บุพเพข้ามภพ ตอนที่ 24

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 24
                   
    เมื่อมาถึงเรือน ขุนไกรอุ้มแม่หญิงวิลันดาขึ้นเรือน ทั้งที่นางยังมิได้สติ เขาค่อย ๆ บรรจงวางร่างอรชรบนที่นอนหนานุ่มในห้องของหล่อน ฝ่ามือลูบไล้เส้นผมอย่างนึกสารและเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก เขาเฝ้าหล่อนอยู่ไม่ห่างกาย ดูแลหาผ้ามาเช็ดทั่วใบหน้านวล จนฤทธิ์ของยานอนหลับนั้น เริ่มคลายลงจนหมด         

วิลันดาเริ่มรู้สึกตัว แต่ยังปวดหัวอยู่มาก สายตาดูเหมือนจะพร่าเลือนแต่ภาพที่เห็นหล่อน ไม่แน่ใจว่าเธอฝันไปรึไม่ ขุนไกรนั่งเฝ้าเธออยู่ เขาจับมือเธอไว้แน่นราวกับกลัวจะหายไป ซึ่งเหมือนกับทุกครั้งที่หล่อนไม่สบาย แต่สิ่งที่ผิดปกตินั่นก็คือ หล่อนเห็นขุนไกรนั่งตาแดง ๆ ผู้ชายชาติทหารอย่างเขาหรือที่จะมีเรื่องให้ถึงกับต้องเสียน้ำตาลูกผู้ชาย  แต่หล่อนไม่รู้หรอกว่า ที่เขาเสียใจ ไม่ใช่เพราะคิดว่าต้องเสียหล่อนให้แก่จมื่นราชภักดี แต่เพราะสงสารและเฝ้าโทษตนเองที่ดูแลแม่หญิงไม่ดีพอ                                     
“แม่หญิงเจ้าฟื้นแล้วรึ พี่ห่วงเจ้านัก” พลันเขารั้งร่างบางของหล่อนเข้ามากอดเสียแนบแน่น เหมือนกับว่าหล่อนกับเขาไม่ได้พบกันมานานแรมปี
    
“น้องหายใจมิออกเจ้าค่ะ” หล่อนเพิ่งฟื้นจึงยังงวยงงอยู่ว่าด้วยเหตุใด หล่อนถึงกลับมาอยู่ที่เรือนได้ และเหตุใดกันขุนไกรถึงทำสีหน้าเหมือนคนเสียของรักอย่างรุนแรงแบบนี้ด้วย                            
เขาค่อย ๆ คลายอ้อมกอดนั้นออก รู้สึกสงสารคนรักอย่างจับจิตจับใจ ทั้งยังโกรธแค้นแน่นหนักฝังใจกับคนที่ทำลายหล่อน
    
“แม่หญิง จำคำพี่ไว้มิมีสิ่งใดให้พี่หมดรักเจ้าได้” สีหน้าท่าทางเขาบอกถึงความมั่นคงในคำพูด มันจะเป็นเยี่ยงนั้นไปตลอดกาล
    
“น้องจำได้ว่าได้ ไปเที่ยวตลาดท่าจันทร์กับพี่เพ็งแลแม่หญิงดาวเรืองแลเหตุใดถึงกลับมาถึงที่เรือนได้เจ้าคะ”                        
“นี่เจ้าคงมิรู้ตัวเลย ดีแล้วเจ้าจักได้ มิต้องจดจำให้มันผ่านไปเถิดหนา”     คงเป็นการดี หากหล่อนไม่รู้สึกตัวตอนที่ถูกลบหลู่เกียรติ ขุนไกรคิด เขาเองไม่ต้องการให้หล่อนจดจำกับสิ่งที่จมื่นราชภักดีกระทำกับหล่อนลงไป
    
“พี่ขุนพูดเรื่องอันใดรึเจ้าค่ะ” สายตาไร้เดียงสาของหล่อนยิ่งทำให้เขาสงสารหล่อนนัก
    
สักวันหนึ่งแม่หญิงก็ต้องรู้เรื่องนี้ ขุนไกรจำเป็นต้องเล่าให้วิลันดาฟัง แต่เขาย้ำกับหล่อน ก่อนที่จะเล่าว่า ถึงเยี่ยงไรเสีย พี่ขุนคนนี้จักไม่มีวันทอดทิ้งแม่หญิง จักรักแม่หญิงเพียงนางเดียว จนกว่าแผ่นดินกรุงธนบุรีจะกลบหน้า            

“แม่หญิงอย่าได้นึกเสียใจไปเลย คิดเสียว่ามิได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น มันเป็นเพียงฝันเท่านั้นหนา”                            

“พี่ขุน มิรังเกียจหญิงที่มีราคีรึเจ้าคะ”                
    
วิลันดารู้เรื่องจากขุนไกรแล้ว เธอคิดว่านี่ต้องเป็นฝีมือของแม่หญิงดาวเรืองเป็นแน่ คราวนี้หล่อนทำเกินไปเสียแล้ว ส่วนเรื่องพ่อเพ็งจะรู้เห็นด้วยรึไม่หล่อนไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ แม้หล่อนยังเป็นสาวบริสุทธิ์ มิเคยต้องมือชายใดมาก่อน แต่ก็พอจะรู้ว่าร่างกายของตน มิได้บุบสลายหรือมีสิ่งผิดปกติอันใดเลย จมื่นราชภักดี น่าจะยังมิได้ทำอะไรกับเธอเป็นแน่ แต่สมัยนี้ไม่มีเทคโนยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าเธอยังคงความบริสุทธิ์อยู่ แต่สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้แน่แล้วในตอนนี้คือ หัวใจของพี่ขุนคนนี้                         
เขาไม่สนใจเลยว่า หล่อนจะเป็นเยี่ยงไร ผิดกับชายอื่นส่วนมาก ในยุคนี้ถือว่าเรื่องความบริสุทธิ์นั้นสำคัญนัก มิมีผู้ใดอยากรับผู้หญิงที่มีราคีติดตัวมาเป็นคนรัก ยิ่งยกย่องอยากจักต้องแต่งงานด้วยแล้วนั้นแทบจะหามิได้  
    
คุณท้าวเฟื่อง เมื่อกลับถึงเรือนแล้ว รีบเข้ามาที่ห้องแม่หญิง แลเห็นหน้าแม่หญิงเข้า นางถึงกับสะอื้นไห้ จนแม่หญิง ผู้ที่ทุกคนคิดว่าเป็นผู้เสียหายในครานี้ กลับต้องปลอบโยนคุณท้าวเฟื่องเป็นการใหญ่
    
“คุณท้าวอย่าร้องไห้เลยหนาเจ้าค่ะ” วิลันดาปลอบโยนคุณท้าว พลางในใจก็คิดเช่นกันว่า ตกลงใครกันแน่เป็นผู้เสียหาย คุณท้าวหรือหล่อน แต่ก็ตื้นตันกับความรักที่ คุณท้าวมีให้ แต่ยังมิรู้จักบอกเยี่ยงไรว่าหล่อนยังมิได้เสียสาว        

“ดิฉันมิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ”
    
“แม่ผิดเองที่ให้เจ้าไปกับคนเลวเยี่ยงนั้น เจ้ายกโทษให้แม่ด้วย” นางสะอื้นไห้ เข้าไปกอดวิลันดา
    
ขุนไกรรู้อยู่แก่ใจว่า แม่ของเขารักแม่หญิงมาก คงเสียใจมากเหมือนกับตนในเรื่องนี้
    
“ท่านแม่ขอรับ หักห้ามใจบ้างขอรับ มิมีผู้ใดกล่าวโทษท่านแม่ดอกขอรับ” เขาเอ่ยปลอบใจมารดา
                                          
  ++++++++++++++++++
    
จมื่นราชภักดีนั่งหน้าเครียดขบกรามจนเป็นสันนูน งานนี้แท้จริงผู้เสียหายที่สุด ควรจะเป็นเขา เพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แม้นจะบังคับแม่หญิงดาวเรืองให้พูดความจริง นางก็คงไม่ยอมรับใด ๆ บอกเพียงแต่ว่า นางเองก็สลบไปเช่นกัน ฟื้นมาอีกที ก็ไม่เห็นเขาและแม่หญิง จึงให้บ่าวไพร่ช่วยกันตามหา             

คุณท้าวเฟื่องแลบ่าวไพร่จึงมาพบเข้า เรื่องจึงอื้อฉาวทั่วพระนคร เขาเองรู้สึกสงสารแม่หญิงวิลันดาจนเหลือล้น แต่จะไปที่เรือนพระยามิตรไมตรีในครานี้เห็นทีคงจะไม่มีผู้ใดยอมให้ขึ้นเรือนเป็นแน่
    
“เป็นเยี่ยงไรบ้างรึพ่อเพ็ง”                     

    พระยาสีหเดโชและคุณท้าวศรีประจันตามหาบุตรชายจนทั่วเรือนก็หามิพบ จึงลงมาดูที่ศาลาสระบัว พบเขานั่งหน้าเครียดอยู่เดียวดาย ท่านพระยาพร้อมคุณเท้า จึงไปนั่งเคียงข้างบุตรชาย ตบไหล่เบา ๆ เชิงให้กำลังใจ

    “ท่านพ่อ ลูกมิได้แก้ต่างหนาขอรับ แต่ลูกมิใช่คนเลวพอจักทำเรื่องเลวทรามเยี่ยงนั้นได้ดอกขอรับ”                            

“พ่อเชื่อเจ้า”
    
“เรื่องทั้งหมดนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังคือแม่ดาวเรือง ลูกจักพูดเยี่ยงไรได้”
    
“จริงรึที่พ่อเพ็งพูด” คุณท้าวศรีประจันหน้าซีดลง มิคิดว่าความรักจะบังตาให้บุตรสาวทำเรื่องต่ำช้าเลวทรามได้ถึงเพียงนี้
    
“ไยลูกจักหาว่าน้องกระทำเยี่ยงนั้นรึ” แต่คุณท้าวเองก็ยังมิอยากจะเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของบุตรสาว
    
“คืนก่อนจักเกิดเรื่อง น้องนำยาปลุกกำหนัดมาให้กระผมขอรับ หวังให้ใช้แก่แม่หญิง แต่กระผมมิยอมรับยานั้น”
    

“แม่ดาวเรืองหนาแม่ดาวเรือง ให้พ่อเสร็จเรื่องเจ้าเสียก่อน จะกำราบเสียให้เข็ด ปล่อยไว้เยี่ยงนี้มิได้การแล้ว”
    
“แต่เรื่องครานี้ แม่หญิงเสียหายมากนัก ลูกอยากให้ท่านพ่อไปขอแม่หญิงให้แก่ลูก”
    
“พ่อเองก็จักมาหารือกับเจ้าเรื่องนี้แล ครานี้พ่อเองยอมรับว่า มิรู้จักไปพูดเยี่ยงไรดีกับเกลอรัก”
    
“เขาคงชังน้ำหน้าเรานักหนา” คุณท้าวศรีประจันเสริม
    
“แต่เอาเถิดหนา วันพรุ่งพ่อจักไปที่เรือนพระยามิตรไมตรี”
    
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วตลาดท่าจันทร์  เรื่องจมื่นราชภักดีพาแม่หญิงงามผู้หนึ่งมาพลอดรักท้ายตลาด  จนญาติของนางพาบ่าวไพร่มาหาจนทั่วตลาด ผู้กระพือข่าวนี้ก็คือยายแดงกับบ่าวคนสนิทของแม่หญิงดาวเรือง ซึ่งถูกสั่งมาให้กระพือข่าวนี้  แม้นตอนแรก มิมีผู้ใดรู้จักแม่หญิงวิลันดากันมากนัก เพราะแม่หญิงมิค่อยออกมานอกเรือน แต่ด้วยคนพูดกันปากต่อปากว่า เป็นถึงหลานคุณท้าวเฟื่อง เรื่องนี้จึงอื้อฉาวไปทั่ว สร้างความหนักใจให้แก่คุณท้าวมิน้อย                

“แม่หญิงยังมิตื่นรึพ่อขุน”
    
“ขอรับท่านแม่”
    
“เมื่อคืน พ่อเจ้ากลับมาจากหัวเมืองแล้ว แม่แจ้งเรื่องนี้แก่พ่อเจ้า เขาโกรธเคืองพวกเรือนนั้นหนักหนา”
    
“เสร็จศึกครั้งนี้ ลูกอยากให้ท่านแม่จัดงานแต่งงานให้ลูกแก่แม่หญิงวิลันดาในเร็ววัน”
    
“พ่อขุนเจ้าจักทำเยี่ยงนั้นได้รึ ตอนนี้ชาวบ้านร้านตลาดกำลังนินทาเรื่องนี้กันหนาหูนัก แล้วเจ้าจักแต่งกับแม่หญิง”                    

คุณท้าวกลุ้มใจนัก แม้รักแม่หญิงมาก แต่หล่อนก็ยังห่วงพ่อขุนลูกชาย มิอยากให้ใครดูแคลนว่าต้องมากินแตงเถาตาย แม้นตัวนางจะมิรังเกียจแม่หญิงสักน้อยนิด แต่ด้วยหน้าตาของวงศ์ตระกูล คิดแล้วก็ให้หนักใจนัก
    
แม่หญิงตื่นมาพอดีได้ยินเสียงคุณท้าวกับพ่อขุนคุยกัน จึงเดินเลี่ยงไปทางอื่น นางรู้สึกว่าพวกบ่าวไพร่มองหล่อนผิดแผกไป แม้นมิได้นินทาในทางเสียหาย แต่สายตากลับเหมือนสงสารหล่อนเสียมากกว่า วิลันดายิ่งหนักใจจะหาสิ่งใดมาเป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนี้ได้
    
“ถ้าอยู่ยุคเราก็คงดีจะไปตรวจภายในเอาผลมาให้ดูกันเลยเชียวว่า เรายังไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย” วิลันดาบ่นกับตัวเอง                    

“คุณท้าวเจ้าค่ะ ท่านจมื่นราชภักดีมาขอพบจ้าค่ะ”
    
“ยังกล้ามีหน้ามาเยือนเรือนข้าอีกรึ”
    
“เจ้าพระยาสีหเดโช คุณท้าวศรีประจันก็มาด้วยกันเจ้าค่ะ”
    
“นังผินเอ็งไปเชิญคุณพี่ออกมา” นังผินรีบไปเชิญท่านเจ้าพระยามิตรไมตรี เพราะดูท่างานนี้คงจักหนักหนา
    
“นังมะลิไปเชิญพวกเขาขึ้นมาที่หอนั่ง”
    
“ท่านแม่วันนี้ ลูกจักได้เอาเลือดชั่วของไอ้เพ็งมันมาล้างเรือนเรา” เขาทำท่าฮึดฮัด จักไปคว้าดาบที่เหน็บฝาเรือนมาให้ได้
    
“ใจเย็นก่อนพ่อขุน อย่าให้ถึงกับนองเลือดกันเลย”             

คุณท้าวรีบคว้าแขนบุตรชายไว้ แม้นนางจะรู้สึกแค้นพวกเรือนนั้นเพียงไหน แต่ผู้ใหญ่อย่างพระยาสีหเดโชมาด้วย ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมาก มิใช่ใครจะหลบหลู่ได้
    
ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาที่หอนั่ง ยกเว้นแม่หญิงเพียงคนเดียวที่เดินกลับไปที่ห้องนอน หล่อนยังไม่อยากพบหน้าจมื่นราชภักดีในตอนนี้ ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจกันมาก บรรยากาศที่ไม่สู้ดีนัก                        

“วันนี้ เราจักมีเรื่องมาเจรจากับเกลอรัก” พระยาสีหเดโชเป็นผู้กล่าวขึ้นก่อน ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
    
“เรายังเป็นเกลอรักกันอีกรึ” พระยามิตรไมตรีก็ยังอดเหน็บไม่ได้เพราะท่านเองก็รู้สึกสงสารแม่หญิงมากเช่นกัน
                    
“เจ้าจักว่าเยี่ยงไรเราก็ได้ แต่เราอยากจักบอกพวกท่านว่า พ่อเพ็งลูกชายเรามีใจให้แม่หญิงเป็นแน่แท้”
                            
“มีใจรึเจ้าคะ แล้วไยกระทำเยี่ยงนั้น” คุณท้าวเฟื่องทนมิไหวจึงพูดแทรกออกไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่