธิบายให้ดี พูดให้เพราะๆ ให้กำลังใจเค้า คิดว่า
นั่นเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องเรา เค้าก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว...
แต่ผมมันบ้าไปเอง คิดกลับกันว่า พ่อแม่ ญาติ เป็นคนไข้ ต้องให้ยา
ต้องรักษาทางการแพทย์ ทำให้กว่าจะรักษาพ่อตัวเองหาย ก็ใช้เวลานานพอดูเลยครับ