ถึงจะไม่ใช่ทุกข้อ แต่ฉันก็ใช่ในหลายๆข้อ สรุป ที่ฉันนิ่งเฉย เป็นไทยเฉยไทยอดทนยอมรับกฏกติกาบ้านเมือง นี่คือฉันโลกสวยว่างั้น เฮ้อ...ลองอ่านดูค่ะ
เอามาจากเฟสบุ๊ค
ฟังไว้นะไอ้พวกโลกสวยทั้งหลาย... ลองอ่านดู ว่ามันตรงกับคุณสมบัติของพวกข้อไหนบ้าง... คุณสมบัติ 10 ประการของพวก "โลกสวย" ในยามที่ประเทศชาติเข้าสู่สภาวะวิกฤติ
1. ชอบเอาในหลวงมาอ้าง อย่าทะเลาะกันสงสารพ่อเถอะ -แต่พวกนี้จะไม่ประณามคนที่ทำเวปหมิ่นพ่อ และจะนิ่งเฉยต่อพวกแกนนำเสื้อแดงซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปจาบจ้วงสถาบันหลายต่อหลายครั้ง สามารถหาดูได้ตาม Youtube ทั่วไป (ว่าแต่แปลกจริงๆทำไมกระทรวงไอซีทีถึงไม่ยอมบล็อก?)
2. นักการเมืองไหนมันเข้ามาก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ เพราะมัน HIA (Health Impact Assessment) พอๆกัน- บอกว่านักการเมืองเลวเหมือนกันหมด แต่ไม่เสนอทางออกให้ประเทศ
3. เหยียบเรือสองแคมไม่ Declare ตนเองว่าเป็นเหลืองหรือแดง มักใช้คำพูดว่าเกลียดทั้งสองกลุ่มพอๆกันเพราะมันถ่วงความเจริญของประเทศชาติในขณะที่ตนเองก็เข้าพวกทั้งสองฝ่าย โดยตักตวงประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย อย่างไม่บริสุทธ์ใจ
4. แสดงความเห็นใจกับตำรวจจนออกนอกหน้า แต่ไม่กล่าวถึงเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะการเข้าข้างฝั่งเสื้อแดงของตำรวจ
5. ในยามที่ประเทศชาติสงบพวกโลกสวยมักจะกลายพันธุ์เป็นลิเบอรัลพันธุ์เสรี แสวงหาความยุติธรรมในสังคม ออกมาต่อต้านมาตรา 112 กลายเป็นพวกนักประชาธิปไตยตัวพ่อ/ตัวแม่ แต่เมื่อยามประเทศชาติเข้าสู่ภาวะวิกฤติจนประชาชนต้องไปพึ่งพระบารมี พวกโลกสวยจะกลายเป็นพวก "คลั่งเจ้า" สามารถเปลี่ยนสีได้เร็วพอๆกับ "ริชชี่" เพียงแค่ชั่วข้ามคืน!! ขึ้นอยู่กับกระแสงสังคมทาง Social imc Inter-Media Consultant Co., Ltd. บริษัท สื่อสากล จำกัด
6. หากมีผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โลกสวย จะออกมาดิ้นพลาดๆทุรนทุรายประดุจดังญาติตัวเองกำลังเสียชีวิต ออกแถลงการณ์ประณามหาผู้รับผิดชอบแต่ไม่เจาะลึกถึงต้นตอของสาเหตุที่มาของปัญหาว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร และจะหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้อย่างไร? ตรงนี้ โลกสวย จะไม่พูดถึงและไม่แตะต้องโดยเด็ดขาดเพระมันขัดต่ออัตลักษณ์ของความเป็นโลกสวย
7. โลกสวยจะสรรหา ทฤษฎีบ้าบอคอแตกของนักวิชาการฝรั่ง ซึ่งประยุกต์มาจากปรากฏการณ์ทางสังคมตะวันตก โดยไม่ดูถึงกระบวนทัศน์ทางสังคมในประเทศไทยว่ามันเข้ากันได้หรือไม่ แต่กูขอยกมาอ้างก่อนเพราะดูเท่ห์ดี! อุปมาอุปไมยคล้ายกับเอา แฮมเบอร์เกอร์รสชาติฝรั่งมายัดเยียดให้คนไทยทานโดยไม่มีการดัดแปลงหรือปรุงแต่งรสให้เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย
8. เกือบ 80% ของโลกสวยมักเป็นพวกกลุ่ม Feminist หรือพวกที่ชอบเรียกร้องสิทธิสตรีโดยไม่สนถึงความถูกผิด ขอให้เพียงเธอผู้นั้นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอดีหมดถูกต้องหมดเสมอ และแน่นอนรวมไปถึงตัวท่านนาโยะด้วย ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์โดยเด็ดขาด แต่เวลามีคนมาจาบจ้วงสถาบันกลับนิ่งเฉย เอ๊ะมันยังงัย งงไหมครับ!?
9. โลกสวย ส่วนใหญ่มักจะพูดถึง 91 ศพราชประสงค์แต่มักลืมพูดถึง สองพันกว่าศพที่เกิดจากการฆ่าตัดตอนการค้ายาเสพติด รวมทั้งผู้เสียชีวิตที่ กรือเซะ ตากใบ ไม่รวมถึงคดีอุ้มฆ่าของทนาย สมชาย และ คุณ เอกยุทธ เพราะพวกเธอและเขาจะสรุปว่าการเสียชีวิตของคนกลุ่มนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด
10. เกือบ 100% ของพวกโลกสวย ส่วนใหญ่มักหาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้นอกจาก อัพเดทชีวิตประจำวันของตัวเอง ส่วนใหญ่มักปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังพึ่งพาพ่อแม่ตัวเองอยู่ โดยหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องประเด็นทางการเมือง เนื่องจากไม่ต้องการที่จะถูกเกลียดจากฝ่ายขั้วตรงข้าม ทั้งที่ตัวเองมีธงอยู่ในใจแล้วว่าจะสนับสนุนใคร แต่ไม่กล้าที่แสดงออก
กลับกลายเป็นว่าฉันเป็นพวกโลกสวยไปแล้วหรือ???
เอามาจากเฟสบุ๊ค
ฟังไว้นะไอ้พวกโลกสวยทั้งหลาย... ลองอ่านดู ว่ามันตรงกับคุณสมบัติของพวกข้อไหนบ้าง... คุณสมบัติ 10 ประการของพวก "โลกสวย" ในยามที่ประเทศชาติเข้าสู่สภาวะวิกฤติ
1. ชอบเอาในหลวงมาอ้าง อย่าทะเลาะกันสงสารพ่อเถอะ -แต่พวกนี้จะไม่ประณามคนที่ทำเวปหมิ่นพ่อ และจะนิ่งเฉยต่อพวกแกนนำเสื้อแดงซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปจาบจ้วงสถาบันหลายต่อหลายครั้ง สามารถหาดูได้ตาม Youtube ทั่วไป (ว่าแต่แปลกจริงๆทำไมกระทรวงไอซีทีถึงไม่ยอมบล็อก?)
2. นักการเมืองไหนมันเข้ามาก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ เพราะมัน HIA (Health Impact Assessment) พอๆกัน- บอกว่านักการเมืองเลวเหมือนกันหมด แต่ไม่เสนอทางออกให้ประเทศ
3. เหยียบเรือสองแคมไม่ Declare ตนเองว่าเป็นเหลืองหรือแดง มักใช้คำพูดว่าเกลียดทั้งสองกลุ่มพอๆกันเพราะมันถ่วงความเจริญของประเทศชาติในขณะที่ตนเองก็เข้าพวกทั้งสองฝ่าย โดยตักตวงประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย อย่างไม่บริสุทธ์ใจ
4. แสดงความเห็นใจกับตำรวจจนออกนอกหน้า แต่ไม่กล่าวถึงเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะการเข้าข้างฝั่งเสื้อแดงของตำรวจ
5. ในยามที่ประเทศชาติสงบพวกโลกสวยมักจะกลายพันธุ์เป็นลิเบอรัลพันธุ์เสรี แสวงหาความยุติธรรมในสังคม ออกมาต่อต้านมาตรา 112 กลายเป็นพวกนักประชาธิปไตยตัวพ่อ/ตัวแม่ แต่เมื่อยามประเทศชาติเข้าสู่ภาวะวิกฤติจนประชาชนต้องไปพึ่งพระบารมี พวกโลกสวยจะกลายเป็นพวก "คลั่งเจ้า" สามารถเปลี่ยนสีได้เร็วพอๆกับ "ริชชี่" เพียงแค่ชั่วข้ามคืน!! ขึ้นอยู่กับกระแสงสังคมทาง Social imc Inter-Media Consultant Co., Ltd. บริษัท สื่อสากล จำกัด
6. หากมีผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โลกสวย จะออกมาดิ้นพลาดๆทุรนทุรายประดุจดังญาติตัวเองกำลังเสียชีวิต ออกแถลงการณ์ประณามหาผู้รับผิดชอบแต่ไม่เจาะลึกถึงต้นตอของสาเหตุที่มาของปัญหาว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร และจะหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้อย่างไร? ตรงนี้ โลกสวย จะไม่พูดถึงและไม่แตะต้องโดยเด็ดขาดเพระมันขัดต่ออัตลักษณ์ของความเป็นโลกสวย
7. โลกสวยจะสรรหา ทฤษฎีบ้าบอคอแตกของนักวิชาการฝรั่ง ซึ่งประยุกต์มาจากปรากฏการณ์ทางสังคมตะวันตก โดยไม่ดูถึงกระบวนทัศน์ทางสังคมในประเทศไทยว่ามันเข้ากันได้หรือไม่ แต่กูขอยกมาอ้างก่อนเพราะดูเท่ห์ดี! อุปมาอุปไมยคล้ายกับเอา แฮมเบอร์เกอร์รสชาติฝรั่งมายัดเยียดให้คนไทยทานโดยไม่มีการดัดแปลงหรือปรุงแต่งรสให้เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย
8. เกือบ 80% ของโลกสวยมักเป็นพวกกลุ่ม Feminist หรือพวกที่ชอบเรียกร้องสิทธิสตรีโดยไม่สนถึงความถูกผิด ขอให้เพียงเธอผู้นั้นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอดีหมดถูกต้องหมดเสมอ และแน่นอนรวมไปถึงตัวท่านนาโยะด้วย ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์โดยเด็ดขาด แต่เวลามีคนมาจาบจ้วงสถาบันกลับนิ่งเฉย เอ๊ะมันยังงัย งงไหมครับ!?
9. โลกสวย ส่วนใหญ่มักจะพูดถึง 91 ศพราชประสงค์แต่มักลืมพูดถึง สองพันกว่าศพที่เกิดจากการฆ่าตัดตอนการค้ายาเสพติด รวมทั้งผู้เสียชีวิตที่ กรือเซะ ตากใบ ไม่รวมถึงคดีอุ้มฆ่าของทนาย สมชาย และ คุณ เอกยุทธ เพราะพวกเธอและเขาจะสรุปว่าการเสียชีวิตของคนกลุ่มนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด
10. เกือบ 100% ของพวกโลกสวย ส่วนใหญ่มักหาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้นอกจาก อัพเดทชีวิตประจำวันของตัวเอง ส่วนใหญ่มักปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังพึ่งพาพ่อแม่ตัวเองอยู่ โดยหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องประเด็นทางการเมือง เนื่องจากไม่ต้องการที่จะถูกเกลียดจากฝ่ายขั้วตรงข้าม ทั้งที่ตัวเองมีธงอยู่ในใจแล้วว่าจะสนับสนุนใคร แต่ไม่กล้าที่แสดงออก