รับบทผี "กาหลง" ในละคร "เรือนกาหลง" ช่อง 7 จนเรตติ้งกระฉูด ชาวบ้านติดกันงอม ไปไหนมาไหนมีแต่คนเรียกกาหลงกาหลง สำหรับนางเอกสาววัย 23 ปี "ปุ๊กลุก" ฝนทิพย์ วัชรตระกูล
เพราะความดังของกาหลง วันนี้ เลยไม่พลาดที่จะพูด คุยกับสาวปุ๊กลุกที่แสดงบทดังกล่าว
ละคร "เรือนกาหลง" เป็นอย่างไรบ้าง
ปุ๊กลุก - "มันเหมือนเปลี่ยนชีวิตนะ เพราะชีวิตนักแสดง เชื่อว่าทุกคนรอบทดีๆ ที่ทำให้มีโอกาสเล่นแบบเต็มที่ มันท้าทายความสามารถ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านบทคือคิดว่าจะเล่นได้ไหม ซีนอารมณ์ทุกฉากร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ร้องจนกลายเป็นคนร้องไห้ได้ยังไงเพราะแต่ก่อนร้องไห้ยากมาก ตอนหลังแค่อ่านบทน้ำตาก็ล่วงแล้ว"
"หลายคนชอบมาชมว่าปุ๊กลุก เล่นดี อยากบอกว่าถ้าบทไม่ดี ปุ๊กลุก ก็เล่นแบบนี้ไม่ได้ค่ะ คือทุกอย่างอยู่ที่บทดี ผู้กำกับฯ เก่ง นักแสดงร่วมทุกคนเต็มที่ โปรดักชั่นดี ค่ายพอดีคำเขาเต็มที่ เลยกลายเป็นว่ามันเพอร์เฟ็กต์ ทำให้คนดูเปิดใจที่จะเอาละครเราเข้าไปอยู่ในใจ ปุ๊กลุกเลยมีโอกาสทำให้คนเห็นความสามารถ"
กับละครเรื่องนี้มีความกังวลตรงไหน
ปุ๊กลุก - "ปุ๊กลุกยังไม่ได้เป็นนักแสดงที่เก่ง เลยกังวลว่าคนจะเปิดรับปุ๊กลุกเข้าไปในใจไหม จะเชื่อไหมว่าเราเป็นกาหลง จะติดตามละครเราทุกตอนไหม เพราะเราไม่ได้เป็นนักแสดงที่แบบถ้าปุ๊กลุกเล่นต้องดู ไม่ได้เป็นแบบพี่อั้ม-พัชราภา ที่คนดูทุกครั้ง ก็เลยกังวล แค่อยากให้คนรักในตัวละครปุ๊กลุก อยากให้คนเปิดใจว่าปุ๊กลุกคือกาหลง โฟกัสแค่ตรงนั้น"
มีอะไรต้องปรับต้องเพิ่มอีก
ปุ๊กลุก - "ตัวละครตัวนี่เล่นยากมาก มันคือความเป็นธรรมชาติ อย่างพอเราเป็นผีก็เป็นผีที่มีความรันทดเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราปกปิดความจริงว่าเราเป็นผี เราต้องยิ้ม แต่ลึกๆ ในใจร้องไห้ ต้องสื่อออกมาให้ได้ว่าฉันยิ้มแต่ทุกคนต้องรู้ว่ารอยยิ้มอันนี้มันเปื้อนด้วยรอยน้ำตา แล้วพอทำได้ก็ดีใจนะ พอละครออนคนที่ดูซีนนี้เขาสัมผัสได้ก็เลยเป็นความชื่นใจ"
"ถามว่ายากไหม ยากมาก เพราะผีมีหลายอารมณ์ ตอนเป็นคนก็มีหลายอารมณ์ หลาย อีโมชั่นในซีนเดียวกัน เราเลยไม่สามารถเมก การแสดงได้ ต้องเชื่อจริงๆ ว่าเราเป็นตัวนี้ พอทำได้ก็สนุก มันเป็นอะไรที่สนุกและยาก มันก็ยังเป็นศาสตร์ที่ปุ๊กลุกค้นหาอยู่เรื่อยๆ ว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นตัวละครตัวนี้ให้ได้ลึกที่สุดที่เราจะเป็น"
เรื่องนี้ทั้งแต่งผี ทั้งเอฟเฟ็กต์ด้วย มีอุปสรรคอะไรหรือเปล่า
ปุ๊กลุก - "เหนื่อยมาก เพราะปุ๊กลุกแต่งเป็นผีวันนึง 2 รอบ ทุกครั้งต้องนั่งอาบน้ำที่กองถ่าย ขัดครีมขาวๆ ออก แล้วก็มาแต่งเป็นคนใหม่ ติดขนตา พอติดขนตาเสร็จต้องมาถอดขนตามานั่งอาบน้ำแล้วมาแต่งเป็นผีใหม่ บางทีใส่วิกหนักมาก คอนแท็กต์เลนส์ก็ต้องใส่ ใส่แล้วก็มองไม่ค่อยเห็น ซีนอารมณ์ก็ยาก ต้องระวังแป้งขาวๆ เลอะเสื้อ โจงกระเบนเวลาปวดฉี่ก็ลำบาก เป็นผีลงน้ำ ดำน้ำ ดำจนเป็นไซนัส คือ ยากที่สุดแล้วละครเรื่องนี้"
ร่วมงานกับ "นิว-วงศกร" เข้ากันดีไหม
ปุ๊กลุก - "จริงๆ ไม่ค่อยสนิทกับพี่นิวนะ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เราเคยมีข่าวด้วยกันจากเรื่องที่แล้ว มันก็เกร็งในการวางตัว พยายามมีช่องว่างเพื่อให้คนที่ได้รับข่าวสารเขาจะได้เข้าใจไปเลยว่ามันไม่มีอะไร และก็วางตัวค่อนข้างห่างพอสมควร แต่เวลาเล่นละครเราก็เป็นตัวละครตัวนั้น เลยเป็นโมเมนต์ที่ว่าปุ๊กลุกรู้จักเขาในมุมที่เป็นพี่ไม้มากกว่าเป็นพี่นิว"
ถ้าให้คะแนนตัวเองในการทำงาน เต็ม 10 กับละครเรื่องนี้ให้เท่าไหร่
ปุ๊กลุก - "ปุ๊กลุกเล่นละครมา 6-7 เรื่อง แต่ละเรื่องยังเป็นเรื่องที่เรายังไม่ค่อยใช้พลัง แต่เรื่องนี้ใช้พลังเยอะ ค่อนข้างพิสูจน์อินเนอร์ลึกๆ เรื่องอารมณ์ ถือเป็นศาสตร์ที่กลัวที่สุดและอยากเอาชนะที่สุด ก็พยายามทำให้ได้ ถ้ามี 10 คะแนน ให้ตัวเองเกิน 10 หมายถึงความตั้งใจ ความเต็มที่ แต่ในการเป็นตัวละคร เราก็แล้วแต่ว่าคนจะเชื่อมากแค่ไหน"
เรื่องฝีมือการแสดง ยังมีคนติงว่าไม่ถึงขั้น
ปุ๊กลุก - "ก็ดีค่ะ ถ้าเป็นคำติที่เป็นเหตุเป็นผล ทำให้เราได้พัฒนา ปุ๊กลุกโตขึ้นก็เพราะคำติ ถ้าไม่มีคนติปุ๊กลุกก็ไม่โต ไม่ว่าจะเป็นจากคนรอบข้าง คนใกล้ตัว แม้กระทั่งผู้กำกับฯ หรือคนดู คือทุกวันนี้ปุ๊กลุกหาคำติด้วยซ้ำ เพื่อที่เราจะได้โตขึ้น ได้พัฒนาขึ้น เพราะฉะนั้นปุ๊กลุกเลยไม่รู้สึกแย่กับคำติที่มีเหตุมีผล"
อยากร่วมงานกับใครเป็นพิเศษไหม
ปุ๊กลุก - "อยากร่วมงานกับพี่อั้ม-พัชราภาค่ะ เคยร่วมงานกันแล้วในเรื่อง อุบัติเหตุ คือชอบพี่อั้ม รักพี่อั้ม เลยอยากทำงานกับพี่อั้มค่ะ"
ตั้งแต่เข้าวงการ คิดว่าวงการให้อะไรบ้าง
ปุ๊กลุก - "ให้ความอดทน ให้ความคิดที่เอาคนอื่นเป็นหลักมากกว่าตัวเอง เป็นอาชีพที่เจอคนเยอะที่สุด วันนึงเจอและต้องพูดคุยกับคนไม่ต่ำกว่า 50 ชีวิต บางที 200-300 ชีวิต ที่เราต้องให้ความเป็นกันเอง ทั้งที่บางทีเราก็ไม่รู้จัก แต่เขาเหมือนรู้จักเรามากเพราะเขาดูเราผ่านทีวี"
"ตอนหลังมันทำให้เรามองไปที่คนอื่น โฟกัสไปที่เขา ทำความเข้าใจว่าเขาดูละครเรา เขารู้จักเรา เราก็ต้องรู้จักเขาเหมือนที่เขารู้จักเรา ก็แค่ให้ความเป็นกันเอง เฟรนด์ลี่ ซึ่งมันไม่ยาก เป็นสิ่งที่เราสามารถให้ได้ ตรงนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตให้มีความสุข บางทีทุกอย่างมันอยู่ที่วิธีคิด ถ้าเราคิดถูกมันจะมีความสุขได้โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนอะไร"
วางอนาคตในวงการไว้ยังไง
ปุ๊กลุก - "จริงๆ ไม่อยากมองไกลมาก เพราะทุกวันนี้เหมือนเรายังไม่ถึงขั้นประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ฉะนั้นก็ยังอยากได้บทแต่ละบทที่ดีๆ และได้แสดงความสามารถ ตัวเองออกมาให้เต็มที่ คนดูได้เห็นเราใน ผลงานที่น่าชื่นชม ก็ยังโฟกัสตรงนี้อยู่"
เป้าหมายในการทำงานวงการคืออะไร
ปุ๊กลุก - "อยากขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ ในบทละครที่เรารู้สึกว่าเราเต็มที่กับมัน คือรางวัลจากเวทีหรือรางวัลจากคนดู บางทีมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับนักแสดงที่รักในอาชีพการแสดงจริงๆ"
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ
ปุ๊กลุก - "ขอบคุณที่ทำให้มีวันนี้ วันที่ทำให้ปุ๊กลุกพิสูจน์ความสามารถของตัวเองผ่านผลงานทางด้านการละคร เพราะปุ๊กลุกรักที่จะเป็นนักแสดงจริงๆ ขอบคุณที่เปิดใจ ยอมให้ปุ๊กลุกเข้าไปอยู่ในใจและเป็นกำลังใจในทุกวันค่ะ"
อิ่มสุข
เข้าวงการบันเทิงมาโดยมีตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปีพ.ศ.2553 เบิกทาง ทั้งนี้ "ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์" รับว่าอยู่มาถึงตอนนี้เริ่มปรับตัวและเข้าใจกับเส้นทางสายนี้ ทำให้มีความสุข
"ปุ๊กลุกอยู่วงการบันเทิงมา 2 ปีครึ่ง เริ่มเข้าใจ พอเข้าใจก็จะมีความสุขกับเส้นทางตรงนี้ เรารักที่จะเล่นละคร ชอบการเป็นนักแสดง เข้ามาก็โฟกัสแต่ตรงนี้ ช่วงแรกๆ จะมีเรื่องข่าวเข้ามาทำให้เสียใจบ้างทุกข์บ้าง แต่พอโตขึ้น พอมีกระแส ข่าวมา ในเมื่อเรารักจะเป็นนักแสดงก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจมัน จะอยู่อย่างไรให้มีความสุข"
เวลาเจอข่าวแรงๆ อะไรเป็นจุดหรือสิ่งที่ยึดเหนี่ยว "ปุ๊กลุกโชคดีที่มีพี่ผู้จัดการคือพี่เอส คอยเป็นศูนย์กลางของเราในชีวิตในวงการบันเทิง ทุกครั้งที่เรามีอารมณ์ต่างๆ นานา เขาจะเป็นคนที่พูดให้เรามีมุมมองที่แตกต่างออกไป พูดให้เราเข้าใจมนุษย์มากขึ้น พี่เขามีส่วนทำให้เรามีชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง ณ ตอนนี้ เพราะจริงๆ ถ้าไม่มีใคร ปุ๊กลุกอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรืออาจจะทนไม่ได้กับข่าวที่ถาโถมเข้ามาในช่วงแรก จนเราเจอจุดที่เราโตขึ้นก็เปลี่ยนแปลงตัวเราในทางที่ถูกค่ะ"
"ส่วนที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจอยู่แล้วเสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้รับจากพ่อแม่คือความเชื่อใจ เวลาข่าวเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยถามสักคำว่าจริงไหม ท่านอยู่ด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นและท่านไว้ใจเรา"
ตั้งแต่เข้าวงการ มีโอกาสซื้อของขวัญเป็นรางวัลให้ตัวเองบ้างหรือเปล่า นางเอกสาวกล่าวว่า "เงินทุกบาทจะให้คุณพ่อคุณแม่ดูแล ปุ๊กลุกเป็นคนไม่ค่อยต้องการอะไร ของขวัญของ ปุ๊กลุกก็เหมือนของขวัญของคุณพ่อ คุณแม่ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็เหมือนเราให้ของขวัญท่าน การที่ได้เป็นนักแสดง จริงๆ มันเหมือนได้ทำงานควบคู่กับความฝันและอนาคตที่เราต้องการให้พ่อแม่สุขสบายไปพร้อมๆ กัน นี่เป็นความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว"
"ซื้อให้ตัวเองแค่ชื่นใจ แต่เวลาให้พ่อแม่มันอิ่มบอกไม่ถูกค่ะ"
เปรียบความรักเหมือน"ผีเสื้อ"-ยิ่งไขว่คว้ายิ่งบินหนี
เป็นนางเอกที่มีข่าวรุมเร้าค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเกาเหลากับคนนั้นคนนี้ หรือข่าวกับหนุ่มๆ ทั้งนี้ "ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์" เปิดใจว่า "มันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้ข่าวเกิดขึ้นตลอดเวลาค่ะ"
"ข่าวเกาเหลาอย่างที่ทราบกัน บางอันอาจเป็นการเข้าใจที่ไม่ตรงกัน อันไหนที่ผ่านไปแล้วปุ๊กลุกก็ได้แต่ปล่อยให้ผ่านไป แล้วพยายามเข้าใจคนให้มากขึ้น"
"ส่วนข่าวกับหนุ่มๆ ที่มี ปุ๊กลุกว่าเพราะเรายังไม่มีแฟนก็เลยเป็นที่จับตา อย่างบางข่าวอาจจะเป็นแบบว่าตอนแรกคุยๆ กันอยู่ พอสักพักเริ่มไม่ใช่ก็ห่างออก มันมีทั้งจริงและบางอันคนคิดไปเอง การร่วมงานกันคิดว่าจิ้นกันชัวร์แน่ อย่างบางคนที่ไม่จริง คืออย่างนั้นปุ๊กลุกก็ให้เขากลับไปดูคลิปวิดีโอแล้วว่าจริงๆ แล้วคำพูดนั้นปุ๊กลุกพูดจริงหรือเปล่า เราเข้าใจเขานะ ไม่โกรธ เข้าใจในสิ่งนี้มันเกิดการผิดพลาดได้ เพราะปุ๊กลุกคงไม่ใช่ผู้หญิงที่บอกว่าผู้ชายคนนี้จีบปุ๊กลุกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"
กับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีน้อยใจ หรือเบื่อหน่ายบ้างไหม "แรกๆ มีค่ะ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ตรงนี้ ถ้าเรารักที่จะเป็นนักแสดงก็ต้องเข้าใจและมีความสุขให้ได้มากขึ้น"
ต่อข้อถามถึงเรื่องของหัวใจ เจ้าตัวกล่าวว่า "ยังโสดค่ะ"
มีข่าวว่าคุยกับหนุ่มนักธุรกิจนอกวงการอยู่ จริงหรือเปล่า นางเอกสาวตอบ "จริงๆ มันเป็นอะไรที่เข้ามาเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อ เพราะเราไม่มีเวลาไปเจอใครอยู่แล้วมันก็มีมาเป็นพักๆ ก็ไม่ได้คุยกับใคร"
เหมือนว่าปิดกั้นตัวเองกับคนในวงการหรือเปล่า "ถ้าเป็นไปได้ก็คนนอกดีกว่าค่ะ เพราะคนในเรื่องเยอะมากจากที่เคยเจอมา ถามว่าเข็ดคนในไหม ก็เข็ด แต่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะยังไง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้คนนอกวงการมากกว่า"
เพราะเวลามีข่าวกับหนุ่มในวงการแล้วมีปัญหาทุกที "ใช่ค่ะ แล้วก็ถูกเชื่อมโยง พอมีข่าวกับหนุ่มในวงการปั๊บ ใครที่เคยมีข่าวด้วยก็กลายเป็นเกาเหลากับ ปุ๊กลุกอีก"
วางสเป๊กหนุ่มไว้อย่างไร ปุ๊กลุกแง้ม "ไม่ค่อยมีสเป๊ก ส่วนใหญ่ต้องการคนที่เข้าใจ เข้าใจความเป็นเรา คือปุ๊กลุกเป็นคนที่มีสติในการวิเคราะห์เรื่องที่มันผ่านเข้ามาอยู่แล้ว ปุ๊กลุกไม่ชอบคนที่จะต้องมานั่งบงการว่า ปุ๊กลุกจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ทุกวันนี้เราโฟกัสที่งาน ถ้าเขามีผลต่อการทำงานเราก็ไม่มีดีกว่า คือมันไม่ได้เหงา ปุ๊กลุกถูกสอนมาด้วยการใช้ชีวิตที่แม้จะมีหรือไม่มีแฟนก็ต้องมีความสุข เหมือนทุกวันนี้เราก็มีความสุขแล้ว บางทีมีอาจจะทุกข์ด้วยซ้ำไป ก็คิดแบบนี้ตลอด มีก็ได้ ไม่มีก็แฮปปี้ งานก็มีมาเรื่อยๆ"
ถ้าเปรียบเทียบความรัก จะเปรียบเป็นอะไร "ปุ๊กลุกมองว่าความรักเหมือนผีเสื้อ เวลาที่เรายิ่งตามหาหรือยิ่งไขว่คว้า มันก็ยิ่งไกล แต่ทุกครั้งที่เราอยู่เฉยๆ เหมือนมันจะชอบวิ่งเข้ามาหาเรา เราเองด้วยซ้ำที่จะปัดผีเสื้อทิ้ง เพราะ น่าเบื่อ มันเยอะ ปุ๊กลุกรู้สึกว่ามีความสุขแล้ว เราไม่ต้องวิ่งตามหามัน เดี๋ยวมันก็มาหาเราเอง"
"อันนี้ก็ฝากถึงหลายๆ คนด้วย ที่พูดว่าเมื่อไหร่ฉันจะมีความรักแท้ คือถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาเองค่ะ"
เครดิต จาก ข่าวสด
"กาหลง"บทพิสูจน์ ฝีมือการแสดง"ปุ๊กลุก"
เพราะความดังของกาหลง วันนี้ เลยไม่พลาดที่จะพูด คุยกับสาวปุ๊กลุกที่แสดงบทดังกล่าว
ละคร "เรือนกาหลง" เป็นอย่างไรบ้าง
ปุ๊กลุก - "มันเหมือนเปลี่ยนชีวิตนะ เพราะชีวิตนักแสดง เชื่อว่าทุกคนรอบทดีๆ ที่ทำให้มีโอกาสเล่นแบบเต็มที่ มันท้าทายความสามารถ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านบทคือคิดว่าจะเล่นได้ไหม ซีนอารมณ์ทุกฉากร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ร้องจนกลายเป็นคนร้องไห้ได้ยังไงเพราะแต่ก่อนร้องไห้ยากมาก ตอนหลังแค่อ่านบทน้ำตาก็ล่วงแล้ว"
"หลายคนชอบมาชมว่าปุ๊กลุก เล่นดี อยากบอกว่าถ้าบทไม่ดี ปุ๊กลุก ก็เล่นแบบนี้ไม่ได้ค่ะ คือทุกอย่างอยู่ที่บทดี ผู้กำกับฯ เก่ง นักแสดงร่วมทุกคนเต็มที่ โปรดักชั่นดี ค่ายพอดีคำเขาเต็มที่ เลยกลายเป็นว่ามันเพอร์เฟ็กต์ ทำให้คนดูเปิดใจที่จะเอาละครเราเข้าไปอยู่ในใจ ปุ๊กลุกเลยมีโอกาสทำให้คนเห็นความสามารถ"
กับละครเรื่องนี้มีความกังวลตรงไหน
ปุ๊กลุก - "ปุ๊กลุกยังไม่ได้เป็นนักแสดงที่เก่ง เลยกังวลว่าคนจะเปิดรับปุ๊กลุกเข้าไปในใจไหม จะเชื่อไหมว่าเราเป็นกาหลง จะติดตามละครเราทุกตอนไหม เพราะเราไม่ได้เป็นนักแสดงที่แบบถ้าปุ๊กลุกเล่นต้องดู ไม่ได้เป็นแบบพี่อั้ม-พัชราภา ที่คนดูทุกครั้ง ก็เลยกังวล แค่อยากให้คนรักในตัวละครปุ๊กลุก อยากให้คนเปิดใจว่าปุ๊กลุกคือกาหลง โฟกัสแค่ตรงนั้น"
มีอะไรต้องปรับต้องเพิ่มอีก
ปุ๊กลุก - "ตัวละครตัวนี่เล่นยากมาก มันคือความเป็นธรรมชาติ อย่างพอเราเป็นผีก็เป็นผีที่มีความรันทดเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราปกปิดความจริงว่าเราเป็นผี เราต้องยิ้ม แต่ลึกๆ ในใจร้องไห้ ต้องสื่อออกมาให้ได้ว่าฉันยิ้มแต่ทุกคนต้องรู้ว่ารอยยิ้มอันนี้มันเปื้อนด้วยรอยน้ำตา แล้วพอทำได้ก็ดีใจนะ พอละครออนคนที่ดูซีนนี้เขาสัมผัสได้ก็เลยเป็นความชื่นใจ"
"ถามว่ายากไหม ยากมาก เพราะผีมีหลายอารมณ์ ตอนเป็นคนก็มีหลายอารมณ์ หลาย อีโมชั่นในซีนเดียวกัน เราเลยไม่สามารถเมก การแสดงได้ ต้องเชื่อจริงๆ ว่าเราเป็นตัวนี้ พอทำได้ก็สนุก มันเป็นอะไรที่สนุกและยาก มันก็ยังเป็นศาสตร์ที่ปุ๊กลุกค้นหาอยู่เรื่อยๆ ว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นตัวละครตัวนี้ให้ได้ลึกที่สุดที่เราจะเป็น"
เรื่องนี้ทั้งแต่งผี ทั้งเอฟเฟ็กต์ด้วย มีอุปสรรคอะไรหรือเปล่า
ปุ๊กลุก - "เหนื่อยมาก เพราะปุ๊กลุกแต่งเป็นผีวันนึง 2 รอบ ทุกครั้งต้องนั่งอาบน้ำที่กองถ่าย ขัดครีมขาวๆ ออก แล้วก็มาแต่งเป็นคนใหม่ ติดขนตา พอติดขนตาเสร็จต้องมาถอดขนตามานั่งอาบน้ำแล้วมาแต่งเป็นผีใหม่ บางทีใส่วิกหนักมาก คอนแท็กต์เลนส์ก็ต้องใส่ ใส่แล้วก็มองไม่ค่อยเห็น ซีนอารมณ์ก็ยาก ต้องระวังแป้งขาวๆ เลอะเสื้อ โจงกระเบนเวลาปวดฉี่ก็ลำบาก เป็นผีลงน้ำ ดำน้ำ ดำจนเป็นไซนัส คือ ยากที่สุดแล้วละครเรื่องนี้"
ร่วมงานกับ "นิว-วงศกร" เข้ากันดีไหม
ปุ๊กลุก - "จริงๆ ไม่ค่อยสนิทกับพี่นิวนะ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เราเคยมีข่าวด้วยกันจากเรื่องที่แล้ว มันก็เกร็งในการวางตัว พยายามมีช่องว่างเพื่อให้คนที่ได้รับข่าวสารเขาจะได้เข้าใจไปเลยว่ามันไม่มีอะไร และก็วางตัวค่อนข้างห่างพอสมควร แต่เวลาเล่นละครเราก็เป็นตัวละครตัวนั้น เลยเป็นโมเมนต์ที่ว่าปุ๊กลุกรู้จักเขาในมุมที่เป็นพี่ไม้มากกว่าเป็นพี่นิว"
ถ้าให้คะแนนตัวเองในการทำงาน เต็ม 10 กับละครเรื่องนี้ให้เท่าไหร่
ปุ๊กลุก - "ปุ๊กลุกเล่นละครมา 6-7 เรื่อง แต่ละเรื่องยังเป็นเรื่องที่เรายังไม่ค่อยใช้พลัง แต่เรื่องนี้ใช้พลังเยอะ ค่อนข้างพิสูจน์อินเนอร์ลึกๆ เรื่องอารมณ์ ถือเป็นศาสตร์ที่กลัวที่สุดและอยากเอาชนะที่สุด ก็พยายามทำให้ได้ ถ้ามี 10 คะแนน ให้ตัวเองเกิน 10 หมายถึงความตั้งใจ ความเต็มที่ แต่ในการเป็นตัวละคร เราก็แล้วแต่ว่าคนจะเชื่อมากแค่ไหน"
เรื่องฝีมือการแสดง ยังมีคนติงว่าไม่ถึงขั้น
ปุ๊กลุก - "ก็ดีค่ะ ถ้าเป็นคำติที่เป็นเหตุเป็นผล ทำให้เราได้พัฒนา ปุ๊กลุกโตขึ้นก็เพราะคำติ ถ้าไม่มีคนติปุ๊กลุกก็ไม่โต ไม่ว่าจะเป็นจากคนรอบข้าง คนใกล้ตัว แม้กระทั่งผู้กำกับฯ หรือคนดู คือทุกวันนี้ปุ๊กลุกหาคำติด้วยซ้ำ เพื่อที่เราจะได้โตขึ้น ได้พัฒนาขึ้น เพราะฉะนั้นปุ๊กลุกเลยไม่รู้สึกแย่กับคำติที่มีเหตุมีผล"
อยากร่วมงานกับใครเป็นพิเศษไหม
ปุ๊กลุก - "อยากร่วมงานกับพี่อั้ม-พัชราภาค่ะ เคยร่วมงานกันแล้วในเรื่อง อุบัติเหตุ คือชอบพี่อั้ม รักพี่อั้ม เลยอยากทำงานกับพี่อั้มค่ะ"
ตั้งแต่เข้าวงการ คิดว่าวงการให้อะไรบ้าง
ปุ๊กลุก - "ให้ความอดทน ให้ความคิดที่เอาคนอื่นเป็นหลักมากกว่าตัวเอง เป็นอาชีพที่เจอคนเยอะที่สุด วันนึงเจอและต้องพูดคุยกับคนไม่ต่ำกว่า 50 ชีวิต บางที 200-300 ชีวิต ที่เราต้องให้ความเป็นกันเอง ทั้งที่บางทีเราก็ไม่รู้จัก แต่เขาเหมือนรู้จักเรามากเพราะเขาดูเราผ่านทีวี"
"ตอนหลังมันทำให้เรามองไปที่คนอื่น โฟกัสไปที่เขา ทำความเข้าใจว่าเขาดูละครเรา เขารู้จักเรา เราก็ต้องรู้จักเขาเหมือนที่เขารู้จักเรา ก็แค่ให้ความเป็นกันเอง เฟรนด์ลี่ ซึ่งมันไม่ยาก เป็นสิ่งที่เราสามารถให้ได้ ตรงนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตให้มีความสุข บางทีทุกอย่างมันอยู่ที่วิธีคิด ถ้าเราคิดถูกมันจะมีความสุขได้โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนอะไร"
วางอนาคตในวงการไว้ยังไง
ปุ๊กลุก - "จริงๆ ไม่อยากมองไกลมาก เพราะทุกวันนี้เหมือนเรายังไม่ถึงขั้นประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ฉะนั้นก็ยังอยากได้บทแต่ละบทที่ดีๆ และได้แสดงความสามารถ ตัวเองออกมาให้เต็มที่ คนดูได้เห็นเราใน ผลงานที่น่าชื่นชม ก็ยังโฟกัสตรงนี้อยู่"
เป้าหมายในการทำงานวงการคืออะไร
ปุ๊กลุก - "อยากขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ ในบทละครที่เรารู้สึกว่าเราเต็มที่กับมัน คือรางวัลจากเวทีหรือรางวัลจากคนดู บางทีมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับนักแสดงที่รักในอาชีพการแสดงจริงๆ"
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ
ปุ๊กลุก - "ขอบคุณที่ทำให้มีวันนี้ วันที่ทำให้ปุ๊กลุกพิสูจน์ความสามารถของตัวเองผ่านผลงานทางด้านการละคร เพราะปุ๊กลุกรักที่จะเป็นนักแสดงจริงๆ ขอบคุณที่เปิดใจ ยอมให้ปุ๊กลุกเข้าไปอยู่ในใจและเป็นกำลังใจในทุกวันค่ะ"
อิ่มสุข
เข้าวงการบันเทิงมาโดยมีตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปีพ.ศ.2553 เบิกทาง ทั้งนี้ "ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์" รับว่าอยู่มาถึงตอนนี้เริ่มปรับตัวและเข้าใจกับเส้นทางสายนี้ ทำให้มีความสุข
"ปุ๊กลุกอยู่วงการบันเทิงมา 2 ปีครึ่ง เริ่มเข้าใจ พอเข้าใจก็จะมีความสุขกับเส้นทางตรงนี้ เรารักที่จะเล่นละคร ชอบการเป็นนักแสดง เข้ามาก็โฟกัสแต่ตรงนี้ ช่วงแรกๆ จะมีเรื่องข่าวเข้ามาทำให้เสียใจบ้างทุกข์บ้าง แต่พอโตขึ้น พอมีกระแส ข่าวมา ในเมื่อเรารักจะเป็นนักแสดงก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจมัน จะอยู่อย่างไรให้มีความสุข"
เวลาเจอข่าวแรงๆ อะไรเป็นจุดหรือสิ่งที่ยึดเหนี่ยว "ปุ๊กลุกโชคดีที่มีพี่ผู้จัดการคือพี่เอส คอยเป็นศูนย์กลางของเราในชีวิตในวงการบันเทิง ทุกครั้งที่เรามีอารมณ์ต่างๆ นานา เขาจะเป็นคนที่พูดให้เรามีมุมมองที่แตกต่างออกไป พูดให้เราเข้าใจมนุษย์มากขึ้น พี่เขามีส่วนทำให้เรามีชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง ณ ตอนนี้ เพราะจริงๆ ถ้าไม่มีใคร ปุ๊กลุกอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรืออาจจะทนไม่ได้กับข่าวที่ถาโถมเข้ามาในช่วงแรก จนเราเจอจุดที่เราโตขึ้นก็เปลี่ยนแปลงตัวเราในทางที่ถูกค่ะ"
"ส่วนที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจอยู่แล้วเสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้รับจากพ่อแม่คือความเชื่อใจ เวลาข่าวเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยถามสักคำว่าจริงไหม ท่านอยู่ด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นและท่านไว้ใจเรา"
ตั้งแต่เข้าวงการ มีโอกาสซื้อของขวัญเป็นรางวัลให้ตัวเองบ้างหรือเปล่า นางเอกสาวกล่าวว่า "เงินทุกบาทจะให้คุณพ่อคุณแม่ดูแล ปุ๊กลุกเป็นคนไม่ค่อยต้องการอะไร ของขวัญของ ปุ๊กลุกก็เหมือนของขวัญของคุณพ่อ คุณแม่ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็เหมือนเราให้ของขวัญท่าน การที่ได้เป็นนักแสดง จริงๆ มันเหมือนได้ทำงานควบคู่กับความฝันและอนาคตที่เราต้องการให้พ่อแม่สุขสบายไปพร้อมๆ กัน นี่เป็นความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว"
"ซื้อให้ตัวเองแค่ชื่นใจ แต่เวลาให้พ่อแม่มันอิ่มบอกไม่ถูกค่ะ"
เปรียบความรักเหมือน"ผีเสื้อ"-ยิ่งไขว่คว้ายิ่งบินหนี
เป็นนางเอกที่มีข่าวรุมเร้าค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเกาเหลากับคนนั้นคนนี้ หรือข่าวกับหนุ่มๆ ทั้งนี้ "ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์" เปิดใจว่า "มันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้ข่าวเกิดขึ้นตลอดเวลาค่ะ"
"ข่าวเกาเหลาอย่างที่ทราบกัน บางอันอาจเป็นการเข้าใจที่ไม่ตรงกัน อันไหนที่ผ่านไปแล้วปุ๊กลุกก็ได้แต่ปล่อยให้ผ่านไป แล้วพยายามเข้าใจคนให้มากขึ้น"
"ส่วนข่าวกับหนุ่มๆ ที่มี ปุ๊กลุกว่าเพราะเรายังไม่มีแฟนก็เลยเป็นที่จับตา อย่างบางข่าวอาจจะเป็นแบบว่าตอนแรกคุยๆ กันอยู่ พอสักพักเริ่มไม่ใช่ก็ห่างออก มันมีทั้งจริงและบางอันคนคิดไปเอง การร่วมงานกันคิดว่าจิ้นกันชัวร์แน่ อย่างบางคนที่ไม่จริง คืออย่างนั้นปุ๊กลุกก็ให้เขากลับไปดูคลิปวิดีโอแล้วว่าจริงๆ แล้วคำพูดนั้นปุ๊กลุกพูดจริงหรือเปล่า เราเข้าใจเขานะ ไม่โกรธ เข้าใจในสิ่งนี้มันเกิดการผิดพลาดได้ เพราะปุ๊กลุกคงไม่ใช่ผู้หญิงที่บอกว่าผู้ชายคนนี้จีบปุ๊กลุกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"
กับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีน้อยใจ หรือเบื่อหน่ายบ้างไหม "แรกๆ มีค่ะ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ตรงนี้ ถ้าเรารักที่จะเป็นนักแสดงก็ต้องเข้าใจและมีความสุขให้ได้มากขึ้น"
ต่อข้อถามถึงเรื่องของหัวใจ เจ้าตัวกล่าวว่า "ยังโสดค่ะ"
มีข่าวว่าคุยกับหนุ่มนักธุรกิจนอกวงการอยู่ จริงหรือเปล่า นางเอกสาวตอบ "จริงๆ มันเป็นอะไรที่เข้ามาเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อ เพราะเราไม่มีเวลาไปเจอใครอยู่แล้วมันก็มีมาเป็นพักๆ ก็ไม่ได้คุยกับใคร"
เหมือนว่าปิดกั้นตัวเองกับคนในวงการหรือเปล่า "ถ้าเป็นไปได้ก็คนนอกดีกว่าค่ะ เพราะคนในเรื่องเยอะมากจากที่เคยเจอมา ถามว่าเข็ดคนในไหม ก็เข็ด แต่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะยังไง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้คนนอกวงการมากกว่า"
เพราะเวลามีข่าวกับหนุ่มในวงการแล้วมีปัญหาทุกที "ใช่ค่ะ แล้วก็ถูกเชื่อมโยง พอมีข่าวกับหนุ่มในวงการปั๊บ ใครที่เคยมีข่าวด้วยก็กลายเป็นเกาเหลากับ ปุ๊กลุกอีก"
วางสเป๊กหนุ่มไว้อย่างไร ปุ๊กลุกแง้ม "ไม่ค่อยมีสเป๊ก ส่วนใหญ่ต้องการคนที่เข้าใจ เข้าใจความเป็นเรา คือปุ๊กลุกเป็นคนที่มีสติในการวิเคราะห์เรื่องที่มันผ่านเข้ามาอยู่แล้ว ปุ๊กลุกไม่ชอบคนที่จะต้องมานั่งบงการว่า ปุ๊กลุกจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ทุกวันนี้เราโฟกัสที่งาน ถ้าเขามีผลต่อการทำงานเราก็ไม่มีดีกว่า คือมันไม่ได้เหงา ปุ๊กลุกถูกสอนมาด้วยการใช้ชีวิตที่แม้จะมีหรือไม่มีแฟนก็ต้องมีความสุข เหมือนทุกวันนี้เราก็มีความสุขแล้ว บางทีมีอาจจะทุกข์ด้วยซ้ำไป ก็คิดแบบนี้ตลอด มีก็ได้ ไม่มีก็แฮปปี้ งานก็มีมาเรื่อยๆ"
ถ้าเปรียบเทียบความรัก จะเปรียบเป็นอะไร "ปุ๊กลุกมองว่าความรักเหมือนผีเสื้อ เวลาที่เรายิ่งตามหาหรือยิ่งไขว่คว้า มันก็ยิ่งไกล แต่ทุกครั้งที่เราอยู่เฉยๆ เหมือนมันจะชอบวิ่งเข้ามาหาเรา เราเองด้วยซ้ำที่จะปัดผีเสื้อทิ้ง เพราะ น่าเบื่อ มันเยอะ ปุ๊กลุกรู้สึกว่ามีความสุขแล้ว เราไม่ต้องวิ่งตามหามัน เดี๋ยวมันก็มาหาเราเอง"
"อันนี้ก็ฝากถึงหลายๆ คนด้วย ที่พูดว่าเมื่อไหร่ฉันจะมีความรักแท้ คือถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาเองค่ะ"
เครดิต จาก ข่าวสด