มาตรา ๖๘ บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว
ตามมาตรา ๖๘ ใช้คำว่าบุคคล มีคำว่าพรรคการเมืองด้วย ฉะนั้น อำนาจในการรับเรื่องไปวินิจฉัย ก็ต้องเป็นเรื่องที่มีความผิดปกติมาจาก
บุคคลหรือพรรคการเมือง หรือการกระทำจากบุคคลหรือพรรคการเมือง ตลก.ใช้อำนาจอะไรในการรับเรื่องไปวินิจฉัย เพราะไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดอำนาจให้รับได้ ในเมื่อรัฐธรรมนูญให้อำนาจรับได้เฉพาะมาจากการกระทำของบุคคลหรือพรรคการเมืองเท่านั้น
เพราะจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำตามมาตรา ๒๙๑
(๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
จากมาตรา ๒๙๑ มีความหมายแตกต่างจากบุคคลหรือพรรคการเมือง และการแก้ไขนั้น ก็ไม่ได้ทำในนามบุคคลหรือพรรคการเมือง
แต่เป็นการเสนอแก้ไขตามข้อกำหนดของมาตรา ๒๙๑ (๑)
แล้ว ตลก. เอาหลักกฎหมายอะไรมารับเรื่องได้
เขาตีกรอบอำนาจมาเท่านี้ ก็ไปขยายจนมากเกินจำเป็น เพื่ออะไร
ตั้งแต่วรรคแรกและวรรค ๒ ตลก.ก็น่าจะเงิบแล้วมั้ง
ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว
ตามมาตรา ๖๘ ใช้คำว่าบุคคล มีคำว่าพรรคการเมืองด้วย ฉะนั้น อำนาจในการรับเรื่องไปวินิจฉัย ก็ต้องเป็นเรื่องที่มีความผิดปกติมาจาก
บุคคลหรือพรรคการเมือง หรือการกระทำจากบุคคลหรือพรรคการเมือง ตลก.ใช้อำนาจอะไรในการรับเรื่องไปวินิจฉัย เพราะไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดอำนาจให้รับได้ ในเมื่อรัฐธรรมนูญให้อำนาจรับได้เฉพาะมาจากการกระทำของบุคคลหรือพรรคการเมืองเท่านั้น
เพราะจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำตามมาตรา ๒๙๑
(๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
จากมาตรา ๒๙๑ มีความหมายแตกต่างจากบุคคลหรือพรรคการเมือง และการแก้ไขนั้น ก็ไม่ได้ทำในนามบุคคลหรือพรรคการเมือง
แต่เป็นการเสนอแก้ไขตามข้อกำหนดของมาตรา ๒๙๑ (๑)
แล้ว ตลก. เอาหลักกฎหมายอะไรมารับเรื่องได้
เขาตีกรอบอำนาจมาเท่านี้ ก็ไปขยายจนมากเกินจำเป็น เพื่ออะไร