เมื่อเช้าฉันเป็นลมบน BTS

กระทู้สนทนา
เมื่อวันศุกรที่ 22 พย 2556 ดิฉันนั่ง (จริงๆคือยืน) BTS มาจาก สถานีอุดมสุข ประมาณเวลา 7:30
เพื่อไปสัมภาษณ์งานที่ออฟฟิสแถวๆ สถานีช่องนนทรีย์ เวลานัดคือ 9:00 แต่ตั้งใจจะไปให้ถึง 8:30
ระหว่างทางก็เล่นมือถือ อ่านเฟสบุค และเว็บอ่านข่าว เหมือนๆกับคนหลายๆคนบนรถ

พอก่อนจะมาถึง สถานีสยาม เริ่มรู้สึกมึนๆหัว ก็เลยหยุดอ่าน
พอเปลี่ยนขบวนที่สยาม ก็เข้ามายืนพึงกระจกด้านข้างของเก้าอี้นั่ง เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีช่องนนทรีย์
พอรถออกรู้สึกเหม็นกลิ่นหนังสือพิมพ์ของคนที่กำลังเปิดอ่านอยู่ข้างหน้า และรู้สึกว่าหนาวๆ
และรู้สึกมือชาๆ แล้วก็ตาเริ่มพร่า ช่วงที่รถไฟผ่านป้ายราชดำริ

ขณะขบวนรถกำลังเดินทางไปสถานีศาลาแดง ก็คิดในใจว่า ขอให้ไปให้ถึงสถานีช่องนนทรี ก่อนก็แล้วกัน
ถ้าไม่ไหวก็ขอเลื่อนสัมภาษณ์ไปวันอื่น พยายามสูดหายใจลึกๆ ให้ออกซิเจนเข้าปอดเยอะๆ
(แต่มันก็มาพร้อมกลิ่นหนังสือพิมพ์ฉุนๆ) พรางก็คิดในใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกหนาวแล้วก็หมดแรงขนาดนี้
แล้วก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆว่า คงเพราะนอนน้อยมาหลายวัน และเมื่อวานทั้งวันก็ทานข้าวไปน้อยมาก
เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานอะไรเลยก่อนออกมา ... ตาก็มองป้ายไฟที่กระพริบบอกตำแหน่งว่าขบวนรถวื่งถึงไหนแล้ว วับๆ วับๆ วับๆ
แล้วก็รู้สึกตาพร่า ทุกอย่างขาวไปหมด หนาวไปทุกอณู คิดในใจว่าจะหันไปบอกคนข้างๆ (ที่ไม่รู้จัก) ว่าไม่ไหวแล้ว
(แต่ก็ยังคิดเถียงตัวเองในใจอีกว่า ไม่ไหวแล้วแล้วไงเหรอน้อง...)
ทันไดนั้นร่างก็เซ มือขวาพยายามจะเอื้อมไปจับที่จับราวด้านข้างประตูแล้วทุกอย่างก็มืดไปเลย

รู้ตัวอีกทีรู้สึกว่ามีมือมาพยุงไว้ทุกทิศทาง มือซ้ายที่ถือกระเป๋าใบหนักไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่เคยมี
ได้ยินเสียงคนถามว่า ไหวไม๊ จะไปลงที่ไหน ได้ยินเสียงตัวเองตอบแบบฟังอู้อี้ว่า ช่องนนทรี
แล้วผู้คนรอบตัวก็พยุงไปนั่งตรงที่นั่ง มีทั้งคนนวดมือให้ ทั้งสองข้าง มีมือพยุงที่หลัง มีมือยื่นยาดมให้ดม
มีมือปัดผมออกไปจากหน้า และเช็ดเหงื่อให้ และได้ยินเสียงคนพูดโทรศัพท์ว่า "มีคนเป็นลมบนรถค่ะ"

ตอนที่เริ่มมีสติคือตอนที่นั่งลงที่เก้าอี้ดิฉันก็พนมมือไหว้ และพูดว่าขอบคุณค่ะ ขอบคุณ
เราไหว้ใครบ้างก็ไม่รู้ กี่คนก็ไม่รู้ เพราะทุกอย่างมันพร่าไปหมด เห็นแค่เป็นเงาๆ มีคนบอก"ให้เอาหัวพึงเก้าอี้ไปเลย"
ได้ยินว่า"เค้าเหงื่อเต็มไปหมดเลย" ฯลฯ รู้แต่ว่ามีคนหลายคนที่พยายามช่วย เราก็ถามใครก็ไม่รู้ กี่คนก็ไม่รู้เหล่านั้นว่านี่สถานีไหนคะ
ผู้คนก็ตอบว่านี่กำลังจะถึงสถานีสุรศักดิ์จะไปช่องนนทรีต้องนั่งกลับไปนะคะ ไหวไม๊ เราก็พยักหน้า
พอถึงป้ายสุรศักดิ์เราก็จะลง ผู้คนเหล่านั้น ตอนนี้เริ่มมองเห็นลางๆ และจากเสียงก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นผู้หญิงประมาน 3 - 4 คน
ช่วยพยุงออกมาและลงบันไดมา คนนึงถึอกระเป๋าให้ คนนึงพยุงซ้าย อีกคนพยุงขวา แล้วก็ได้ยินอีกคนอยู่ข้างหลังบอกว่า ให้เค้าจับราวดีกว่าค่ะ ลงมาถึงชั้นล่างก็มีเจ้าหน้าที่สถานีมารับ สาวๆเหล่านั้นก็แยกย้ายกันไป ก่อนจะแยกย้ายหลายๆคนอธิบายเหตุการณ์ให้ เจ้าหน้าที่สถานีฟัง
พร้อมกับบอกเราว่าไม่เป็นไรนะคะ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่หน่อยก็แนะนำหลายๆอย่างว่าให้ถอดเสื้อสูทดีกว่านะ ให้พักก่อนนะ ฯลฯ
เราก็ยกมือไหว้ทุกคนและพูดว่าขอบคุณนะคะ อีกครั้ง โดยที่ก็ยังมองไม่ชัดว่าเขาเหล่านั้นเป็นใครหน้าตาเป็นยังไง ทุกอย่างมัวไปหมด

จากนั้นเจ้าหน้าที่สถานีก็พาเข้าไปนั่งพักที่ห้อง รปภ มีพี่แม่บ้านเอาน้ำแดง เฮลส์บลูบอยมาให้สองแก้ว พร้อมเอาแอมโมเนียมาให้ดม
ณ ตอนนั้น ได้ยาดมที่ติดมือมาจากใครก็ไม่รู้บนรถที่พยุงเราลงมา ก็ดมไปทั้งยาดม ทั้งแอมโมเนีย
นั่งตั้งสติอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง รู้สึกว่าไปต่อไหว ตอนนั้นประมาณ 8:30 มีสัมภาษณ์ 9:00 ก็ขอบคุณพี่ๆแม่บ้านและรปภ ที่ช่วยเหลือ
พี่แม่บ้านก็พาเดินไปขึ้นรถ BTS แล้วก็ไปสัมภาษณ์งาน ตามที่นัดไว้

นิทาน (เรื่องจริง) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. คนไทย (ไม่รู้ว่าพวกเธอ จริงๆลงป้ายนั้น คือทำงานออฟฟิสแถวๆ สาธร หรือว่าสาวๆเค้าเอื้อเฟื้อมากขนาดที่ยอมลงจากรถ
   มาเพื่อมาส่งเราแล้วค่อยขึ้นไปต่อรถคันใหม่รึป่าว... เป็นไปได้มากว่าจะเป็นอันหลัง ร้องไห้หัวใจ)
   ที่มีน้ำใจยังมีอยู่เยอะ และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่าภูมิใจ และน่าขอบคุณมากๆค่ะ (ซึ้งๆ น้ำตาซึมเบย)
   ดีใจมากๆที่ได้เกิดมาในประเทศนี้และได้พบเจอ ได้อยู่ในสังคมที่มีคนน่ารัก ใจดีแบบนี้
2. ยาดม เมื่อก่อนเคยคิดว่าคนพกยาดม เป็นคนมีอายุ หรือมีปัญหาเรื่องการเมารถ เมาเรือ ฯลฯ
   แต่จริงๆแล้ว ในเวลาแบบนี้มันเป็นสิ่งสำคัญที่ได้ช่วยชีวิตเราไว้... จากนี้ไปจะพกยาดมมั่ง... เผื่อจะได้ช่วยคนอื่นบ้างค่ะ
3. สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ การนอนให้พอ และการทานอาหารให้ตรงเวลา มันเป็นเรื่องเป็นตายเลยทีเดียว...
   ที่ผ่านมาเป็นคนทำงานได้ถึงตีสาม ตื่นมาไม่กินข้าว หิวไม่ไหวแล้วค่อยกิน ฯลฯ สุดท้ายแล้ว ร่างกายมันทนไม่ไหวขึ้นมา
   เราจะเป็นภาระให้คนอื่น อันนี้แค่ยืนอยู่บนรถไฟฟ้า
   ถ้าขับรถอยู่แล้วเป็นแบบนี้ขึ้นมา เราอาจจะทำร้ายคนอื่นถึงชีวืตได้ค่ะ ...
   ไม่เอาอีกแล้ว ต้องทานข้าวและพักผ่อนให้ตรงเวลาและเป็นนิสัยค่ะ
4. (อันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรมาก) ความสามารถในการใส่ส้นสูงของดิฉันช่างไม่น่าเชื่อ
   เพราะแม้แต่ขณะเป็นลมเราก็เดินลงบันไดมาทั้งอย่างนั้น (ควรภูมิใจไม๊นะ...)

เล่ามาซะยาว สิ่งที่อยากจะทำจริงๆก็คือ อยากจะขอบคุณผู้โดยสาร และ ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายๆท่านในวันนั้น
ที่มีน้ำใจ ช่วยคนที่ไม่รู้จักคนนี้ ค่ะ เราไม่รู้จักกัน เราไม่เคยพบกัน แต่สิ่งที่ได้รับในวันนั้นทำให้รู้สึกดีใจ ปลื้มใจ ภูมิใจ
ที่ได้เจอคนใจดีๆ น่ารักๆ แบบนี้


เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไปเป็นลมบนรถไฟ ประเทศอื่น คิดว่ากระเป๋าตังคงหาย ไอแพด ไอโฟนคงไม่เหลือ
หรือบางเคสก็อาจจะโดนทำมิดีมิร้ายไปเลยรึป่าวก็ไม่อาจทราบได้

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับคนที่ช่วยเหลือผู้หญิงตาดำๆคนนี้ในวันนั้น ขอบคุณจริงๆค่ะ
ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่