กระทู้นี้เขียนขึ้นมาเพราะซินน่าคนเดียวล้วนๆค่ะ ซินน่าเป็นตัวละครม้ามืดสำหรับเรามากกกกก เพราะอันที่จริงแล้วตอนภาคแรกตัวละครที่เราชอบที่สุดคือเฮย์มิช ตอน The Hunger Games เราได้ดูหนังก่อนค่ะ ซึ่งในหนังซินน่าไม่ได้มีบทมากเท่าไหร่นอกจากปรากฏตัวขึ้นมาเป็นสไตลิสต์และพี่ชายผู้แสนดีไว้ให้แคตนิสได้พึ่งพิงทางใจ ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และด้วยความใจเย็น จนได้มาอ่านฉบับนิยายเข้านี่แหละถึงได้กลับลำ ขอปวารณาตัวเป็นแฟนคลับซินน่ากันไปเลยทีเดียว (แล้วก็ปล่อยเฮย์มิชร่วงลงอันดับสองไป)
ประตูเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องเป็นซินน่าแน่ๆเดินเข้ามา เขาดูปกติจนฉันประหลาดใจ สไตลิสต์ส่วนใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์จะย้อมสีผม แต่งตัวฉูดฉาด ทำศัลยกรรมจนหน้าตาผิดมนุษย์มนา แต่ผมตัดสั้นเกือบติดหนังศีรษะของซินน่าเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงธรรมดา การเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเดียวที่เห็นดูจะเป็นอายไลเนอร์สีทองเมทัลลิกบางๆที่ทำให้ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายออกมา แม้ฉันจะชิงชังแคปิตอลกับแฟชั่นน่าขยะแขยงของพวกเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าการแต่งหน้าอย่างนี้ดูดีเหลือเกิน
การพบกันครั้งแรกระหว่างแคตนิสและซินน่าที่ยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวง (สำหรับแคตนิส) แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ในเรื่องซินน่าเพิ่งจะเข้ามาทำด้านสไตลิสต์ของเกมล่าชีวิตครั้งนี้เป็นครั้งแรก และเขาก็ได้เข้ามาดูแลเขตสิบสองที่แคตนิสกับพีต้าเป็นเครื่องบรรณาการอยู่ ทีแรกแคตนิสนึกไปว่าเป็นเพราะเขตของเธอยากจนข้นแค้นไม่เป็นที่พึงปรารถนา ถึงได้สไตลิสต์เป็นพวกมือใหม่เพิ่งเริ่มงานมา แต่เมื่อซินน่าตอบว่าเขาเป็นคนอาสาขอเข้ามาทำเขตนี้ด้วยตัวเองความคิดของแคตนิสก็เปลี่ยนไป ทำไมเขาจึงเสี่ยงเดิมพันชื่อเสียงตัวเองกับเขตที่ไม่มีอะไรเลยแบบเขตสิบสองหนอ มีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่ดูสงบนิ่งของซินน่าอีก
ซินน่าเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นศิลปินเต็มขั้น เป็นหนึ่งในคนของแคปิตอลที่ไม่ถูกสังคมเมืองกล่อมเกลาให้กลายเป็นแบบคนอื่นๆ ซินน่ามีความคิดของตัวเอง เชื่อในความคิดของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ซินน่ารู้ดีว่าลำพังแค่ตัวเขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดจึงทำได้เพียงถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความเชื่อมั่นและตัวตนของเขาลงในผลงาน
นั่นคือที่มาของชุดแรก “สาวน้อยผู้มากับไฟ”
เหตุที่ซินน่าขอเจาะจงเข้ามาเป็นสไตลิสต์ให้กับเขตสิบสองเป็นเพราะเทปบึนทึกภาพจากวันเก็บเกี่ยว ภาพของพี่สาวคนหนึ่งที่ยอมอาสามาเป็นเครื่องบรรณาการแทนน้องของเธอจุดประกายบางอย่างให้กับซินน่าเข้าอย่างจัง ซินน่ามองเห็นความรัก ความไม่ยุติธรรมของระบบ ความเสียสละ แล้วตัดสินใจว่าปีนี้เขตสิบสองที่มีเด็กสาวคนนี้อยู่จะต้องได้รับโอกาสบ้าง บรรณาการทั้งสองจะต้องเป็นที่จดจำ แล้วซินน่าก็ทำสำเร็จจริงๆ ในคืนเปิดตัววันนั้น ซินน่าได้ให้กำเนิดสาวน้อยผู้มากับไฟ คนที่จะมาเป็นประกายไฟแห่งความหวังให้กับคนจากทุกเขตอย่างสมบูรณ์
“ฉันอยากให้ผู้ชมจำเธอได้เมื่อเข้าสู่ลานประลอง แคตนิส สาวน้อยผู้มากับไฟ” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจฉัน ท่าทางปกติและนิ่งสงบของซินน่าซ่อนความบ้าคลั่งสมบูรณ์แบบเอาไว้
ซินน่าคือหนึ่งในตัวแทนประชาชนของแคปิตอลที่กังขากับระบบ เขาไม่เคยเห็นด้วยกับเกมล่าชีวิต ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องได้รับเกียรติที่ต้องจากบ้านเพื่อมาเข่นฆ่ากันในเกม ที่จริงซินน่าเป็นคนที่มีความขบถต่อแคปิตอลอยู่เต็มเปี่ยม สังเกตได้จากการแต่งกายที่ผิดไปจากชาวแคปิตอลคนอื่นๆที่เน้นความหรูหรา กรุยกราย พิลึกพิลั่นนั่นได้เป็นอย่างดี จวบจนไปถึงความคิด แทบทุกครั้งที่แคตนิสเผลอทำตัวขบถอะไรออกมา ซินน่าก็จะแอบเห็นด้วยและให้กำลังใจเธอแทบทุกครั้งไป (ซินน่าแอบชอบใจตอนที่รู้ว่าแคตนิสยิงธนูใส่คณะกรรมการให้คะแนน)
เราชอบความสัมพันธ์ของแคตนิสและซินน่ามาก มันเริ่มมาจากความไม่ไว้ใจ ความระแวดระวัง ซินน่าเองก็รู้ดีว่าแคตนิสรังเกียจเดียดฉันท์คนจากแคปิตอลเข้าไส้ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ถือสา ซินน่าวางตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นผู้ให้กำลังใจ ให้ข้อเสนอแนะ เพราะเหตุนั้นเอง เพียงไม่นานแคตนิสก็ต้องยอมรับกับตัวเอง ว่าเธอชอบซินน่าเข้าแล้วจริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนของแคปิตอลก็ตาม
ในการสัมภาษณ์ สิ่งที่ทำให้แคตนิสยืนหยัดและพยายามเดินหน้าจนถึงที่สุดได้นอกจากน้องสาวและแม่ที่เป็นแรงผลักดันอยู่ข้างหลังแล้ว กำลังใจที่เธอได้รับมาอีกอย่างก็คือซินน่า ที่เอ่ยปลอบประโลมกับเธอว่าจงเป็นตัวของตัวเองก็พอ แล้วทุกคนจะชอบเธอแน่นอน เหมือนอย่างที่เขาชอบเธอ
เข็มกลัดม็อกกิ้งเจย์ที่แคตนิสได้รับจากแมดจ์ (ในหนังพริมจะเป็นคนมอบให้) ซินน่าเป็นคนติดให้กับเธอก่อนจะถูกปล่อยตัวเข้าสู่เกม ม็อกกิ้งเจย์เป็นสัญลักษณ์ของการกบฏ เป็นความอับอายของแคปิตอล จริงหรือที่ซินน่าจะไม่รู้เรื่องนั้น เขาไม่รู้จริงๆหรือทำไปเพราะรู้ตัวดีอยู่แล้วกันแน่
ฉันยังสวมชุดแต่งงานชุดเดิมอยู่ เพียงแต่ว่ามันเป็นสีถ่านหินและทำด้วยขนนกเล็กๆ ด้วยความประหลาดใจ ฉันยกแขนเสื้อพลิ้วยาวขึ้นในอากาศ และนั่นคือตอนที่ฉันเห็นตัวเองในจอโทรทัศน์ ฉันสวมชุดสีดำทั้งตัว เว้นแต่หย่อมสีขาวที่แขนเสื้อ...หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าปีก
ซินน่าได้เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นนกม็อกกิ้งเจย์
ชุดในการสัมภาษณ์ในเกมล่าชีวิตครั้งที่สองของแคตนิส เดิมประธานาธิบดีสโนว์ออกคำสั่งไว้ให้เป็นชุดแต่งงาน แต่ด้วยความขบถของซินน่า ทำให้เขาแอบใส่ลูกเล่นบางอย่างเข้าไปในชุด และครั้งนี้ในยามที่แคตนิสหมุนตัว ซินน่าก็ได้เปลี่ยนสาวน้อยผู้มากับไฟให้กลายเป็นนกม็อกกิ้งเจย์ สัญลักษณ์แห่งการกบฏอย่างเต็มรูปแบบ
“ไม่ต้องห่วง ฉันถ่ายอารมณ์ของฉันเข้าในงานเสมอ นั่นคือวิธีที่ฉันจะได้ไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง”
ซินน่าได้สร้างผลงานที่ดีที่สุดขึ้นมาแล้ว ผลงานที่จะเป็นไฟแห่งความหวังให้แก่คนทั้งพาเน็ม เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ดำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์และความคิดของตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วชีวิตตนอาจต้องจบลง ซินน่าได้จูบลา กล่าวอวยพรให้แคตนิส ยิ้มให้กันครั้งสุดท้าย แล้วเมื่อแผ่นเหล็กที่เป็นสัญญาณว่าเกมกำลังจะเริ่มได้เคลื่อนตัวขึ้น ผู้พิทักษ์สันติภาพสามคนพรวดพราดเข้ามา ลงมือทุบตีแล้วลากเขาออกไป ทิ้งเพียงรอยเลือดเป็นทางกับเสียงกรีดร้องของแคตนิสไว้ ก็เป็นอันจบชีวิตของสไตลิสต์มากความสามารถ ผู้อยู่เบื้องหลังไฟแห่งความหวังที่ชื่อแคตนิส เอเวอร์ดีนไว้แต่เพียงเท่านั้น
มารู้จักกับ “Cinna” ชายผู้ให้กำเนิดสาวน้อยผู้มากับไฟ (มีสปอยแน่ๆค่ะ)
กระทู้นี้เขียนขึ้นมาเพราะซินน่าคนเดียวล้วนๆค่ะ ซินน่าเป็นตัวละครม้ามืดสำหรับเรามากกกกก เพราะอันที่จริงแล้วตอนภาคแรกตัวละครที่เราชอบที่สุดคือเฮย์มิช ตอน The Hunger Games เราได้ดูหนังก่อนค่ะ ซึ่งในหนังซินน่าไม่ได้มีบทมากเท่าไหร่นอกจากปรากฏตัวขึ้นมาเป็นสไตลิสต์และพี่ชายผู้แสนดีไว้ให้แคตนิสได้พึ่งพิงทางใจ ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และด้วยความใจเย็น จนได้มาอ่านฉบับนิยายเข้านี่แหละถึงได้กลับลำ ขอปวารณาตัวเป็นแฟนคลับซินน่ากันไปเลยทีเดียว (แล้วก็ปล่อยเฮย์มิชร่วงลงอันดับสองไป)
ประตูเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องเป็นซินน่าแน่ๆเดินเข้ามา เขาดูปกติจนฉันประหลาดใจ สไตลิสต์ส่วนใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์จะย้อมสีผม แต่งตัวฉูดฉาด ทำศัลยกรรมจนหน้าตาผิดมนุษย์มนา แต่ผมตัดสั้นเกือบติดหนังศีรษะของซินน่าเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงธรรมดา การเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเดียวที่เห็นดูจะเป็นอายไลเนอร์สีทองเมทัลลิกบางๆที่ทำให้ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายออกมา แม้ฉันจะชิงชังแคปิตอลกับแฟชั่นน่าขยะแขยงของพวกเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าการแต่งหน้าอย่างนี้ดูดีเหลือเกิน
การพบกันครั้งแรกระหว่างแคตนิสและซินน่าที่ยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวง (สำหรับแคตนิส) แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ในเรื่องซินน่าเพิ่งจะเข้ามาทำด้านสไตลิสต์ของเกมล่าชีวิตครั้งนี้เป็นครั้งแรก และเขาก็ได้เข้ามาดูแลเขตสิบสองที่แคตนิสกับพีต้าเป็นเครื่องบรรณาการอยู่ ทีแรกแคตนิสนึกไปว่าเป็นเพราะเขตของเธอยากจนข้นแค้นไม่เป็นที่พึงปรารถนา ถึงได้สไตลิสต์เป็นพวกมือใหม่เพิ่งเริ่มงานมา แต่เมื่อซินน่าตอบว่าเขาเป็นคนอาสาขอเข้ามาทำเขตนี้ด้วยตัวเองความคิดของแคตนิสก็เปลี่ยนไป ทำไมเขาจึงเสี่ยงเดิมพันชื่อเสียงตัวเองกับเขตที่ไม่มีอะไรเลยแบบเขตสิบสองหนอ มีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่ดูสงบนิ่งของซินน่าอีก
ซินน่าเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นศิลปินเต็มขั้น เป็นหนึ่งในคนของแคปิตอลที่ไม่ถูกสังคมเมืองกล่อมเกลาให้กลายเป็นแบบคนอื่นๆ ซินน่ามีความคิดของตัวเอง เชื่อในความคิดของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ซินน่ารู้ดีว่าลำพังแค่ตัวเขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดจึงทำได้เพียงถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความเชื่อมั่นและตัวตนของเขาลงในผลงาน
นั่นคือที่มาของชุดแรก “สาวน้อยผู้มากับไฟ”
เหตุที่ซินน่าขอเจาะจงเข้ามาเป็นสไตลิสต์ให้กับเขตสิบสองเป็นเพราะเทปบึนทึกภาพจากวันเก็บเกี่ยว ภาพของพี่สาวคนหนึ่งที่ยอมอาสามาเป็นเครื่องบรรณาการแทนน้องของเธอจุดประกายบางอย่างให้กับซินน่าเข้าอย่างจัง ซินน่ามองเห็นความรัก ความไม่ยุติธรรมของระบบ ความเสียสละ แล้วตัดสินใจว่าปีนี้เขตสิบสองที่มีเด็กสาวคนนี้อยู่จะต้องได้รับโอกาสบ้าง บรรณาการทั้งสองจะต้องเป็นที่จดจำ แล้วซินน่าก็ทำสำเร็จจริงๆ ในคืนเปิดตัววันนั้น ซินน่าได้ให้กำเนิดสาวน้อยผู้มากับไฟ คนที่จะมาเป็นประกายไฟแห่งความหวังให้กับคนจากทุกเขตอย่างสมบูรณ์
“ฉันอยากให้ผู้ชมจำเธอได้เมื่อเข้าสู่ลานประลอง แคตนิส สาวน้อยผู้มากับไฟ” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจฉัน ท่าทางปกติและนิ่งสงบของซินน่าซ่อนความบ้าคลั่งสมบูรณ์แบบเอาไว้
ซินน่าคือหนึ่งในตัวแทนประชาชนของแคปิตอลที่กังขากับระบบ เขาไม่เคยเห็นด้วยกับเกมล่าชีวิต ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องได้รับเกียรติที่ต้องจากบ้านเพื่อมาเข่นฆ่ากันในเกม ที่จริงซินน่าเป็นคนที่มีความขบถต่อแคปิตอลอยู่เต็มเปี่ยม สังเกตได้จากการแต่งกายที่ผิดไปจากชาวแคปิตอลคนอื่นๆที่เน้นความหรูหรา กรุยกราย พิลึกพิลั่นนั่นได้เป็นอย่างดี จวบจนไปถึงความคิด แทบทุกครั้งที่แคตนิสเผลอทำตัวขบถอะไรออกมา ซินน่าก็จะแอบเห็นด้วยและให้กำลังใจเธอแทบทุกครั้งไป (ซินน่าแอบชอบใจตอนที่รู้ว่าแคตนิสยิงธนูใส่คณะกรรมการให้คะแนน)
เราชอบความสัมพันธ์ของแคตนิสและซินน่ามาก มันเริ่มมาจากความไม่ไว้ใจ ความระแวดระวัง ซินน่าเองก็รู้ดีว่าแคตนิสรังเกียจเดียดฉันท์คนจากแคปิตอลเข้าไส้ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ถือสา ซินน่าวางตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นผู้ให้กำลังใจ ให้ข้อเสนอแนะ เพราะเหตุนั้นเอง เพียงไม่นานแคตนิสก็ต้องยอมรับกับตัวเอง ว่าเธอชอบซินน่าเข้าแล้วจริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนของแคปิตอลก็ตาม
ในการสัมภาษณ์ สิ่งที่ทำให้แคตนิสยืนหยัดและพยายามเดินหน้าจนถึงที่สุดได้นอกจากน้องสาวและแม่ที่เป็นแรงผลักดันอยู่ข้างหลังแล้ว กำลังใจที่เธอได้รับมาอีกอย่างก็คือซินน่า ที่เอ่ยปลอบประโลมกับเธอว่าจงเป็นตัวของตัวเองก็พอ แล้วทุกคนจะชอบเธอแน่นอน เหมือนอย่างที่เขาชอบเธอ
เข็มกลัดม็อกกิ้งเจย์ที่แคตนิสได้รับจากแมดจ์ (ในหนังพริมจะเป็นคนมอบให้) ซินน่าเป็นคนติดให้กับเธอก่อนจะถูกปล่อยตัวเข้าสู่เกม ม็อกกิ้งเจย์เป็นสัญลักษณ์ของการกบฏ เป็นความอับอายของแคปิตอล จริงหรือที่ซินน่าจะไม่รู้เรื่องนั้น เขาไม่รู้จริงๆหรือทำไปเพราะรู้ตัวดีอยู่แล้วกันแน่
ฉันยังสวมชุดแต่งงานชุดเดิมอยู่ เพียงแต่ว่ามันเป็นสีถ่านหินและทำด้วยขนนกเล็กๆ ด้วยความประหลาดใจ ฉันยกแขนเสื้อพลิ้วยาวขึ้นในอากาศ และนั่นคือตอนที่ฉันเห็นตัวเองในจอโทรทัศน์ ฉันสวมชุดสีดำทั้งตัว เว้นแต่หย่อมสีขาวที่แขนเสื้อ...หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าปีก
ซินน่าได้เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นนกม็อกกิ้งเจย์
ชุดในการสัมภาษณ์ในเกมล่าชีวิตครั้งที่สองของแคตนิส เดิมประธานาธิบดีสโนว์ออกคำสั่งไว้ให้เป็นชุดแต่งงาน แต่ด้วยความขบถของซินน่า ทำให้เขาแอบใส่ลูกเล่นบางอย่างเข้าไปในชุด และครั้งนี้ในยามที่แคตนิสหมุนตัว ซินน่าก็ได้เปลี่ยนสาวน้อยผู้มากับไฟให้กลายเป็นนกม็อกกิ้งเจย์ สัญลักษณ์แห่งการกบฏอย่างเต็มรูปแบบ
“ไม่ต้องห่วง ฉันถ่ายอารมณ์ของฉันเข้าในงานเสมอ นั่นคือวิธีที่ฉันจะได้ไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง”
ซินน่าได้สร้างผลงานที่ดีที่สุดขึ้นมาแล้ว ผลงานที่จะเป็นไฟแห่งความหวังให้แก่คนทั้งพาเน็ม เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ดำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์และความคิดของตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วชีวิตตนอาจต้องจบลง ซินน่าได้จูบลา กล่าวอวยพรให้แคตนิส ยิ้มให้กันครั้งสุดท้าย แล้วเมื่อแผ่นเหล็กที่เป็นสัญญาณว่าเกมกำลังจะเริ่มได้เคลื่อนตัวขึ้น ผู้พิทักษ์สันติภาพสามคนพรวดพราดเข้ามา ลงมือทุบตีแล้วลากเขาออกไป ทิ้งเพียงรอยเลือดเป็นทางกับเสียงกรีดร้องของแคตนิสไว้ ก็เป็นอันจบชีวิตของสไตลิสต์มากความสามารถ ผู้อยู่เบื้องหลังไฟแห่งความหวังที่ชื่อแคตนิส เอเวอร์ดีนไว้แต่เพียงเท่านั้น