เพื่อนลวงโลก.. เพื่อนที่รัก..

เนื้อหาค่อนข้างยาว ขอโทษด้วยนะ
(คิดว่าอ่านนิยายแล้วกันเนอะ ไม่ต้องเครียดมาก ^^)
กระต่าย



เรื่องมันผ่านมา ประมาณ 1 ปีแล้วค่ะ
แต่วันนี้เพิ่งฝันร้ายค่ะ ทั้งๆที่คิดว่าเลิกคิดไปนานแล้ว วันนี้จะเอามาแชร์ให้ฟัง

เพื่อนลวงโลก..เพื่อนที่รัก..


เราเจอกันครั้งแรกในระหว่างคาบเรียนวิชาอิสระของมหาวิทยาลัยค่ะ
เธอคนนั้นเรียนคณะสายวิทย์ ในคณะที่เราเรียนคณะเกี่ยวกับสายศิลป์
อันที่จริงเราเริ่มสนิทนิดหน่อยหลังจากมีการทำกิจกรรมใหญ่ของวิชานั้น
      ด้วยความที่เป็นวิชาอิสระ ซึ่งลงยากมาก ดังนั้นฉันเลยต้องเรียนคนเดียว
ตอนแรก ฉันรู้จักกับพี่ผู้ชายคนหนึ่งจากอีกคณะ เขาเป็นเหมือนเกย์หรือตุ๊ดแต่
ก็เป็นผู้ชาย (ง่ายๆ คือ ผู้ชายปากจัดเหมือนผู้หญิง) เขาดูเป็นคนแรงและจริงใจดี
เราเริ่มสนิทกัน และพี่คนนั้นก็นำฉันไปรู้จักกับพี่ผู้หญิงอีกคนที่เค้าสนิทมาก่อน
จากวิชาอิสระในเทอมก่อนหน้านั้น

     เธอดูเป็นคนเฟรนลี่ และด้วยการทำงานเป็นหน่วยหน้ากลุ่มในกิจกรรมใหญ่
ทำให้ทุกคนชื่นชมเธอเนื่องจากลักษณะที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ใจดี ร่าเริง และเฟรนลี่
ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย...
     เมื่อจบเทอม เราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นด้วยการคุยกันผ่านทางเฟสบุ๊ค
และนัดกินข้าว ในส่วนตัวฉันรู้สึกชอบเธอมาก เพราะเธอเป็นคนกล้าพูดและ
จริงใจดี เรื่องอะไรก็ไม่มีปิดบัง ฉันเลยคิดว่าคนนี้คบได้
     เธอก็เริ่มสนิทกับฉันเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุใดยังเป็นคำถามที่แฟนฉันตอนนั้น
ถามฉันในวันนั้นว่า "พี่เขามาสนิทกับเธอเพราะอะไร เพื่อนในคณะเขามีเยอะแยะ ทำไม
ต้องมาทำตัวอยากสนิทกับเธอ" ตอนนั้นฉันตอบแฟนไปว่าเพราะเธอเป็นคนเฟรนลี่
และฉันก็ชอบคนจริงใจ แฟนฉันเพียงแค่แสดงความคิดเห็นทิ้งท้าย(ซึ่งฉันก็ค้านไปในตอนนั้น)
ว่า "พี่เขาอยากดัง อยากให้คนมาสนใจรึเปล่า ถึงอยากสนิทกับเธอ"
(ณ ตรงนี้เขาพูดตามนี้จริงๆ และขอไม่อธิบายเพิ่มเติมในจุดนี้เพราะกลัวโดนด่า T^T )
     เวลาผ่านไป เราสนิทกันมากขึ้น ทั้งพี่ผู้ชาย และพี่ผู้หญิง จนกระทั้งฉันยกให้เขาเป็น
พี่สาวคนโปรดที่รู้ใจทุกเรื่อง โดยส่วนตัวแล้ว ระหว่างเราสองคน (ฉันกับพี่สาวคนนี้)
สนิทกันมากจนฉันไว้ใจที่จะเล่าความลับที่ไม่ดีต่างๆ เพื่อขอความเห็นกับเธอทุกเรื่อง
ฉันเล่าทุกเรื่องให้เธอฟังเหมือนเธอเป็นอีกส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันรักเธอมาก
เมื่อฉันซื้อของอะไรใหม่ๆ อย่างเช่นเสื้อผ้าแบรนด์เนม ถ้าเธออยากใส่ ฉันก็จะยอม
แม้ว่าฉันจะเพิ่งซื้อและไม่เคยใส่มันสักครั้ง เธออยากได้อะไร ฉันก็จะพยายามหามาให้
เธออยากไปไหน อยากทำอะไร ฉันก็ไป .. บางครั้งเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่ไม่โต
ฉันมักเป็นห่วงเธอ ฉันบ่นและสอนเธอตลอดเมื่อเธอทำไรไม่ดีจริงและมาปรึกษา
(เพราะนิสัยฉันเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอ) ฉันให้เธอมานอนบ้านทุกเสาร์อาทิตย์เพราะ
อยากเม้ากันตามประสาสาวๆ (บางทีเธอก็หอบข้าวของมานอนกับฉันเป็นอาิทิตย์)

ด้วยนิสัยฉันแล้ว ฉันเป็นคนไม่ชอบนินทา ร่าเริงมาก ตรงไปตรงมา และชัดเจน
ในขณะที่เธอ เป็นคนที่ดูเหมือนพูดเรื่องทุกเรื่องโดยไม่ห่วงภาพพจน์ตัวเอง
(ซึ่งในข้อนี้ทำให้ฉันคิดว่าเธอเป็นคนจริงใจ) เฮฮา และเป็นผู้ฟังที่ดีเมื่อมีปัญหา
เป็นคนโอนอ่อนและพูดจาเข้าหูเสมอ

ระหว่างนั้น มีหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตของเราทั้งคู่และด้วยความที่ลักษณะ
ภายนอกเราไม่เหมือนกันเลยเธอดูสวยคมเข้มแบบหญิงไทย ในขณะที่ฉันหน้าหมวย
เมื่อเรารู้จักคนไหน (โดยเฉพาะเพศตรงข้าม) พวกนั้นจะให้ความสนใจฉันมากกว่าแบบที่ฉันรู้สึกได้
ทั้งเพื่อนผู้ชายที่เขาสนิทด้วยก่อนหน้านั้น เมื่อรู้จักฉันก็รักฉันเหมือนน้องสาวออกหน้าออกตา
ทั้งผู้ชายในคลาสเดียวกันที่เขาแอบชอบและพูดคุยอยู่ อยู่ๆ คนนั้นก็มาบอกชอบฉัน(ในขณะที่คุยกับพี่สาวฉันอยู่)
[คนนี้ฉันเกลียดมาก ฉันบอกพี่สาวว่าผู้ชายคนนี้ไม่ไหวแต่เธอไม่บอกว่าเธอแค่ขำๆ และดึงดันจะคุยต่อ
ฉันเคารพการติดสินใจของเธอเพราะรักเธอ แม้ว่าฉันจะไม่ชอบเขาก็ตาม ได้แต่คอยห่วงอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยุ่ง]
      เมื่อเราเข้าไปสนิทสนมในกลุ่มไหนๆ ฉันมักจะเป็นที่สนใจมากกว่าเธอซะทุกกลุ่ม
(สาบานว่าไม่ได้มีนิสัยแย่งซีนหรือชอบอ่อยชาวบ้าน เพราะถือเรื่องศักดิ์ศรีมาก)

เพราะไปไหนกับเธอบ่อยๆ และรู้เรื่องราวของเธอมากมายจากการที่เธอเล่าให้ฟัง
เธอชอบแบรนด์เนมแพงๆ และมักพูดถึงมัน รวมทั้งเล่าเรื่องว่าเธอมีนู่นนี้นั้น
กระเป๋าบ้าง รถสปอร์ตบ้าง บ้านทำธุรกิจเริ่ดหรูอลังการบ้าง ซึ่งฉันก็ตื่นเต้นกับเธอ
แต่ฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจว่า ฉันไม่เคยเหนกระเป๋าแบรนด์ที่เธอบอกว่ามีนู่นนั้นนี้ไปหมด
และมีคนนี้นั้นๆๆๆๆๆมาชอบเธอมากมายไปหมด (ส่วนฉันก็เงียบ)
เครื่องสำอางค์ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องสำอางค์ทั่วไป (ส่วนมากชอบแอบมาใช้ของฉันด้วย)
เอาเสื้อแบรนด์เนมทั้งหลายฉันไปใส่ ไม่เคยเหนเธอขับรถสปอร์ตที่เธอมีแม้จะสนิทกันมาก
มา 2 ปี และเธอไม่เคยยอมให้ฉันไปรับที่บ้านที่เธออยู่เลยสักครั้ง เธอจะออกมาหาและ
กลับบ้านเอง เพราะฉันเป็นคนตรงๆ และรักพี่สาวคนนี้มาก ฉันไม่เคยสงสัยอะไร
... แม้เธอจะเป็นคนที่ผิดนัดเสมอ หลังจากเธอคบกับผู้ชายในคลาสคนนั้น และมีเหตุผล
ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เวลาผิดนัด ฉันก็ยังไม่ใส่ใจ และรักเธอดูแลเธอเหมือนเดิม
... แม้เธอจะเอาของใช้ฉันไป แล้วเมื่อฉันจะใช้ เธอก็ไม่ได้คืนมันมา
... แม้เธอจะทำตัวไม่ดีเรื่องผู้ชายบ้าง ซึ่งฉันทำได้แค่บ่นสอนเธอ
... แม้เมื่อฉันไปร้านที่เป็นธุรกิจของเธอที่ต่างจังหวัด แต่ฉันหาทั่วแล้วก็หาร้านที่เธอบอกไม่เจอ
ฉันยังคงให้เธอเสมอ เพราะฉันคิดว่า เธอจริงใจ และเข้าใจฉันเหมือนตัวฉันเอง

จนกระทั้งวันหนึ่ง....
     หลายครั้งที่ฉันรู้สึกสะกิดใจ เมื่อเธอยืมไอโฟนฉันไปเล่นเฟส (เธอใช้โนเกียหรืออะไรสักอย่าง)
หรือใช้คอมพิวเตอร์เวลามาอยู่ห้องฉัน เมื่อฉันมีงานที่ต้องการใช้สิ่งที่เธอกำลังเล่นอยู่ แม้เพียงใช้
สั่งปริ้นงานต่อหน้าเธอ เธอจะบอกว่า 'แปปนะ พี่ขอล๊อกเอาท์ก่อน' แบบลุกลี้ลุกลน ทั้งๆที่ฉันแค่ใช้
ไม่ถึงหนึ่งนาทีและจะให้เธอเล่นต่อก็ตาม
    เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง โดยที่ฉันพยายามจะไม่สนใจมัน แต่มันก็เกิดพิรุธทุกครั้งที่เกิดเรื่องแนวนี้

     วันนั้นเป็นวันที่เธอมาค้างกับฉันและเพิ่งกลับไป ฉันก็ทำนู่นนี้ไปจนเพิ่งมาเห็นหลังผ่านไปหนึ่งวัน
ว่าเธอลืมล๊อกเอาท์เฟสบุ๊คที่เธอเล่นในไอโฟนของฉัน
     ฉันอาจจะเป็นคนชอบเผือกหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เพราะฉันสงสัย และคิดว่าเธอคงมีปัญหาอะไร
ที่ฉันอาจช่วยได้ แต่ไม่กล้าบอก  ฉันตัดสินใจเข้าไปดูข้อความสนทนาของเธอ
      แม้เธอจะคุยเยอะมาก แต่ฉันเลือกอ่านข้อความที่เธอคุยกับพี่ผู้ชายที่ฉันและเธอสนิทกันสามคน
ในคาบอิสระจากข้างต้น สิ่งที่ฉันเจอเหมือนฆ่าฉันทั้งเป็น
เมสเสจก่อนนั้นเริ่มต้นด้วย..
เธอขอโทษเพื่อนที่ไม่สามารถคืนเงินที่ยืมได้ในช่วงนี้เพราะฉันยืมเงินเธอไปแล้วไม่ยอมคืน
(ซึ่งฉันไม่ได้ยืม) แถมพอเธอทวง ฉันก็ไปเอาตังจากผู้ชายที่คุยกันมาให้เธอ จนแม่ผู้ชายโทร
มาด่าเธอ (?) เธอเลยไม่อยากเอาเงินฉัน ดังนั้นขอคืนช้าหน่อย
.
(ย้อนขึ้นไปอีก)
.
เธอบอกว่าฉันได้คนเกาะกินคนใหม่แล้ว เป็นเพื่อนผู้ชายของเธอเอง (เพื่อนเธอที่ใจดีกับฉัน
อย่างที่เขียนไว้ข้างต้น) แถมฉันยังนอนกับเพื่อนของเธอ เพื่อไอโฟน
<อันนี้ฉันเจ็บปวดมากเพราะวันที่ไปซื้อไอโฟน เธอเป็นคนไปส่งฉันซื้อ และเธอได้ยินที่ฉัน
โทรคุยเรื่องเงินที่พ่อให้ค่าไอโฟนทุกคำ ทั้งยังคอยถามว่าพ่อโอนมารึยัง?>
.
(ย้อนขึ้นไปอีก)
.
เธอบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่มั่วมาก ไปกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ซึ่งมันเป็นเรื่อง
ที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง(อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันคอยสอนเธอตลอดว่าอย่าทำ
และฉันบ่นเธอทุกครั้งให้เธอดูแลตัวเอง)
.
(ย้อนขึ้นไปอีก)
.
เธอบอกว่าหน้าตาตอนไม่แต่งหน้าฉันน่ารังเกียจ หน้าเธอยังดูดีกว่าฉันเยอะเมื่อเธอล้าง
เครื่องสำอางค์ (แนวว่า ที่เหนฉันเหมือนทุกวันเพราะมันโบ๊ะหน้า ถ้าเทียบหน้าสด ฉันน่า
ตาน่าเกียดและสู้เธอไม่ได้เลย) เธอวิจารณ์ฉันในทางเสื่อม โดยมีพี่ผู้ชายที่ฉันคิดว่า
เป็นคนดี คอยเสี้ยมหรือจุดประเด็นให้คำพูดร้อนแรงขึ้น

ทุกอย่างที่เธอพูด เมื่อเธอเล่นคอม แม้จะตอนเล่นที่ห้องฉัน เธอไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลย
เธอทำเหมือนเธอรักฉัน เธอเข้าใจ เธอรับฟังและอื่นๆ "ทุกครั้ง" โดยไม่เคยแสดงท่าทีไม่เหนด้วย
หรือโต้แย้ง ทั้งๆที่เธอพิมบอกเพื่อนเธอว่า เธอแทบทนความยิ้มของฉันไม่ไหว
(ถ้าฉันยิ้ม ฉันคงรู้ตัวเร็วกว่านี้ ไม่นั่งเป็นคนโง่ที่จริงใจกับเธอมาตั้งนาน)
,,, ฉันอยากเป็นคนยิ้มแล้ว ณ จุดนั้น

.
.
.
ฉันพังทะลาย...
ฉันเสียใจอย่างไม่เคยคาดคิดว่าจะเสียใจเท่านี้ได้
ฉันร้องไห้คร่ำครวญ ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคนไม่ชอบให้ใครเหนน้ำตา
ฉันไม่เคยโทรไปปรึกษาเรื่องความรักหรืออะไรกับครอบครัวมาก่อน
แต่ฉันเสียใจจนโทรไปพูดทุกเรื่องกับพ่อ และพี่อย่างหมดเปลือก
ฉันพูดขอโทษพ่อ ขอโทษที่พ่ออุตส่าห์ทำงานหาเงินเพื่อมาให้ฉันใช้ซื้อไอโฟนแต่กลับโดน
คนๆหนึ่งพูดง่ายๆ ว่าฉันไปนอนกับผู้ชายเพื่อไอโฟน,,,, เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันเจ็บใจที่สุด
พี่ฉันเพิ่งเคยได้ยินเรื่องส่วนตัวของฉันครั้งแรก เธอพูดกับฉันว่า
"น้องรู้ไหม พี่คิดว่าน้องต้องรักเขามาก มากกว่าผู้ชาย มากกว่าแฟน เพราะถึงน้องเลิกกับแฟน
น้องก็ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้"

สุดท้าย สิ่งที่ฉันทำเพื่อเธอคือ ฉันหายไปสองวัน..
และโทรกลับไปคุยตามปกติ พร้อมกับขอเลขบัญชีเธอโดยที่เธอก็ยังงงๆ
ฉันตัดสินใจโอนเงินทั้งหมดที่ฉันคิดว่า เธอเคยเลี้ยงฉันเท่านี้ หรือซื้อของ
มาให้ฉันเท่านี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีบุญคุณต่อกัน รวมทั้งให้เงินเธอเพิ่มไปด้วย
1 เท่า
และ... ฉันตัดสินใจหายไปจากชีวิตเธอ ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ใส่ใจ
ไม่แม้กระทั้งแก้ตัวหรือพูดจาอะไร เพราะฉันมั่นใจว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้ทำทุก
อย่างที่เธอพูดเลย

ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่ใครทำฉันเจ็บ คนนั้นก็ต้องเจ็บเหมือนฉันก็ตาม แต่ฉันกลับเสียใจจน
ฉันอยากปล่อยวาง ไม่อยากพบอยากเจอเธออีกทั้งชาตินี้ชาติหน้า
ฉันพยายามคิดที่จะอโหสิ ถึงแม้ตอนนี้ยังทำได้ไม่เต็มที่แม้ผ่านมานานแล้วก็ตาม

ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่มีข้อเสีย ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีความดีความเลวอยู่ในตัว
บางอย่างฉันอาจจะทำผิดไป บางอย่างฉันอาจจะไม่ดี แต่พอฉันกลับมาคิด...
ฉัน"ไม่เคย" ทำเลวกับพี่สาวคนนี้เลยสักครั้ง เพราะฉันรัก


- - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - --  --



ทุกวันนี้ ฉันถามตัวเองเสมอ เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้

คนแบบนี้.. เขาได้อะไรไม่พอ เขาคิดอะไรอยู่...



ทำไมเขาไม่ใส่ใจความดีที่ฉันให้เขา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่