ดูจากสภาพแวดล้อมสังคม ของเราแล้ว
มันเหมือนว่า อะไรจะเกิดมันก็เกิด ไม่มีทางควบคุม ได้
เหมือนว่าตัวแปรและปัจจัย มันควบคุมไม่ได้ ให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
คนจะเกิดมาก็เกิด แล้วจะเป็นไงต่อก็ชั่ง ปล่อยให้มันคิดเอง ไม่จริงจังไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่นั้นคือ มนุษย์ช่วงแรกเริ่ม การสร้างคนให้เป็นคน นี้สำคัญมากๆ
ไม่มีการใส่ใจในเรื่องนอกเหนือตัวเอง ยกเว้น ถ้ามันกระทบถึงตัวเอง ไม่ว่าเรื่อใดก็ตาม เห็นปัญหาสังคมแล้วเฉย ถ้ามันไม่กระทบถึงตัวเอง
ทุกเรื่องเลย เห็นสังคมที่อยู่แล้วรู้สึกขัดหูขัดตา กับ สภาพถนนเสาไฟฟุตบาทสายไฟกล้องวงจรปิด ป้ายบอกทาง ตู้ สะพานลอย ของหลวงสารธารณะ ทั้งหลายย มีความสังสัยว่า ถ้าจะสร้างแบบนี้จะสร้างมาเพื่ออะไร สร้างเพื่อให้มีเหมือนชาวโลก สร้างเพื่อให้โลกรู้ว่ามีกุมี
สันดานค่านิยมแย่ๆของคนในสังคม บอกว่าไม่ชอบ แต่ไม่เคยไปทักท้วง เพราะคิดไม่ใช่เรื่องของกุ ไปยุ้งอะไรกับเขา
คนหมดแรงบันดาลใจ หมดจินตการ ตอนวัยเด็ก โตขึ้นอยากเป็นอะไร พอเข้า สังคมมนุษย์ไทยแล้ว ทุกอย่างโดนกลบเรียบบ
คนเกิดมา อยู่สภาพแวดล้อมของสังคมที่มีคนรอบข้าง หลายประเภท แต่คนรอบข้างที่อยู่ด้วยนานที่สุด ในช่วงแรกเริ่มคือ พ่อแม่ ครอบครัว
เกิดมาตลอด 10 ปี พ่อแม่ ไม่ทำให้ลูกเกิดความหวังหรือจินตนาการเลยว่า อนาคต ความหวัง นั้นจะเป็นจริงไหม และพ่อแม่กลับมองว่า เป็นเรื่องไร้สาระ เพ้อเจ้อ ควรจะเอาเวลาไปใส่ใจ ในเรื่องที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ พ่อแม่ตั้งความหวังให้ ดีกว่า
พ่อแม่ไม่ว่างทำงาน พ่อแม่เลิกกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน พ่อแม่ไม่ใส่ใจ พ่อแม่ไม่เคยรู้ตัวตนที่แท้จริงของลูก ขาดการเลี้ยงดู ขาดสารอาหาร ขาดการส่งเสริมทางปัญญา ทั้งๆที่ มนุษย์ช่วงแรก ควรเอาใจใส่อย่างจริงจัง
อยากมีลูกเพราะอยากมี แต่ไม่ใส่ใจ ขอบอกว่า อย่ามีลูก ให้เป็นภาระสังคมและประชากรที่ไร้คุณภาพในอนาคตเลย มีเงินอย่างเดียว มันก็แค่ปัจจัยสนับสนุน แต่การใส่ใจส่งเสริมลูก คือ การสร้างคนให้เป็นคนจริงๆ
บวกกับสภาพสังคมที่ไม่รองรับ มีแต่ปัญหางี่เง่าให้คิดมากเกินจะคิดเรื่องที่ไกลกว่าจินตนาการของตัวเอง อย่างเช่น แรงบรรดาลใจ คนรอบข้างที่โรงเรียน ครู การเรียนการสอน สภาพแวดล้อมที่อยู่
ขาดแรงบันดาลใจสังคม ตัวอย่างจริงๆคนจริงๆ ทำให้เด็กคนนั้น คิดว่า เราบ้าหรือเปล่า เลิกคิดดีกว่า
สังคมไม่มีอะไรให้พวกเขา และสังคมมีแต่บัดทอนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
อย่างเช่น ตัวอย่าง นักการเมืองโกงคอปลัปชั่น ไม่เอาจริงกับการบริหารประเทศ ทั้งๆที่มันเป็หน้าที่ และไม่ทำ มันก็เกิดความสงสัยว่า การเมือง มันคืออะไร ทำไมมันเข้าใจยาก มันคือแหล่งรวมสุดยอดคนแสวงหาผลประโยชน์หรืออเปล่า
อายุ 13-15 ช่วยเปลี่ยนถ่ายสภาพแวดล้อมสังคม จาก เด็ก สู่ สังคมมนุษย์ คือ การคบเพื่อน
ไปโรงเรียน เจอเพื่อน มนุษย์จะพอใจกับคนที่เข้าใจตัวเอง และเลือกเพื่อนที่รับฟังความคิดเห็นเรา โดยไม่สนว่า เขาเป็นคนอย่างไร
เพื่อนดีก็ดีไป ช่วยกันเรียนอยู่ในสภาพแวดล้อม คนรอบข้างที่ดี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเรียน
เพื่อนไม่ดี ก็สูบบุหรี่เป็น กินเหล้าเป็น หัดลองในสิ่งที่ คนรอบข้างสนับสนุน เด็กแว๊น เที่ยวกลางคืน ให้ความสำคัญกับเพื่อนให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมค่านิยม ที่สืบทอดจากคนรอบข้าง (คุณลองคิดดูดีๆว่า ให้คนปกติทั่วไป มาลอง เขาจะบอกว่า ทำไปได้ไง ของเหล่านั้นมันดีตรงไหน
เขาจะไม่เข้าใจ แต่คนที่เสพติดค่านิยมวัฒนธรรมเหล่าแล้ว จะถูกกลืนกินความคิดและซึมซาบ ชอบมันไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าสังคมคนส่วนใหญ่บอกว่า กินขี้แล้วดี กินขี้แล้วเพื่อนคบ กินขี้แล้วเข้าสังคมได้ เขาก็ทำกัน )
พ่อแม่ ไม่จริงจังในการตักเตือน ครูที่โรงเรียน ไม่มีจิตวิญาณในการเป็นครู เป็นครูแค่หน้าที่สอน ทุกอย่าง จบ และขึ้นอยู่กับความคิดของเด็กเองล้วนๆ ปล่อยให้คิดเอง บางคนก็คิดว่า เรียนไปเพื่ออะไร มันไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน
บ้านเมืองที่อยู่ สถาบันเทิงเยอะเยะ ร้านเหล้า ยาเสพติดหาง่าย อะไรที่ไม่เจริญหูเจริญตา เสาไฟ ถนน ฟุตบาท ที่มันพุพัง ไร้คุณภาพ เหมือนเมืองที่ไม่จริงจังจะสร้างให้เป็นเมือง เหมือนเมืองที่สร้างมาแบบหลอกๆ เมืองไม่เป็นเมือง สันดานของประชาชนที่อยู่ไม่ว่าการเห็นแก่ตัว การทิ้งขยะ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่ให้เกียรติคนอื่นในสังคม มักง่าย ทำอะไรไม่คิดถึงคนรอบข้าง เห็นแก่ตัว การทำพฤติกรรมผิดๆ จนเป็นเรื่องปกติ มีแต่สิ่งไม่เจริญหูเจริญตา ให้เห็นทุกวัน เด็กก็จะซึมซาบไปโดยไม่รู้ตัว และทำด้วยไปโดยไม่รู้ตัว
ปัญหาที่ให้เห็นเยอะเกิน มีความคิดให้คิดเรื่องอื่นเยอะเกิน จนไม่สามารถตั้งใจทำในสิ่งที่หวังได้อย่างเต็มที่ จนจินตการในวัยเด็ก ถูกลบหายไป
มีใครสักกี่คน ที่โตมาแล้วบอกว่า
อยากจะเป็นนักบินอวกาศ อยากจะเป็นนักวิทย์ มุงเลิกคิดเถอะ เพ้อเจ้อไร้สาระ
สมัยนี้มีแต่ ทำงานอะไรแล้วเงินดี
เหตุผลหนึ่งคือ ที่ จินตการในวัยเด็ก ถูกลบหายไป เพราะ ตัวอย่างจริงๆ ไม่มี และแนวทางอุปสรรค มันไม่มีการแนะแนว อย่างจริงจัง
เหมือนว่า อยากสร้างรถยนต์ระดับโลก แต่ไม่มีบริษัทรถยนต์เป็นแบนด์ของประเทศตัวเอง พอคิดจะสร้างมีแต่ความคิดบั่นทอนจนต้องเลิกคิด เพราะ ขาดแรงบันดาลใจจากตัวอย่างจริงๆ ทำแล้วขายได้หรอ ทำแล้วใครจะซื้อ คนชาติเดียวกันดูถูก
อยากสร้างสถานีอวกาศ แต่ไม่มีเป็นของชาติตัวเอง ไม่มีการสร้างจริงๆ
มันทำให้คิดว่า สำหรับ ประเทศนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เลิกคิดเถอะ
เลิกคิด ขั้นแรก ตอนช่วงวัยเด็ก เพราะ พ่อแม่ไม่สนับสนุน
เลิกคิด ขั้นที่2 คือช่วงเข้าสังคมมนุษย์ไทย เพราะ สภาพสังคมมันไม่เนื่องอำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
เลิกคิด ขั้นที่3 เพราะ อุปสรรคจากสังคมกดดันให้ตัวเองต้องคิดถึงเรื่องตัวเอง จนต้องหางานอะไรก็ได้ที่ได้เงิน
เลิกคิด ขั้นสุดท้าย คือ ไม่มีอะไรเป็นจริงเลยในประเทศนี้ และไม่มีตัวอย่างและบุคคลที่จะมาเป็นแรงบันดาลใจ นักการเมืองทะเลาะ บริหารประเทศเหมือนเล่นขายของเหมือนตลกร้าย ไม่มีเทคโนโลยีที่คิดขึ้นเอง เพราะ ถ้าคิดขึ้นเอง อย่างน้อยมันก็ทำให้คนชาติเดียวกันเกิดความภูมิใจ และเด็กจะเกิดแรงผลักดัน กุอยากสร้างบ้าง ตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม ละครทีวี ข่าว เพื่อน คนรอบข้าง โรงเรียน ครอบครัว สังคมที่อยู่
ประเทศนี้ปัญหาอุปสรรค การเนื่องอำนวย ในการเรียนรู้ มันต้องพลิกแพลง ดิ้นร่น เสาะหากันเหมือน สิ่งๆนี้มันไม่เคยมีในโลก มันต้องสำรวจ กันเอาเอง ทั้งๆที่ ประเทศอื่นที่เจริญแล้ว มันง่ายมากในการเข้าถึงองค์ความรู้ที่ต้องการไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม มีการจัดหมวดหมู่ที่ชัดเจน มีการศึกษาอย่างจริงจังและต่อยอดความคิด ในเรื่องที่คนไทยบางคน มองว่า ไร้สาระ
ดูสิ ปัญหาและอุปสรรค มันเยอะขนาดไหน ทั้งหมดมันอยู่กับคน สังคมที่อยู่ ทั้งนั้นเลย
ประเทศไทย เรา เขาจริงจังและใส่ใจ เรื่องไหนบ้าง...การเมือง..การศึกษา สภาพสังคม ทำไม มันดูไม่เป็นระบบไม่เป็นอารยธรรม เลย
ปัญหาสังคม บอกว่ามันแก้ยาก ทั้งๆที่มันแก้ได้ แต่ไม่เคยคิดจะแก้
แค่ปลูกฝัง ค่านิยมที่ถูกต้องให้คนในสังคม สิ่งที่ผิด มันก็จะดูมองว่าผิด และจะสูญหายไปเอง
แต่ประเทศไทย ตอนนี้ ประชาชน ไม่มี ความเป็นตัวตน ไม่มีความเป็นปัจเจกบุคคล ไม่มีจุดยืนในตัวเอง ความคิดมันจะค่อยตาม ใครมีอุดมการณ์ พูดดีน่าเชื่อถือน่าศรัทธา ก็เฮโล กันไป คิดถึงแต่ตัวเอง ถ้าฉันเดือดร้อน ต้องหาคนรับผิด ถ้าฉันเสียผลประโยชน์ ต้องจับจุดผิดฝั่งตรงข้าม แล้วกระทืบให้จมดิม ถ้าฉันได้ผลประโยชน์ เขาสนองความต้องการฉัน คนๆนั้นแหละเป็นคนดี โดยไม่สนใจเลยว่า ด้านอื่นของเขาเป็นอย่างไร เทใจให้กันหมด ถือติ่งนักการเมือง
ไม่ยอมเลย ที่จะหาเหตุผล แล้วมา ต่อสู้กันด้วย ความคิด สร้างสรรค์ด้วยปัญญา ล้มกระดาน ล้มระบบ ล้มกฏหมาย
คนที่อำนาจ ก็ไม่เกรงใจและให้เกียรติ คนส่วนน้อย คิดว่ามีอำนาจ คิดจะทำอะไรก็ทำได้ เหมือนแก้แค้นที่ตัวเองเสียผลประโยชน์ รื้อเรื่องความหลัง มาเสียมให้คนตีกันนน แทนที่จะตัดปัญหา คิดถึงอนาคต คิดถึงหน้าที่ของอำนาจที่ตัวเองอยู่ในมือ ว่าอำนาจ นั้นควรสร้างอนาคตอย่างไรดีให้ประเทศ ทำตัวเหมือนเด็ก กุต้องเอาคืน ผลประโยชน์ของกุ
สุดท้ายวงจรอุบาท ก็วนไปมา ไม่รู้จบ
อยากถาม คนมีอำนาจในมือของประเทศทั้งหลายว่า ทำไป เพื่อออ อะไร ทำไมคิดเรื่องซับซ้อนไกลกว่าหัวแม่ตีน ไม่เป็น
ทำไมเขาถึงมีความสุขกับผลประโยชน์ตัวเอง
ไม่ชอบหรอ ความสุขที่เห็นประเทศทั้งประเทศเจริญขึ้น ไปที่ไหนก็เจอแต่สิ่งเจริญหูเจริญตา ทำไมเขาไม่ชอบกันหรอ
แปลกเนอะ มีความสุขอยู่ในกล่องน้อยๆ ไม่คิดจะขยายความสุขให้ใหญ่ขึ้น กลัวคนอื่นจะมาแย่งความสุขในกล่องตัวเอง
อนาคต ไม่พัฒนาตัวเอง พอเดือดร้อนขึ้นมา จะโทษใครล่ะ ถ้ามีปัญหากับต่างชาติ ?
กุจะยึดประเทศอ่ะ มีปัญหาอะไรหรอ คราวนี้ จะไปประท้วงใครล่ะ หืมม คนไทยย
การสร้างคน ให้เป็น สังคมที่มีอารยธรรม สำหรับประเทศไทย นี้ยากไหมครับ
มันเหมือนว่า อะไรจะเกิดมันก็เกิด ไม่มีทางควบคุม ได้
เหมือนว่าตัวแปรและปัจจัย มันควบคุมไม่ได้ ให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
คนจะเกิดมาก็เกิด แล้วจะเป็นไงต่อก็ชั่ง ปล่อยให้มันคิดเอง ไม่จริงจังไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่นั้นคือ มนุษย์ช่วงแรกเริ่ม การสร้างคนให้เป็นคน นี้สำคัญมากๆ
ไม่มีการใส่ใจในเรื่องนอกเหนือตัวเอง ยกเว้น ถ้ามันกระทบถึงตัวเอง ไม่ว่าเรื่อใดก็ตาม เห็นปัญหาสังคมแล้วเฉย ถ้ามันไม่กระทบถึงตัวเอง
ทุกเรื่องเลย เห็นสังคมที่อยู่แล้วรู้สึกขัดหูขัดตา กับ สภาพถนนเสาไฟฟุตบาทสายไฟกล้องวงจรปิด ป้ายบอกทาง ตู้ สะพานลอย ของหลวงสารธารณะ ทั้งหลายย มีความสังสัยว่า ถ้าจะสร้างแบบนี้จะสร้างมาเพื่ออะไร สร้างเพื่อให้มีเหมือนชาวโลก สร้างเพื่อให้โลกรู้ว่ามีกุมี
สันดานค่านิยมแย่ๆของคนในสังคม บอกว่าไม่ชอบ แต่ไม่เคยไปทักท้วง เพราะคิดไม่ใช่เรื่องของกุ ไปยุ้งอะไรกับเขา
คนหมดแรงบันดาลใจ หมดจินตการ ตอนวัยเด็ก โตขึ้นอยากเป็นอะไร พอเข้า สังคมมนุษย์ไทยแล้ว ทุกอย่างโดนกลบเรียบบ
คนเกิดมา อยู่สภาพแวดล้อมของสังคมที่มีคนรอบข้าง หลายประเภท แต่คนรอบข้างที่อยู่ด้วยนานที่สุด ในช่วงแรกเริ่มคือ พ่อแม่ ครอบครัว
เกิดมาตลอด 10 ปี พ่อแม่ ไม่ทำให้ลูกเกิดความหวังหรือจินตนาการเลยว่า อนาคต ความหวัง นั้นจะเป็นจริงไหม และพ่อแม่กลับมองว่า เป็นเรื่องไร้สาระ เพ้อเจ้อ ควรจะเอาเวลาไปใส่ใจ ในเรื่องที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ พ่อแม่ตั้งความหวังให้ ดีกว่า
พ่อแม่ไม่ว่างทำงาน พ่อแม่เลิกกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน พ่อแม่ไม่ใส่ใจ พ่อแม่ไม่เคยรู้ตัวตนที่แท้จริงของลูก ขาดการเลี้ยงดู ขาดสารอาหาร ขาดการส่งเสริมทางปัญญา ทั้งๆที่ มนุษย์ช่วงแรก ควรเอาใจใส่อย่างจริงจัง
อยากมีลูกเพราะอยากมี แต่ไม่ใส่ใจ ขอบอกว่า อย่ามีลูก ให้เป็นภาระสังคมและประชากรที่ไร้คุณภาพในอนาคตเลย มีเงินอย่างเดียว มันก็แค่ปัจจัยสนับสนุน แต่การใส่ใจส่งเสริมลูก คือ การสร้างคนให้เป็นคนจริงๆ
บวกกับสภาพสังคมที่ไม่รองรับ มีแต่ปัญหางี่เง่าให้คิดมากเกินจะคิดเรื่องที่ไกลกว่าจินตนาการของตัวเอง อย่างเช่น แรงบรรดาลใจ คนรอบข้างที่โรงเรียน ครู การเรียนการสอน สภาพแวดล้อมที่อยู่
ขาดแรงบันดาลใจสังคม ตัวอย่างจริงๆคนจริงๆ ทำให้เด็กคนนั้น คิดว่า เราบ้าหรือเปล่า เลิกคิดดีกว่า
สังคมไม่มีอะไรให้พวกเขา และสังคมมีแต่บัดทอนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
อย่างเช่น ตัวอย่าง นักการเมืองโกงคอปลัปชั่น ไม่เอาจริงกับการบริหารประเทศ ทั้งๆที่มันเป็หน้าที่ และไม่ทำ มันก็เกิดความสงสัยว่า การเมือง มันคืออะไร ทำไมมันเข้าใจยาก มันคือแหล่งรวมสุดยอดคนแสวงหาผลประโยชน์หรืออเปล่า
อายุ 13-15 ช่วยเปลี่ยนถ่ายสภาพแวดล้อมสังคม จาก เด็ก สู่ สังคมมนุษย์ คือ การคบเพื่อน
ไปโรงเรียน เจอเพื่อน มนุษย์จะพอใจกับคนที่เข้าใจตัวเอง และเลือกเพื่อนที่รับฟังความคิดเห็นเรา โดยไม่สนว่า เขาเป็นคนอย่างไร
เพื่อนดีก็ดีไป ช่วยกันเรียนอยู่ในสภาพแวดล้อม คนรอบข้างที่ดี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเรียน
เพื่อนไม่ดี ก็สูบบุหรี่เป็น กินเหล้าเป็น หัดลองในสิ่งที่ คนรอบข้างสนับสนุน เด็กแว๊น เที่ยวกลางคืน ให้ความสำคัญกับเพื่อนให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมค่านิยม ที่สืบทอดจากคนรอบข้าง (คุณลองคิดดูดีๆว่า ให้คนปกติทั่วไป มาลอง เขาจะบอกว่า ทำไปได้ไง ของเหล่านั้นมันดีตรงไหน
เขาจะไม่เข้าใจ แต่คนที่เสพติดค่านิยมวัฒนธรรมเหล่าแล้ว จะถูกกลืนกินความคิดและซึมซาบ ชอบมันไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าสังคมคนส่วนใหญ่บอกว่า กินขี้แล้วดี กินขี้แล้วเพื่อนคบ กินขี้แล้วเข้าสังคมได้ เขาก็ทำกัน )
พ่อแม่ ไม่จริงจังในการตักเตือน ครูที่โรงเรียน ไม่มีจิตวิญาณในการเป็นครู เป็นครูแค่หน้าที่สอน ทุกอย่าง จบ และขึ้นอยู่กับความคิดของเด็กเองล้วนๆ ปล่อยให้คิดเอง บางคนก็คิดว่า เรียนไปเพื่ออะไร มันไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน
บ้านเมืองที่อยู่ สถาบันเทิงเยอะเยะ ร้านเหล้า ยาเสพติดหาง่าย อะไรที่ไม่เจริญหูเจริญตา เสาไฟ ถนน ฟุตบาท ที่มันพุพัง ไร้คุณภาพ เหมือนเมืองที่ไม่จริงจังจะสร้างให้เป็นเมือง เหมือนเมืองที่สร้างมาแบบหลอกๆ เมืองไม่เป็นเมือง สันดานของประชาชนที่อยู่ไม่ว่าการเห็นแก่ตัว การทิ้งขยะ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่ให้เกียรติคนอื่นในสังคม มักง่าย ทำอะไรไม่คิดถึงคนรอบข้าง เห็นแก่ตัว การทำพฤติกรรมผิดๆ จนเป็นเรื่องปกติ มีแต่สิ่งไม่เจริญหูเจริญตา ให้เห็นทุกวัน เด็กก็จะซึมซาบไปโดยไม่รู้ตัว และทำด้วยไปโดยไม่รู้ตัว
ปัญหาที่ให้เห็นเยอะเกิน มีความคิดให้คิดเรื่องอื่นเยอะเกิน จนไม่สามารถตั้งใจทำในสิ่งที่หวังได้อย่างเต็มที่ จนจินตการในวัยเด็ก ถูกลบหายไป
มีใครสักกี่คน ที่โตมาแล้วบอกว่า
อยากจะเป็นนักบินอวกาศ อยากจะเป็นนักวิทย์ มุงเลิกคิดเถอะ เพ้อเจ้อไร้สาระ
สมัยนี้มีแต่ ทำงานอะไรแล้วเงินดี
เหตุผลหนึ่งคือ ที่ จินตการในวัยเด็ก ถูกลบหายไป เพราะ ตัวอย่างจริงๆ ไม่มี และแนวทางอุปสรรค มันไม่มีการแนะแนว อย่างจริงจัง
เหมือนว่า อยากสร้างรถยนต์ระดับโลก แต่ไม่มีบริษัทรถยนต์เป็นแบนด์ของประเทศตัวเอง พอคิดจะสร้างมีแต่ความคิดบั่นทอนจนต้องเลิกคิด เพราะ ขาดแรงบันดาลใจจากตัวอย่างจริงๆ ทำแล้วขายได้หรอ ทำแล้วใครจะซื้อ คนชาติเดียวกันดูถูก
อยากสร้างสถานีอวกาศ แต่ไม่มีเป็นของชาติตัวเอง ไม่มีการสร้างจริงๆ
มันทำให้คิดว่า สำหรับ ประเทศนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เลิกคิดเถอะ
เลิกคิด ขั้นแรก ตอนช่วงวัยเด็ก เพราะ พ่อแม่ไม่สนับสนุน
เลิกคิด ขั้นที่2 คือช่วงเข้าสังคมมนุษย์ไทย เพราะ สภาพสังคมมันไม่เนื่องอำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
เลิกคิด ขั้นที่3 เพราะ อุปสรรคจากสังคมกดดันให้ตัวเองต้องคิดถึงเรื่องตัวเอง จนต้องหางานอะไรก็ได้ที่ได้เงิน
เลิกคิด ขั้นสุดท้าย คือ ไม่มีอะไรเป็นจริงเลยในประเทศนี้ และไม่มีตัวอย่างและบุคคลที่จะมาเป็นแรงบันดาลใจ นักการเมืองทะเลาะ บริหารประเทศเหมือนเล่นขายของเหมือนตลกร้าย ไม่มีเทคโนโลยีที่คิดขึ้นเอง เพราะ ถ้าคิดขึ้นเอง อย่างน้อยมันก็ทำให้คนชาติเดียวกันเกิดความภูมิใจ และเด็กจะเกิดแรงผลักดัน กุอยากสร้างบ้าง ตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม ละครทีวี ข่าว เพื่อน คนรอบข้าง โรงเรียน ครอบครัว สังคมที่อยู่
ประเทศนี้ปัญหาอุปสรรค การเนื่องอำนวย ในการเรียนรู้ มันต้องพลิกแพลง ดิ้นร่น เสาะหากันเหมือน สิ่งๆนี้มันไม่เคยมีในโลก มันต้องสำรวจ กันเอาเอง ทั้งๆที่ ประเทศอื่นที่เจริญแล้ว มันง่ายมากในการเข้าถึงองค์ความรู้ที่ต้องการไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม มีการจัดหมวดหมู่ที่ชัดเจน มีการศึกษาอย่างจริงจังและต่อยอดความคิด ในเรื่องที่คนไทยบางคน มองว่า ไร้สาระ
ดูสิ ปัญหาและอุปสรรค มันเยอะขนาดไหน ทั้งหมดมันอยู่กับคน สังคมที่อยู่ ทั้งนั้นเลย
ประเทศไทย เรา เขาจริงจังและใส่ใจ เรื่องไหนบ้าง...การเมือง..การศึกษา สภาพสังคม ทำไม มันดูไม่เป็นระบบไม่เป็นอารยธรรม เลย
ปัญหาสังคม บอกว่ามันแก้ยาก ทั้งๆที่มันแก้ได้ แต่ไม่เคยคิดจะแก้
แค่ปลูกฝัง ค่านิยมที่ถูกต้องให้คนในสังคม สิ่งที่ผิด มันก็จะดูมองว่าผิด และจะสูญหายไปเอง
แต่ประเทศไทย ตอนนี้ ประชาชน ไม่มี ความเป็นตัวตน ไม่มีความเป็นปัจเจกบุคคล ไม่มีจุดยืนในตัวเอง ความคิดมันจะค่อยตาม ใครมีอุดมการณ์ พูดดีน่าเชื่อถือน่าศรัทธา ก็เฮโล กันไป คิดถึงแต่ตัวเอง ถ้าฉันเดือดร้อน ต้องหาคนรับผิด ถ้าฉันเสียผลประโยชน์ ต้องจับจุดผิดฝั่งตรงข้าม แล้วกระทืบให้จมดิม ถ้าฉันได้ผลประโยชน์ เขาสนองความต้องการฉัน คนๆนั้นแหละเป็นคนดี โดยไม่สนใจเลยว่า ด้านอื่นของเขาเป็นอย่างไร เทใจให้กันหมด ถือติ่งนักการเมือง
ไม่ยอมเลย ที่จะหาเหตุผล แล้วมา ต่อสู้กันด้วย ความคิด สร้างสรรค์ด้วยปัญญา ล้มกระดาน ล้มระบบ ล้มกฏหมาย
คนที่อำนาจ ก็ไม่เกรงใจและให้เกียรติ คนส่วนน้อย คิดว่ามีอำนาจ คิดจะทำอะไรก็ทำได้ เหมือนแก้แค้นที่ตัวเองเสียผลประโยชน์ รื้อเรื่องความหลัง มาเสียมให้คนตีกันนน แทนที่จะตัดปัญหา คิดถึงอนาคต คิดถึงหน้าที่ของอำนาจที่ตัวเองอยู่ในมือ ว่าอำนาจ นั้นควรสร้างอนาคตอย่างไรดีให้ประเทศ ทำตัวเหมือนเด็ก กุต้องเอาคืน ผลประโยชน์ของกุ
สุดท้ายวงจรอุบาท ก็วนไปมา ไม่รู้จบ
อยากถาม คนมีอำนาจในมือของประเทศทั้งหลายว่า ทำไป เพื่อออ อะไร ทำไมคิดเรื่องซับซ้อนไกลกว่าหัวแม่ตีน ไม่เป็น
ทำไมเขาถึงมีความสุขกับผลประโยชน์ตัวเอง
ไม่ชอบหรอ ความสุขที่เห็นประเทศทั้งประเทศเจริญขึ้น ไปที่ไหนก็เจอแต่สิ่งเจริญหูเจริญตา ทำไมเขาไม่ชอบกันหรอ
แปลกเนอะ มีความสุขอยู่ในกล่องน้อยๆ ไม่คิดจะขยายความสุขให้ใหญ่ขึ้น กลัวคนอื่นจะมาแย่งความสุขในกล่องตัวเอง
อนาคต ไม่พัฒนาตัวเอง พอเดือดร้อนขึ้นมา จะโทษใครล่ะ ถ้ามีปัญหากับต่างชาติ ?
กุจะยึดประเทศอ่ะ มีปัญหาอะไรหรอ คราวนี้ จะไปประท้วงใครล่ะ หืมม คนไทยย