ทักทาย
ไม่สบายหายไปหลายวันเลยเชียว กลับมากแล้วค่ะ
++++++++++++++++++++
ตอนที่ 19
“เป็นเยี่ยงไรรึแม่ดาวเรือง แม่ได้ยินเสียงเจ้าเอ็ดบ่าวไพร่ดังอึงมี่ไปทั่วเรือน”
คุณท้าวศรีประจันเอ่ยถาม เมื่อลงมาจากคานหามหลังจากที่ได้เดินทางกลับมาจากวัง ได้ยินเสียงบุตรสาวของท่านกำลังอาละวาดบ่าวไพร่ในบ้าน จึงได้รีบเข้ามาดู
“อีวิลันดา มันมิใช่หลานคุณท้าวเฟื่องเจ้าค่ะ”
ใบหน้าสวยสะบัดเชิดขึ้น นางเดินไปมาอย่างกระสับกระส่ายเพราะในใจไม่อาจจะสงบได้กับข่าวที่ได้รู้มา
“พวกมันรวมหัวกันหลอกเราหนาเจ้าคะ” คิ้วเรียวงามกับหางตาที่ชี้ขึ้นดั่งนางหงส์แฝงความกราดเกรี้ยวดั่งพายุที่กำลังเคลื่อนเข้าไปทำลายล้างสิ่งกีดขวาง
“แม่ดาวเรือง ลูกพูดจาเยี่ยงนี้มิงามเลยหนา ไยเจ้าจักต้องร้องไห้ฟูมฟายเยี่ยงนี้ด้วย บ่าวไพร่มาเห็นเข้ามันจักนินทาเอาเสีย”
คุณท้าวมองใบหน้าบุตรสาวและท่าทางที่ดูเหมือนกับกำลังควบคุมสติไม่อยู่ นางไม่คิดเลยว่าบุตรสาวจะเป็นได้มากถึงเพียงนี้
“มีเรื่องอันใดกันรึขอรับ” พ่อเพ็งตามมาสมทบทีหลัง เขาแปลกใจเช่นกันจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงน้องสาวโวยวายลั่นเรือนไปหมด
“ก็แม่ดาวเรืองซิ บอกแม่ว่า แม่หญิงวิลันดามิใช่หลานคุณท้าวเฟื่อง แล้วน้องก็ร้องไห้ฟูมฟายมิยอมหยุด ดั่งที่พ่อเพ็งเห็นนี่แหละ”
ใบหน้างอง้ำจนทำให้ความสวยลดทอนลงไป หันหน้ามาหาพี่ชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“น้องให้คนไปสืบมาเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใดรึ” พ่อเพ็งถามพลางนึกในใจขออย่าให้เป็นเรื่องเดียวกับที่เขาใช้บ่าวไปสืบมาเลย กลัวว่า ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน แม่ดาวเรืองรู้เข้าคงไม่จบง่าย ๆ แต่คำขอของเขาก็ไม่อาจจะสัมฤทธิ์ผล
“ก็เรื่องแม่หญิงวิลันดาเยี่ยงไรเล่าเจ้าคะ พี่เพ็ง” เสียงของนางกระฟัดกระเฟียดจนเกินงาม
“เจ้ารู้เรื่องนั้นแล้วรึ” เขาไม่คาดคิดว่าน้องสาวจะหูไวตาไว รู้เรื่องได้รวดเร็วขนาดนี้
“เยี่ยงนี้หมายความว่า พี่เพ็งก็รู้แจ้งอยู่แก่ใจ ใช่รึไม่เจ้าค่ะ” นางมองจ้องพี่ชายอย่างจับผิด คิดน้อยใจที่พี่ชายดูเหมือนจะไม่เข้าข้างหล่อน
“แต่น้องอย่าได้เข้าใจคนในเรือนท่านเจ้าพระยาผิดไป พวกเขาคงอาจจักมีเหตุผลบางประการ จึงปิดเรื่องแม่หญิงกับเราก็ย่อมได้ ส่วนตัวแม่หญิง นางคงมิคิดจักหลอกลวงผู้ใดดอก พี่เชื่อเยี่ยงนั้น” เขาพูดปกป้องวิลันดาทันที จนทำให้แม่หญิงดาวเรืองอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“พี่เพ็งเข้าข้างมัน เพราะพี่มีใจให้แม่หญิงวิลันดาใช่รึไม่เจ้าคะ” แม่หญิงดาวเรืองเริ่มมั่นใจว่า พี่ชายของนางคงจะคิดจริงจัง รักจริงหวังแต่งกับแม่หญิงวิลันดาเป็นแม่นมั่น ถึงได้ทำตัวแก้ต่างให้เป็นทนายหน้าหอ
“พี่มิเถียงเจ้าว่า พี่มีใจให้นางจริง แต่ที่พี่ว่าเจ้า ก็เพราะเจ้านั้นโตเป็นผู้ใหญ่ควรจักมีเหตุผลบ้าง” เขายอมรับกับน้องสาวตามตรง
“แล้วถ้านางนั่น มันเป็นเมียที่พี่ขุนซุกซ่อนไว้ พี่เพ็งจักให้น้องทำเยี่ยงไรเจ้าค่ะ” แม่หญิงดาวเรืองยังคงกราดเกรี้ยวไม่เลิกรา นางไม่ได้สนใจในเรื่องอื่นเกี่ยวกับแม่หญิงวิลันดา แต่สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือ กลัวว่าความจริงแล้วนางจะกลายเป็นเมียของขุนไกร ซึ่งนั่นหล่อนยอมไม่ได้และไม่มีทางจะปล่อยให้เกิด พี่ขุนไกรจะต้องเป็นของหล่อนคนเดียวเท่านั้น
“เอาเถอะแม่ดาวเรือง เจ้าสงบสติอารมณ์บ้างเถิดหนา เรื่องนี้แม่จักปรึกษาท่านพ่อก่อน”
คุณท้าวศรีประจันส่ายศีรษะ รู้สึกระอาใจกับบุตรสาวจึงพูดตัดบทเสียก่อนที่เรื่องจะบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้
พ่อเพ็งเองรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง แววตาประหลาดของน้องสาวทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาจะทำอย่างไรดี หรือคราวนี้เขาจะต้องคิดทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเสียแล้ว เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เขารัก และเพื่อน้องสาวคนเดียว
++++++++++++++++++
“แม่หญิงวิลันดาเจ้าขา”
บ่าวสาววัยแรกรุ่นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด แม้จะไม่ถึงกับสวยสะดุดตาแต่ก็ดูน่ารักในสายตาของวิลันดา
“มีอันใดรึจ๊ะมะลิ” น้ำเสียงอ่อนหวานถามกลับไปอย่างนุ่มนวล วิลันดาวางมาลัยในมือลง หลายวันนี้หล่อนเริ่มเคยชินกับการนั่งกรองมาลัย ซึ่งเหมือนว่าจะเป็นกิจกรรมที่ผู้หญิงยุคนี้เขาชอบทำกัน เดี๋ยวนี้ฝีมือหล่อนพัฒนาไปมากจนคุณท้าวเฟื่องตั้งให้เป็นศิษย์เอกไปเสียแล้ว
“ท่านจมื่นราชภักดีมาเจ้าค่ะ”
แม้มะลิเองซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนบางครั้งยังรู้สึกสงสัยถึงที่มาที่ไปของแม่หญิงคนงามผู้นี้ แต่ทว่าด้วยความใจดีนุ่มนวลอ่อนหวานของเจ้าหล่อน ทำให้มะลิหลงรักและภักดีกับหล่อนอย่างหมดใจภายในเวลาไม่กี่วัน
ที่จริงแล้วมะลิก็คิดว่า ท่านจมื่นรูปงามที่มาหาแม่หญิงนั้น ดูเหมาะสมกับแม่หญิงราวกิ่งทองใบหยก แต่ถ้าจะให้เปรียบกับท่านขุนของหล่อนแล้ว มะลิคิดว่าท่านขุนเหมาะสมกับแม่หญิงวิลันดามากกว่าใคร ๆ เสียดายที่ท่านมีแม่หญิงดาวเรืองเป็นคู่หมั้นเสียแล้ว แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน วันนั้นหล่อนยังเห็นท่านขุนแอบไปหาแม่หญิงถึงในห้องตั้งนานแสนนาน
“มาหาฉันรึ” วิลันดารู้สึกเกรงใจคุณท้าวเฟื่องที่จะมีผู้ชายไปมาหาสู่อยู่บ่อยครั้ง
“มาหาแม่หญิงเจ้าค่ะ” ใบหน้านวลงามคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แลคุณท้าวเฟื่อง ท่านอยู่ที่ไหนกันรึ”
“เข้าวังไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วเจ้าค่ะ”
“ไยข้ามิรู้” วิลันดาเกรงว่า จะเป็นการไม่เหมาะสมที่พี่เพ็งจะมาพบหล่อนตามลำพัง จึงอยากให้มีผู้ใหญ่อยู่ด้วยจึงจะดูเหมาะสมกว่า
“คุณท้าวเฟื่องบอกสั่งเอาไว้เจ้าค่ะว่า มิให้บ่าวไปปลุกแม่หญิงเจ้าค่ะ”
คุณท้าวเฟื่องช่างเมตตาหล่อนนัก วิลันดาคิด หล่อนคงไม่มีทางเลี่ยงการพบปะกับพี่เพ็งได้อีก
“เยี่ยงนั้นเองรึ เจ้าก็ไปเชิญเขาขึ้นมาเถิด”
“เจ้าค่ะ”
จมื่นราชภักดีขึ้นเรือนมา แวบเดียวที่วิลันดาเห็นหน้าเขา หล่อนก็รู้แล้วว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่าง เพราะโดยปกติ เขาจะไม่เคยทำหน้าบึ้งตึงเหมือนมีเรื่องกังวลใจแบบนี้เลยสักครั้ง เขาจะมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ แต่วันนี้สีหน้าของเขาบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่เคร่งเครียด
“ไปไหนมารึเจ้าคะ” วิลันดายิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นเคย แต่หล่อนไม่เคยรู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มนั้นมันเข้าไปฝังอยู่ในใจของแขกผู้มาเยือน จนเขาไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้รักหล่อนได้อีกต่อไป
เขาเดินเข้ามาใกล้หล่อน กวาดสายตามองไปทั่วเรือน แต่ไม่เห็นคุณท้าวท่านคงจะเข้าวัง
“พี่ตั้งใจจักมาหาแม่หญิง”
“พี่เพ็งมาหาน้องมีเรื่องอันใดรึเจ้าค่ะ” หล่อนคิดว่า เรื่องนั้นคงจะเกี่ยวเนื่องกับตัวหล่อนเป็นแน่
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า” แม้คุณท้าวเฟื่องจะไม่อยู่ แต่บ่าวไพร่ก็ห้อมล้อมหล่อนอยู่มากมาย
“เรื่องอันใดรึเจ้าคะ”
“เรื่องนี่สำคัญนัก พี่อยากจะคุยกับแม่หญิงตามลำพังจักได้รึไม่”
จากนั้นเขาจึงชวนหล่อนไปเดินเล่นในสวน แต่หล่อนปฏิเสธขอคุยบนเรือนจะดีกว่า เพราะเป็นที่โล่งใครมองขึ้นมาก็จะเห็น จะได้ไม่มีใครกล้าเอาไปติฉินนินทา
“มะลิ แลพวกเจ้าทั้งหลายลงไปก่อนเถิด หากเรามีงานจักเรียกใช้เอง”
“เจ้าค่ะแม่หญิง” บ่าวสาวหลายคนรับคำและค่อย ๆ ลงไปจากเรือนจนเหลือแค่หล่อนและพี่เพ็งที่ดูมีลับลมคมในผิดแปลกกว่าทุกวัน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยูแล้วหญิงสาวจึงเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทีนี้พี่เพ็งจักบอกน้องได้รึยังเจ้าคะ ว่ามาหาน้องด้วยเรื่องอันใด” หล่อนเชิญให้เขานั่ง
พ่อเพ็งเอื้อมมือมาจับมือวิลันดา ซึ่งกำลังนั่งกรองมาลัยไปด้วยคุยกับเขาไปด้วย
“ปล่อยเจ้าค่ะ ใครมาเห็นเข้าจักนินทาเอาได้”
วิลันดาพยายามจะดึงมือกลับมาหล่อนรู้ดีว่าชายหญิงยุคนี้เขาจะไม่นิยมจับมือถือแขนกัน ถ้าเกิดคุณท้าวหรือท่านเจ้าพระยามาเห็นเข้า หล่อนกลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ
“พี่มิยอมปล่อย จนกว่าเจ้าจักบอกพี่ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่” สีหน้าเขาดูเครียดขึ้น คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน
“พี่เพ็ง” วิลันดาตกใจนิดหน่อยที่จู่ ๆ เขาก็มาถามหล่อนแบบนี้ เหมือนกับว่าเขารู้อะไรมา หรือเขาจะรู้แล้วว่าหล่อนไม่เหมือนพวกเขา หล่อนมาจากต่างภพแต่จะเป็นไปได้อย่างไร
“เจ้ามิใช่หลานคุณท้าว และมิได้เป็นน้องขุนไกร” เขาจ้องเข้าไปในนัยน์ตาหล่อนอย่างหาความจริง
“น้องเป็นใคร ไยพี่เพ็งจักต้องเดือดร้อนด้วยเจ้าคะ” ปากอิ่มเริ่มไม่ชอบใจในการกระทำของเขา จึงต่อว่ากลายๆ
“ก็เจ้าปั่นหัวพี่”
วิลันดานึกอยู่ในใจ ว่าเขาคงเป็นอีกคนแล้วที่หล่อนอยู่ของหล่อนเฉย ๆ ก็มาหาว่าปั่นหัวเขา หรือผู้ชายยุคนี้จะเป็นแบบนี้กันหมด
“น้องไปปั่นหัวพี่เพ็งเมื่อใดกันเจ้าค่ะ” วิลันดากระชากมือออก พลางนึกไม่ชอบใจในการมาเยือนของเขาในวันนี้
“ก็เจ้าทำให้พี่รักเจ้า” ใบหน้าหล่อดุจอิเหนากับรูปร่างสันทัดขยับกายเข้ามาใกล้
“คุณรักฉัน” หล่อนเผลอหลุดปากพูดภาษาของหล่อนออกไป
“เจ้าพูดว่ากระไรรึ” เขาฟังแล้วรู้สึกผิดหู
“เอ่อ.. น้องหมายความว่าพี่เพ็งรักน้องอย่างนั้นรึเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว พี่รักเจ้าแม่หญิง รักมากเสียด้วย” เขาพยายามขยับกายเข้ามาใกล้ แต่วิลันดาพยายามขยับหนี กลัวบ่าวไพร่จะมาเห็นเข้า
“แล้วไยพี่เพ็งจักหาว่าน้องไปปั่นหัวพี่เล่าเจ้าค่ะ” ใบหน้าสวยล้ำเริ่มคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจในคำกล่าวหา
“ก็ถ้าเจ้ามิใช่น้องของขุนไกร ชายหญิงอยู่ร่วมเรือนเดียวกัน อีกทั้งขุนไกรก็หวงเจ้านักหนา เจ้าเป็นเมียของขุนไกรใช่รึไม่” น้ำเสียงของเขาเหมือนกับตัดพ้อต่อว่าหล่อนมาหลอกลวงเขาอย่างกลาย ๆ
จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว อยู่ ๆ ก็มาทึกทักหาว่าหล่อนเป็นเมียเก็บขุนไกรอีก วิลันดาคิดไม่ตกว่า จะแก้ตัวยังไงดี ได้แต่โวยวายอยู่ในใจ
“พี่เพ็งคงจักเข้าใจผิดไปไกลแล้ว น้องมิใช่เมียพี่ขุนไกรดอกเจ้าค่ะ” หล่อนตอบตามความจริงไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด เดี๋ยวแม่หญิงดาวเรืองรู้เรื่องเข้าก็จะตีโพยตีพายเอากับหล่อนอีก
สีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นกังวลของพ่อเพ็งเปลี่ยนไปในทันที ที่เขาทุกข์ร้อนเพราะกลัวอย่างเดียว กลัวว่าตนจะไปหลงรักเมียคนอื่น แต่ถ้ามันไม่ใช่เพราะหล่อนเป็นคนบอกเขาด้วยตัวหล่อนเอง เขาพร้อมจะเชื่อในทันที
“จริงรึ” สีหน้าเขาดูคลายกังวลขึ้น มีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาดูสดชื่นขึ้นในทันตา วิลันดา หล่อนจะรู้หรือไม่ว่า หล่อนคือน้ำทิพย์ที่คอยชโลมใจเขา หากชาตินี้ เขาไม่อาจสมรักในตัวหล่อน พ่อเพ็งตั้งใจไว้ว่าเขาจะไม่รักใครอีกแล้ว หากภพนี้ไม่อาจเป็นเจ้าของ ก็ขอให้ภพหนึ่งภพใดเขาได้รักหล่อนและอยู่ร่วมกัน
“แลด้วยเหตุใด ขุนไกรจักต้องหลอกลวงผู้อื่นด้วยว่า เป็นญาติกันกับเจ้า” เขาก็ยังสงสัยการกระทำที่ดูมีลับลมคมในของขุนไกรอยู่ดี
วิลันดาคิดว่า หากหล่อนจะโกหกต่อไป สุดท้ายเรื่องก็คงต้องแดงขึ้นมาในสักวัน แต่ถ้าหล่อนเล่าความจริง พี่เพ็งจะเชื่อหล่อนหรือไม่ เขาอาจจะหาว่าหล่อนบ้าก็ได้ แต่หล่อนก็อยากจะเสี่ยงดู
“พี่เพ็งเจ้าคะ” หล่อนขยับเข้ามาใกล้เขาเพราะกลัวใครจะมาได้ยินแต่นั่นทำให้เลือดในกายของชายชาตรีรูปงามกำลังจะเดือดพล่าน
บุพเพข้ามภพ (ตอนที่ 19)
ทักทาย
ไม่สบายหายไปหลายวันเลยเชียว กลับมากแล้วค่ะ
++++++++++++++++++++
ตอนที่ 19
“เป็นเยี่ยงไรรึแม่ดาวเรือง แม่ได้ยินเสียงเจ้าเอ็ดบ่าวไพร่ดังอึงมี่ไปทั่วเรือน”
คุณท้าวศรีประจันเอ่ยถาม เมื่อลงมาจากคานหามหลังจากที่ได้เดินทางกลับมาจากวัง ได้ยินเสียงบุตรสาวของท่านกำลังอาละวาดบ่าวไพร่ในบ้าน จึงได้รีบเข้ามาดู
“อีวิลันดา มันมิใช่หลานคุณท้าวเฟื่องเจ้าค่ะ”
ใบหน้าสวยสะบัดเชิดขึ้น นางเดินไปมาอย่างกระสับกระส่ายเพราะในใจไม่อาจจะสงบได้กับข่าวที่ได้รู้มา
“พวกมันรวมหัวกันหลอกเราหนาเจ้าคะ” คิ้วเรียวงามกับหางตาที่ชี้ขึ้นดั่งนางหงส์แฝงความกราดเกรี้ยวดั่งพายุที่กำลังเคลื่อนเข้าไปทำลายล้างสิ่งกีดขวาง
“แม่ดาวเรือง ลูกพูดจาเยี่ยงนี้มิงามเลยหนา ไยเจ้าจักต้องร้องไห้ฟูมฟายเยี่ยงนี้ด้วย บ่าวไพร่มาเห็นเข้ามันจักนินทาเอาเสีย”
คุณท้าวมองใบหน้าบุตรสาวและท่าทางที่ดูเหมือนกับกำลังควบคุมสติไม่อยู่ นางไม่คิดเลยว่าบุตรสาวจะเป็นได้มากถึงเพียงนี้
“มีเรื่องอันใดกันรึขอรับ” พ่อเพ็งตามมาสมทบทีหลัง เขาแปลกใจเช่นกันจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงน้องสาวโวยวายลั่นเรือนไปหมด
“ก็แม่ดาวเรืองซิ บอกแม่ว่า แม่หญิงวิลันดามิใช่หลานคุณท้าวเฟื่อง แล้วน้องก็ร้องไห้ฟูมฟายมิยอมหยุด ดั่งที่พ่อเพ็งเห็นนี่แหละ”
ใบหน้างอง้ำจนทำให้ความสวยลดทอนลงไป หันหน้ามาหาพี่ชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“น้องให้คนไปสืบมาเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใดรึ” พ่อเพ็งถามพลางนึกในใจขออย่าให้เป็นเรื่องเดียวกับที่เขาใช้บ่าวไปสืบมาเลย กลัวว่า ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน แม่ดาวเรืองรู้เข้าคงไม่จบง่าย ๆ แต่คำขอของเขาก็ไม่อาจจะสัมฤทธิ์ผล
“ก็เรื่องแม่หญิงวิลันดาเยี่ยงไรเล่าเจ้าคะ พี่เพ็ง” เสียงของนางกระฟัดกระเฟียดจนเกินงาม
“เจ้ารู้เรื่องนั้นแล้วรึ” เขาไม่คาดคิดว่าน้องสาวจะหูไวตาไว รู้เรื่องได้รวดเร็วขนาดนี้
“เยี่ยงนี้หมายความว่า พี่เพ็งก็รู้แจ้งอยู่แก่ใจ ใช่รึไม่เจ้าค่ะ” นางมองจ้องพี่ชายอย่างจับผิด คิดน้อยใจที่พี่ชายดูเหมือนจะไม่เข้าข้างหล่อน
“แต่น้องอย่าได้เข้าใจคนในเรือนท่านเจ้าพระยาผิดไป พวกเขาคงอาจจักมีเหตุผลบางประการ จึงปิดเรื่องแม่หญิงกับเราก็ย่อมได้ ส่วนตัวแม่หญิง นางคงมิคิดจักหลอกลวงผู้ใดดอก พี่เชื่อเยี่ยงนั้น” เขาพูดปกป้องวิลันดาทันที จนทำให้แม่หญิงดาวเรืองอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“พี่เพ็งเข้าข้างมัน เพราะพี่มีใจให้แม่หญิงวิลันดาใช่รึไม่เจ้าคะ” แม่หญิงดาวเรืองเริ่มมั่นใจว่า พี่ชายของนางคงจะคิดจริงจัง รักจริงหวังแต่งกับแม่หญิงวิลันดาเป็นแม่นมั่น ถึงได้ทำตัวแก้ต่างให้เป็นทนายหน้าหอ
“พี่มิเถียงเจ้าว่า พี่มีใจให้นางจริง แต่ที่พี่ว่าเจ้า ก็เพราะเจ้านั้นโตเป็นผู้ใหญ่ควรจักมีเหตุผลบ้าง” เขายอมรับกับน้องสาวตามตรง
“แล้วถ้านางนั่น มันเป็นเมียที่พี่ขุนซุกซ่อนไว้ พี่เพ็งจักให้น้องทำเยี่ยงไรเจ้าค่ะ” แม่หญิงดาวเรืองยังคงกราดเกรี้ยวไม่เลิกรา นางไม่ได้สนใจในเรื่องอื่นเกี่ยวกับแม่หญิงวิลันดา แต่สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือ กลัวว่าความจริงแล้วนางจะกลายเป็นเมียของขุนไกร ซึ่งนั่นหล่อนยอมไม่ได้และไม่มีทางจะปล่อยให้เกิด พี่ขุนไกรจะต้องเป็นของหล่อนคนเดียวเท่านั้น
“เอาเถอะแม่ดาวเรือง เจ้าสงบสติอารมณ์บ้างเถิดหนา เรื่องนี้แม่จักปรึกษาท่านพ่อก่อน”
คุณท้าวศรีประจันส่ายศีรษะ รู้สึกระอาใจกับบุตรสาวจึงพูดตัดบทเสียก่อนที่เรื่องจะบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้
พ่อเพ็งเองรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง แววตาประหลาดของน้องสาวทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาจะทำอย่างไรดี หรือคราวนี้เขาจะต้องคิดทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเสียแล้ว เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เขารัก และเพื่อน้องสาวคนเดียว
++++++++++++++++++
“แม่หญิงวิลันดาเจ้าขา”
บ่าวสาววัยแรกรุ่นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด แม้จะไม่ถึงกับสวยสะดุดตาแต่ก็ดูน่ารักในสายตาของวิลันดา
“มีอันใดรึจ๊ะมะลิ” น้ำเสียงอ่อนหวานถามกลับไปอย่างนุ่มนวล วิลันดาวางมาลัยในมือลง หลายวันนี้หล่อนเริ่มเคยชินกับการนั่งกรองมาลัย ซึ่งเหมือนว่าจะเป็นกิจกรรมที่ผู้หญิงยุคนี้เขาชอบทำกัน เดี๋ยวนี้ฝีมือหล่อนพัฒนาไปมากจนคุณท้าวเฟื่องตั้งให้เป็นศิษย์เอกไปเสียแล้ว
“ท่านจมื่นราชภักดีมาเจ้าค่ะ”
แม้มะลิเองซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนบางครั้งยังรู้สึกสงสัยถึงที่มาที่ไปของแม่หญิงคนงามผู้นี้ แต่ทว่าด้วยความใจดีนุ่มนวลอ่อนหวานของเจ้าหล่อน ทำให้มะลิหลงรักและภักดีกับหล่อนอย่างหมดใจภายในเวลาไม่กี่วัน
ที่จริงแล้วมะลิก็คิดว่า ท่านจมื่นรูปงามที่มาหาแม่หญิงนั้น ดูเหมาะสมกับแม่หญิงราวกิ่งทองใบหยก แต่ถ้าจะให้เปรียบกับท่านขุนของหล่อนแล้ว มะลิคิดว่าท่านขุนเหมาะสมกับแม่หญิงวิลันดามากกว่าใคร ๆ เสียดายที่ท่านมีแม่หญิงดาวเรืองเป็นคู่หมั้นเสียแล้ว แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน วันนั้นหล่อนยังเห็นท่านขุนแอบไปหาแม่หญิงถึงในห้องตั้งนานแสนนาน
“มาหาฉันรึ” วิลันดารู้สึกเกรงใจคุณท้าวเฟื่องที่จะมีผู้ชายไปมาหาสู่อยู่บ่อยครั้ง
“มาหาแม่หญิงเจ้าค่ะ” ใบหน้านวลงามคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แลคุณท้าวเฟื่อง ท่านอยู่ที่ไหนกันรึ”
“เข้าวังไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วเจ้าค่ะ”
“ไยข้ามิรู้” วิลันดาเกรงว่า จะเป็นการไม่เหมาะสมที่พี่เพ็งจะมาพบหล่อนตามลำพัง จึงอยากให้มีผู้ใหญ่อยู่ด้วยจึงจะดูเหมาะสมกว่า
“คุณท้าวเฟื่องบอกสั่งเอาไว้เจ้าค่ะว่า มิให้บ่าวไปปลุกแม่หญิงเจ้าค่ะ”
คุณท้าวเฟื่องช่างเมตตาหล่อนนัก วิลันดาคิด หล่อนคงไม่มีทางเลี่ยงการพบปะกับพี่เพ็งได้อีก
“เยี่ยงนั้นเองรึ เจ้าก็ไปเชิญเขาขึ้นมาเถิด”
“เจ้าค่ะ”
จมื่นราชภักดีขึ้นเรือนมา แวบเดียวที่วิลันดาเห็นหน้าเขา หล่อนก็รู้แล้วว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่าง เพราะโดยปกติ เขาจะไม่เคยทำหน้าบึ้งตึงเหมือนมีเรื่องกังวลใจแบบนี้เลยสักครั้ง เขาจะมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ แต่วันนี้สีหน้าของเขาบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่เคร่งเครียด
“ไปไหนมารึเจ้าคะ” วิลันดายิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นเคย แต่หล่อนไม่เคยรู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มนั้นมันเข้าไปฝังอยู่ในใจของแขกผู้มาเยือน จนเขาไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้รักหล่อนได้อีกต่อไป
เขาเดินเข้ามาใกล้หล่อน กวาดสายตามองไปทั่วเรือน แต่ไม่เห็นคุณท้าวท่านคงจะเข้าวัง
“พี่ตั้งใจจักมาหาแม่หญิง”
“พี่เพ็งมาหาน้องมีเรื่องอันใดรึเจ้าค่ะ” หล่อนคิดว่า เรื่องนั้นคงจะเกี่ยวเนื่องกับตัวหล่อนเป็นแน่
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า” แม้คุณท้าวเฟื่องจะไม่อยู่ แต่บ่าวไพร่ก็ห้อมล้อมหล่อนอยู่มากมาย
“เรื่องอันใดรึเจ้าคะ”
“เรื่องนี่สำคัญนัก พี่อยากจะคุยกับแม่หญิงตามลำพังจักได้รึไม่”
จากนั้นเขาจึงชวนหล่อนไปเดินเล่นในสวน แต่หล่อนปฏิเสธขอคุยบนเรือนจะดีกว่า เพราะเป็นที่โล่งใครมองขึ้นมาก็จะเห็น จะได้ไม่มีใครกล้าเอาไปติฉินนินทา
“มะลิ แลพวกเจ้าทั้งหลายลงไปก่อนเถิด หากเรามีงานจักเรียกใช้เอง”
“เจ้าค่ะแม่หญิง” บ่าวสาวหลายคนรับคำและค่อย ๆ ลงไปจากเรือนจนเหลือแค่หล่อนและพี่เพ็งที่ดูมีลับลมคมในผิดแปลกกว่าทุกวัน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยูแล้วหญิงสาวจึงเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทีนี้พี่เพ็งจักบอกน้องได้รึยังเจ้าคะ ว่ามาหาน้องด้วยเรื่องอันใด” หล่อนเชิญให้เขานั่ง
พ่อเพ็งเอื้อมมือมาจับมือวิลันดา ซึ่งกำลังนั่งกรองมาลัยไปด้วยคุยกับเขาไปด้วย
“ปล่อยเจ้าค่ะ ใครมาเห็นเข้าจักนินทาเอาได้”
วิลันดาพยายามจะดึงมือกลับมาหล่อนรู้ดีว่าชายหญิงยุคนี้เขาจะไม่นิยมจับมือถือแขนกัน ถ้าเกิดคุณท้าวหรือท่านเจ้าพระยามาเห็นเข้า หล่อนกลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ
“พี่มิยอมปล่อย จนกว่าเจ้าจักบอกพี่ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่” สีหน้าเขาดูเครียดขึ้น คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน
“พี่เพ็ง” วิลันดาตกใจนิดหน่อยที่จู่ ๆ เขาก็มาถามหล่อนแบบนี้ เหมือนกับว่าเขารู้อะไรมา หรือเขาจะรู้แล้วว่าหล่อนไม่เหมือนพวกเขา หล่อนมาจากต่างภพแต่จะเป็นไปได้อย่างไร
“เจ้ามิใช่หลานคุณท้าว และมิได้เป็นน้องขุนไกร” เขาจ้องเข้าไปในนัยน์ตาหล่อนอย่างหาความจริง
“น้องเป็นใคร ไยพี่เพ็งจักต้องเดือดร้อนด้วยเจ้าคะ” ปากอิ่มเริ่มไม่ชอบใจในการกระทำของเขา จึงต่อว่ากลายๆ
“ก็เจ้าปั่นหัวพี่”
วิลันดานึกอยู่ในใจ ว่าเขาคงเป็นอีกคนแล้วที่หล่อนอยู่ของหล่อนเฉย ๆ ก็มาหาว่าปั่นหัวเขา หรือผู้ชายยุคนี้จะเป็นแบบนี้กันหมด
“น้องไปปั่นหัวพี่เพ็งเมื่อใดกันเจ้าค่ะ” วิลันดากระชากมือออก พลางนึกไม่ชอบใจในการมาเยือนของเขาในวันนี้
“ก็เจ้าทำให้พี่รักเจ้า” ใบหน้าหล่อดุจอิเหนากับรูปร่างสันทัดขยับกายเข้ามาใกล้
“คุณรักฉัน” หล่อนเผลอหลุดปากพูดภาษาของหล่อนออกไป
“เจ้าพูดว่ากระไรรึ” เขาฟังแล้วรู้สึกผิดหู
“เอ่อ.. น้องหมายความว่าพี่เพ็งรักน้องอย่างนั้นรึเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว พี่รักเจ้าแม่หญิง รักมากเสียด้วย” เขาพยายามขยับกายเข้ามาใกล้ แต่วิลันดาพยายามขยับหนี กลัวบ่าวไพร่จะมาเห็นเข้า
“แล้วไยพี่เพ็งจักหาว่าน้องไปปั่นหัวพี่เล่าเจ้าค่ะ” ใบหน้าสวยล้ำเริ่มคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจในคำกล่าวหา
“ก็ถ้าเจ้ามิใช่น้องของขุนไกร ชายหญิงอยู่ร่วมเรือนเดียวกัน อีกทั้งขุนไกรก็หวงเจ้านักหนา เจ้าเป็นเมียของขุนไกรใช่รึไม่” น้ำเสียงของเขาเหมือนกับตัดพ้อต่อว่าหล่อนมาหลอกลวงเขาอย่างกลาย ๆ
จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว อยู่ ๆ ก็มาทึกทักหาว่าหล่อนเป็นเมียเก็บขุนไกรอีก วิลันดาคิดไม่ตกว่า จะแก้ตัวยังไงดี ได้แต่โวยวายอยู่ในใจ
“พี่เพ็งคงจักเข้าใจผิดไปไกลแล้ว น้องมิใช่เมียพี่ขุนไกรดอกเจ้าค่ะ” หล่อนตอบตามความจริงไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด เดี๋ยวแม่หญิงดาวเรืองรู้เรื่องเข้าก็จะตีโพยตีพายเอากับหล่อนอีก
สีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นกังวลของพ่อเพ็งเปลี่ยนไปในทันที ที่เขาทุกข์ร้อนเพราะกลัวอย่างเดียว กลัวว่าตนจะไปหลงรักเมียคนอื่น แต่ถ้ามันไม่ใช่เพราะหล่อนเป็นคนบอกเขาด้วยตัวหล่อนเอง เขาพร้อมจะเชื่อในทันที
“จริงรึ” สีหน้าเขาดูคลายกังวลขึ้น มีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาดูสดชื่นขึ้นในทันตา วิลันดา หล่อนจะรู้หรือไม่ว่า หล่อนคือน้ำทิพย์ที่คอยชโลมใจเขา หากชาตินี้ เขาไม่อาจสมรักในตัวหล่อน พ่อเพ็งตั้งใจไว้ว่าเขาจะไม่รักใครอีกแล้ว หากภพนี้ไม่อาจเป็นเจ้าของ ก็ขอให้ภพหนึ่งภพใดเขาได้รักหล่อนและอยู่ร่วมกัน
“แลด้วยเหตุใด ขุนไกรจักต้องหลอกลวงผู้อื่นด้วยว่า เป็นญาติกันกับเจ้า” เขาก็ยังสงสัยการกระทำที่ดูมีลับลมคมในของขุนไกรอยู่ดี
วิลันดาคิดว่า หากหล่อนจะโกหกต่อไป สุดท้ายเรื่องก็คงต้องแดงขึ้นมาในสักวัน แต่ถ้าหล่อนเล่าความจริง พี่เพ็งจะเชื่อหล่อนหรือไม่ เขาอาจจะหาว่าหล่อนบ้าก็ได้ แต่หล่อนก็อยากจะเสี่ยงดู
“พี่เพ็งเจ้าคะ” หล่อนขยับเข้ามาใกล้เขาเพราะกลัวใครจะมาได้ยินแต่นั่นทำให้เลือดในกายของชายชาตรีรูปงามกำลังจะเดือดพล่าน