หัวกระทู้วววว สปอล์ยซะหมดแล้ว สินะ ><
นัดที่แล้ว เราพึ่งเปิดบ้านรับการมาเยือนจากขุนพลอเวจี กาลาตาซาราย ซึ่งแม้เราจะขาดตัวหลักๆหลายคนไป และเหลือเพียง 10 คนตั้งแค่ครึ่งแรก แต่เราก็เอาชนะพวกเขามาได้ที่สกอร์ 4-1
ที่จริงแล้วเราไม่อยากจะพูดนัก เพราะอาจดูเหมือนวิจารณ์ทีมอื่นแล้วยกทีมตัวเอง แต่ความจริงแล้วในนัดนั้น ถามเราว่าโหดโคตรพ่อมั้ย ว่าไปแล้วก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นทางด้านกาลาตาซารายเองที่แนวรับหลวมโพรกกกกก และจุดสำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้คือ ผู้รักษาประตูทำหน้าที่ได้ไม่น่าประทับใจอย่างมาก ขนาดเราเป็นแฟนมาดริด เรายังคิดเลยว่า แต่ละลูกที่เข้านั่น โกลด์มีปฏิกิริยากับบอลช้ามาก เลยเสียประตูแทบทุกครั้งที่บุกขึ้นไปได้ แล้วเหลือดวลกับผู้รักษาประตู ถ้าโกลด์ฝั่งกาลาตาซารายเป็น ดิเอโก โลเปซ นัดนั้นเราอาจจะแค่เสมอก็ได้
พูดไปพูดมาก็ชมทีมตัวเองอีกละ อิอิ
มากันที่แมตนี้ อันดับในตารางของเรา เวลานี้ยังคงอยู่ที่ อันดับ 3 เพราะไม่ว่าจะนั่งแช่ง นอนแช่ง ตะแคงแช่งยังไง หัวตารางทั้ง 2 ทีมเขาก็ไม่เพลี่ยงพล้ำกันสักที โหดกันเหลือเกิน บาเซโลน่า พึ่งเสมอแค่นัดเดียวนอกนั้นชาร์ตคะแนนยังเขียวชอุ่มพุ่มสไว ขณะที่แอธฯมาดริด มาเป็นอันดับ 2 พึ่งแพ้ไป 1 นัดและเสมอไป 1 นัดเช่นกัน ขณะที่ทีมเราแพ้ไป 2 นัด เสมออีก 1 นัด
ประเด็นคือ.. ไอ้ 2 นัดที่แพ้ นี่ แพ้ บาเซโลน่า กับ แอธฯมาดริดไง
พูดแล้วก็เจ็บปวด มาดูเกมวันนี้กันดีกว่าค่ะ ว่าเราเก็บ 3 แต้มมาได้ด้วยผลงานอันน่าดูชมของใครบ้าง
อิอิ

ในนัดนี้โรนัลโด้ยังคงไม่สามารถมาเล่นกับทีมได้ ขณะที่อันเช่ตัดสินใจดรอปนักเตะคนสำคัญของทีมอย่าง.. อัลบาโล อาเบลัว ที่โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆในรอบ 47 ปี (เยอะไป) ด้วยเหตุผลว่า หากพี่รั่วมาโชว์เทพบ่อยๆก่อนตลาดเปิดเดือนมกรา เดี๋ยวได้เจอซิวกันพอดี ขอเก็บคนหล่อไว้ทำบ่อให้ทีมก่อนละกัน
นัดนี้ คาบาฆาลเลยได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังจากเบียดกองกำลังรั่วแพ็ค 4* ไม่ได้สักที ในนัดที่ผ่านๆมา
(**หมายเหตุ กองกำลังรั่ว : รั่วมอส,มาเชรั่ว,อาเบรั่ว,เพเพ้ ในบางคราวอาจมี วารั่วมาสลับบ้าง)
ขณะที่โมดริชก็พ้นโทษแบนแล้วพอดี อันเช่เลยจับเป็นตัวจริงลงคู่กับอลอนโซ่ ให้คุมเกมแดนกลาง และ ฟอร์เมชั่น เบลมาเรีย กับอิซโก ยังยืนตำแหน่งเดิมกับที่เราชนะกาลาฯมาได้ วันนี้ เสี่ยเบนซ์กลับมาลงเป็นหน้าเป้าอีกครั้ง
First Half
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เป็นไปด้วยความตะกุกตะกัก เพราะอินเตอร์เนตที่บ้านกระตุกมากกกกกกกก ดูเกือบไม่รู้เรื่อง

30 นาทีแรกเรายังไม่ได้โชว์โหดอะไรมาก เพราะแม้เราจะพยายามเดินหน้าบุกบรรลัยไส้ขนาดไหน ถ้าไม่พลาดเอง ก็ถูกสกัดได้ไว้ได้ทุกครั้ง บายาโดลิดที่ตัดทางบอลเราได้ค่อนข้างดีพอสมควร เราเลยยังค่อนข้างบุกขึ้นไปแป้กซะส่วนใหญ่
ทั้งคานสนั่น
ทั้งนกตาย
ทั้งเข้าหน้าต่าง ... คือมาครบอ่ะ

แมตนี้เราเห็นได้ชัดถึงความกดดันของ ดิมาเรีย ที่หลายครั้งพยายามจะเล่นเองมากกว่าส่งให้เพื่อน (ทั้งที่ปกติจริงๆแล้วดิมาเรียไม่ใช่คนแบบนี้) อาจเป็นเพราะฟอร์มของเบลที่ดีวันดีคืน ดิมาเรียเลยอาจต้องพยายามเค้นฟอร์มให้เข้าฝักมากที่สุดเมื่อมีโอกาส วันนี้เขาทำพลาดในโอกาสแรก และ ในโอกาสที่ 2 หลังจากสปีดบอลขึ้นมาได้ในกรอบเขตโทษ ด้วยระยะใกล้เคียง กับการทำประตู เขาก็เลือกยิงเองอีกครั้ง
แทนที่จะส่งคืนให้เบลให้เบลที่วิ่งมาเติมเกมที่หน้ากรอบเขตโทษพอดี ดิมาเรียยิงจากริมเส้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย กะโยนเข้ามุมเสาสอง แต่มาริโนผู้รักษาประตูของ บายาโดลิด เห็นแต่แรกแล้ว เขาก็โดดปัดไว้ได้ และนั่นกลับมาเข้าทางปืนเบลพอดี เพราะเขารออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
33' Bale - เบลที่วิ่งเติมเข้าในกรอบเขตโทษพอดี ไม่ทำให้โอกาสนั้นหลุดลอย เขาพุ่งโหม่งบอลที่เด้งออกจากมือมาริโน่ เข้าประตูไปทันที เป็นประตูแรกให้รีล มาดริดขึ้นนำไปก่อน
เกมบุกของบายาโดลิดนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก พวกเขาแทบทำเกมบุกไม่ได้ และเมื่อมีโอกาสใกล้เคียง ศูนย์หน้าก็กลับจบสกอร์ไม่ได้อีก ทำให้เราได้ประตูที่ 2 จากลูกสวนกลับอีกครั้ง
36' Benzema - หลังจากเราบุกขึ้นมาได้ที่หน้ากรอบเขตโทษอีกครั้ง อิซโกครองบอลไว้ได้ ก่อนจะหาช่องจ่าย และด้านหลังมีแกเร็ธ เบลรอยู่ อิซโกจ่ายคืนเบล ขณะที่ เบนเซม่าทำมือเป็นสัญญาณว่าจะวิ่งไปรอที่หน้าประตู เบลเห็นจังหวะนั้นแล้ว เขาพักบอล 1 จังหวะ ก่อนเปิดลูกโค้งสุดงามด้วยเท้าซ้าย เสี่ยเบนซ์ วิ่งไปเท็กตัวโหม่ง เข้าประตูไปได้อย่างสวยงาม ส่ง มาดริด ขึ้นนำที่ 2 - 0
หลังจากนั้น เราก็ยังทำเกมบุกอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มักทำบอลเสียเองทุกครั้ง และดูเหมือน บายาโดลิดจะปล่อยให้เราเจาะง่ายมากๆ ทั้งที่จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้เล่นแย่เลย (เอ๊ะ หรือแย่ -*-) แต่แทบไม่เพรสซิ่งหรือพยายามเข้ามาแย่งบอลจากเราเลย จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0
Secound Half
ในนัดนี้ อิซโกถือเป็นตัวป่วนเลยทีเดียว เขามีโอกาสครองบอลบ่อยมาก และบอลติดเท้ามาก สไตล์การเล่นของอิซโกวันนี้ทำให้เรานึกถึง เด็กแซมบ้าอย่าง ฟิลิเป้ คูติณโญ่ ที่ค่อนข้างมีวิชั่นในการจ่ายบอลที่ดีมาก เป็นนักเตะประเภทที่มองหาช่องได้ดี และ ผ่านบอลยาวได้ไม่สะดุดเลย และการจ่ายบอลของอิซโก มีส่วนทำให้เกิดประตูหลายครั้งในเกมนี้
ประมาณนาทีที่ 60 เราเกือบได้ประตูจากการต่อบอลที่สวยสุดๆในเกมนี้ของทีมเรา การต่อบอล 3 จังหวะของคาบาฆาลกับเบล ส่งเบนซ์ให้ยิงประตูสุดสวยได้ แต่กลับเป็นลูกล้ำหน้าไปซะฉิบ...
64' Bale - หนึ่งใน 4 ขุนพลพลังรั่ว (แพ็ค4) อย่าง มาเชโล่ ยังคงรักษาสไตล์การเล่นของตัวเองได้เป็นอย่างดี คือ เป็นกองหลังที่ดันสูงมาก และเติมเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาวิ่งขึ้นมารอที่ริมเส้นฝั่งซ้าย เบลผ่านบอลให้เขาจากตรงกลาง มาเชโล่ลากขึ้นมา มองไปที่หน้ากรอบเขตโทษ เห็นเบลวิ่งมารอ และ ซ้อนด้วยเสี่ยเบนซ์ จังหวะนี้เราเข้าใจว่า มาเชโล่ พยายามจะเปิดให้เบนซ์ที่อยู่ใกล้ประตูมากกว่า แต่ลูกดันติดกองหลังของบายาโดลิด บอลกระเด็นเข้าทางเบลที่อยู่ตรงกลางอีกครั้ง
เบลหวดไปเต็มๆ เหน่งๆ เน้นๆ เป็นประตูที่ 2 ของเขาในเกมนี้ ส่งให้รีล มาดริดขึ้นนำเป็น 3-0
และหลังจากเราเปลี่ยนตัว เบนเซม่า และ ดิมาเรีย แล้วให้ เฆเซ่ มาเล่นปีก โมราต้าไปเล่นหน้าเป้าแทน เกมก็อืดลงอย่างเห็นได้ชัด เรากลับเป็นฝ่ายที่ต้องลงไปตั้งรับ และกองหน้าเยาวชนของเรายังขาดความคมอยู่มาก บอลอืดอาดๆ อยู่สักพัก จนอิฉันแอบแช่งอันเช่ในใจว่า
"นี่ลุงจะอุดใช่มะ นี่ไม่ใช่บอลถ้วยนะลุง บุกๆไปเห้อะะะะ หนูลุ้นแฮทริคให้น้องลิงอยู่น้ะ ลุงมาอุดแบบนี้ น้องลิงหนูจะได้โชว์โหดไหม"
และเหมือน กาแร็ธ เบล จะได้ยินแรงปรารถนาอันซ่าบซ่านนั้น เขากับคู่หู มาเชโล่ ก็สร้างปาฏิหารย์แรกของตัวเองสำเร็จ
89' Bale - จังหวะสวนกลับอย่างรวดเร็ว เบลเก็บบอลมาได้ ลากไกลครึ่งสนาม ก่อนถึงกรอบเขตโทษ เขาตัดสินใจผ่านบอลให้มาเชโล่ แล้วรีบสปีดขึ้นไปรอหน้าประตู เบลยืนมือมาด้านหน้า เพื่อขอบอลจากมาเชโล
"ทางนี้พี่มาเลยๆๆๆๆๆๆๆ" มือเบลมันสั่นยิกๆ เดาว่ามันคงพูดแบบนี้แหละ
และมาเชโลก็จัดให้ เขามองเห็นช่องพอดี เปิดบอลสั้นให้เบล ช้าไปนิดเดียวต้องติดมือ มาริโน่แน่ แต่เบลก็แปนิ่มๆเข้าประตูไปซะก่อน
เบลวิ่งกลับมาชี้มาเชโล่ ในทำนองว่า "พี่สุดยอดขอบคุณพี่จริงๆ T_T" แล้วทั้งคู่ก็กระโดดกอดกัน
จบเกมนั้น เราชนะ บายาโดลิด 4 ประตูต่อ 0 และยังเป็นแฮทริคครั้งแรกของแกเร็ธ เบล ขณะที่สวมเสื้อรีล มาดริดอีกด้วย
MAN OF THE MATCH
GARETH BALE
( 3 GOALS, 1 ASSIST)

HIGHLIGHT การทำประตูทั้งหมด
[Real Madrid] #Match 15 : Real Madrid 4 - 0 Valladolid "PERFECT HATTRICK" ของ แกเร็ธ เบล
นัดที่แล้ว เราพึ่งเปิดบ้านรับการมาเยือนจากขุนพลอเวจี กาลาตาซาราย ซึ่งแม้เราจะขาดตัวหลักๆหลายคนไป และเหลือเพียง 10 คนตั้งแค่ครึ่งแรก แต่เราก็เอาชนะพวกเขามาได้ที่สกอร์ 4-1
ที่จริงแล้วเราไม่อยากจะพูดนัก เพราะอาจดูเหมือนวิจารณ์ทีมอื่นแล้วยกทีมตัวเอง แต่ความจริงแล้วในนัดนั้น ถามเราว่าโหดโคตรพ่อมั้ย ว่าไปแล้วก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นทางด้านกาลาตาซารายเองที่แนวรับหลวมโพรกกกกก และจุดสำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้คือ ผู้รักษาประตูทำหน้าที่ได้ไม่น่าประทับใจอย่างมาก ขนาดเราเป็นแฟนมาดริด เรายังคิดเลยว่า แต่ละลูกที่เข้านั่น โกลด์มีปฏิกิริยากับบอลช้ามาก เลยเสียประตูแทบทุกครั้งที่บุกขึ้นไปได้ แล้วเหลือดวลกับผู้รักษาประตู ถ้าโกลด์ฝั่งกาลาตาซารายเป็น ดิเอโก โลเปซ นัดนั้นเราอาจจะแค่เสมอก็ได้
พูดไปพูดมาก็ชมทีมตัวเองอีกละ อิอิ
มากันที่แมตนี้ อันดับในตารางของเรา เวลานี้ยังคงอยู่ที่ อันดับ 3 เพราะไม่ว่าจะนั่งแช่ง นอนแช่ง ตะแคงแช่งยังไง หัวตารางทั้ง 2 ทีมเขาก็ไม่เพลี่ยงพล้ำกันสักที โหดกันเหลือเกิน บาเซโลน่า พึ่งเสมอแค่นัดเดียวนอกนั้นชาร์ตคะแนนยังเขียวชอุ่มพุ่มสไว ขณะที่แอธฯมาดริด มาเป็นอันดับ 2 พึ่งแพ้ไป 1 นัดและเสมอไป 1 นัดเช่นกัน ขณะที่ทีมเราแพ้ไป 2 นัด เสมออีก 1 นัด
พูดแล้วก็เจ็บปวด มาดูเกมวันนี้กันดีกว่าค่ะ ว่าเราเก็บ 3 แต้มมาได้ด้วยผลงานอันน่าดูชมของใครบ้าง
อิอิ
ในนัดนี้โรนัลโด้ยังคงไม่สามารถมาเล่นกับทีมได้ ขณะที่อันเช่ตัดสินใจดรอปนักเตะคนสำคัญของทีมอย่าง.. อัลบาโล อาเบลัว ที่โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆในรอบ 47 ปี (เยอะไป) ด้วยเหตุผลว่า หากพี่รั่วมาโชว์เทพบ่อยๆก่อนตลาดเปิดเดือนมกรา เดี๋ยวได้เจอซิวกันพอดี ขอเก็บคนหล่อไว้ทำบ่อให้ทีมก่อนละกัน
นัดนี้ คาบาฆาลเลยได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังจากเบียดกองกำลังรั่วแพ็ค 4* ไม่ได้สักที ในนัดที่ผ่านๆมา
(**หมายเหตุ กองกำลังรั่ว : รั่วมอส,มาเชรั่ว,อาเบรั่ว,เพเพ้ ในบางคราวอาจมี วารั่วมาสลับบ้าง)
ขณะที่โมดริชก็พ้นโทษแบนแล้วพอดี อันเช่เลยจับเป็นตัวจริงลงคู่กับอลอนโซ่ ให้คุมเกมแดนกลาง และ ฟอร์เมชั่น เบลมาเรีย กับอิซโก ยังยืนตำแหน่งเดิมกับที่เราชนะกาลาฯมาได้ วันนี้ เสี่ยเบนซ์กลับมาลงเป็นหน้าเป้าอีกครั้ง
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เป็นไปด้วยความตะกุกตะกัก เพราะอินเตอร์เนตที่บ้านกระตุกมากกกกกกกก ดูเกือบไม่รู้เรื่อง
30 นาทีแรกเรายังไม่ได้โชว์โหดอะไรมาก เพราะแม้เราจะพยายามเดินหน้าบุกบรรลัยไส้ขนาดไหน ถ้าไม่พลาดเอง ก็ถูกสกัดได้ไว้ได้ทุกครั้ง บายาโดลิดที่ตัดทางบอลเราได้ค่อนข้างดีพอสมควร เราเลยยังค่อนข้างบุกขึ้นไปแป้กซะส่วนใหญ่
ทั้งนกตาย
ทั้งเข้าหน้าต่าง ... คือมาครบอ่ะ
แมตนี้เราเห็นได้ชัดถึงความกดดันของ ดิมาเรีย ที่หลายครั้งพยายามจะเล่นเองมากกว่าส่งให้เพื่อน (ทั้งที่ปกติจริงๆแล้วดิมาเรียไม่ใช่คนแบบนี้) อาจเป็นเพราะฟอร์มของเบลที่ดีวันดีคืน ดิมาเรียเลยอาจต้องพยายามเค้นฟอร์มให้เข้าฝักมากที่สุดเมื่อมีโอกาส วันนี้เขาทำพลาดในโอกาสแรก และ ในโอกาสที่ 2 หลังจากสปีดบอลขึ้นมาได้ในกรอบเขตโทษ ด้วยระยะใกล้เคียง กับการทำประตู เขาก็เลือกยิงเองอีกครั้ง
แทนที่จะส่งคืนให้เบลให้เบลที่วิ่งมาเติมเกมที่หน้ากรอบเขตโทษพอดี ดิมาเรียยิงจากริมเส้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย กะโยนเข้ามุมเสาสอง แต่มาริโนผู้รักษาประตูของ บายาโดลิด เห็นแต่แรกแล้ว เขาก็โดดปัดไว้ได้ และนั่นกลับมาเข้าทางปืนเบลพอดี เพราะเขารออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
33' Bale - เบลที่วิ่งเติมเข้าในกรอบเขตโทษพอดี ไม่ทำให้โอกาสนั้นหลุดลอย เขาพุ่งโหม่งบอลที่เด้งออกจากมือมาริโน่ เข้าประตูไปทันที เป็นประตูแรกให้รีล มาดริดขึ้นนำไปก่อน
เกมบุกของบายาโดลิดนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก พวกเขาแทบทำเกมบุกไม่ได้ และเมื่อมีโอกาสใกล้เคียง ศูนย์หน้าก็กลับจบสกอร์ไม่ได้อีก ทำให้เราได้ประตูที่ 2 จากลูกสวนกลับอีกครั้ง
36' Benzema - หลังจากเราบุกขึ้นมาได้ที่หน้ากรอบเขตโทษอีกครั้ง อิซโกครองบอลไว้ได้ ก่อนจะหาช่องจ่าย และด้านหลังมีแกเร็ธ เบลรอยู่ อิซโกจ่ายคืนเบล ขณะที่ เบนเซม่าทำมือเป็นสัญญาณว่าจะวิ่งไปรอที่หน้าประตู เบลเห็นจังหวะนั้นแล้ว เขาพักบอล 1 จังหวะ ก่อนเปิดลูกโค้งสุดงามด้วยเท้าซ้าย เสี่ยเบนซ์ วิ่งไปเท็กตัวโหม่ง เข้าประตูไปได้อย่างสวยงาม ส่ง มาดริด ขึ้นนำที่ 2 - 0
หลังจากนั้น เราก็ยังทำเกมบุกอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มักทำบอลเสียเองทุกครั้ง และดูเหมือน บายาโดลิดจะปล่อยให้เราเจาะง่ายมากๆ ทั้งที่จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้เล่นแย่เลย (เอ๊ะ หรือแย่ -*-) แต่แทบไม่เพรสซิ่งหรือพยายามเข้ามาแย่งบอลจากเราเลย จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0
ในนัดนี้ อิซโกถือเป็นตัวป่วนเลยทีเดียว เขามีโอกาสครองบอลบ่อยมาก และบอลติดเท้ามาก สไตล์การเล่นของอิซโกวันนี้ทำให้เรานึกถึง เด็กแซมบ้าอย่าง ฟิลิเป้ คูติณโญ่ ที่ค่อนข้างมีวิชั่นในการจ่ายบอลที่ดีมาก เป็นนักเตะประเภทที่มองหาช่องได้ดี และ ผ่านบอลยาวได้ไม่สะดุดเลย และการจ่ายบอลของอิซโก มีส่วนทำให้เกิดประตูหลายครั้งในเกมนี้
ประมาณนาทีที่ 60 เราเกือบได้ประตูจากการต่อบอลที่สวยสุดๆในเกมนี้ของทีมเรา การต่อบอล 3 จังหวะของคาบาฆาลกับเบล ส่งเบนซ์ให้ยิงประตูสุดสวยได้ แต่กลับเป็นลูกล้ำหน้าไปซะฉิบ...
64' Bale - หนึ่งใน 4 ขุนพลพลังรั่ว (แพ็ค4) อย่าง มาเชโล่ ยังคงรักษาสไตล์การเล่นของตัวเองได้เป็นอย่างดี คือ เป็นกองหลังที่ดันสูงมาก และเติมเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาวิ่งขึ้นมารอที่ริมเส้นฝั่งซ้าย เบลผ่านบอลให้เขาจากตรงกลาง มาเชโล่ลากขึ้นมา มองไปที่หน้ากรอบเขตโทษ เห็นเบลวิ่งมารอ และ ซ้อนด้วยเสี่ยเบนซ์ จังหวะนี้เราเข้าใจว่า มาเชโล่ พยายามจะเปิดให้เบนซ์ที่อยู่ใกล้ประตูมากกว่า แต่ลูกดันติดกองหลังของบายาโดลิด บอลกระเด็นเข้าทางเบลที่อยู่ตรงกลางอีกครั้ง
เบลหวดไปเต็มๆ เหน่งๆ เน้นๆ เป็นประตูที่ 2 ของเขาในเกมนี้ ส่งให้รีล มาดริดขึ้นนำเป็น 3-0
และหลังจากเราเปลี่ยนตัว เบนเซม่า และ ดิมาเรีย แล้วให้ เฆเซ่ มาเล่นปีก โมราต้าไปเล่นหน้าเป้าแทน เกมก็อืดลงอย่างเห็นได้ชัด เรากลับเป็นฝ่ายที่ต้องลงไปตั้งรับ และกองหน้าเยาวชนของเรายังขาดความคมอยู่มาก บอลอืดอาดๆ อยู่สักพัก จนอิฉันแอบแช่งอันเช่ในใจว่า
"นี่ลุงจะอุดใช่มะ นี่ไม่ใช่บอลถ้วยนะลุง บุกๆไปเห้อะะะะ หนูลุ้นแฮทริคให้น้องลิงอยู่น้ะ ลุงมาอุดแบบนี้ น้องลิงหนูจะได้โชว์โหดไหม"
และเหมือน กาแร็ธ เบล จะได้ยินแรงปรารถนาอันซ่าบซ่านนั้น เขากับคู่หู มาเชโล่ ก็สร้างปาฏิหารย์แรกของตัวเองสำเร็จ
89' Bale - จังหวะสวนกลับอย่างรวดเร็ว เบลเก็บบอลมาได้ ลากไกลครึ่งสนาม ก่อนถึงกรอบเขตโทษ เขาตัดสินใจผ่านบอลให้มาเชโล่ แล้วรีบสปีดขึ้นไปรอหน้าประตู เบลยืนมือมาด้านหน้า เพื่อขอบอลจากมาเชโล
"ทางนี้พี่มาเลยๆๆๆๆๆๆๆ" มือเบลมันสั่นยิกๆ เดาว่ามันคงพูดแบบนี้แหละ
และมาเชโลก็จัดให้ เขามองเห็นช่องพอดี เปิดบอลสั้นให้เบล ช้าไปนิดเดียวต้องติดมือ มาริโน่แน่ แต่เบลก็แปนิ่มๆเข้าประตูไปซะก่อน
เบลวิ่งกลับมาชี้มาเชโล่ ในทำนองว่า "พี่สุดยอดขอบคุณพี่จริงๆ T_T" แล้วทั้งคู่ก็กระโดดกอดกัน
จบเกมนั้น เราชนะ บายาโดลิด 4 ประตูต่อ 0 และยังเป็นแฮทริคครั้งแรกของแกเร็ธ เบล ขณะที่สวมเสื้อรีล มาดริดอีกด้วย
GARETH BALE
( 3 GOALS, 1 ASSIST)