ผู้ชายที่ผมรู้จักมาตลอดชีวิต

พ่อเป็นหนุ่มปักษ์ใต้ ชาวไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี เป็นบุตรชายของข้าราชการประจำอำเภอ ชื่อขำ กับคุณแม่ร่างเล็ก ชื่อเจียร เติบโตมากับ พี่ๆน้องต่างมารดา ๔ คน เรียนและใช้ชีวิตในวัยเยาว์ที่บ้านเกิด ต่อสู้ชีวิตทั้งบนเวทีผืนผ้าใบในฐานะนักมวยรุ่นกะเตาะ ตัวดำๆ แกร่งๆ ที่ทำหน้าที่คุ้มกันครูสาวๆที่โรงเรียนไม่ให้หนุ่มหน้าไหนมาระราน ในฐานะพี่ชายที่ต้องดูแลน้องๆ ในขณะที่ชีวิตครอบครัวที่ไม่ราบรื่นเท่าใดนัก ถ้าความลำบากยากแค้นเป็นแรงผลักดันให้คน มีมานะ พ่อคงต้องถูกรวมไว้ด้วยอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะด้วยฝีมือเชิงมวยและความสามารถทางศิลปะเพียงสองสิ่งคงไม่สามารถนำพาชีวิตให้ไกลเกินความมานะพยายามไปได้

หลังจบมัธยม พ่อได้งานเป็นครูสอนศิลปะ ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา พ่อเขียนภาพเก่ง เขียนลายมือสวย อีกทั้งขวนขวายใฝ่หาความรู้ อยู่เสมอ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่ม ญี่ปุ่นยกกองกำลังพลบุกหัวเมืองใต้ พ่อหลบหนีทหารญี่ปุ่นขึ้นขบวนรถไฟมากรุงเทพฯ พร้อมเบี้ยและจดหมายจากพ่อที่มีไปถึงคุณพัฒน์ ที่รับราชการเป็นนายตำรวจอยู่ที่ฝ่ายวิชาการ ให้ช่วยดูแลหลานชาย ฝากฝังหมายจะให้สอบเข้าตำรวจ ระหว่างรอสอบ กลางคืนก็ถีบสามล้อหารายได้ เพราะเงินจากทางบ้านนั้นไม่มากพอที่จะใช้จ่ายในการเรียน การกินอยู่ พ่อสมัครเข้าเรียนพลศึกษา เรียนยูโด จนสามารถเป็นผู้ช่วยครูสอนยูโดได้ ว่างานกลางคืนสมัครเข้าเรียนวิชาหนังสือพิมพ์ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นเป็นตลาดวิชา อีกทั้งยังอ่านตำรับตำรา ที่กองวิชาการ จนกระทั่งสอบได้บรรจุเป็นพลตำรวจ สังกัดกองวิชาการได้ในที่สุด

พ่อมีครอบครัวในตอนนั้นและมีลูกเล็กๆด้วย แต่ด้วยความที่อยู่กับตำรับตำรากฎหมาย รวมทั้งแรงผลักดันจากคุณพัฒน์ พ่อก็เพียรสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยพยายามฝึกฝนวิชาภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ จนสำเร็จสามารถสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปทุมวันได้ ในรุ่นที่ 6 เป็นนักเรียนนายร้อยที่อายุมากที่สุดเพราะรับราชการตำรวจมาก่อนหน้านั้นหลายปี ฝากผลงานทางศิลปะไว้ให้กับสถาบันและเพื่อนๆคือการออกแบบแหวนรุ่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานกระบี่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นนายร้อยตำรวจตรี ก็รับราชการหลากหลายภารกิจหน้าที่ รวมทั้งการเป็นครูฝึกตำรวจ ที่โรงเรียนตำรวจที่จันทบุรี ที่ขึ้นชื่อว่า ดุ และเฉียบขาด แต่ก็ได้สร้างตำรวจที่มีความรู้ ความสามารถได้รับใช้ชาติบ้านเมืองมามากมาย



ราวปี ๒๕๑๓-๑๔ พ่อได้ร่างแบบสำหรับปั๊มเหรียญทองแดง พระปางนาคปรก ๗ เศียร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เหรียญจเร ปลุกเสกโดย เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต ให้กับท่าน พลตำรวจโท ชนะ วงศ์ชอุ่ม ใช้แจกในงานทอดผ้าป่าวัดอุ่มพุทธาราม เป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหลังเป็นรูปยันต์น้ำเต้า จารึกอักขระภาษาขอมว่า อะ อุ มะ ซึ่งหมายถึงพระรัตนตรัยแก้วสามประการ ล่างสุดเป็นอักษรขอมจารึกพระนามย่ออุปัชฌาย์ ว่า พ.ฆ.อ. (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ) ใต้ยันต์น้ำเต้ามี อุ อีกหนึ่งตัว พ่อเล่าว่าเศียรนาคทั้ง 7 มีที่มา มาจากการร่างแบบโดยใช้เลข ๕ ไทย



พ่อปฏิบัติงานเป็นตำรวจตะเวนชายแดน ผ่านภาวะสงคราม ผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร เป็นหัวหน้าสถานีประจำโรงพัก อ.ศรีราชา อ.บ้านบึง อ.เขมราฐ อ.เมืองชุมพร อ.ดอนเจดีย์ และ อ.สังขะ เป็นครูสอนนักเรียนตำรวจ โรงเรียนพลตำรวจชลบุรี เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องยาเสพติด ชีวิตราชการดำเนินไปพร้อมกับความก้าวหน้า ความสำเร็จ เกียรติยศ รวมทั้งเผชิญปัญหา อุปสรรค ซึ่งเป็นธรรมดาของปุถุชน แต่ ด้วยความที่พ่อมีลูกหลายคนหากมีเรื่องมีราว ไม่ดีไม่เหมาะคนข้างหลัง ครอบครัวจะลำบาก  ความยืนหยัด ทระนง จึงมีสูง และพ่อก็ต่อสู้กับปัญหาทุกอย่างด้วยความเข้มแข็ง และผ่านพ้นมาได้ทุกครั้งไปด้วยการประพฤติดี ประพฤติชอบ และบุญกุศลที่ได้สร้างมาอย่างต่อเนื่องไม่ได้ขาด จนกระทั่งมาเกษียณอายุราชการที่ ตำรวจภูธรภาคสอง จ.ชลบุรี

พ่อมีความภาคภูมิใจในการรับราชการ เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง ไม่เคยลืมเลือนที่จะประดับพระบรมฉายาลักษณ์ ธงชาติ รึ ธงตราสัญลักษณ์เนื่องในงานหรือวาระพระราชพิธีสำคัญ เพื่อถวายความเคารพในฐานะข้าราชการเกษียรและฐานะพสกนิกรชาวไทยผู้หนึ่ง

หากสำหรับการเป็นคนปักษ์ใต้โดยกำเนิดแล้ว พ่อมีความสุขในการได้พบปะ พูดจา สังสรรค์กับพี่น้อง ลูกหลาน คนบ้านเดียวกัน และดีใจที่ได้เห็นความเจริญก้าวหน้าและความสามัคคีกลมเกลียวของพี่น้องชาวใต้ ภายใต้สมาคมชาวใต้ชลบุรี ที่พ่อได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้เฒ่า ผู้อาวุโสตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

ถ้านับความสามารถและทักษะที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงมีในฐานะพ่อ ที่เป็นสุภาพบุรุษ การแต่งกายสมาร์ท เรียบร้อย  ทักษะเชิงช่าง สารพัดช่าง เช่น ช่างไม้ ช่างไฟ ช่างปูน ช่างศิลป์ ในฐานะคนสวนที่ดูแล ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ผล ให้คนในบ้านได้ชื่นชม และในฐานะคนแก่เฒ่าที่ดูแลตัวเองให้แข็งแรงและแจ่มใสอยู่เสมอ

การรำลึกถึงพ่อนั้น อาจขาดตกบกพร่อง ร้อยเรียงได้ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แต่เรียบเรียงจากสิ่งที่เคยเห็น สิ่งที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง เคยถามพ่อ แต่การจะได้คำตอบจากอดีตพนักงานสอบสวน คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะพ่อเป็นนักซักถาม นักสืบ การให้ความรู้จะให้อย่างครู คือ การทำให้ดู ทำให้เห็น ดูที่พ่อทำ แล้วทำดีให้พ่อดู พ่อเป็นแบบนี้ น้อยครั้งที่จะชมเชยให้ลูกได้ภูมิใจต่อหน้า แต่เมื่อใดที่ลูกมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ พ่อจะเป็นคนแรกเสมอที่จะไปถึง  

พ่อเจ็บป่วยหนักครั้งเดียว คือครั้งสุดท้ายคราวนี้ เป็นคนป่วยที่หัวใจเข้มแข็งที่สุด มีกำลังใจดีที่สุด และเป็นการจากไปที่ในลมหายใจสุดท้ายที่ทรนงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น


เขียนไว้ในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพคุณพ่อ
๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่