หลังจากที่ไม่ได้เข้าโรงหนังมา น่าจะสามปีแล้วมั้งคะ -_- กลับมาดูอีกที โห เทคโนโลยีโรงหนังมันมีสี่มิติเ้ข้าไปแล้ว (่สามมิติป้ายังไม่เคยเข้าไปดูเลย) ตอนแรกหาข้อมูล เข้าใจว่าภาพมันจะเป็นสามมิติแล้วมีเอฟเฟกพวกเก้าอี้โยก ลมพัด อะไรด้วย แต่พอเข้าไปในโรงแล้วไม่เห็นเขาแจกแว่นเลยถามน้องคนเดินตั๋วว่าไม่มีแว่นให้เหรอ น้องเขาบอกว่า เรื่อง Hunger Games เขาถ่ายหนังมาแบบ 2D แต่จะมีเอฟเฟกให้ (ไอ้เราก็ไม่มีความรู้ว่าหนังถ่ายแบบ 2D กับ 3D ความยากง่ายในการถ่ายทำ อรรถรสของหนัง เหมือนต่างกันอย่างไรบ้าง วานผู้รู้ช่วยแชร์ด้วยนะคะ)
แต่เราได้ดูภาพในจอ ถึงจะไม่ใช่สามมิติ แต่มันชัดมากกก เหมือนมันมีความลึก มีมิติกว่าจอธรรมดาที่เคยดู(มานานโขแล้ว) อย่างงี้ชิมิคะีที่เขาเรียกโรง imax ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ >_<
ส่วนเอฟเฟก เก้าอี้เลื่อนไปเลื่อนมา มีลมพัด น้ำฉีด มันมีจริงๆค่ะ คนในโรงก็ฮาๆกันในตอนแรก เราชอบตอนหนังมีภาพมุมกว้าง แล้วเก้าอี้มันหมุนคว้างๆ เหมือนเรากำลังลอยเข้าไปจริงๆ (สำรับคนที่มีอาการเมารถไม่แนะนำให้เข้าไปดูโรงนี้อย่างยิ่ง) แต่นอกนั้นรู้สึกว่า มันสั่นพร่ำเพรื่อไปนิดนึง อย่างเช่น เวลามีคนเคาะประตู เปิดประตู เก้าอี้จะสั่น (เพื่อ?) ถ้าเป็นหนังน่าเบื่อซักเรื่องมันคงเหมาะกับการปลุกคนดูให้ตื่นมาก แต่นี่เป็นหนังที่มีแอ็คชั่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เน้นซีนอารมณ์แล้วพอมาสั่นๆบางทีมันก็ทำให้อารมณ์กำลังจะอินไปด้วยเสียสมาธิเอาเหมือนกัน (บางครั้งทำให้เราคิดในใจ จะสั่นพ่อง -_-)
โดยสรุปคือ โรง 4DX เป็นอ๊อปชั่นใหม่ที่สนุกดี แต่สำหรับเรามันน่าจะเหมาะกับหนังที่ไม่เน้นดราม่า หนังสยอง ตื่นเต้น แอ็คชั่น ผจญภัย แอนนิเมชั่นเน้นมันเน้นสนุกสนาน มากกว่า
ส่วนตัวหนังและเนื้อเรื่อง ของ The Hunger Games ในภาคนี้เราปลื้มปริ่มค่ะ อินตั้งแต่เปิดซีนเป็นฤดูกาลอันหนาวเหน็บ และตัวหนังยังคงคุมบรรยากาศความหดหู่ ความตึงเครียดกับชีวิตลึกๆของบรรยากาศและตัวละครได้ดีมาก และเราเริ่มน้ำตาไหลพรากตั้งกะซีนแคตนีสปีชถึงริว T-T เราเห็นด้วยและเข้าใจมากที่หลายคนดูแล้วบอกว่า ไม่ได้ดูหนังที่รู้สึกเต็มอิ่มอย่างนี้มานานมากแล้ว ดูจบแล้วแบบยังนั่งอึ้งๆหลังติดเบาะ อยากเข้าไปจับมือสวมกอดผู้กำกับฟรานซิส ลอวเรนซ์มาก (ทั้งนี้หากใครไม่ชอบภาคแรก ก็คงไม่เหมาะกับภาคสอง และคิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ใช่แนวท่าน) ก่อนไปดูเพื่อนเราบอกว่า ภาคแรกเจนนิเฟอร์ ได้ค่าตัว ห้าแสนดอลลาร์ มาภาคนี้นางได้อั๊พเป็น สิบล้านดอลลาร์ O_o! แต่พอไปดูมาแล้ว นางก็สมควรได้จริงๆ โดยเฉพาะซีนปิดท้ายของภาคนี้ ที่กล้องโฟกัสไปที่หน้านาง แสดงอารมณ์ได้ดีมากกกก
ใครที่มีแผนจะไปดู สนับสนุนให้ไปดูโรง IMAX ที่ไม่ใช่ 4DX ค่ะ ขอให้สนุกกับการดูหนังนะคะ ^_^
แชร์ความรู้สึกหลังไปดู The hunger games, catching fire ในโรง 4DX มา
แต่เราได้ดูภาพในจอ ถึงจะไม่ใช่สามมิติ แต่มันชัดมากกก เหมือนมันมีความลึก มีมิติกว่าจอธรรมดาที่เคยดู(มานานโขแล้ว) อย่างงี้ชิมิคะีที่เขาเรียกโรง imax ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ >_<
ส่วนเอฟเฟก เก้าอี้เลื่อนไปเลื่อนมา มีลมพัด น้ำฉีด มันมีจริงๆค่ะ คนในโรงก็ฮาๆกันในตอนแรก เราชอบตอนหนังมีภาพมุมกว้าง แล้วเก้าอี้มันหมุนคว้างๆ เหมือนเรากำลังลอยเข้าไปจริงๆ (สำรับคนที่มีอาการเมารถไม่แนะนำให้เข้าไปดูโรงนี้อย่างยิ่ง) แต่นอกนั้นรู้สึกว่า มันสั่นพร่ำเพรื่อไปนิดนึง อย่างเช่น เวลามีคนเคาะประตู เปิดประตู เก้าอี้จะสั่น (เพื่อ?) ถ้าเป็นหนังน่าเบื่อซักเรื่องมันคงเหมาะกับการปลุกคนดูให้ตื่นมาก แต่นี่เป็นหนังที่มีแอ็คชั่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เน้นซีนอารมณ์แล้วพอมาสั่นๆบางทีมันก็ทำให้อารมณ์กำลังจะอินไปด้วยเสียสมาธิเอาเหมือนกัน (บางครั้งทำให้เราคิดในใจ จะสั่นพ่อง -_-)
โดยสรุปคือ โรง 4DX เป็นอ๊อปชั่นใหม่ที่สนุกดี แต่สำหรับเรามันน่าจะเหมาะกับหนังที่ไม่เน้นดราม่า หนังสยอง ตื่นเต้น แอ็คชั่น ผจญภัย แอนนิเมชั่นเน้นมันเน้นสนุกสนาน มากกว่า
ส่วนตัวหนังและเนื้อเรื่อง ของ The Hunger Games ในภาคนี้เราปลื้มปริ่มค่ะ อินตั้งแต่เปิดซีนเป็นฤดูกาลอันหนาวเหน็บ และตัวหนังยังคงคุมบรรยากาศความหดหู่ ความตึงเครียดกับชีวิตลึกๆของบรรยากาศและตัวละครได้ดีมาก และเราเริ่มน้ำตาไหลพรากตั้งกะซีนแคตนีสปีชถึงริว T-T เราเห็นด้วยและเข้าใจมากที่หลายคนดูแล้วบอกว่า ไม่ได้ดูหนังที่รู้สึกเต็มอิ่มอย่างนี้มานานมากแล้ว ดูจบแล้วแบบยังนั่งอึ้งๆหลังติดเบาะ อยากเข้าไปจับมือสวมกอดผู้กำกับฟรานซิส ลอวเรนซ์มาก (ทั้งนี้หากใครไม่ชอบภาคแรก ก็คงไม่เหมาะกับภาคสอง และคิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ใช่แนวท่าน) ก่อนไปดูเพื่อนเราบอกว่า ภาคแรกเจนนิเฟอร์ ได้ค่าตัว ห้าแสนดอลลาร์ มาภาคนี้นางได้อั๊พเป็น สิบล้านดอลลาร์ O_o! แต่พอไปดูมาแล้ว นางก็สมควรได้จริงๆ โดยเฉพาะซีนปิดท้ายของภาคนี้ ที่กล้องโฟกัสไปที่หน้านาง แสดงอารมณ์ได้ดีมากกกก
ใครที่มีแผนจะไปดู สนับสนุนให้ไปดูโรง IMAX ที่ไม่ใช่ 4DX ค่ะ ขอให้สนุกกับการดูหนังนะคะ ^_^